ซวยจริง กลายเป็นสาวน้อยไม่พอยังเจอเหล่าเจ้าหญิงของโรงเรียนมาจีบอีก 20

Now you are reading ซวยจริง กลายเป็นสาวน้อยไม่พอยังเจอเหล่าเจ้าหญิงของโรงเรียนมาจีบอีก Chapter 20 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

เอาแล้วไง เอาแล้วไง

ใครจะไปคิดไปฝัน ว่าชีวิตนี้ของเด็กอินโทรเวิร์ตเข้าสังคมไม่เป็นจะได้ไปเที่ยวบ้านเพื่อนกับเขาได้ แถมเพื่อนที่ว่าดันเป็นสาวน้อยสุดสวยอันดับหนึ่งของโรงเรียนพ่วงมาด้วยตำแหน่งคุณหนูสุดไฮโซที่ชีวิตนี้คงไม่มีใครฝันว่าจะได้เอื้อมถึง

“คุณฟ้าคะ นี่ค่ะขนมว่าง”

“อ่า ขอบคุณนะ คุณน้ำ…..อ๊ะ”

พอจะหันไปขอบคุณให้กับขนมหวานสุดหรูที่ถูกยื่นมา จู่ ๆ เจ้าขนมที่ว่านั้นก็ถูกยื่นเข้ามาในปากของผมอย่างรวดเร็วราวกับผู้ถือมันนั้นรอจังหวะไว้อย่างดี

สัมผัสหวาน ๆ ของขนมน้ำตาลบางอย่างที่ผมไม่รู้จักนั้น ค่อย ๆ ละลายในปากอย่างช้า ๆ พร้อมกันนั้นเองก็สัมผัสได้ถึงแววตาหวานซึ้งกำลังจ้องมองมาอย่างไม่วางตา

“อร่อยไหมคะ นี่น่ะ…เราไปเลือกซื้อมาเพื่อคุณฟ้าเลยนะคะ”

“ขะ..ขอบคุณนะ”

“ด้วยความยินดีค่ะ เพื่อคุณฟ้าแล้วเราน่ะ…”

ไม่ใช่แววตาเท่านั้นแต่มือของคุณเจ้าหญิงค่อย ๆ เคลื่อนมากุมมือของตัวผมก่อนคลำไปมาอย่างซุกซนนั่นยิ่งทำเอาให้ใจของผมมันยิ่งเตลิดไปกว่าเก่าแล้วยิ่งไปมากกว่าเดิมเมื่อใบหน้าของเธอค่อย ๆ ยื่นเข้ามาใกล้ทีล่ะนิด

“อะแฮ่ม!” เสียงกระแอมดังขึ้นจากอีกฝั่งทำเอาสติของผมกลับมาพร้อมกันมือของคุณน้ำก็ชะงักไปชั่วขณะ

“ถ้าฟ้าชอบขนมล่ะก็ งั้นลองของฉันบ้างสิ” 

ไม่ทันจะได้ปฏิเสธ คุณบีมก็ยื่นขนมอีกชิ้นเข้ามาจ่อที่ปากผมเช่นกัน มันเป็นคุกกี้ที่ดูเหมือนจะทำเอง เพราะรูปร่างไม่ค่อยสวยเท่าไหร่

คุกกี้นั่นยื่นเข้ามาใกล้ปาก ในขณะเดียวกันมืออีกข้างของคุณบีมก

“นี่น่ะ ฉันทำเองเลยนะ!”

