ช่วยทีครับ ใจผมรับคุณมาเฟียไม่ไหว 91

Now you are reading ช่วยทีครับ ใจผมรับคุณมาเฟียไม่ไหว Chapter 91 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อึนฮันคิดอย่างนั้นพลางเดินออกจากห้อง ทันใดนั้นนาตาชาที่นำอาหารเข้ามาให้พอดีก็ขมวดคิ้วมุ่น

“นั่นอะไรกันคะ ยุน”

นาตาชาชี้ที่คอตนเองเมื่อเห็นว่าอึนฮันยังทำหน้าสงสัย เขาจึงรีบยกมือขึ้นปิดคอไว้แล้วได้แต่หัวเราะแหะ ๆ

“ก็แค่เมื่อวานมัน…รุนแรงไปหน่อยน่ะครับ”

“คุณพระช่วย วาซยา พ่อซาตานเอ๊ย…ยุนต้องทำแผลก่อนจะกินข้าวแล้วละค่ะ นี่มันแผลสด ไม่ใช่รอยฟกช้ำธรรมดานะคะ”

“ทำแผลเหรอครับ”

อึนฮันถามกลับ ทว่านาตาชากลับตรงเข้ามาจับข้อมือลากเขาไปแล้ว อึนฮันร้องอ๊ะอย่างงุนงงพลางเดินตามแรงของนาตาชาไป ระหว่างนั้นก็มีเสียงทักทายแสดงความยินดีเกรียวกราวไปตลอดทาง

“ว้าว คบกันจริง ๆ ด้วย!”

“ขอร้องเลยนะครับ อย่าทะเลาะกันอีกล่ะ ผมกลัวจะตายแล้ว!”

“ดูตามตัวเขาสิ! โดนกินทั้งคืนเลยสิท่า!”

ต่างคนก็ต่างพูดไป ถึงตัวเขาจะเริ่มคุ้นเคยกับวาซีลีแล้วแต่ก็ยังกลัวลูกน้องคนอื่น ๆ ของอีกฝ่ายอยู่ดี ยิ่งตอนนี้วาซีลีไม่ได้อยู่ข้างตัวเขาด้วย อึนฮันยิ่งไม่กล้าพอจะบอกให้พวกปากมากหุบปาก จึงได้แต่หัวเราะแหะ ๆ พลางรีบจ้ำอ้าวตามหลังนาตาชาไปให้เร็วที่สุด ทว่าสุดท้ายก็ต้องหยุดฝีเท้าเมื่อรู้ว่าห้องที่นาตาชาจะพาเขาไปนั้นคือห้องไหน เพราะนั่นคือห้องที่ซ็องฮันนอนอยู่ แถมยัง…

แถมยังเป็นห้องที่พวกเขามีเซ็กซ์กันยกแรกเมื่อวานนี้อีกต่างหาก ตอนนั้นเขาอาจจะบ้าบิ่นไปนิด แต่ตอนนี้เขาไม่มีหน้าเข้าไปข้างในนั้นหรอก! อึนฮันถอยกรูด คะ…แค่วันนี้เท่านั้นละ ขอร้องละ เขาจำได้ว่ามันเริ่มจากห้องนี้แล้วค่อยย้ายไปห้องอื่น ตั้งแต่จูบและลูบไล้กันและกันตรงระเบียงทางเดินไร้ผู้คน (ซึ่งอึนฮันขอพนันด้วยทรัพย์สินทั้งหมดที่มีว่าบรรดาลูกน้องทั้งหลายผู้ไม่มั่นใจว่าตัวเองจะรับมือกับความโกรธของวาซีลีได้หากชายหนุ่มเห็นพวกเขาเข้า ต่างก็รีบวิ่งหาที่ซ่อนกันให้วุ่นไปหมด) ไปจนถึงห้องแล้วเริ่มยกใหม่กันอีกครั้ง ความทรงจำของทั้งคืนที่ผ่านมาผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด

พอมาคิดดูอีกทีแล้วนั่นช่างเป็นการกระทำที่น่าอายเสียเหลือเกิน ยุนอึนฮัน นายโตแล้วจริง ๆ นั่นละถึงทำเรื่องพรรค์นั้นให้เหมือนเรื่องธรรมดาได้ขนาดนี้

“มาเร็วสิคะยุน!”

