ช่วยทีครับ ใจผมรับคุณมาเฟียไม่ไหว 80
ผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างหันมองคนทั้งสองด้วยสีหน้าไม่ต่างกัน ทั้งคู่หมดแรงจะวิ่งต่อจึงหันมาใช้วิธีต่อสู้กันด้วยฝีปากแทน โดยที่อึนฮันเดินเซไปเซมา ตะโกนโหวกเหวกโวยวายโดยไม่หันกลับไปมองด้านหลัง ส่วนคริสก็ตะโกนตามหลังเขามาไม่กี่ก้าว หญิงชราคนหนึ่งที่ทั้งคู่ไม่ทันเห็นพูดกระแนะกระแหนขณะเดินผ่านไป
“แค่กระซิบก็ได้ยินแล้วน่า ไอ้เรื่องขี้แตกกับหนีภาษีนี่มันน่าภูมิใจนักหรือไง”
ทั้งสองคนถึงกับหุบปากฉับ แม้แต่คนที่หน้าด้านหน้าทนกว่าอย่างคริส (ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่ป่าวประกาศเรื่อง ‘ขี้แตก’ กับ ‘หนีภาษี’) ยังต้องพึมพำตอบเธอไปด้วยน้ำเสียงกระมิดกระเมี้ยน
“ไม่…ไม่ได้ภูมิใจนะครับ”
“ขายหน้าชะมัด”
อึนฮันบ่นกระปอดกระแปด
“ว่าไงนะ”
“ฉันบอกว่านายทำฉันขายขี้หน้าโว้ย!”
ราวกับคำนั้นทำให้คริสมีแรงขึ้นมาทันใด เขาวิ่งตรงเข้าหาอึนฮัน ทว่าอึนฮันยังคงไม่มีแรงจึงกลิ้งลงไปตามหาดทรายทันทีที่คริสพุ่งเข้ามา ทั้งสองกลิ้งไปบนพื้นทรายอยู่หลายรอบจนหยุดอยู่ตรงจุดที่น้ำทะเลซัดถึงพอดี
“โอ๊ย เวรเอ๊ย! เสื้อฉัน เสื้อเปียกหมดแล้…”
ขณะที่อึนฮันตั้งท่าจะโวยวาย คริสก็ดึงเพื่อนเข้าไปกอดไว้
“ทำไมถึงซื่อบื้อขนาดนี้นะ”
คริสถอนใจ อึนฮันได้แต่ขมวดคิ้วอยู่ในอ้อมกอดคริส ซื่อบื้อเหรอ นี่นายกำลังบอกว่านักฟอกเงินและคู่ค้าบริษัทหนีภาษีซื่อบื้องั้นเรอะ ถ้าฉันบื้อจริง คงไม่เลือกมาทำงานที่ส่อว่าจะมีรูบนหัวหรอก…
“เพราะแบบนั้นนายถึงได้พังเจ้าทอรัสของฉันแล้วเอาบีเอ็มดับเบิลยูของนายมาให้ใช้แทนใช่ไหม”
คริสเดาะลิ้นเมื่ออึนฮันไม่พูดอะไร เพื่อนของเขาซื่อบื้อจริง ๆ นั่นละ เขาถึงต้องให้คนมาคอยเฝ้าดูตลอด อึนฮันเก่งไปหมดทุกเรื่อง อีกทั้งยังรู้จักตัวเองดีที่สุด จึงไม่เคยนำปัญหาของตัวเองไปปรึกษาหรือเปิดเผยกับใคร คนคนนี้ไม่เคยปริปากเมื่อตัวเองเจ็บปวด เขาจึงต้องดูแลทะนุถนอมเพื่อนคนนี้ให้มากกว่าเดิม แต่สุดท้ายก็ยังมีเรื่องที่เขาไม่รู้เกิดขึ้นจนได้
“ใครบอกให้ที่รักทำถึงขนาดนี้กัน…”
นายมันก็ซื่อบื้อเหมือนกันนั่นละน่า
อึนฮันหัวเราะคิกคักในอ้อมกอดคริส วันนั้นนายฟูมฟายจะเป็นจะตายที่จู่ ๆ รถตัวเองดันมาพังไม่ใช่รึไง แล้วยังมีหน้ามาซึ้งใจกับอะไรแบบนี้เนี่ยนะ หรือฉันควรเป็นฝ่ายซึ้งใจที่นายซึ้งดีล่ะ ขณะที่อึนฮันกำลังคิดเช่นนั้น เสียงกึกของอะไรบางอย่างก็ดังขึ้น เสียงนั่นแปลกพิลึก อย่างกับเสียงเวลามีปืนมาจ่อหัว
“หึ”
รวมทั้งเสียงใครบางคนแค่นหัวเราะราวกับเห็นภาพตรงหน้าเป็นเพียงเรื่องไร้สาระ อึนฮันโผล่หน้าออกจากอ้อมกอดคริสเพื่อมองหาเจ้าของเสียงนั้น ก่อนที่ใจจะหล่นวูบเมื่อมองเห็นเส้นผมดำขลับและนัยน์ตาสีนิลเต็มสองตา
“คา คามิน…”
กระบอกปืนเคาะลงบนศีรษะคริสอีกครั้ง
“…วาซยา!”
“กล้าดียังไง”
วาซีลีกระตุกยิ้มชั่วร้าย
“ถึงมาเล่น ‘วิ่งไล่จับ’ กันต่อหน้าฉัน”
นี่มันดูเหมือนเล่นวิ่งไล่จับตรงไหนวะ…
จะว่าไปก็มีบางมุมที่คล้ายอยู่ คนสองคนวิ่งไล่กันมาตามชายหาดก่อนจะล้มกลิ้งไปด้วยกัน…ถึงบทสนทนาจะไม่ใช่ ‘ที่รัก มาจับฉันสิ’ แต่เป็นเรื่องอึกับคนร้ายหนีภาษีก็เถอะ
“ฉันว่าจะจัดการปัญหารอบตัวฉันสักหน่อย แต่เหมือนฉันจะคิดผิดแฮะ”
ชายหนุ่มคงคิดว่าควรจัดการเรื่องรอบตัวให้เรียบร้อยในเมื่อเอ่ยปากไปแล้วว่าชอบ อึนฮันเงยหน้ามองวาซีลี เขามักทำสิ่งที่ควรทำและมั่นคงเด็ดเดี่ยวเช่นนี้เสมอ ใช่ ถึงตอนนี้จะเอาปืนจ่อหัวคนอยู่ก็เถอะ
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น…
อึนฮันเงยหน้ามองวาซีลีทั้งที่ยังอยู่ในอ้อมกอดคริส เขารู้สึกอบอุ่นในหัวใจ ท่าทางของวาซีลีที่คล้ายจะรับผิดชอบคำพูดที่บอกว่าชอบของตัวเองทำให้เขาใจเต้น การกระทำที่เหมือนหึงหวงพาให้จั๊กจี้หัวใจอย่างไรชอบกล เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ ปืนก็จ่ออยู่แท้ ๆ แต่ดันชอบซะงั้น อึนฮันพยายามเรียกสติตัวเองกลับคืนมา
“ไอ้สารเลว นี่จ่อปืนใส่ตำรวจประจำการอยู่งั้นเหรอ”
คริสโกรธจนเลือดขึ้นหน้า หันกลับไปตั้งใจจะเหวี่ยงหมัดใส่อีกคน อึนฮันจึงรีบคว้าแขนเขาไว้ด้วยความตกใจ
“คริส!”
“ไม่ต้องมาห้าม! กลัวไอ้เลวนี่มันจะเป็นอะไรมากนักรึไง!”
คริสผลักอึนฮันออกอย่างแรงแล้วเหวี่ยงหมัดใส่หน้าวาซีลี แต่ว่าอีกฝ่ายกลับเบี่ยงตัวหลบหมัดนั้นไปเพียงเล็กน้อยพลางขยับมือข้างที่ถือปืนอยู่ เขาใช้ปืนฟาดคริสจนหน้าหัน
“ไอ้เวรนี่…!”
คริสวิ่งเข้าไปหาวาซีลี ทว่าอีกฝ่ายกลับปัดคริสออกด้วยแขนข้างเดียว ท่าทางนั้นไม่ต่างจากเวลาผู้หญิงตบหน้าผู้ชายเลยสักนิด แต่เล่นเอาร่างสูงใหญ่ของคริสผงะอย่างแรงและเซถอยหลังไปหลายก้าวก่อนจะล้มลงในทะเล
Comments