เจ้าตัวพูดมาอย่างภูมิใจในขณะที่ค่อย ๆ เคลื่อนหน้ามาใกล้ผมเรื่อย ๆ พร้อมกันกับที่พยายามดันหน้าของคุณน้ำที่อยู่อีกฝั่งออก แน่นอนว่าโดนมองแรงสวนกลับมาอย่างกับยักษ์มารจนผมไม่กล้าแม้แต่จะมองกลับไป

“ถึงจะดูไม่สวย แต่รสชาติไม่เป็นรองใครหรอก”

“เอ่อ…” ผมกำลังจะใช้มือที่ว่างอยู่ไปรับขนมจากมือ แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะอยากป้อนทำให้ยังคงเคลื่อนมือของตัวเองเข้ามาใกล้ปากของผมเรื่อย ๆ

“คุณบีมคะ”

เสียงหวานเจี๊ยบแต่กลับทำให้ผมรู้สึกหนาวสันหลังวาบดังขึ้นมาจากอีกฝั่งหนึ่ง

“ฟ้ายังกินขนมของเราไม่หมดเลยนะคะ ช่วยกรุณา…รอก่อนจะได้ไหมคะ” 

“โธ่! แค่ชิ้นเดียวเอง” บีมยังคงยื่นคุกกี้เข้ามาใกล้ราวกับไม่สนใจเสียงนกเสียงกาอะไรที่พยายามขัดขวางเจ้าหล่อนจากเป้าหมายที่จะทำ “นะ ๆ ฟ้า…ลองชิมดูหน่อยนะ”

“แต่ว่านะคะ…” คุณน้ำยิ้มหวาน มือเรียวสวยค่อย ๆ ยกขนมชิ้นใหม่ขึ้นมา

“ถ้าคุณฟ้ากินพร้อมกันสองอย่าง เดี๋ยวจะสำลักได้ เพราะงั้น…”

“งั้นก็ต้องกินของฉันก่อนไม่ใช่เหรอไง แล้วไอ้ที่ในมือน่ะมันขัดกับที่พูดเมื่อครู่เลยนะ!” 

“ไม่ค่ะ” คุณน้ำยังคงยิ้มหวาน แต่ผมรู้สึกได้ถึงความหนาวเหน็บในน้ำเสียงจนทำเอาเสียวสันหลังวาบ ๆ

“ของเรายังไม่หมดเลย” เจ้าตัวพูดเสร็จก็โชว์ขนมเต็มกล่องขึ้นมาระดับว่ากินทั้งวันก็คงยังไม่หมดทำเอาคุณบีมทำหน้ามุ่ยคิ้มขมวด

“โหยัยน้ำ จะรอให้นั่นหมดสงสัยถึงบ้านแล้วคงยังไม่ได้ชิมคุกกี้ฉันเลยมั้ง”

“แหม แบบนั้นก็แย่เลยนะคะ… แต่เพื่อสุขภาพของคุณฟ้าแล้วคงต้องเป็นแบบนั้นล่ะนะคะ”

“เลอะเทอะจริง ๆ ยัยเจ้าหญิงเอาแต่ใจ… ฟ้า กินของเราเถอะ นี่น่ะทำมาจากธัญพืชดีต่อสุขภาพ ไม่ใช่ขนมหวานจนเบาหวานกินแบบที่ใครบางคนเอามาหรอก”

“ดูพูดเข้าสิคะ เบาหวานอะไรกัน นี่น่ะแม้จะหวานแต่ก็หวานแบบสุขภาพ ใช้สารทดแทนความหวานอย่างพิถีพิถันจากพ่อครัวขนมชื่อดัง ทั้งหมดก็เพื่อที่จะให้คุณฟ้าได้ทานขนมอย่างอร่อยแบบไม่ต้องเป็นห่วงอะไรทั้งนั้นล่ะค่ะ”

มันก็จริงที่ผมชอบทานขนมหวาน แต่ว่าไอ้เรื่องนี้ก็ไม่ได้บอกใครมาก่อน ขนมก็ไม่ได้แอบเอาไปทานที่โรงเรียน แล้วนี่คุณน้ำเขารู้ได้ไงเนี่ยว่าผมชอบขนมหวานแบบหวานระดับตัดขา

“พูดอย่างกับรู้ดีเลยนะหล่อน”

“พี่ทิพย์บอกมาไม่มีพลาดหรอกค่ะ”

ขายกันนี่เองพี่ทิพย์!!ว่าแต่เจ้แกรู้ได้ไงเนี่ย!!