“ผม…ไม่ต้องทำแผลก็ได้นะครับ…”

แม้จะเห็นท่าทีลังเลขัดขืนของอึนฮันแต่นาตาชาก็ยังจับเขาลากเข้าห้องอย่างไม่ปรานีปราศรัย ซ็องฮันขมวดคิ้วเมื่อเห็นอึนฮันเข้ามาพร้อมเสียงปิดประตูดังปัง ทว่าคุณหมอตรงหน้าเขากลับแย้มยิ้มสดใสก่อนจะเอ่ยทักทาย

“สวัสดีครับ”

อึนฮันได้แต่ยิ้มกว้างเพราะไม่อาจหันหลังกลับไปได้อีกแล้ว

“อรุณสวัสดิ์ครับคุณหมอ”

นาตาซึ่งยืนอยู่ด้านข้างชี้ที่คออึนฮันทันที

“คอเขาบาดเจ็บน่ะค่ะ ช่วยทำแผลให้หน่อยนะคะ”

“อ้อ ได้เลยครับ”

คุณหมอพาอึนฮันมานั่งที่โซฟา ซึ่งก็คือโซฟาที่เขาขลุกอยู่กับวาซีลีเมื่อวานนี้ แล้วเริ่มทำแผลให้ อึนฮันเขินอายที่ต้องมานั่งบนโซฟาตัวนี้จนไม่รู้จะมองไปตรงไหนดี ซึ่งนาตาชาและคุณหมอต่างก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

ทั้งที่ใครมองก็รู้ว่านี่คือรอยกัดชัด ๆ…

คุณหมอไม่ได้ถามอะไร ช่างเป็นหมอที่ฉลาดเฉลียวเสียจริง เพราะแบบนี้สินะถึงเข้านอกออกในมารักษาคนถึงถิ่นมาเฟียได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจเลย

“แผลไม่ใหญ่มากนะครับ ว่าแต่หัวคุณไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมครับ”

“ครับ ไม่เป็นไรแล้วละครับ”

คุณหมอยิ้มให้เขาอย่างใจดีก่อนจะพูดต่อ

“อย่าทำอย่างนั้นอีกนะครับ”

ทันใดนั้นอึนฮันกลับเห็นรังสีดำทะมึนแผ่ออกมาจากด้านหลังคุณหมอ เขายิ้มก่อนจะตอบกลับไป “ผมจะไม่ทำอีกแล้วครับ”

ทันทีที่ได้ยินคำตอบ คุณหมอก็กลับมามีสีหน้าเมตตาปรานีดังเดิมแบบร้อยเต็มร้อยไม่หัก อึนฮันถึงกับเหงื่อตก และในที่สุดก็มาถึงขั้นตอนการติดปลาสเตอร์ปิดแผล เขาจึงลุกขึ้นจากโซฟาได้ทันทีที่ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย คุณหมอเองก็เริ่มเก็บกระเป๋าเครื่องมือแล้วเช่นกัน

“อ้าว จะไปแล้วเหรอครับ”

“ครับ วันนี้ผมหมดหน้าที่แล้วละครับ”

คุณหมอพูดขณะเงยหน้ามองอึนฮัน เมื่อเห็นอึนฮันเอียงคอยิ้ม ๆ อย่างสงสัย คุณหมอจึงพูดต่อ “งานที่คุณทำน่าชื่นชมมากจริง ๆ ครับ”

แม้จะยังยิ้มอยู่แต่สีหน้าของอึนฮันยังไม่หายสงสัย คุณหมอจึงเปลี่ยนเป็นกระซิบกับเขาแทน

“คราวหน้าผมอยากเจอคุณที่อื่นบ้าง ในฐานะลูกค้าน่ะครับ”

อ๋อ! อึนฮันฉีกยิ้มทันทีหลังจากเข้าใจคำพูดเขาแล้ว

“ต้องขอโทษด้วยนะครับ แต่ว่าผมยังมีลูกค้าที่ดูแลอยู่…”

“เพื่อนผมบอกว่าคุณโยกเงินออกจากกรุงเทพด้วยนี่ครับ”

โดยปกติแล้วสหรัฐอเมริกาไม่เคยสนใจว่าไทยจะก่อรัฐประหารหรือไม่ แต่ในวงการนักฟอกเงินนั้นพวกเขาย่อมต้องสนใจอยู่แล้ว โดยเฉพาะนักฟอกเงินที่ใช้กรุงเทพฯ เป็นเส้นทางการเงิน

“คนอื่น ๆ ก็โยกเงินออกได้เหมือนกันครับ ผมแค่เอาออกมาก่อนพวกเขาวันสองวันเท่านั้นเอง”

อึนฮันพูดปลอบว่าตอนนี้ไม่มีอะไรแล้วละครับ แต่ถึงแม้จะตอบยิ้ม ๆ แบบนั้น ทว่าความจริงแล้วอึนฮันทั้งต้องโทรศัพท์ไปก่นด่า ข่มขู่ หรือแม้กระทั่งอ้อนวอนเพียงเพื่อให้ได้โยกเงินออกก่อนคนอื่นวันหรือสองวันด้วยซ้ำไป เพราะทุกคนต่างรู้กันดีว่าเวลาเพียงวันสองวันนั้นสำคัญขนาดไหน

“ผมอยากทำงานกับคนที่เก่งที่สุดนี่”

สีหน้าของคุณหมอเคร่งเครียดขึ้นทันตา เป็นสีหน้าของลูกค้าจอมจู้จี้ อะไรกัน คุณหมอคนนี้เคยเป็นนักแสดงละครเวทีมาก่อนหรือไง ทำไมถึงเปลี่ยนสีหน้าเร็วขนาดนี้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด