ช่วยทีครับ ใจผมรับคุณมาเฟียไม่ไหว 68
ขณะที่วาซีลีสะบัดแขนตัวเองอยู่นั้น อึนฮันก็ลากซ็องฮันให้ตามออกมา เขาลากอีกฝ่ายเข้ามาในซอกหลืบหน้าห้องน้ำ ก่อนจะถอนใจยาวแล้วทรุดลงนั่งยอง ๆ กับพื้นอย่างหมดแรง
“ในชีวิตนี้ฉันไม่เคยนึกขอบคุณนายมาก่อนเลย” อึนฮันพึมพำ “แต่ฉันจะขอบคุณนายแค่ในเวลาแบบนี้ละ ว่าแต่ยุนซ็องฮัน นายบอกว่าจะอยู่แค่อาทิตย์เดียวแล้วจะกลับเกาหลีไม่ใช่เหรอ”
“ฉันได้เจอเพื่อนเก่านาย เขาบอกว่าห้ามบอกชื่อ”
ซ็องฮันพูด ทำเอาอึนฮันต้องเงยหน้าขึ้นมอง ห้ามบอกชื่ออย่างนั้นเหรอ ตัวเขาเองก็ไม่เคยเป็นเพื่อนกับโวลเดอมอร์เสียด้วย ถ้าอย่างนั้นก็คงจะเป็นเคย์สินะ
“นายน่ะ ได้ยินว่าไปอยู่กับผู้ชายคนนั้นเหรอ เขาฝากมาบอกว่าถ้านายทำเรื่องที่เขาขอเสร็จแล้วก็ให้ไปที่โรงแรมนะ แล้วก็ให้นี่มา”
สิ่งนั้นคือนามบัตรของโรงแรม อึนฮันจึงพลิกอีกด้านขึ้นดู มันเขียนแค่ว่า เบอร์ เท่านั้น แต่อึนฮันก็เข้าใจความหมายทันทีที่เห็น หมายเลขแปดสี่ห้าเทียบได้กับตัวอักษร V. I. K. หรือก็คือหมายเลขที่อึนฮันกดไว้บนโทรศัพท์เพื่อสื่อถึงชื่อของวาซีลีนั่นเอง
“เขาบอกจะมาช่วยทันที…แล้วยังบอกอีกว่านายตกอยู่ในอันตราย หมายความว่าผู้ชายคนนั้นน่ากลัวมากเลยงั้นเหรอ แล้วนายโอเครึเปล่า”
ทำไมจู่ ๆ ถึงมาทำดีด้วยแบบนี้ล่ะ
อึนฮันเงยหน้าขึ้นมองซ็องฮัน ความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคนไม่ใช่แบบนี้ โดยเฉพาะซ็องฮัน หมอนั่นแทบไม่เคยทำดีแบบนี้กับเขาเลย
“เขาเป็นคนอันตรายจริง ๆ และฉันก็ไม่โอเคมาก ๆ แต่ว่าฉันดูแลตัวเองได้ เพราะฉะนั้นไม่ต้องมาทำเหมือนเป็นห่วงเป็นใยฉันแล้วไปซะ”
“ฉันเป็นห่วงนาย แล้วจะไปได้ยังไง”
“…ตอนนี้ฉันยุ่งมาก หัวก็แทบจะระเบิดอยู่แล้ว เพราะงั้นนายก็แค่ทำธุระนายให้เสร็จแล้วไปสักที จะมาทำไมเนี่ย”
อึนฮันถาม ทว่าเมื่อซ็องฮันพยายามจะสรรหาข้ออ้างไร้สาระมาพูด “พอได้แล้ว!” เขากลับยกมือขึ้นห้ามเสียเอง ในที่สุดซ็องฮันซึ่งก้มมองหน้าอึนฮันอยู่จึงต้องยอมพูดความจริง
“ฉัน…กำลังจะแต่งงานแล้วนะ อึนฮัน”
น้ำเสียงอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความหนักใจ แต่กลับทำให้อึนฮันสติหลุดทันทีที่ได้ยิน
ทางด้านคริสกับวาซีลี ทั้งสองคนต่างเมินเฉยใส่กันเหมือนอีกฝ่ายเป็นแค่หมาที่เดินผ่านไปมา แต่แล้วทั้งสองก็เป็นอันต้องมองเข้าไปด้านในร้านเมื่อได้ยินเสียงดังวุ่นวาย อึนฮันกำลังเหวี่ยงไม้กวาดที่อยู่ข้างห้องน้ำใส่ซ็องฮัน ท่าทางอาฆาตมาดร้ายที่แสดงออกนั้นเห็นได้ชัดเจนว่ามาจากใจจริง วาซีลีถึงกับขมวดคิ้ว ไหนบอกว่าเป็นลูกพี่ลูกน้อง แล้วมีเหตุผลอะไรถึงจ้องใช้กำลังฆ่าแกงกันขนาดนั้น นอกจากเรื่องนั้นแล้ว วาซีลีเองก็ไม่เคยแม้แต่จะคิดว่าจะได้เห็นอึนฮันโกรธแค้นจนจะฆ่าใครได้ถึงขนาดนี้ คริสรีบลุกออกไป เมื่อเขาวิ่งไปถึงและพยายามคว้าอึนฮันไว้ อีกฝ่ายก็ตะโกนโวยวายออกมาทันที
“อย่ามาห้าม! คราวนี้ฉันจะเอามันให้ตายให้ได้!”
“เรื่องมันก็ผ่านมาจนหมดอายุความแล้ว ทำไมจู่ ๆ นายถึงเป็นแบบนี้เนี่ย…”
ความจริงคริสเองก็เพิ่งเคยเห็นอึนฮันสติหลุดขนาดนี้เป็นครั้งที่สองเท่านั้น ซึ่งต้นเหตุของทั้งสองครั้งล้วนมาจากญาติผู้พี่ที่ดูไม่เป็นผู้เป็นคนอย่างหมอนั่นทั้งสิ้น แต่คราวนี้เขารู้สึกได้ว่าอึนฮันจ้องจะจัดการอีกฝ่ายถึงชีวิตจริง ๆไม่เหมือนเมื่อครั้งที่แล้ว ซ็องฮันเองก็รู้สึกเช่นกัน หมอนั่นรีบหนีหัวซุกหัวซุนต่างจากครั้งก่อนที่ยืนแลกหมัดกับอึนฮันผู้วิ่งเข้าใส่โดยไม่หนีไปไหน แรงเหวี่ยงไม้กวาดของอึนฮันนั้นแรงมากทีเดียว
“ก็เพราะไอ้สารเลวนี่มันไปก่อคดีใหม่ไว้อีกแล้วไง! แถมยังเป็นคดีที่ไม่มีอายุความอีก!”
ไม่มีอายุความงั้นเรอะ คริสหรี่ตามองซ็องฮัน คดีใหม่ที่ไม่มีอายุความเหรอ ขณะที่เขากำลังจะเอ่ยปากถามว่าคือคดีอะไรแทนที่จะปลอบอึนฮัน วาซีลีก็เข้ามาจับตัวซ็องฮันไว้พอดี ในวินาทีที่วาซีลีฉีกยิ้มขณะจับอีกฝ่ายอย่างเบามือเหมือนจับตัวเด็กสามขวบนั้น ไม้กวาดที่อึนฮันเหวี่ยงมาก็ฟาดหัวซ็องฮันอย่างจังดังปั้ก! เสียงนั้นดังลั่นจนผู้คนในร้านต่างพากันหลับตาแน่นเลยทีเดียว
เฮือก! แรงกระแทกนั้นแรงเสียจนแม้กระทั่งคนตีอย่างอึนฮันยังตกใจถึงขั้นปล่อยไม้กวาดหลุดจากมือ คริสที่หรี่ตามองสถานการณ์ตรงหน้าถึงกับต้องกลั้นหายใจ และฝ่ายที่ถูกฟาดอย่างซ็องฮันยังไม่มีสติแม้แต่จะส่งเสียงร้องออกมาด้วยซ้ำ
“เบาจัง”
แน่นอน คุณวาซีลี คามินสกียังคงสบายดี นอกจากจะสบายดีไม่รู้สึกรู้สาอะไรแล้ว พ่อคุณยังพูดคำแบบนั้นออกมาได้อย่างหน้าตาเฉยอีกด้วย
Comments