ผมได้แต่นั่งนิ่ง มองคุกกี้ที่ยื่นมาจากทางขวา และขนมหวานที่อยู่ทางซ้าย รถยนต์หรูคันนี้แม้จะกว้างขวาง แต่ตอนนี้กลับรู้สึกคับแคบจนแทบหายใจไม่ออก

“คุณฟ้าคะ” คุณเจ้าหญิงเอ่ยขึ้นพร้อมกับยื่นเจ้าขนมสีขาวเข้ามาใกล้ ๆ “อ้ามมมมมมมม”

“เฮ้! อย่าฉวยโอกาสนะ!” คุณเจ้าชายประท้วงพร้อมกันก็เอามือที่ถือคุกกี้ดันมือบางที่อยู่ใกล้ปากผมอย่างต้านแรงกันไปมา “ของฉันก่อนสิ!”

ผมพยายามถอยหลังจนติดเบาะ สายตาเหลือบมองไปที่คนขับรถที่แอบมองผ่านกระจกมาเป็นระยะ ๆ นี่ขนาดยังไม่ถึงบ้านเลยนะ… ความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัว

ขอตัวกลับตอนนี้ยังทันไหม? เอาไงกับชีวิตดีเนี่ย ทำไมกับแค่ขนมมันเหมือนโดนจับขึ้นแท่นประหารยังไงชอบกล

“เอ่อ… คือว่า…” ผมพยายามหาทางแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

“คะ/มีไรเหรอ? ” ทั้งสองคนหันมามองพร้อมกัน

“…”

เอี้ยดดดดด

จู่ ๆ รถก็เบรกกะทันหันจนหน้าของพวกเราแทบคว่ำ ทำให้ขนมทั้งสองชิ้นหล่นลงพื้นพร้อมกัน ราวกับพระเจ้ากำลังตอบรับเสียงของตัวผม

“ขอโทษครับคุณหนู” เสียงคนขับดังขึ้น “มีแมวกระโดดตัดหน้ารถครับ” 

ผมถอนหายใจอย่างโล่งอกให้กับตัวเองที่เหมือนจะรอดแล้ว แต่…

“ไม่เป็นไรค่ะ” น้ำยิ้มหวาน มือเรียวสวยหยิบกล่องขนมใบใหม่ขึ้นมา ซึ่งในนั้นมันเต็มไปด้วยขนมสีขาวมากมายระดับที่เรียกว่าลังยังน้อยไปด้วยซ้ำ

“เรายังมีอีกเยอะค่ะ”

“ฉันก็เหมือนกัน!” บีมชูถุงคุกกี้ขึ้นมาบ้าง ดูแล้วแม้จะไม่ได้เยอะเป็นกล่องแบบคุณน้ำแต่จำนวนขนาดนี้ก็ต้องบอกว่าเยอะในระดับที่กินหมดก็จุกท้องได้เหมือนกัน… ทั้งสองคนจะเวอร์เกินไปแล้ว ทำอะไรสนใจท้องน้อย ๆ ของฟ้าคนนี้หน่อยเถอะ

แค่เดินทางยังวุ่นวายขนาดนี้แล้วที่บ้านมันจะขนาดไหนเนี่ย พลางคิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจก่อนหยิบขนมของทั้งสองคนมากินแบบยัดเข้าปากพร้อมกันเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุฆาตกรรมในรถซะก่อน

รสหวานของขนมสีขาวที่คุณน้ำเอามาให้นั้นละลายเข้าปากผสมกับรสชาติอ่อน ๆ บวกกลิ่นหอมขอคุกกี้ที่คุณบีมทำมาให้ บังเกิดเป็นรสชาติใหม่ที่แสนอร่อยจนน่าแปลกใจ แต่เรื่องนั้นใครสนกัน พอมันอร่อยแบบนี้ไม่รอช้าผมก็คว้าขนมของทั้งสองแล้วสลับกินไปมาอย่างเอร็ดอร่อยแบบไม่สนแม้แต่มารยาท

