ช่วยทีครับ ใจผมรับคุณมาเฟียไม่ไหว 4

Now you are reading ช่วยทีครับ ใจผมรับคุณมาเฟียไม่ไหว Chapter 4 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ด้วยเหตุนี้อึนฮันจึงไม่ยอมหยุดวิ่ง แม้เขาจะหายใจไม่ทัน หัวใจเต้นเหมือนจะหลุดออกจากอกจริงๆ ตึกทั้งตึกถูกวางระเบิด แต่คามินสกีกลับยืนยิ้มอย่างพอใจอยู่หน้าตึกเนี่ยนะ หากคามินสกีไม่ใช่ผู้ร้ายในคดีนี้ก็คงจะน่าตกใจยิ่งกว่าอีก อึนฮันวิ่งมาจนถึงชายหาดด้วยคิดว่าน่าจะพอโล่งใจได้บ้างหากอยู่ในที่ที่มีคนพลุกพล่าน เมื่อถึงหาดทรายเขาก็ทรุดฮวบลงทันที

“นี่มัน…แฮ่ก เรื่อง…แฮ่กๆ อะไรกัน…”

ชายหนุ่มยังคงหายใจไม่ทัน เขาเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว แล้วนี่มันเรื่องอะไร ทำไมถึงต้องมาเจอคามินสกีด้วย โอย บ้าเอ๊ย จะทำยังไงดีล่ะทีนี้ แต่ไม่ว่าจะคิดเท่าไรอึนฮันก็คิดไม่ออก เขาหายใจไม่ทันจนออกซิเจนไม่เพียงพอ สมองจึงคิดอะไรไม่ออกอย่างที่ควร เขาแหงนหน้ามองฟ้าใสไร้เมฆแล้วสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ในตอนนั้นเองจู่ๆท้องฟ้าก็ถูกบดบังด้วยเงามืดที่ทาบทับเหนือตัวเขา

“ดูผอมแห้งแรงน้อยเกินกว่าจะเป็นตำรวจนะ”

เสียงของชายคนนี้ยังคงทุ้มต่ำน่าฟังเช่นเคย ก็แน่ละ ยังผ่านไปไม่ทันถึงปีเลยด้วยซ้ำ

“นายเป็นแค่พยานที่เห็นเหตุการณ์เฉยๆใช่ไหม”

อึนฮันไม่เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายที่ยืนบังแสงไว้ เขาเบิกตากว้างก่อนจะลุกพรวดขึ้นด้วยความตกใจ แต่แล้วอะไรบางอย่างกลับทิ่มเข้าตรงสีข้างอย่างจัง สัมผัสของโลหะเย็นเยียบทำเอาอึนฮันตัวแข็งทื่อ

“อืม ขอเตือนไว้ก่อนเลยแล้วกัน อย่าคิดว่าฉันจะยิงนายไม่ได้”

ผะ…ผมไม่ได้คิดอย่างนั้นเลยครับ ถึงคุณยิงผม คุณก็รอดอยู่ดีนี่ หรือต่อให้ฆ่าทุกคนที่นี่จนหมด คนอย่างคุณมันก็ลอยนวลอยู่แล้วนี่ครับ อึนฮันคิดในใจขณะปิดปากสนิทพลางพยักหน้าอย่างระมัดระวัง คามินสกีโอบไหล่เขาที่ยืนตัวสั่นอย่างสนิทสนมก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ถ้างั้นก็ไปด้วยกันหน่อยนะเพื่อน”

สุดท้ายอึนฮันก็จำต้องเดินไปยังรถของคามินสกีโดยมีเจ้าของรถโอบไหล่ไว้ ทั้งปืนที่จ่ออยู่ตรงสีข้างทั้งมือของคามินสกีที่โอบไหล่ทำให้เขากลัวจนต้องกระซิบออกมาทั้งที่ยังสั่น

“ผะ…ผมไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้นนะครับ”

