ช่วยทีครับ ใจผมรับคุณมาเฟียไม่ไหว 76
อึนฮันตื่นขึ้นมาตอนเช้า หลังจากอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยก็เห็นว่านาตาชายืนรออยู่ก่อนแล้ว หญิงสาวที่ยังคงสดใสและอ่อนหวานเหมือนเช่นเคยยักไหล่ให้อึนฮัน
“วาซยาบอกว่ากลับบ้านนะคะ”
“อ้อ กลับรัสเซียเหรอครับ”
อึนฮันยื่นมือออกไปจับมือทักทายกับเธอหน้าหงอย หากวาซีลีคือคนที่จูบเก่งที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมา นาตาชาก็เป็นคนที่ทำอาหารอร่อยที่สุดเช่นกัน พอคิดว่าต่อจากนี้จะไม่ได้กินอาหารฝีมือเธออีก ความเสียดายก็ท่วมท้นขึ้นมา
นาตาชารีบเข้ามาจับมือเขาไว้อย่างอ่อนโยนด้วยความตกใจ
“ยุนต่างหากล่ะคะ”
“อะไรนะครับ”
“วาซยาบอกว่าให้ยุนกลับบ้านได้ค่ะ”
อึนฮันได้แต่งุนงง เพิ่งผ่านมาเพียงข้ามคืนเท่านั้นเอง คำว่าฉันชอบนายเป็นหนามแสนหวานที่ปักลงมาในหัวใจ แต่พอมาตอนนี้วาซีลีกลับบอกให้เขากลับบ้านเสียอย่างนั้น อึนฮันขมวดคิ้วไม่เข้าใจว่าวาซีลีเกิดผีเข้าอะไรขึ้นมาอีก แต่อย่างไรก็ตามในเมื่อเจ้าของบ้านเป็นคนเอ่ยปากก็ช่วยไม่ได้ อึนฮันจึงออกจากวิลลาของวาซีลีทันทีที่กินมื้อเช้าแสนอร่อยเสร็จ
เขานั่งมองออกไปนอกหน้าต่างรถที่นีโคไลเป็นคนขับ แต่จู่ ๆ นีโคไลก็เอ่ยปากถามเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้
“คุณสองคนมีเรื่องอะไรกันเหรอครับ”
ทว่านี่ไม่มีทางเป็นคำถามที่เพิ่งนึกขึ้นได้แน่นอน นีโคไลเพียงแค่รอคอยให้ถึงเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น ถึงเขาจะทำเป็นถามไปอย่างนั้น แต่นี่ก็ไม่ใช่คำถามผ่าน ๆ แน่
อึนฮันส่ายหน้า
“มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับคุณคามินสกีเหรอครับ”
“ก็ไม่มีนะ”
นีโคไลลังเลอยู่สักพักหลังจากพูดเช่นนั้น ก่อนจะกล่าวต่ออีกครั้ง
“…ยังไม่มีน่ะครับ”
“ระหว่างผมกับคุณคามินสกีก็ไม่มีเรื่องอะไรเหมือนกันครับ ยังไม่มี”
อึนฮันตอบแล้วหันหน้ากลับไปตามเดิม
นีโคไลยักไหล่ทั้งที่ยังขับรถ ระหว่างสองคนนี้ต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่นอน เพราะผ่านไปเพียงคืนเดียวทั้งคู่ต่างก็มีสภาพเหมือนกันอย่างไรชอบกล ทั้งที่ปกติแล้ววาซีลีและอึนฮันไม่มีมุมไหนที่เหมือนกันเลย
“อ๊ะ”
อึนฮันมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วอุทานออกมา
“จอดตรงนี้หน่อยครับ”
นีโคไลเหยียบเบรกทันทีที่ได้ยิน ล้อรถบดถนนเสียงดังเอี๊ยดก่อนที่รถจะหยุด รถทั้งหลายที่แล่นตามหลังมาต่างพากันเหยียบเบรก เสียงด่าทอและบีบแตรดังขรมมาไม่ขาดสาย ถึงอย่างนั้นนีโคไลก็ไม่มีทีท่าสะดุ้งสะเทือนสักนิด อึนฮันกำลังจะลงจากรถ แต่แล้วก็อุทานขึ้นมาอีกครั้งเพราะเพิ่งนึกอะไรขึ้นได้
“นี่กระเป๋าสตางค์ของคุณคามินสกีครับ ช่วยคืนให้เขาด้วยนะครับ”
นีโคไลมองกระเป๋าสีดำในมืออึนฮันแล้วยิ้ม
“แหม ถึงกับแลกกระเป๋าสตางค์กันแล้วเหรอครับ ไวไฟจริง”
อึนฮันไม่ตอบอะไร ส่วนหนึ่งเพราะไม่มีอะไรจะพูด แต่อีกส่วนก็เพราะชายคนหนึ่งที่ต้องเหยียบเบรกตามนีโคไลกำลังย่างสามขุมเข้ามาตะโกนโหวกเหวกอยู่ตรงฝั่งของคนขับ
“ไอ้บ้านี่ สติดีหรือเปล่าวะ เฮ้ย ไอ้กร๊วก ไม่ออกมาล่ะ…”
นีโคไลลดกระจกลง ยิ่งเห็นแบบนั้นชายคนนั้นก็ยิ่งเสียงดังขึ้น แต่เขาก็โวยวายอยู่ได้เพียงครู่เดียวเท่านั้น
เสียงปล่อยหมัดดังปั้กนั้นดังลั่นเสียจนอึนฮันคิดว่าสิ่งที่นีโคไลหวดใส่หน้าผู้ชายคนนั้นไม่ใช่กำปั้นแต่เป็นค้อน ถึงอย่างไรนั่นก็ยังเป็นกำปั้นอยู่ดี แต่สภาพคนถูกต่อยกลับย่ำแย่ราวกับถูกค้อนทุบก็ไม่ปาน อึนฮันเพิ่งได้รู้ก็คราวนี้ว่าใบหน้าของคนเรานั้นยุบเข้าไปได้แค่เพราะหมัดเพียงหมัดเดียว
“ไปเถอะครับ ยุน ทางนี้เดี๋ยวผมจัดการเอง”
นีโคไลพูดพลางฉวยกระเป๋าสตางค์ไปจากมือเขา อึนฮันถอยออกจากรถแล้วปิดประตูฝั่งข้างคนขับแต่โดยดีเหมือนโดนสะกดจิต จากนั้นเมื่อตั้งสติได้ เขาก็หันหลังวิ่งออกไปทันที เขาเกลียดการเป็นพยาน แค่ได้ยินคำว่า ‘พยาน’ ก็รู้สึกสะอิดสะเอียนแล้วด้วยซ้ำ เขาวิ่งต่อไปก่อนจะหยุดพักหลังจากเลี้ยวผ่านหัวมุมถนน
อึนฮันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไล่หารายชื่อที่บันทึกไว้ ก่อนจะถอนใจขณะต่อสายหารายชื่อที่บันทึกไว้ว่า ‘โรงแรม’
“ต่อสายห้องแปดสี่ห้าครับ”
เขาทิ้งนามบัตรไปตั้งนานแล้ว ไม่มีประโยชน์ที่จะเก็บของพรรค์นั้นติดตัวไว้นาน ๆ อึนฮันกัดริมฝีปากขณะฟังเสียงรอสาย เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นท้องฟ้าสีคราม เป็นฟ้าแบบเดียวกับที่เขาเคยเห็นมาก่อนที่ไหนสักแห่ง เขาเคยเห็นฟ้าใสไร้เมฆแบบนี้มาจากที่ไหนกันนะ
อ๋อ
นึกออกแล้ว นี่คือท้องฟ้าในวันแรกที่เขาได้กลับมาเจอวาซีลีอีกครั้ง วันนั้นเขาเห็นท้องฟ้าแบบนี้ตอนหอบหายใจหลังจากวิ่งหนีวาซีลีมา อึนฮันหลับตา ฉันชอบนาย เสียงของชายหนุ่มยังดังก้องในหู เสียงที่คนพูดกัดฟันพูดออกมานั่นจะว่าไปก็เหมือนจะขาด ๆ หาย ๆ อยู่เล็กน้อย คนอย่างวาซีลีก็ประหม่าเวลาบอกชอบใครเหมือนกันหรือนี่
เหมือนว่าชายหนุ่มก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ไม่มีทางน่า
‘ครับ จอห์น สมิทครับ’
“นามสมมตินั่นไม่น่าสงสัยไปหน่อยเหรอครับ”
Comments