ขอหน่อยแล้วกัน อัดอั้นมานาน…… อ้า มีความสุขขขขขขข

ตอนแรกทั้งสองคนทำท่าจะคัดค้านหรือบ่นแต่พอเจอรอยยิ้มอันแสนยินดีของฟ้าตัวน้อย ๆ ใบหน้าขุ่นข้องก็พลันหายไปก่อนที่จะยิ้มมาอย่างยินดีและมองมาที่ผมอย่างมีความสุข ซึ่งตัวผมนั้นหาได้รู้เลยแม้แต่น้อยเพราะตอนนี้จิตใจมัวแต่จดจ่ออยู่กับขนมหวานในมืออย่างเดียว

เวลาผ่านไปสักพัก สภาพของตัวเองตอนนี้เหมือนราวกับเด็กน้อยที่ถูกผู้ใหญ่มองมาอย่างเอ็นดูพร้อมกับถูกป้อนขนมเข้าปากไปมาจากทั้งสองคน

“กินอีกนะคะคุณฟ้า ยังมีอีกเยอะไม่ต้องกลัวหมดนะคะ”

“ฮะ ๆ ฟ้าตอนทานขนมนี่น่ารักจริง ๆ อย่างกับลูกนกเลย”

“นั่นสินะคะ น่ารักมากจนอยากเก็บไว้ดูคนเดียวเลยค่ะ”

หือ… เหมือนได้ยินอะไรแปลก ๆ? แต่ช่างมันก่อนเถอะ มีเรื่องให้สนใจกว่ารออยู่ตรงหน้าเนี่ย

“ถึงแล้วครับคุณหนู”

เพราะไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่กับสภาพแวดล้อม เลยไม่มั่นใจในสิ่งที่ได้ยินแต่ก็ปล่อยผ่านไปเพราะตอนนี้มีสิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่ามาอยู่ตรงหน้าของผมเป็นที่เรียบร้อย ใช่ มันอยู่ตรงหน้านี้เอง

ที่ตรงหน้านั้นคือประตูรั้วเหล็กดัดสีขาวทรงสูงสง่าที่กำลังเปิดออกโดยอัตโนมัติ เผยให้เห็นถนนลาดยางโค้งอ่อนช้อยที่ทอดยาว ขนาบข้างด้วยแนวไม้ดอกที่กำลังออกดอกสีแดงสดประปราย สวนหย่อมถูกจัดแต่งอย่างประณีตจนราวกับเป็นภาพวาด

รถยนต์แล่นผ่านถนนที่ปูด้วยหินอ่อนจนไปหยุดตรงหน้าคฤหาสน์หลัก ซึ่งมีขนาดใหญ่โตจนผมเผลออ้าปากค้างโดยไม่รู้ตัว ตัวอาคารมีการออกแบบที่ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมคลาสสิกและโมเดิร์น ผนังสีขาวครีมตัดกับเสาโรมันที่ตั้งเรียงราย ดูเหมือนเป็นพระราชวังขนาดย่อมหลังหนึ่ง บนผนังมีลวดลายปูนปั้นที่ดูประณีต ส่วนหน้าต่างนั้นเป็นกระจกสเตนกลาสสะท้อนแสงแดดยามบ่ายเป็นประกายสวยงาม

“ที่นี่คือ…บ้านของคุณน้ำเหรอ?”