“ใครๆก็พูดแบบนี้ทั้งนั้น”

“ผมพูดจริงนะครับ ผมไม่ได้เป็นอะไรเลย ไม่ได้เป็นตำรวจ ละ…แล้วก็ไม่ใช่พยานด้วยครับ”

“ก็ได้ ฉันเข้าใจแล้ว เอาเป็นว่าเราไปคุยกันก่อนดีกว่านะ”

อึนฮันเริ่มคิดว่าเขาควรกัดลิ้นตายไปเลยดีไหม อย่างน้อยก็คงดีกว่าถูกที่เจาะน้ำแข็งแทงพรุนทั้งตัวจนตายหรือถูกโยนลงทะเลทั้งเป็น แต่เขาก็ไม่กล้าพอจะทำอย่างนั้น สุดท้ายก็เลยต้องมาลงเอยอยู่ในกระโปรงหลังรถแอสตันมาร์ตินของคามินสกี หลายชั่วโมงหลังจากนั้นถือเป็นช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของอึนฮัน ภายในนั้นคับแคบ และทุกครั้งที่รถกระเทือนเขาก็จะโดนนั่นชนนี่อยู่ตลอด นอกจากนั้นอึนฮันยังหายใจแทบไม่ออกเพราะคิดว่าในกระโปรงหลังรถแบบนี้ไม่น่าจะมีออกซิเจนเพียงพอ แต่ก่อนที่เขาจะกลัวจนจิตตกไปมากกว่านี้ รถก็หยุดลง กระโปรงหลังรถเปิดขึ้น

“ช้าๆนะ”

คามินสกีพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนใจดีเหมือนตอนเจอกันครั้งแรก แต่ในมือกลับถือปืนอยู่ด้วย อึนฮันค่อยๆขยับตัวออกมาอย่างเชื่องช้าราวกับภาพสโลว์โมชัน หยดน้ำใสค่อยๆไหลรินจากดวงตา พอคิดว่าตัวเองต้องมาพบจุดจบแบบนี้ก็รู้สึกว่าช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย คามินสกีแสยะยิ้มเมื่อเห็นอึนฮันน้ำตาไหล

“ฉันไม่ชอบคนขี้แย เพราะฉะนั้นนายอย่าร้องไห้เลยจะดีกว่า”

คำพูดนั้นทำเอาอึนฮันพยายามหยุดร้องไห้ให้ได้ เขากลั้นน้ำตาไว้พลางหันไปมองรอบตัวจึงได้รู้ว่าที่นี่คือท่าเรือนั่นเอง ก่อนหน้านี้เขาเคยมาที่นี่กับเคย์เพื่อไปยังเรือยอชต์ของคามินสกีจึงคุ้นกับท่าเรือแห่งนี้ พอรู้ตัวว่าตัวเองจะถูกลากขึ้นสปีดโบ๊ตไปยังเรือยอชต์ลำใหญ่ของคามินสกี เขาก็แทบจะร้องไห้ออกมาอีกรอบ แต่ก็ทำได้เพียงกัดฟันกลั้นน้ำตาไว้

ระหว่างนั้นเรือสปีดโบ๊ตลำหนึ่งก็แล่นเข้ามาใกล้ อึนฮันคิดว่าเขาอาจจะร้องไห้ออกมาอีกรอบหรือไม่ก็กลัวจนเป็นบ้า แต่สุดท้ายก็ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง เขาร้องไห้ไม่ออกแม้ว่าจะกลัว แถมยังถูกลากไปที่สปีดโบ๊ตแบบสติสมบูรณ์ครบถ้วน ไม่ได้เป็นบ้าไปเพราะความหวาดกลัวแต่อย่างใด ทันทีที่ลงมาบนเรือสปีดโบ๊ต เขาก็ถูกใครคนหนึ่งต่อยท้องเข้าอย่างแรง อึนฮันเบิกตาโพลงก่อนจะหมดสติไปทั้งอย่างนั้น

