ช่วยทีครับ ใจผมรับคุณมาเฟียไม่ไหว 65
“เอาเถอะ มันขัดฉันจนหมดอารมณ์แล้วด้วย ไประบายใส่มันหน่อยก็ดี”
วาซีลีพูดแบบนั้นก่อนจะประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากอึนฮันที่ยังเอาแต่ก้มหน้างุด
“เดี๋ยวฉันมานะ พวกมันเข้ามาในนี้ไม่ได้อยู่แล้ว แต่ถ้านายกลัวก็ไปหลบในตู้เสื้อผ้าแล้วกัน”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ แต่อึนฮันคิดไว้อยู่แล้วว่าจะทำเช่นนั้น วาซีลีหัวเราะออกมาทันทีที่เห็นอึนฮันพยักหน้า
“ไม่ต้องกลัวขนาดนั้นหรอกน่า พวกนั้นมันไก่อ่อน ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ยังไงนายก็จะมาเป็นคนรักของฉันอยู่แล้วนี่”
ศีรษะที่ผงกขึ้นลงหยุดกึกทันทีที่ได้ยิน วาซีลีมองดูศีรษะที่ยังไม่ยอมเงยขึ้นอยู่สักพักก่อนจะกล่าวคำพูดร้ายกาจเพิ่มเข้าไปอีก
“ที่จริง ถ้าจับได้ยังไงก็จบไม่สวยหรอก แต่บางทีพวกมันอาจจะหลุดหนีขึ้นมาได้ งั้นนายก็ตัวสั่นอย่างนี้ต่อไปสักหน่อยแล้วกันนะ!”
มิหนำซ้ำนีโคไลก็หันกลับมามองอึนฮัน ทั้งยังกลั้นขำทันทีที่วาซีลีออกจากห้องไปอีกต่างหาก อันตรายจริง ๆ ใช่ไหมล่ะ นีโคไลส่ายหน้ายิ้ม ๆ เมื่อเห็นอึนฮันทำหน้าเหมือนคนที่วิญญาณจะหลุดจากร่าง เขาส่งยิ้มให้อึนฮันราวกับจะบอกว่าไม่เป็นไรก่อนออกจากห้องไป ทว่าเสียงปืนกลับดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนอึนฮันคิดว่าตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในวิลลาที่ไมแอมี แต่อยู่ท่ามกลางสนามรบสมัยสงครามเวียดนามเสียมากกว่า
อึนฮันกำลังจะหยิบโน้ตบุ๊กขึ้นมา ตั้งใจว่าจะเข้าไปอยู่ในตู้เสื้อผ้าก่อน แต่แล้วเขากลับเหลือบไปเห็นกระเป๋าสตางค์ของวาซีลีตกอยู่ข้าง ๆ อึนฮันลังเลอยู่สักพักก่อนจะหยิบมันขึ้น แล้วล้วงกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบอะไรบางอย่างออกมา
++++++++++++++++++++++++
“บุคคลสำคัญมาแล้วสินะ”
อึนฮันวางกระเป๋าลงบนเก้าอี้ข้าง ๆ พลางยักไหล่ขณะฟังคำถากถางของคริส วันนี้อากาศดี เพราะอย่างนั้นคริสถึงได้มานั่งรอเขาอยู่ตรงระเบียงชั้นบน อึนฮันเหลือบมองไปด้านหลังแล้วพยักพเยิดเป็นเชิงถามว่าไม่ย้ายเข้าไปนั่งด้านในหรือ เห็นแบบนั้นคริสก็มองเลยไปยังคนที่ยืนอยู่หลังอึนฮันแล้วแค่นหัวเราะ
“นายบอกว่าบอดี้การ์ดไม่ใช่เหรอ ให้พวกเขายืนตากแดดสักหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรนี่”
อากาศดีออกจะตายไม่ใช่รึไง คริสเลือกนั่งตรงจุดที่โดนแสงแดดส่องเต็ม ๆ การกระทำที่คล้ายจงใจนั้นทำให้อึนฮันซึ่งอยู่ใต้ร่มบังแดดต้องหันกลับไปมองด้านหลังอย่างไม่สบายใจ จนฝ่ายที่ถูกมองหลุดยิ้มออกมาในที่สุด คนที่ยิ้มให้อึนฮันไม่ใช่นีโคไลหรือเซียร์เกย์ที่เขารู้จักดี แต่เป็นชายชาวอเมริกันคนหนึ่ง
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ”
“ไม่เห็นจำเป็นต้องห่วงสักหน่อย”
คริสพูดต่อด้วยสีหน้าคล้ายจะถามว่าเขาพูดสิ่งที่รู้กันอยู่แล้วทำไม
“เพราะแบรด พาเวลก็ตายไปแล้วนี่”
“ตายไปแล้วเรอะ!”
มีเพียงอึนฮันคนเดียวที่ตกตะลึง ความจริงข้อนี้ทำให้เขาต้องหันกลับไปหาบอดี้การ์ดด้วยความตกใจอีกครั้ง อีกฝ่ายจึงยิ้มให้เขาอีกรอบคล้ายจะพูดขอโทษ ใบหน้าเปื้อนยิ้มของชายหนุ่มดูราวกับเคนที่เป็นแฟนหนุ่มของบาร์บี้ก็ไม่ปาน
“ไม่รู้เหรอ ก็คงไม่รู้ละนะ ถึงได้พาคนแบบหมอนั่นไปไหนมาไหนด้วย”
“ถ้าคนแบบหมอนั่นที่คุณว่าหมายถึงผม คงโชคไม่ดีเท่าไรนักที่ผมเป็นบอดี้การ์ดจริง ๆ หมายถึง…เป็นพนักงานคนหนึ่งในบริษัทน่ะครับ”
“อ๋อ”
คริสหัวเราะเยาะเสียงดัง
“ ‘บริษัทนั้น’ ของวาซีลี คามินสกีน่ะเหรอ บริษัท ‘นั้น’ ที่ยอมทำทุกอย่างขอแค่จ่ายเงินมาใช่ไหม”
ตลกละ แบบนั้นเรียกว่าบริษัทได้ด้วยรึไง แล้วเรียกคนที่ทำงานในนั้นว่าพนักงานเนี่ยนะ คริสหัวเราะเยาะออกมาอย่างเปิดเผย อึนฮันเริ่มกลัวจนต้องหันกลับไปมองบอดี้การ์ดอีกหน แต่บนใบหน้าของอีกฝ่ายกลับไม่มีอารมณ์ขุ่นเคืองอยู่เลยแม้แต่นิด ตรงกันข้าม เขายังเข้ามากระซิบให้อึนฮันวางใจที่ข้างหูอีกต่างหาก
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมน่ะมือโปร”
“พอได้แล้วน่า คริส วอเกน”
ในที่สุดอึนฮันก็ต้องปรามคริส ทว่าเจ้าตัวกลับตะโกนออกมาเสียงดังลั่น
“นี่! เมื่อกี้นายไม่ได้ยินหรือไงว่านายถูกหลอกน่ะ แบรด พาเวลนั่นมันตายไปตั้งแต่แรกแล้ว! ก็ไอ้คนที่ลักพาตัวนายไปนั่นละเป็นคนฆ่า!”
นั่นทำให้ผู้คนโดยรอบตกอกตกใจจนหันมามองคริสเป็นตาเดียว
“คริส!”
อึนฮันแหวใส่คริสเมื่อต้องตกเป็นเป้าสายตาอย่างกะทันหัน อีกฝ่ายจึงยกสองมือยอมแพ้แล้วเอนตัวลงพิงเก้าอี้
“อยากจะบ้าตาย นี่วาซีลี คามินสกีคิดอะไรอยู่กันแน่ หมอนั่นต้องการอะไรจากนายนักหนา”
“…”
“เรื่องมันมาขนาดนี้แล้ว นายควรจะถามไม่ใช่หรือไง!”
ไม่ละ ฉันไม่ได้ถามหรอก ฉันกลัว กลัวมากเลย ฉันยังไม่มั่นใจอะไรเวลาอยู่ต่อหน้าคามินสกีด้วยซ้ำ เขาน่ากลัวเกินไป
อึนฮันย้ายไปอยู่ที่วิลลาของวาซีลีได้อาทิตย์หนึ่งแล้ว และส่วนใหญ่เขาจะได้ใช้เวลาร่วมกับวาซีลีแค่ตอนนั่งกินมื้อเย็นด้วยกันเท่านั้น บอสของพวกเรดมาเฟียไม่ใช่อาชีพที่จะมีเวลาว่าง วาซีลีจึงมักจะยุ่งอยู่เสมอ อึนฮันใช้เวลาหนึ่งวันหมดไปกับการทำงานหรือเล่นอินเทอร์เน็ตอยู่ในบ้านของอีกฝ่าย วาซีลีบอกเขาว่าจะจัดบอดี้การ์ดให้หากเขาอยากออกไปข้างนอกบ้าง แต่พอได้ฟังอึนฮันก็เปลี่ยนใจไม่อยากออกเสียแล้ว
Comments