ผมหลุดถามออกมาอย่างลืมตัวให้กับสภาพบ้านที่ราวกับหลุดออกมาจากนิยายนี่ ที่จริงก็เคยได้เห็นภาพบ้านคนรวยจากในหนังมาอยู่บ้าง แต่นี่มันยิ่งใหญ่อลังการยิ่งกว่านั้นไปไม่รู้อีกกี่สิบเท่า

“ค่ะ” คุณน้ำยิ้มเล็กน้อยพลางหัวเราะเบา ๆ เมื่อเห็นผมที่กำลังอ้าปากค้าง รอยยิ้มนั้นช่างเป็นรอยยิ้มราวกับคุณพี่สาวที่กำลังมองดูน้องสาวอย่างเอ็นดูก็ไม่มีผิด

‘นี่มันบ้านคนหรือราชวังล่ะเนี่ย!’ ผมคิดในใจแต่ไม่ได้พูดออกมา

พอเดินเข้าไปใกล้ ตัวอาคารก็ดูยิ่งใหญ่กว่าเดิม ประตูหน้าบ้านเป็นไม้สักแกะสลักขนาดมหึมา ตกแต่งด้วยมือจับทองคำที่ดูเหมือนของสะสมราคาแพง พอเปิดประตูเข้าไปข้างใน กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกไม้ก็ต้อนรับผมทันที

ห้องโถงใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าคล้ายกับห้องโถงในโรงแรมหรู พื้นปูด้วยหินอ่อนมันวาวจนสะท้อนภาพของตัวเองได้ เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นดูเหมือนของสะสมล้ำค่าราคาแพง โคมไฟระย้าขนาดมหึมาห้อยอยู่กลางเพดานที่สูงโปร่ง ด้านข้างมีบันไดวนที่ดูเหมือนหลุดมาจากภาพยนต์บ้านไฮโซ

“ทำตัวตามสบายนะคะ ถึงบ้านหลังนี้อาจจะดูใหญ่ไปหน่อย แต่ก็เป็นบ้านทั่ว ๆ ไปค่ะ”

ใหญ่ไปหน่อย…?นี่ถ้าจะเรียกว่าแค่ ‘ใหญ่ไปหน่อย’ แล้วบ้านผมมันจะเรียกว่าอะไรล่ะคุณน้ำ รูหนูเหรอ?

“หืมม ไม่ค่อยเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนเลยนะ”

“แหม ก็บ้านตั้งแต่สมัยรุ่นคุณปู่ จะให้เปลี่ยนอะไรมากมายล่ะคะคุณบีม”

“เอาเถอะ ใหญ่ขนาดนี้ฟ้าเดินเหนื่อยแย่แน่ ไม่ต้องห่วงนะฟ้าบ้านฉันเดินสบายกว่านี้หลายเท่า ไว้ว่าง ๆ ไปเที่ยวเล่นได้นะ”

“แหม ได้ทีก็ฉวยโอกาสชวนเลยนะคะ”

“เห… กับคนที่แอบชวนฟ้ามาก่อนแบบนี้ จะพูดแบบนี้กับฉันได้เหรอ”

“พูดถึงใครกันล่ะคะนั่น”

“นั่นสินะ ใครกันนะ”

อึดอัด อึดอัดสุด ๆ!! แค่บ้านใหญเป็นราชวังก็ทำให้ตัวเกร็งแล้ว นี่ยังต้องมาเดินท่ามกลางสงครามกระชากมิตรแบบนี้อีก หายใจได้ไม่ทั่วท้องเลยเรา

“คุณฟ้าชอบอะไรเป็นพิเศษไหมคะ?” น้ำถามพลางเดินนำทางเข้าไปในโถงด้านใน ซึ่งผมสังเกตเห็นรูปภาพและงานศิลปะที่ประดับอยู่บนผนัง ทุกภาพดูเหมือนจะเป็นงานศิลป์ราคาแพง และบางภาพก็มีลายเซ็นของศิลปินชื่อดัง ระดับที่ถ้าเผลอไปชนตกสักอันจนพัง ไม่รู้ว่าชาติหน้าจะชดใช้ได้หมดไหม

“อะ…เราชอบอะไรที่เรียบง่ายน่ะค่ะ” ผมพูดออกไปพลางก้มหน้ามองพื้น พยายามไม่แสดงความตื่นเต้นจนเกินเหตุ

“ถ้าอย่างนั้น ห้องเล่นเกมที่เราสร้างไว้ก็น่าจะถูกใจคุณฟ้านะคะ” น้ำหันมามองด้วยรอยยิ้มอบอุ่น “เราออกแบบให้เรียบง่ายเพื่อให้คุณฟ้ารู้สึกผ่อนคลายที่สุดค่ะ”

ผมกลืนน้ำลายและได้แต่คิดในหัวว่า ห้องเล่นเกม…นี่คุณน้ำหมายถึงแค่ ‘ห้อง’ จริง ๆ ใช่ไหม เพราะตอนนี้สภาพของห้องเล่นเกมในหัวผมมันชักจะเริ่มหลุดจากความเป็นจริงไปมากขึ้นทุกที

ระหว่างที่เดินต่อไป เสียงเพลงเบา ๆ ก็ดังคลอไปกับบรรยากาศ ผมมองไปรอบ ๆ เห็นพนักงานในชุดยูนิฟอร์มกำลังจัดดอกไม้และโค้งหัวทำความเคารพ ดูเหมือนทุกคนจะรู้หน้าที่ตัวเองและทำงานอย่างเป็นระบบราวกับอยู่ในโรงแรมระดับห้าดาว

แน่นอนว่าในนี้มีผมแค่คนเดียวที่เดินตัวเกร็งเป็นหุ่นยนต์ คุณน้ำและคุณบีมไม่มีทีท่าจะรู้สึกอะไรกับสภาพสุดอลังการพวกนี้เลยแม้แต่น้อย

“ถึงแล้วค่ะ” น้ำพูดพร้อมกับเปิดประตูบานหนึ่งที่อยู่ปลายทางเดิน

เมื่อประตูเปิดออก สิ่งที่อยู่ตรงหน้าทำเอาผมหยุดหายใจไปชั่วขณะ ห้องเล่นเกมที่เธอพูดถึงไม่ได้ใหญ่โตเกินไป…ใช่ หมายถึงขนาดน่ะนะ

พื้นห้องปูด้วยพรมสีพาสเทล มีโซฟานุ่ม ๆ วางอยู่กลางห้อง ข้าง ๆ เป็นโต๊ะเล็ก ๆ คล้ายบาร์ที่เต็มไปด้วยขนมและเครื่องดื่ม อีกฝั่งหนึ่งเป็นโต๊ะเกมถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบ มีเครื่องเล่นเกมและอุปกรณ์ครบครันจนผมแทบจะไม่เชื่อสายตา ไล่ตั้งแต่พีซีตั้งโต๊ะไปยันเครื่องเล่นทุกชนิดและทุกรูปแบบที่จะหาได้บนโลกใบนี้

“นี่คือ…ห้องที่เล่นเกมที่ว่าเหรอคะ?” ผมพูดเบา ๆ พลางมองรอบ ๆ โดยในใจก็ได้แต่สงสัยว่านี่มันห้องเล่นเกมหรือว่าคาร์เฟ่สุดหรูกันแน่

“ค่ะ” น้ำยิ้มอย่างภูมิใจ “เราคิดว่าคุณฟ้าน่าจะชอบอะไรที่เรียบง่าย แต่มีความเป็นส่วนตัวนิดหน่อย”

“เรียบง่ายสินะคะ….” ผมได้แต่พูดทวนคำพูดของเธอ พลางในใจก็ได้แต่คิดว่าคำว่าเรียบง่ายของพวกเรามันช่างต่างกันโดยแท้

“ถูกใจไหมคะ”

ถึงมันจะดูอลังการจนหลุดโลก แต่หากถามเรื่องความพอใจแล้วล่ะก็ คงไม่มีเกมเมอร์คนไหนที่จะปฏิเสธห้องเล่นสุดแสนสบายนี่ไปได้หรอก เพราะงั้น

“ถูกใจ… ไม่สิ ชอบมาก ๆ เลยล่ะค่ะ”

“ขอบคุณค่ะ ได้ยินแบบนั้นเราก็…. ดีใจมาก ๆ เลยค่ะ” คุณน้ำพูดเบา ๆ พลางยื่นมือมาจับมือผมพร้อมด้วยรอยยิ้มสุดแสนจะมีเสน่ห์ที่ทำเอาเพียงแค่จ้องก็เผลอทำเอาหน้าตัวเองรู้สึกร้อนผ่าวไปชั่วขณะ

ควับ

มือของพวกเราถูกแยกออกจากกันด้วยมือของอีกผู้หนึ่งที่อยู่ในห้อง โดยร่างนั้นเดินเข้ามาแทรกกลางระหว่างเราทั้งสอง นั่นไม่ใช่ใครอื่น คือคนเจ้าชายนั่นเอง

“ต้องบอกว่าเรื่องนี้เธอนำไปหนึ่งก้าวจริง ๆ นะน้ำ แต่ว่านะหลังจากนี้มันไม่แน่”

“เห… หมายถึงอะไรกันงั้นเหรอคะคุณบีม”

แม้เสียงจะพูดมาคล้ายคำถาม แต่ไม่รู้ว่าทำไมแววตาที่คุณน้ำจดจ้องคุณบีมอยู่ตอนนี้มันเหมือนราวกับผู้มีชัยเหนือกว่า ซึ่งนั่นทำเอามุมปากของคุณเจ้าชายกระตุกไปชั่วขณะ

“มาตัดสินกันดีกว่า ตัดสินว่าใครที่จะเป็นคนที่อยู่ข้างฟ้าได้ในช่วงเวลาแห่งความสุขนี้น่ะ”

ห๊ะ?

“แบบนั้นก็ดีสิคะ จะพิสูจน์เองว่าเราน่ะเข้าใจและเข้าได้กับคุณฟ้าที่สุด รางวัลเอาเป็น… นั่นสินะคะ อีกไม่นานก็วันหยุดยาวแล้ว เอาเป็นว่าใครชนะก็ได้ไปเที่ยวกับคุณฟ้ายาว ๆ ไปเลยเป็นอย่างไรล่ะคะ?”

หา… ว่าไงนะ

“ก็ได้ เอาตามนั้น ใครชนะได้วันหยุดของฟ้าไปครอง”

“เช่นนั้นก็มาตัดสินกันเลยดีกว่าค่ะ….ส่วนเกมนั้นก็ให้คุณฟ้าเลือกน่าจะเหมาะที่สุด”

เดี๋ยว ๆ ตกลงกันนี่ได้ถามคนที่เป็นรางวัลไหมว่าอยากไปเหรอเปล่า!!! ผมน่ะอยากนอนอยู่บ้านเท่านั้นเองนะ!!!

“ฟ้าเลือกเกมได้เลย…ชัยชนะนี้น่ะ ฉันจะคว้ามาเพื่อเธอเอง”

“ไม่ต้องห่วงนะคะ ช่วงเวลาของเราสองคน… เราน่ะจะเป็นคนปกป้องไว้เอง”

กลับมาก่อน ช่วยกลับมาดูที่ผมก่อน….คิดเองเออเองกันไปใหญ่แล้วทั้งสองคนนนนนนน

ถึงจะคิดแบบนั้นแต่มีเหรอจะห้ามทั้งสองคนที่ตอนนี้จิตวิญญาณกำลังลุกโชนด้วยไฟอันร้อนแรงได้ เพราะฉะนั้นสุดท้ายก็เลยจำใจตกปากรับคำและหาเกมที่พอจะเอามาเดิมพันได้โดยในใจก็ได้แต่คิด….

มันจะมีวันที่ชีวิตเราสงบไหมเนี่ย

 

****************************

มาแล้วครับ กลับมาจากงานสุมหัวจำนวนมหาศาล จะทยอยปั่นตอนใหม่เรื่อย ๆ ให้จบภาคแรกนะครับ หวังว่าจะสามารถทำให้จบได้ภายในเดือนนี้ มาลุ้นกันดูครับว่าจะทำได้ไหม 555

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด