ช่วยทีครับ ใจผมรับคุณมาเฟียไม่ไหว 3
เขาพูดอย่างเห็นใจ ใบหน้าของอึนฮันที่นั่งเหม่อน้ำลายยืดหัวสมองว่างเปล่าดูแล้วไม่ต่างอะไรจากซากศพ ยิ่งได้รู้เรื่องนี้ก็ยิ่งราวกับว่าเจ้าของร่างกายขาวผ่องสูงโปร่งปราดเปรียวตอกย้ำเขาว่า ‘ฉันมันเลวยิ่งกว่าที่นายคิดอีก’ พระเจ้า ให้ตายเถอะ
อึนฮันเอนพิงเบาะอย่างไร้เรี่ยวแรง เขาควรทำอย่างไรกับสถานการณ์นี้ดี คามินสกีคือคนที่อยู่เหนือทุกจินตนาการ แล้วเขาต้องมาเจอกับคนแบบนี้ทุกๆสองเดือนน่ะเหรอ ไหนยังจะต้องหมุนเงินของหมอนี่อีก หากทำพลาดขึ้นมาจะทำยังไงกัน อึนฮันหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า ในหัวเริ่มคิดฟุ้งซ่านไร้สาระว่าหรือเขาควรจะชิงตายเสียตั้งแต่ตอนนี้ให้มันรู้แล้วรู้รอดไป อย่างน้อยถ้าเทียบกับต้องถูกคีมเหล็กฉีกทึ้งร่างแล้ว การฆ่าตัวตายคงเจ็บน้อยกว่าละนะ ศพก็สวยกว่าด้วย
“จะว่าไป ลูกน้องของคามินสกีพูดอะไรแปลกๆด้วย”
เมื่ออึนฮันพูดอ้ำอึ้งอยู่ในคออย่างกลัวๆ คริสก็ถามกลับ
“อะไรแปลก ๆ เหรอ”
“เขาบอกให้ฉันเลิกกลัวสักที แล้วยังบอกอีกว่าบอสของเขาชอบฉัน”
“ชอบ…‘แบบนั้น’ น่ะเหรอ”
“ไม่ ไม่ใช่แบบนั้น คงแค่ถูกใจเหมือนเจอของเล่นน่ะ”
“ไอ้บ้าเอ๊ย” คริสถึงกับสบถด่าออกมา อึนฮันหลับตาลงฟังเพื่อนพูด จู่ๆก็รู้สึกเพลียขึ้นมา อันที่จริงเขาก็เหนื่อยแบบนี้ทุกครั้งที่ต้องเจอคามินสกี หมอนั่นช่างเป็นมนุษย์ที่น่าเหนื่อยใจเสียเหลือเกิน แถมยังชอบให้คนอื่นไปมาหาสู่กับตัวเองถึงบนเรือยอชต์ให้ต้องเสียแรงเสียกำลังอีก ไม่อยากเชื่อเลยว่าหมอนั่นจะจอดเรือยอชต์ลอยคว้างอยู่กลางทะเลแล้วบอกให้เขาไปหา แค่ให้โอนเงินเข้าบัญชีตัวเองก็ได้แล้วแท้ๆ ทำไมยังต้องให้เขาไปหาอีก ไม่เข้าใจเลยจริงๆ อึนฮันหลับตาลงเพราะอยากจะนอนพักเสียหน่อย
“นายหลับไปเถอะ ฉันจะคิดหาทางพานายออกมาจากกำมือของคามินสกีเอง ไม่ต้องคิดมากนะ”
“ขอบใจนะ คริส”
แต่อึนฮันรู้ดีว่าไม่มีทางทำแบบนั้นได้หรอก คามินสกีถูกใจฝีมือฟอกเงินของเขา จึงไม่มีหนทางอื่นใดนอกเสียจากทำให้หมอนั่นไม่พอใจการทำงานของเขาขึ้นมา แต่ถ้าหากเขาทำงานพลาด คามินสกีคงได้เป่าหัวเขาทิ้งแน่
‘เขาก็จะโกรธมากเลยละ’
เสียงของลูกน้องคามินสกียังดังก้องอยู่ในหู เขาควรเก็บรักษากระเป๋าใบนั้นอย่างดี และต้องสะพายไปด้วยตอนไปเจอหมอนั่นครั้งหน้าสินะ ไม่อย่างนั้นหมอนั่นอาจจะฆ่าเขาก็ได้ ว่าแต่ที่บอกว่าจะโกรธมากนี่หมายถึงโกรธแบบไหนล่ะ โธ่เว้ย เขามาอยู่ในสภาพนี้ได้ยังไงเนี่ย กลัวจะตายอยู่แล้ว ทำไมต้องทำกันแบบนี้ด้วย
อึนฮันหลับตาแน่นขึ้นเมื่อรู้สึกเหมือนน้ำตาคลอ เขาไม่อยากมานั่งร้องไห้ข้างๆคริส แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหนื่อยหรืออย่างไรน้ำตาจึงไหลอย่างกับเขื่อนแตก ขณะเริ่มจะหลับใหล อึนฮันก็นึกถึงครั้งแรกที่ได้เจอคามินสกี ช่างเป็นการพบกันครั้งแรกที่ทั้งบ้าบอและโชคร้ายสุด ๆ (ถึงแม้ว่าความจริงแล้วจะไม่ใช่ครั้งแรกก็เถอะ)
วันนั้นอึนฮันกำลังทำงานอย่างตั้งใจเต็มที่ในฐานะนักฟอกเงินผู้ซื่อสัตย์ เขาฝากเงินเข้าธนาคารในหมู่เกาะเคย์แมนและถอนเงินออกจากหมู่เกาะแชนเนล เขาเห็นข่าวรายงานว่าจะไม่ชะลอการตรวจสอบเรื่องธุรกรรมทางการเงินระหว่างประเทศอยู่ทุกปี แต่ความจริงแล้วแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย วันหนึ่งเขาเห็นรายการข่าวถามนักฟอกเงินรายหนึ่งว่า ‘หากมีการตรวจสอบเรื่องธุรกรรมทางการเงินระหว่างประเทศอย่างจริงจังมากขึ้นจะมีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง’ แล้วเขาก็ได้แต่หัวเราะเยาะและตอบเช่นเดียวกับนักฟอกเงินทั่วไปในโทรทัศน์ว่าค่าธรรมเนียมก็เพิ่มขึ้นไงครับ การฟอกเงินถือเป็นอาชีพอันซับซ้อนที่ตัดสินลงโทษว่าผิดได้ยากมาก อัตราส่วนมีเพียงแค่ห้าเปอร์เซ็นต์เท่านั้น จะบอกว่าแทบไม่มีนักฟอกเงินคนไหนถูกตัดสินว่าทำผิดจริงเลยก็ย่อมได้ เพราะบรรดาผู้ต้องหาคดีหนีภาษีรายใหญ่ต่างก็รวมอยู่ในห้าเปอร์เซ็นต์นั้นไปแล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นคนขี้ขลาดตาขาวอย่างอึนฮันคงไม่มีทางมายึดอาชีพนักฟอกเงินอย่างนี้ได้แน่ อึนฮันตรวจสอบยอดเงินฝากเข้าบัญชีเป็นครั้งสุดท้ายแล้วจึงกดปุ่มโอนเงิน
ทันใดนั้นเสียงหนึ่งก็ดังลั่นขึ้น ตึกทั้งหลังพลันสั่นสะเทือน อึนฮันตกใจจนรีบหมอบลงกับพื้น ขณะที่เขานอนหมอบอยู่โดยยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เสียงอันอลหม่านก็ดังมาจากระเบียงทางเดิน อึนฮันรีบจัดกระเป๋าหลังจากได้ยินเสียงผู้คนกรีดร้องพากันวิ่งหนี เขาคว้าโน้ตบุ๊กกับแฟ้มเอกสารยัดลงกระเป๋า ตรวจดูโน้ตบุ๊กให้แน่ใจอีกครั้งก่อนจะปิดมันลง เขาดูจำนวนเงิน ธนาคาร เลขบัญชี และสุดท้ายคือปุ่มที่เขากดว่าใช่ปุ่มโอนเงินถูกต้องหรือไม่ ถึงแม้จะไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ช่วงเวลาก็ดันเหมาะเจาะเสียจนเขานึกกลัวว่าตัวเองได้ไปกดปุ่ม ‘ระเบิด’ เข้าหรือเปล่า
ทันทีที่ออกมาจากตึกสำเร็จอึนฮันก็ได้ยินเสียงคนกรีดร้องว่า “ระเบิด!” ระเบิดอย่างนั้นรึ เขารีบหันไปมองรอบตัวเพื่อดูว่าเกิดระเบิดขึ้นที่ไหน นี่เป็นครั้งแรกที่เกิดเหตุระเบิดขึ้นในแถบไบรตันซึ่งอึนฮันอาศัยอยู่ ระหว่างที่เขาหันไปมองรอบๆด้วยสายตาตื่นตระหนกอยู่นั้น ชายคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่บนขอบถนนกลับมองขึ้นไปยังตึกข้างๆกันอย่างนิ่งสงบ ท่าทางไม่เป็นเดือดเป็นร้อนนั้นทำให้อึนฮันไล่สายตามองตามชายหนุ่มไปโดยไม่รู้ตัว แล้วก็ต้องร้องครางออกมาด้วยความตกใจ
สถานที่ที่เกิดเหตุระเบิดไม่ใช่อพาร์ตเมนต์ของอึนฮัน แต่เป็นออฟฟิศเทลข้างๆ ไฟไหม้ลามส่วนหนึ่งของชั้นสาม ควันสีเทาพวยพุ่งไปทั่ว อ๋อ ตรงนั้นเองรึ อึนฮันนึกโล่งใจก่อนจะหันกลับไปมองชายหนุ่มอีกครั้ง ตอนนั้นเองอีกฝ่ายก็ยกริมฝีปากขึ้นยิ้มเล็กน้อย อึนฮันอ่านความพอใจในสีหน้านั้นออก สุดท้ายเขาก็สบตากับชายคนนั้นเข้าจนได้
อีกฝ่ายสวมแว่นกันแดดอยู่ อึนฮันจึงเห็นหน้าไม่ชัดนัก สิ่งที่เขาจับสังเกตได้มีเพียงแค่ชายหนุ่มคนนั้นรูปร่างสูงโปร่ง ตัดผมสั้นทรงสุภาพเป็นระเบียบเรียบร้อย และสวมชุดสูทสีดำเท่านั้น อย่างไรก็ตามอึนฮันกลับสังหรณ์ใจว่าการสบตากับคนที่มองสถานที่เกิดเหตุระเบิดแล้วกระตุกยิ้มอย่างชายคนนี้คงไม่ใช่เรื่องดีในหลายๆแง่ เขาจึงพยายามมองผ่านแล้ววิ่งหนีไปจากตรงนั้น แต่วินาทีที่ได้สบตากัน อึนฮันกลับไม่อาจขยับเขยื้อนไปไหนได้ราวกับถูกสัตว์นักล่าตรึงไว้ ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะยังสวมแว่นกันแดดอยู่ก็ตามที ชายหนุ่มดูจะสงสัยในปฏิกิริยาของอึนฮันจึงถอดแว่นออก ณ วินาทีนั้นอึนฮันพลันนึกถึงคำที่ไม่ได้พูดมานานออกคำหนึ่ง ฉิบหายแล้ว
หากใครคนนั้นเป็นผู้ชายที่เขาไม่รู้จักก็คงจะดี แต่อึนฮันกลับรู้จักเสียนี่ ชายหนุ่มคนนั้นคือ วาซีลี คามินสกี ตัวเป็นๆ ผู้ชายแปลกประหลาดที่แม้จะหน้าตาดีแต่กลับมาพร้อมความเย็นชาคนนั้น อึนฮันเคยเจอเขามาก่อนจึงตกใจจนขยับตัวไม่ได้ เห็นแบบนั้นคามินสกีก็ยิ่งสงสัยเข้าไปอีก อึนฮันไม่ได้ทำอะไรโง่ๆอย่างรีบหันหลังวิ่งหนีออกมาจากตรงนั้น เขาหันกลับช้าๆ แล้วค่อยๆเดินผ่านมุมตึกไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เมื่อแน่ใจว่าออกมาพ้นขอบเขตสายตาของคามินสกีแล้ว อึนฮันก็รีบสาวเท้าวิ่งหนีราวกับคนบ้าก็ไม่ปาน
ส่วนครั้งแรกที่อึนฮันได้เจอกับคามินสกีตามที่กล่าวไปนั้นคือช่วงที่อึนฮันยังทำงานพิเศษอยู่กับผู้ชายชื่อ เคย์ ลินเบิร์ก ซึ่งงานนี้ขึ้นชื่อมากว่าเป็นงานสบายๆ แต่ได้รับค่าตอบแทนสูงลิบ เคย์ ลินเบิร์กจะเปลี่ยนลูกจ้างที่มาทำงานพิเศษทุกๆสามเดือน อึนฮันเองได้มาทำงานที่นี่เพราะคริสแนะนำ คริสบอกเขาว่า ‘ลินเบิร์กอาจจะแปลกหน่อยนะ คิดเสียว่าเป็นงานพิเศษสั้นๆแค่สามเดือนแล้วกัน’ อึนฮันจึงเตรียมตัวถูกไล่ออกหลังผ่านไปสามเดือน แต่ลินเบิร์กกลับให้เขาทำงานด้วยกันต่ออย่างไม่คาดคิด ราวกับถูกใจเขาอย่างไรอย่างนั้น
เคย์ ลินเบิร์กเป็นมนุษย์ที่โดดเด่นมากจริงๆ เขาคือนักฟอกเงินที่เก่งที่สุดในไมแอมี (อ้างอิงจากคริส) และบ้าดีเดือดที่สุดในไมแอมี (อ้างอิงจากคริสอีกเช่นกัน) ทุกเช้าลินเบิร์กจะกินข้าวที่ร้านเดิม และทุกเย็นก็จะต้องไปเล่นหมากรุกที่สวนสาธารณะแห่งเดิม เวลานอกเหนือจากนั้นทั้งหมดคือเรื่องงาน อึนฮันเริ่มงานพิเศษด้วยการเป็นผู้ช่วยของเขาและเปลี่ยนเป็นงานประจำในภายหลัง
หลังจากผ่านไปประมาณหนึ่งปี อึนฮันก็มองธุรกิจของเคย์ออกอย่างทะลุปรุโปร่ง ไม่รู้ว่าเพราะแบบนั้นหรือเปล่า เคย์ซึ่งมักจะไปพบลูกค้าด้วยตัวเองเพียงลำพังจึงเคยพาอึนฮันไปพบลูกค้าด้วยกันครั้งหนึ่ง และลูกค้าคนนั้นก็คือวาซีลี คามินสกีนั่นเอง
อึนฮันไม่เคยคิดว่าจะได้ไปพบคามินสกี ไม่ได้คาดคิดไว้เลยจริงๆ เขาไม่ได้อยากเจอคามินสกีสักนิด อึนฮันเคยได้ยินได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับคามินสกีมามากมาย ยกตัวอย่างเช่นเรื่องฉายาจอมล้างแค้น หรือเพย์แบ็กเกอร์ ซึ่งได้มาจากเรื่องราวดังต่อไปนี้
ในฐานะเรดมาเฟีย คามินสกียังเป็นที่รู้จักเพียงแค่ในรัสเซียเท่านั้น แต่สำหรับในสหรัฐอเมริกาเขายังถือว่าเป็นน้องใหม่ ครั้งหนึ่ง เขาเคยมีปัญหากับพ่อค้ายาเสพติดชื่อกระฉ่อนแห่งฟลอริดา ไม่สิ นั่นเป็นเพียงแค่การคาดเดาเท่านั้น คามินสกีตั้งใจแก้แค้นพ่อค้ายาคนดังกล่าวด้วย ‘เรื่องบางอย่าง’ และในกรณีแบบนี้คนส่วนใหญ่มักจะคิดว่ายิงกันโป้งเดียวแล้วก็จบ แต่ถ้าทำแค่นั้นแล้วคามินสกีจะได้ฉายาแบบนี้มาได้อย่างไรกัน การล้างแค้นของมาเฟียผู้นี้เป็นไปอย่างละเอียดลออเหมือนภาพยนตร์ระทึกขวัญเลยทีเดียว
คนแรกที่ต้องพบจุดจบคือลูกสาวของพ่อค้ายา เธอตายในวันแต่งงานของตัวเอง เจ้าสาวถูกแขวนไว้กับไม้กางเขนของโบสถ์ทั้งชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์ ร่างไร้วิญญาณของเธอแกว่งไปมาซ้ายทีขวาทีต่อหน้าแขกผู้มีเกียรติมากมายที่มาเป็นสักขีพยาน ทั้งตำรวจและรถดับเพลิงต่างก็ระดมกันมาดึงศพของเธอลง แต่ด้วยความที่หลังคาโบสถ์อยู่สูงมาก ทำให้กว่าจะดึงเธอลงมาได้ก็เกือบถึงเวลาเริ่มพิธีสมรสอยู่แล้ว
และอีกหนึ่งสัปดาห์ให้หลัง ภรรยาของพ่อค้ายาก็เสียชีวิตคาห้องครัว แขนและขาทั้งสองข้างของเธอถูกตัดแบ่งไปไว้ทั้งในหม้อและในตู้เย็น ส่วนศีรษะวางอยู่บนโต๊ะ ถึงกระนั้นเธอก็ไม่ได้ถูกตัดแขนขาทั้งเป็น ลูกสาวและภรรยาของเขาต่างก็เสียชีวิตคาที่ สภาพศพหลังเสียชีวิตล้วนดูไม่จืด ทว่าในขณะที่ภรรยาถูกฆ่าในห้องครัว พ่อค้ายาก็กำลังพักผ่อนอย่างสบายใจอยู่ที่สระว่ายน้ำภายในบ้านหลังเดียวกัน นั่นหมายความว่าคามินสกีจงใจไว้ชีวิตเขา พ่อค้ายากลัวจนตัวสั่นจึงคิดจะหนีกลับบ้านเกิดที่โคลอมเบีย เขาคิดเพียงว่าหากตนไปอยู่ในรังมาเฟียแห่งโคลอมเบียแล้ว คามินสกีก็จะทำอะไรเขาไม่ได้
สถานที่จบชีวิตของพ่อค้ายาคือสนามบินในโบโกตา เมืองหลวงของโคลอมเบีย บนร่างกายเขามีรูจากที่เจาะน้ำแข็งอยู่หลายแห่ง สาเหตุการเสียชีวิตมาจากเสียเลือดมากเกินไป เขาถูกปิดปากและมัดไว้ทั้งตัว ก่อนจะถูกที่เจาะน้ำแข็งแทง ได้แต่มองเลือดของตัวเองไหลไปทางโถส้วมด้วยความเจ็บปวดจนสิ้นลมหายใจไปในที่สุด ร่างของพ่อค้ายาอยู่ในห้องเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดห้องน้ำ บนกำแพงมีตัวอักษรเขียนว่าเพย์แบ็ก จอมล้างแค้นจึงได้กลายมาเป็นฉายาของคามินสกีนับแต่นั้น
ในเมื่อรู้อย่างนี้แล้วอึนฮันจะไปอยากเจอคามินสกีทำไมล่ะ แต่สุดท้ายก็ต้องไปเจออยู่ดี เพราะในวันนั้นเคย์ทิ้งเช็คไว้กับเขา อึนฮันจึงจำใจต้องนำเช็คไปส่งให้เคย์ที่เรือยอชต์ของคามินสกีอย่างเลี่ยงไม่ได้
“วาซีลี อีวาโนวิช คามินสกีครับ ยินดีที่ได้พบ”
คามินสกีเอ่ยอย่างสุภาพ ท่าทีใจดีและดูเป็นมิตรทำให้อึนฮันรีบจับมือเขาโดยไม่รู้ตัว บรรยากาศรอบตัวคนตรงหน้าช่างแตกต่าง กลิ่นอายของความเป็นมิตรแต่ก็เย็นชาอยู่ในทีซึ่งแผ่ออกมาจากตัวชายหนุ่มทำให้อึนฮันตกใจจนลืมเรื่องเล่าเกี่ยวกับจอมล้างแค้นที่ได้ฟังมาไปชั่วขณะ แต่ในขณะที่อึนฮันกำลังจะบอกชื่อตัวเองกลับไปนั่นเอง
“เช็คล่ะ”
เคย์ถามขึ้นมา ตอนนั้นอึนฮันที่ใจลอยถึงได้สติ เขาเอ่ยขอโทษที่เสียมารยาทก่อนจะปล่อยมือคามินสกีแล้วเปิดกระเป๋า หลังจากอึนฮันหยิบเช็คและเอกสารที่เคย์ทิ้งไว้ออกมาให้ เคย์ก็ดันหลังเขาเบาๆพลางพูดว่า “เข้าไปสิ” ก่อนที่คามินสกีจะชี้มาที่อึนฮัน
“ว่าแต่นี่ใคร”
เคย์ตอบคำถามคามินสกีอย่างไม่ใส่ใจนักว่าพนักงานพาร์ตไทม์น่ะ จากนั้นคามินสกีจึงได้ละสายตาไปจากเขา แน่นอนว่าคามินสกีก็ตรงสเปกอึนฮันตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว เขายังจำเสื้อผ้าที่คามินสกีสวมในวันนั้นได้ติดตา เสื้อเชิ้ตสีขาวขนาดพอดีตัวกับกางเกงยีนสีดำที่เข้าคู่กันช่างเหมาะกับคามินสกีเสียจนอึนฮันคิดว่าชายหนุ่มสามารถไปเป็นนายแบบได้สบายๆ ตอนนั้นเองเสียงกรีดร้องก็ดังมาจากที่ไหนสักแห่งว่า
“บะ…บอส ช่วยผมด้วยครับ บอส!”
อึนฮันกำลังจะหันไปทางต้นเสียง แต่ลูกน้องของคามินสกีกลับส่ายหน้าให้เขา
“คุณอย่ามองเลยครับ ไม่ใช่ภาพที่น่ามองสักเท่าไรหรอก”
“อะไรกัน…”
อึนฮันพึมพำเบาๆ ขณะที่คามินสกีปรายตามองไปทางเคย์ สายตาอันเย็นเยียบพาให้สั่นสะท้านไปทั้งร่าง เคย์ยิ้มออกมา
“เขาเป็นแค่เด็กพาร์ตไทม์แต่หัวดี วิเคราะห์เรื่องราวได้แม่นยำ แล้วก็ปากหนักด้วย”
“ก็ควรจะเป็นอย่างนั้น”
คามินสกีเอ่ย น้ำเสียงทุ้มต่ำน่าฟัง แต่กลับทำเอาขนลุกชัน นี่เป็นเสมือนสัญญาณเตือนว่าหากอึนฮันไม่ทำตามก็อาจต้องเจอชะตากรรมเดียวกับคนคนนั้น เคย์ตามคามินสกีไปยังห้องบนเรือแล้วพูดขึ้น
“ถ้าเด็กคนนี้ไม่เป็นเหมือนที่ฉันพูด ฉันจะเป็นคนจัดการเอง ไม่ให้มือนายต้องเปื้อนหรอก”
คำพูดของเคย์ที่ว่าจะเป็นคนจัดการเขาด้วยตัวเองไม่ให้คามินสกีต้องกังวลทำเอาอึนฮันก้มหน้างุด เขาเพิ่งรู้ตอนนั้นเองว่าได้มาอยู่ในที่ที่น่ากลัวเข้าเสียแล้ว ทั้งที่หน้าตาของคามินสกีก็ดูเป็นคนดีมีศีลธรรมขนาดนั้น ไม่สิ ไม่ใช่แค่ดูเป็นคนดี แต่เขาดูเหมือนพวกเคร่งศาสนาที่ไม่ยอมปล่อยมือจากคัมภีร์ไบเบิลตลอดชีวิตอะไรเทือกนั้นเลยด้วยซ้ำ เขาทั้งหล่อเหลาและดูเป็นคนดีกว่าบรรดาบาทหลวงบนปฏิทินวาติกันทุกคน แต่กลับฆ่าพ่อค้ายาได้ด้วยใบหน้าแบบนี้ ช่างเหลือเชื่อจริง ๆ
นี่คือการพบกันครั้งแรกของทั้งสองคน ความจริงแล้วอาจยังเล็กน้อยเกินกว่าจะเรียกว่าการพบกันครั้งแรกด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามเรื่องในวันนั้นทำให้ใบหน้าของคามินสกีฝังอยู่ในความทรงจำอึนฮัน เขาคือคนที่หล่อเหลาที่สุดและน่ายำเกรงที่สุดในบรรดาคนที่อึนฮันเคยพบมา นอกจากนั้นคามินสกียังต่างจากครั้งแรกเจอราวฟ้ากับเหว ความประทับใจแรกที่ได้เห็นออกจะติดตาตรึงใจเสียขนาดนั้น ไม่มีทางที่อึนฮันจะลืมได้ลง
Comments