ช่วยทีครับ ใจผมรับคุณมาเฟียไม่ไหว 63
วาซีลีซึ่งทิ้งเสียงดังวุ่นวายไว้เบื้องหลังและตั้งใจจะมุ่งหน้าไปยังห้องอึนฮันหยุดเดิน เขาเลือกมองเข้าไปด้านในแทน ตอนนี้อึนฮันกำลังเคาะแป้นคีย์บอร์ด จ้องจอคอมพิวเตอร์ขณะใส่หูฟังที่พกมาด้วย
“ได้เหรอ นายคิดว่ามันฟังดูสมเหตุสมผลรึไง”
เขาเพิ่งได้ยินน้ำเสียงโกรธเกรี้ยวของอึนฮันเป็นครั้งแรก ให้ตายสิ ยุนอึนฮันก็มีมุมเกรี้ยวกราดเหมือนกันสินะ แม้จะรู้ทั้งรู้ วาซีลีก็ยังหยุดชะงักอยู่อย่างนั้น ภาพของอึนฮันที่โมโหนั้นดูเป็นธรรมชาติ แต่อีกมุมก็แปลกตา
“ไม่ต้องมาขำ ตอนเส้นทางที่กรุงเทพถูกปิด นายมัวไปทำบ้าอะไรอยู่! อะไรนะ รัฐประหาร!”
อึนฮันโกรธมากจริง ๆ ปกติเขาจะไม่นำเงินจำนวนมากไปหมุนที่ประเทศไทย เพราะเป็นประเทศที่สถานการณ์ทางการเมืองไม่เคยมั่นคง แต่หายนะอย่างไรก็คือหายนะอยู่วันยังค่ำ เขารีบยกเลิกเงินที่กำลังจะส่งไปยังประเทศไทยแล้วเปลี่ยนไปใช้เส้นทางอื่นแทน ปากก็คุยกับผู้รับผิดชอบหน้าที่นี้ไปด้วย ทว่าโทสะกลับไม่ลดลงง่าย ๆ ในช่วงหนึ่งปีนั้นอีกฝ่ายรับเงินจากเขาไปตั้งเท่าไร แต่ดันมาบอกข่าวหลังจากเกิดรัฐประหารไปแล้วถึงสิบแปดชั่วโมง
“แน่สิ พวกเขามีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงหรอก ฉันรู้น่า! แล้วที่นั่นมีเงินฉันอยู่เท่าไร ตั้งเจ็ดหมื่นดอลลาร์เชียวนะ อยากจะบ้าตาย คอยจับตาดูไว้แล้วกัน ถ้าย้ายเงินได้ให้รีบย้ายทันทีเลย เออ เดี๋ยวฉันบอกบัญชีให้”
อึนฮันหยุดบอกตัวเลขก่อนจะพูดกับปลายสาย “โทษทีนะ เดี๋ยวฉันขอไปรับอีกสายหนึ่งก่อน” แล้วกดที่หูฟัง
“สวัสดีครับ ยุนอึนฮันครับ ครับ ไม่มีปัญหาครับ เงินไม่ได้อยู่ในกรุงเทพหรอกครับ คุณไม่ต้องกังวลนะครับ ครับ ขอบคุณครับ ถ้าอย่างนั้นไว้เจอกันนะครับ”
น้ำเสียงสุภาพยามรับสายอื่นนั้นไม่มีเศษเสี้ยวความก้าวร้าวหลุดออกไปแม้แต่นิดเดียว ก่อนที่เขาจะกดหูฟังกลับไปหาสายเมื่อครู่อีกครั้ง
“ฝากด้วยแล้วกันนะ แน่นอน อ้อ แล้วก็ฉัน…”
อึนฮันเงยหน้าขึ้นก่อนจะหยุดพูด วาซีลีจ้องมองเขาอยู่ ทั้งที่เขาปิดประตูแล้วแท้ ๆ แต่มันกลับถูกเปิดทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้
“ฉันจะติดต่อไปใหม่ ทำดีมาก ระวังตัวด้วยล่ะ…ฉันรู้แล้ว แต่ก็นั่นละ งั้นแค่นี้นะ”
แม้อึนฮันจะวางสายไปแล้ว วาซีลีก็ยังเอาแต่ยืนมองอยู่อย่างนั้นไม่ยอมเข้ามาหาเขาสักที ทำไมเป็นแบบนั้นอีกแล้วล่ะ อึนฮันพยายามสังเกตวาซีลี อยากกลับบ้านชะมัด ที่สำหรับพักผ่อนสบาย ๆ ก็ไม่มีให้แล้วยังมาทำหน้าแบบนั้นอีก คุณกำลังทรมานให้ผมคายความจริงออกมาอยู่เนี่ย รู้บ้างไหม! แต่อึนฮันรู้ดีว่าหากพูดแบบนี้ออกไป คนอย่างวาซีลีมีแต่จะทำให้เขาได้รู้ซึ้งว่าความทรมานที่แท้จริงเป็นอย่างไรจึงได้แต่เก็บไว้ในใจ
