ช่วยทีครับ ใจผมรับคุณมาเฟียไม่ไหว 69
“อย่าแค้นฉันเลยนะ ตอนนี้ฉันจีบน้องชายนายอยู่เลยต้องทำตัวให้เขาประทับใจสักหน่อย”
ว่าแล้วก็ส่งยิ้มมูลค่าล้านดอลลาร์มาให้อึนฮันก่อนจะเอ่ยถาม
“นายอยากฆ่าหมอนี่ใช่ไหม”
ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันจัดให้ คำพูดนี้น่าจะตามออกมาแน่ ๆ อึนฮันจึงส่ายหน้าเป็นพัลวัน สำหรับเขาแล้วคำนี้มันก็แค่คำพูดติดปาก แต่สำหรับคนอื่นมันอาจเป็นถ้อยคำที่หมายความถึงชีวิต เขาไม่ได้คิดจะตีอีกฝ่ายจริง ๆ เสียหน่อยอยากตีน่ะก็จริงอยู่ แต่ต่อให้ตีแล้ว ไม่สิ ต่อให้ตีซ็องฮันจนตายก็ไม่ได้ทำให้อะไร ๆ ดีขึ้นอยู่ดี อึนฮันมองซ็องฮันแล้วยิ้มออกมา แม้สถานการณ์ตอนนี้ออกจะเหลือเชื่อแต่ในที่สุดเขาก็ได้ฟาดหน้าเจ้านั่นเต็ม ๆ สักที ส่วนหนึ่งอาจเพราะฝีมือของวาซีลีด้วยที่เข้ามาจับไว้ แต่ตัวซ็องฮันเองก็ยืนรอท่าทั้งที่จุดที่หากถูกตีแล้วจะเจ็บที่สุดก็ยังเปิดโล่งโจ้งเป็นเป้านิ่งอยู่อย่างนั้น อึนฮันซึ่งเหวี่ยงแขนไปเต็มแรงจึงไม่อาจยั้งได้ทัน
“นายมาที่นี่เพราะงานแต่งงานของนายใช่ไหม ชีวิตนายนี่มันน่าสมเพชสิ้นดี นายมาให้แน่ใจว่าฉันจะไม่ไปงานแต่งนาย ไม่ไปพูดโพนทะนาเรื่องนายให้ใครฟัง ให้แน่ใจว่านายจะปลอดภัย ใช่ไหมล่ะ นายตามฉันมาถึงนี่เพราะกลัวชาวบ้านรู้ว่าคนอย่างนายเคยเสร็จในตัวผู้ชายด้วยกันเองสินะ ต่อให้นายไม่ฆ่าฉัน ฉันก็ไม่มีทางไปอยู่ข้างนายอยู่แล้ว ขอแค่นายไม่มาก็พอ”
“…นาย…รู้ได้ยังไง”
“ไอ้หน้าโง่ ที่นี่ไมแอมีนะเว้ย ถ้าทำตัวโง่ ๆ อย่างนาย ทุกเรื่องมันก็ถึงหูฉันหมดนั่นละ”
“คือ…อึนฮัน…”
“ฉันนึกว่าคุณย่าเสียไปแล้วซะอีก นายเล่นทำตัวบ้าคลั่งซะขนาดนั้น ฉันเลยคิดว่าน่าจะมีการแบ่งมรดกกัน ต้องขอบคุณนายด้วยซ้ำที่ทำให้ฉันได้รู้ข่าวสารความเป็นไปทุกอย่างในเกาหลีตลอดสิบปีที่ผ่านมา…ฉันรู้ว่านายทนเรื่องนี้ไม่ได้ หรือจะเรื่องที่นายเป็นไอ้โรคจิตที่ทนให้ใครมากุมจุดอ่อนของตัวเองไว้ไม่ได้ฉันก็รู้หมดนั่นละ”
ใบหน้าของซ็องฮันเปลี่ยนไปเป็นสีหน้านั้นอีกครั้ง ‘สีหน้าแบบนั้น’ ที่เคยทำให้อึนฮันต้องทิ้งซ็องฮันไปนาน
“แล้วยังรู้ด้วยว่าการที่ฉันหายใจทิ้งอยู่ในอีกซีกโลกหนึ่งเป็นเหมือนคำข่มขู่สำหรับนาย ถึงปัญหามันจะไม่ใช่เรื่องที่ฉันยังมีชีวิตอยู่แต่เป็นเรื่องนิสัยนายเองก็เถอะ เอาเป็นว่าคิดซะว่าฉันตายไปแล้วก็แล้วกัน และไม่ต้องมาที่นี่อีก”
“คนเรามันเปลี่ยนกันได้น่า”
ซ็องฮันพูดสีหน้าดุดัน อึนฮันหัวเราะเยาะด้วยคิดว่าสีหน้าเช่นนี้ยังดีเสียกว่าเมื่อครู่
“ใช่ แต่น่าขำชะมัดที่นายเป็นคนพูดคำนี้ออกมา เพราะถ้าในโลกนี้จะมีใครสักคนที่ไม่เคยเปลี่ยน คนคนนั้นก็คือนายนั่นละ”
อึนฮันมองซ็องฮันที่กัดฟันกรอด แล้วจึงพูดต่อไปว่า
“โตได้แล้ว และได้โปรด ไสหัวออกไปจากชีวิตฉันสักที”
และเมื่ออึนฮันขยับตัวจะจากไป วาซีลีก็แค่นหัวเราะแล้วบีบมือข้างที่จับตัวซ็องฮันอยู่แรงขึ้น ตามมาด้วยเสียงดังกร๊อบ พออึนฮันหันกลับมาอีกทีแขนของซ็องฮันก็ถูกหักไปในทิศทางที่เจ้าตัวไม่อาจเอากลับมาได้เรียบร้อยแล้วซ็องฮันเพิ่งส่งเสียงร้องดังอ๊ากออกมาทีหลัง ทว่าวาซีลีกลับปล่อยเขาร่วงลงบนพื้นอย่างไม่ไยดี
“โทษที ช่วงนี้ฉันคุมแรงมือตัวเองไม่ค่อยได้น่ะ สงสัยเริ่มแก่แล้วมั้ง”
วาซีลีพูดคำโกหกที่ฟังดูไม่เข้าท่าเลยสักนิดได้อย่างหน้าชื่นตาบาน ก่อนจะเดินไปโอบไหล่อึนฮันแล้วโบกมือลาโดยไม่คิดหันหลังกลับมามอง
“แต่เดี๋ยวคุณตำรวจเขาจะช่วยดูแลนายเองละนะ บาย!”
แม้ภาพชายหนุ่มเดินโอบกอดอึนฮันผู้อ่อนไหวต่อการตกเป็นเป้าสายตาจะบาดตาเพียงใด คริสก็ยอมปล่อยทั้งสองคนไปแต่โดยดี คดีใหม่ที่ไม่มีอายุความงั้นเหรอ คริสกอดอก ไอ้สวะนี่มันไปก่อเรื่องอะไรไว้อีกล่ะ ตำรวจหนุ่มกระชากตัวซ็องฮันที่แขนหักขึ้นมาอย่างแรง
“แกทำอะไรยุนอีกล่ะทีนี้ เราลองมาเปิดใจคุยกันหน่อยดีไหม ฮึ”
ซ็องฮันพยายามดิ้น
“นายเป็นตำรวจประสาอะไร! ทำแบบนี้กับนักท่องเที่ยวได้ด้วยเรอะ! จะไม่ปล่อยใช่ไหม”
แต่คริสคือชายผิวขาวร่างสูงใหญ่ถึงหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรที่มีขนเต็มตัวมาถึงกระทั่งนิ้วมือ ดังนั้นซ็องฮันย่อมไม่มีทางสู้แรงอีกฝ่ายได้ สิ่งเดียวที่เขาพอจะทำได้ขณะโดนคริสลากถูลู่ถูกังออกไปนั้นมีเพียงการแหกปากร้องตะโกนเท่านั้น ถึงอย่างนั้นสุดท้ายเขาก็ต้องหุบปากลงเพราะคำขู่ของคริสอยู่ดี
“ฉันบอกให้แกเปิดใจ แล้วใครบอกให้แกเปิดปากไม่ทราบ ถ้าขืนยังทำตัวหนวกหูน่ารำคาญอีกแค่ครั้งเดียว ปากล่างแกได้เปิดด้วยแน่ จำไว้”
Comments