สิ่งที่อึนฮันหวาดกลัวมากที่สุดเมื่อได้สติขึ้นมาคือความจริงที่ว่าเขามองไม่เห็นภาพเบื้องหน้า ชั่ววินาทีหนึ่งอึนฮันขนลุกไปหมดเพราะคิดว่าคามินสกีอาจจะควักลูกตาเขาออกไปแล้ว แต่ก็ต้องถอนใจอย่างโล่งอกเมื่อรู้ว่าเขายังกะพริบตาได้แม้จะมองไม่เห็นอะไรเลยก็ตาม ดูจากที่เขาถูกจับมัดแขนไพล่หลังแบบนี้ บางทีเขาอาจจะถูกผูกผ้าปิดตาไว้ด้วยเช่นกัน อึนฮันพยายามเงี่ยหูฟังว่าอาจมีใครอยู่ตรงนี้บ้าง และเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าก็รีบเอ่ยปากออกไปทันที

“ขะ…ขอโทษนะครับ”

ไม่มีใครตอบอึนฮันเลยสักคน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังพูดขึ้นอีกครั้งเพราะมั่นใจว่าต้องมีคนอยู่

“ขะ…ขอโทษนะครับ ช่วยมองทางนี้ที ผมไม่ใช่พยานจริงๆนะครับ ได้ยินผมไหมครับ”

จู่ๆไฟก็สว่างขึ้นพร้อมกับเสียงหนึ่ง แสงไฟสว่างจ้าเสียจนผ้าปิดตาผืนหนาก็ยังกั้นแสงไว้ได้ไม่หมด ใครบางคนเข้ามาถอดผ้าปิดตาของอึนฮันออก เมื่อเห็นแสงจ้าอย่างกะทันหัน เขาก็รีบหลับตาลงทันทีเพราะแสบเคือง แต่แสงเจิดจ้านั่นก็ยังสว่างเกินกว่าจะหลีกเลี่ยงได้เพียงแค่หลับตา

“ขะ…ขอโทษนะครับ! ผมไม่ใช่พยานที่เห็นเหตุการณ์จริงๆนะครับ เอ่อ ไม่สิ ผมเห็น แต่ว่าก็เห็นไม่ชัดหรอก แล้วก็ไม่คิดจะไปแจ้งตำรวจเลยจริงๆ! ขอโทษ ขอโทษนะครับ! จริงๆนะครับ ผมพูดจริงนะ!”

“ไม่ต้องมาพูดขอโทษๆ ฟังแล้วอารมณ์เสียชะมัด นายรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร”

พอได้ยินเสียงทุ้มต่ำของคามินสกี อึนฮันก็เกือบจะร้องไห้ออกมาอีกครั้ง ผู้ชายคนนี้น่ากลัวจะตายไป เขาควรทำเป็นรู้จักคามินสกีดีไหม หรือว่าทำเป็นไม่รู้จักดี ทางเลือกไหนจะทำให้มีโอกาสได้กลับบ้านมากกว่ากัน ตอนนั้นเองคามินสกีก็กระชากผมอึนฮันให้แหงนขึ้นมองตนเอง ที่จริงเขาก็เห็นไม่ค่อยชัดเท่าไรนัก สิ่งที่มองเห็นมีเพียงเงาร่างของคนคนหนึ่งที่ยืนขวางแสงสว่างจ้าอยู่เท่านั้น

“ฉันเป็นใคร นายรู้จักฉันไหม”

“เอ่อ ไม่ครับ คือผม…”

“ถ้านายโกหกก็เท่ากับว่ากำลังขอร้องให้ฉันฆ่านาย”

พอได้ยินอย่างนั้น อึนฮันก็หลับตาแน่นพลางตะโกนออกมา “ระ…รู้จักครับ! คุณคามินสกีครับ! วาซีลี อะ…อีวาโนวิช คามินสกี! คุณคามินสกีครับ!”

เจ้าของชื่อหันกลับไปมองด้านหลัง ทันใดนั้นแสงสว่างจ้าก็ดับลง เหลือเพียงแสงไฟสลัวเท่านั้น

“เอาละ นายชื่ออะไร”

คำถามของคามินสกีทำให้อึนฮันหยุดพักหอบหายใจก่อนจะตอบออกมาอย่างไร้เรี่ยวแรง

“ยุ…ยุนอึนฮันครับ”

“ยูนูนึนฮาหรือ นี่ชื่อนายใช่ไหม”

คามินสกีถามกลับ สีหน้าเคร่งเครียด วินาทีนั้นอึนฮันอยากจะตอบรับว่าเป็นชื่อนั้น แต่แล้วก็ทำได้เพียงเก็บไว้ในใจ เขาไม่อยากขอร้องให้ผู้ชายคนนี้ฆ่าเขาหรอก

“ไม่ใช่ครับ ยุนคือนามสกุล ส่วนชื่อคืออึนฮันครับ”

“อ้อ เอเชียสินะ คนจีนเหรอ”

“กะ…เกาหลีครับ”

“เหนือหรือใต้”

“ใต้ครับ”

คามินสกีสั่งให้อึนฮันพูดมากกว่านี้ เขารับเก้าอี้จากลูกน้องมานั่งตรงหน้าอึนฮันแล้วปรบมือให้อึนฮันมองตน

“มองตาฉันแล้วตอบมา จำเอาไว้นะ ถ้านายโกหก นายจะมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อรอคอยความตายเท่านั้น รู้ใช่ไหมว่าฉายาฉันคืออะไร”

“จะ…จอมล้างแค้นครับ”

“ใช่ ฉันถือว่าคำโกหกก็เป็นหนี้เหมือนกัน ถ้านายไม่อยากถูกตามล้างแค้น มองตาฉันแล้วตอบมา นายชื่อยุน แล้วรู้จักฉันได้ยังไง”

เมื่ออึนฮันเงียบไปอึดใจหนึ่ง คามินสกีก็ควงอะไรบางอย่างมาไว้ในมือ กว่าอึนฮันจะรู้ว่าอะไรบางอย่างที่ว่าคือมีดทหาร มีดนั้นก็มาอยู่เหนือหัวเขาเสียแล้ว อึนฮันแผดเสียงลั่นในวินาทีที่มีดกำลังจ้วงแทงลงมา

“เคย์ ลินเบิร์ก!”

“…ลินเบิร์กเหรอ”

มีดหยุดอยู่ตรงหน้าอึนฮันพอดิบพอดี ไอ้บ้านี่คิดจะควักลูกตาเขาจริงๆงั้นหรือ อึนฮันกลัวจนตัวสั่นสะท้าน

“นายกับเคย์ ลินเบิร์กเป็นอะไรกัน”

อึนฮันเงยหน้ามองคามินสกี ต่อให้เขาไม่ใช่จอมล้างแค้น ไม่สิ ต่อให้พวกเขาจะแค่เดินเฉียดผ่านกันบนถนน อึนฮันก็ไม่มีทางลืมใบหน้าของผู้ชายคนนี้ เขาคือหนุ่มหล่อรูปร่างสูงใหญ่ ตรงตามคุณสมบัติผู้ชายในสเปกของอึนฮันไปทั้งตัวแม้กระทั่งจุดเล็กจุดน้อยในร่างกาย แต่คนตรงหน้ากลับจำเขาไม่ได้ ก็ถูกแล้วนี่นา เขาไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงได้รู้สึกชอกช้ำระกำใจนัก ทั้งที่กลัวแทบตาย แต่ทำไมแค่ชายในฝันจำอะไรเกี่ยวกับเขาไม่ได้ถึงเจ็บปวดแบบนี้ ทั้งที่ชายในฝันเป็นไอ้สารเลวบ้าดีเดือดแท้ๆ แต่เขากลับมาเสียใจให้เรื่องแค่นี้เนี่ยนะ เขานี่มันย้อนแย้งเป็นบ้า อึนฮันหลับตาลง ไม่มั่นใจว่าจะทนมองมีดเล่มนั้นได้อีก