“ดาร์ลิง”
วาซีลียิ้มหวาน
“เอ่อ ฮะ…ฮ่า ๆ”
ฟังดูแล้วจะว่าเป็นเสียงหัวเราะก็ไม่ใช่ เสียงร้องไห้ก็ไม่เชิง อึนฮันยกยิ้มแค่ริมฝีปากขณะที่ใบหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ
“ถ้าฝืนนักก็ไม่ต้องขำ ฉันไม่ได้พูดเล่น ฉันกำลังเรียกนายว่าดาร์ลิงจริง ๆ”
“คือ…เรายะ…ยะ…ยัง ไม่ได้ ยังไม่ได้ปะ…เป็น เป็นอะ…อะไรกัน…”
อึนฮันพูดจาตะกุกตะกักเพราะคำพูดไม่ยอมออกมาจากปากอย่างที่ควรจะเป็น
“นายจะมองว่าเป็นความสัมพันธ์ของคนที่ร้องขอความรักกับคนที่ได้รับความรักก็ได้นี่”
อึนฮันยิ่งหน้าเหยเกเข้าไปใหญ่เมื่อได้ยินวาซีลีพูดเช่นนั้น
ตอนนี้วาซีลีอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก ปกติเขาจะรู้สึกดีหากได้เห็นหน้าอึนฮัน แต่ตอนนี้กลับไม่ใช่อย่างนั้นเลย เขามั่นใจมาตลอดว่าเคย์ ลินเบิร์กยังไม่ตาย แล้วก่อนหน้านั้นเขาก็แน่ใจว่าข้อมูลของตัวเองจะต้องรั่วไหลจากที่ไหนสักที่ วาซีลีไม่คิดปกปิดความสงสัยที่มีต่อเคย์ผู้ดันมาหายไปในระหว่างที่เขาคาดเดาถึงแหล่งข้อมูลอย่างพอดิบพอดี แต่สุดท้ายเมื่อหาอีกฝ่ายไม่เจอ เขาจึงคิดจะยอมแพ้ ทว่ากลับได้มาเจอผู้รับช่วงต่อจากเคย์อย่างยุนอึนฮันเข้าเสียก่อน วาซีลีไม่ยอมปล่อยอึนฮันไปง่าย ๆ แม้จะคิดว่าเคย์อาจไม่ได้ติดต่อกับยุนอึนฮัน แต่ยิ่งเพิ่มโอกาสได้มากเท่าไรก็ยิ่งดี และการตัดสินใจนั้นทำให้เขาได้มาพบกับสิ่งนี้ เคย์ยังมีชีวิตอยู่จริง ๆ จากนี้เขาต้องทำให้ยุนอึนฮันยอมคายทุกอย่างที่รู้เกี่ยวกับเคย์ ลินเบิร์กออกมาให้ได้
ถึงอย่างนั้นสิ่งที่วาซีลีพูดออกไปในตอนนี้กลับไม่เกี่ยวกับเรื่องเคย์ ลินเบิร์กที่เขาอยากถามเลยสักนิด
“ในกระเป๋าสตางค์ฉันน่ะ ดาร์ลิง”
ว่าแล้วก็โยนกระเป๋าสตางค์ของตัวเองลงบนตักอึนฮัน
“ไม่มีรูปเลยสักใบ”
วาซีลีเร่งด้วยสายตาจนอึนฮันต้องก้มลงมอง วาซีลีกำลังแกล้งให้อึนฮันเปิดกระเป๋าสตางค์ของเขา แค่เอาการ์ดในกระเป๋ากางเกงใส่ไว้ก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ ยังไงหมอนี่ก็พกกระเป๋าใบนี้ติดตัวไปไหนมาไหนอยู่แล้วนี่ อึนฮันถึงกับหยุดหายใจเมื่อมองมัน หากเขาใส่การ์ดลงไป เคย์จะมาช่วยเขาอย่างไม่มีเงื่อนไขและเขาจะได้ออกไปจากชีวิตเช่นนี้เสียที แม้จะกลับบ้านไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ได้ไปจากที่นี่ ทว่าอึนฮันไม่กล้าพอที่จะทำต่อหน้าวาซีลี สุดท้ายเขาจึงทำได้เพียงเปิดกระเป๋าออกแค่นั้น
Comments