“ผะ…ผู้ช่วยครับ”

เมื่ออึนฮันพูดแบบนั้น คามินสกีจึงขยับมีดออกจากตรงหน้าขนตาของอึนฮัน เขามองดูใบหน้าของอึนฮันอย่างพิจารณาแล้วเหยียดยิ้ม

“จำได้แล้ว ฉันเคยเจอนายครั้งหนึ่ง”

อึนฮันรู้ได้โดยง่ายดายว่าคำว่าจำได้ของคามินสกีเป็นเพียงคำโกหก ความจริงแล้วเขาจำได้แค่ว่าตัวเอง ‘เคยเจอผู้ช่วยของเคย์ ลินเบิร์กครั้งหนึ่ง’ เท่านั้น อึนฮันตัวสั่นอย่างกับต้นหลิวลู่ลมก่อนจะรวบรวมแรงทั้งหมดพูดออกไป

“ละ…ลองไปเช็กดูสิครับ ผมเองก็เป็นนักฟอกเงิน ยังไงผมก็ไม่อยู่ในสถานะที่จะไปแจ้งตำรวจว่าเห็นคุณคามินสกีได้อยู่แล้วละครับ จริงๆนะครับ”

“ต่อให้นายไม่พูด มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว” คามินสกีกล่าวพลางยกมีดขึ้นมาอีกครั้ง

มะ…ไม่นะ! อึนฮันหลับตาแน่น เขาเจ็บแปลบที่หัวแล้วหมดสติไปอีกครั้ง

เมื่อฟื้นขึ้นมาเป็นครั้งที่สอง อึนฮันก็พบว่าตัวเขานอนอยู่บนโซฟา แต่เพราะไม่มีผ้าปิดตาและไม่ได้ถูกมัดจึงพอเบาใจลงได้บ้าง อึนฮันคิดว่าหมอนั่นคงไม่ได้คิดจะฆ่าเขาแล้วจึงลุกขึ้นมา ทันใดนั้นสิ่งแรกที่เห็นก็คือคามินสกีนั่งดื่มเหล้าอยู่ห่างจากโซฟาไปเล็กน้อย

“เรียกยุนได้ไหม”

คามินสกีเอ่ยถาม ใบหน้าอ่อนโยนใจดีอย่างกับพ่อพระจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นชายคนเดียวกับที่จับเขายัดใส่ท้ายรถแล้วลากมาลงเรือยอชต์กลางทะเลกว้าง อึนฮันได้แต่พยักหน้ารับอย่างไร้เงื่อนไข

“ดีเลย ยุน ฉันชื่อวาซีลี อีวาโนวิช คามินสกี นายอาจจะรู้อยู่แล้ว แต่ว่าถ้าอยากจะรู้จักกันอย่างเป็นทางการ ฉันก็ควรบอกอีกรอบ”

คามินสกีเดินเข้ามาพร้อมทั้งเอ่ยแนะนำตัวเอง ก่อนจะยื่นมือมาให้อึนฮัน “ฉันเป็นประธานของอาร์บีเอส” เมื่อเห็นอึนฮันเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เขาก็ฉวยมืออึนฮันมาจับเองเสียเลย เจ้าตัวได้แต่ยืนงงเพราะความเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึงของชายคนนี้ คามินสกีค่อยๆปล่อยมืออึนฮันลงอย่างระมัดระวังเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะจับมือเขาตอบ แล้วหัวเราะออกมา

“การพบกันครั้งแรกของเราคงรุนแรงไปหน่อย ต้องขอโทษด้วยนะ”

แววตาของอึนฮันมีแต่ความหวาดระแวง แต่คามินสกีก็มองข้ามไปอย่างไม่ใส่ใจนักพลางพูดต่อ

“ฉันไปสืบมาบ้างแล้ว นายคือผู้ช่วยที่จัดการเรื่องพิธีศพของเคย์ ลินเบิร์ก เรื่องลินเบิร์กน่ะ ฉันเสียใจด้วยนะ”

คามินสกีพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ อึนฮันพยักหน้ารับน้อยๆ น้ำเสียงของชายหนุ่มที่บอกว่าเสียใจเรื่องลินเบิร์กเต็มไปด้วยจิตสำนึกอย่างที่คนทั่วไปควรจะมี คามินสกีคนนี้ที่มีพร้อมทั้งหน้าตาอ่อนโยนและท่าทางมีเหตุมีผลโผล่มาจากไหนกัน

“ถ้าฉันรู้เรื่องงานศพทันเวลาก็คงดี ว่าแต่นายรู้จักคนในครอบครัวลินเบิร์กบ้างไหม ฉันอยากติดต่อไปหาใครก็ได้เพื่อแสดงความเสียใจ”

อึนฮันส่ายหน้า

“ไม่ทราบเลยครับ ผมไปแจ้งตายแล้ว แต่ผลออกมาว่าเขาไม่มีครอบครัว…”

“ศพก็หาไม่เจอด้วยนี่ น่าสงสารจริงๆ”

คามินสกีเดาะลิ้น

“หาเจอนะครับ แต่หาเจอหลังจากผ่านงานศพไปแล้ว”

อึนฮันพูด คามินสกีมองเขา สีหน้าประหลาดใจ นัยน์ตาราวหลุมดำที่ไม่มีจุดสิ้นสุดนั้นแสนน่ากลัว อึนฮันจำต้องหลบสายตาก่อนจะพูดต่อ

“เจอที่ลำธารในหุบเขาน่ะครับ แต่เขาถูกหมาป่าไคโยตีรุมทึ้ง เลยเหลือชิ้นส่วนไม่มาก แต่เรามั่นใจว่าเป็นเขาจากบันทึกทางทันตกรรมครับ”

“เรื่องนั้นแย่มากจริงๆ”

คามินสกีกล่าวแสดงความเสียใจด้วยน้ำเสียงเห็นอกเห็นใจ อึนฮันเพียงแค่ก้มหน้าลง เมื่อคิดขึ้นมาว่าแล้วตัวเขาเองล่ะจะเป็นเช่นไร ข้างหน้าก็พลันมืดแปดด้าน เขาจะต้องตายเหมือนผู้ชายที่ตะโกนโหวกเหวกขอชีวิตก่อนหน้านี้รึเปล่า หรือจะต้องจบชีวิตลงโดยที่ไม่มีใครรู้เลย เคย์ถูกหมาป่าไคโยตีทึ้งร่าง ส่วนเขาต้องถูกปลาตอดกินเนื้ออย่างนั้นใช่ไหม ช่างเป็นอาจารย์กับศิษย์ที่สมกันดีจริง ๆ

“ว่าก็ว่าเถอะนะ จู่ๆเคย์มาด่วนจากไปแบบนี้ ฉันเองก็ไปต่อไม่ถูกเหมือนกัน”

คามินสกีกระซิบ น้ำเสียงน่าหลงใหลราวกับเทพบุตรซาตาน

“นายมาฟอกเงินให้ฉันไหมล่ะ”

อึนฮันเงยหน้าขึ้นทันที บนใบหน้ามีทั้งความลำบากใจและความหวังปะปนกัน

“ฟะ…ฟอกเงินเหรอครับ”

“ไหนๆเรื่องมันก็เป็นแบบนี้ไปแล้ว เราก็มาทำให้มันจบสวยสำหรับเราทั้งคู่เถอะ ถ้านายฟอกเงินให้ฉันก็เท่ากับลงเรือลำเดียวกัน ดังนั้นฉันก็ไม่เหลือเหตุผลให้ต้องฆ่านายอีก แล้วนายก็จะชอบด้วย เพราะค่าตอบแทนที่ฉันให้นายไม่ใช่น้อยๆ ฉันจะให้เท่ากับจำนวนเงินมหาศาลที่นายฟอกให้ฉันในแต่ละครั้ง”

ระหว่างที่อึนฮันปิดปากเงียบแล้วหมกมุ่นครุ่นคิดกับตนเอง คามินสกีก็มานั่งมองหน้าเขาเงียบๆ และแม้จะรู้สึกถึงสายตาที่มองมา เขาก็ไม่ได้มองกลับไปแต่อย่างใด

คามินสกีกำลังยื่นข้อเสนอว่าหากยอมลงเรือลำเดียวกันจะไว้ชีวิตเขา แต่อึนฮันยังไม่แน่ใจว่าหากเขาเข้าไปข้องเกี่ยวกับงานของชายคนนี้มากกว่านี้จะส่งผลดีกับเขาหรือไม่ ทว่าอย่างไรเสียก็มีได้แค่คำตอบเดียวเท่านั้น ถ้าหากไม่ยอมลงเรือลำเดียวกับคามินสกีก็หมายความว่าเขาต้องถูกผลักลงจากเรือไปเป็นอาหารปลา ดังนั้นอึนฮันจึงไม่อาจปฏิเสธได้ แต่เขาก็กลัวเกินกว่าจะตกปากรับคำโดยง่ายเช่นกัน เขารู้ดีว่านิ้วขาวๆของผู้ชายคนนี้มีเรี่ยวแรงน่าหวาดกลัวขนาดไหน และสามารถควักลูกตาเขาออกมาอย่างง่ายดายเพียงใดจึงได้แต่ปิดปากเงียบ

“นี่ ยุน”

คามินสกีลากนิ้วผ่านลำคอของอึนฮัน เขาตกใจจนรีบถดตัวหนีไปข้างหลัง

“นายจะลังเลอะไร ยังไงนายก็ตอบได้อย่างเดียวอยู่แล้วนี่”

ในที่สุด อึนฮันก็ทำได้แค่ตอบว่า

“ฝะ…ฝากตัวด้วยนะครับ”

ตอนนี้เป็นหน้าร้อน แต่ตัวเขากลับสั่นสะท้านอย่างรุนแรง รู้สึกหนาวยะเยือกจนไม่อาจหยุดตัวสั่นได้ ไม่ว่าจะพยายามเกร็งตัวแค่ไหนก็ตาม คามินสกีหรี่ตามองอึนฮันที่อยู่ในสภาพนั้นก่อนจะหันหน้าไปทางอื่น ไม่มีความสนใจไยดีอยู่ในแววตานั้นสักนิด เออ ใช่สิ อึนฮันเดินตามชายหนุ่มออกไปยังดาดฟ้าเรือทั้งที่ยังตัวสั่นอยู่อย่างนั้น เรือยอชต์ของคามินสกีที่ได้มาเห็นหลังจากผ่านไปหนึ่งปียังคงใหญ่โตเหมือนในวันนั้น ท้องทะเลยามค่ำคืนดูราวกับเชื่อมไปถึงแผ่นฟ้า สปีดโบ๊ตลอยไหวๆอยู่เหนือน้ำทะเล

“อีกเดี๋ยวฉันจะติดต่อไป”

คามินสกีพูด อึนฮันพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะเดินไปขึ้นสปีดโบ๊ต ขอแค่ได้ออกมาจากเรือยอชต์ลำนั้น ต่อให้อีกฝ่ายบอกให้เขาขายวิญญาณให้ซาตานก็จะพยักหน้ายินดีทำ เพราะในสายตาของเขาตอนนั้นคามินสกีน่ากลัวยิ่งกว่าซาตานเสียอีก คามินสกีพยักหน้าให้อึนฮัน สายตาที่บอกให้เขาไปได้แล้วนั้นช่างเฉยเมยไร้ความรู้สึก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด