ซวยจริง กลายเป็นสาวน้อยไม่พอยังเจอเหล่าเจ้าหญิงของโรงเรียนมาจีบอีก 38
เช้าวันใหม่มาถึง หลังจากที่ชมวิวบึงยามเย็นกับคุณเจ้าชายจบลงไปด้วยความสุขและความทรงจำอันงดงามที่เพียงแค่คิดถึงก็ทำเอาอดที่จะเผลอยิ้มออกมาอย่างมีความสุขไม่ได้ และพอพูดถึงเรื่องของความสุข ตลอดสองวันที่ผ่านมาช่างเป็นวันที่นับว่าเปี่ยมล้นด้วยความสุขที่สุดของผมจริง ๆ
“เสียงที่ได้ยินนี่… มันเต้นแบบนี้เพราะคุณฟ้าคนเดียวเท่านั้น ไม่ว่าคุณฟ้าจะเป็นใคร จะเป็นยังไง หัวใจดวงนี้ก็จะเต้นแบบนี้เสมอ”
เสียงอันแสนอบอุ่นของเจ้าหญิงยังคงดังกึกก้องในหัวใจเรื่อยมา เพียงแค่คิดถึงก็ทำเอาหัวใจดวงน้อย ๆ ที่กลางอกนี่มันรู้สึกอบอุ่นอยู่เสมอ
“ฟ้า…ไม่ว่าฟ้าจะเป็นยังไง…หรือมีอะไรที่ฉันยังไม่รู้ ขอแค่เธอเป็นตัวของตัวเอง ฉันก็จะยังอยู่ตรงนี้ อยู่ข้าง ๆ เธอเสมอ”
ภาพของรอยยิ้มและเสียงอันอ่อนโยนที่เพียงแค่นึกถึงก็รู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังอยู่ในอ้อมกอดที่ปลอดภัยของคุณเจ้าชาย
เพียงแค่หวนคิดถึงสองวันที่ผ่านมามันก็ทำเอาจิตใจอิ่มเอมไปด้วยความสุข เพียงแค่คิดถึงหน้าของทั้งสองคนก็พลันหน้าแดงขึ้นมาจนต้องเอาหน้าซุกกับหมอนก่อนจะเอามือตีฟูกรัว ๆ เพื่อลดความเขินอาย
ทั้งสองวันช่างเป็นวันที่ล้ำค่า เป็นวันแห่งความสุขที่ไม่อยากให้มันผ่านพ้นไป อยากให้วันเวลาแบบนี้มันคงอยู่ตลอดไป หากเป็นไปได้แต่ว่า….
“แต่ว่าทำหน้าแบบนั้นนี่อย่างกับสาวน้อยในห้วงความรักเลยนะคะคุณฟ้า”
“ไม่ใช่สาวน้อยซะหน่อย!!!”
เสียงแซวขึ้นของพี่อีฟที่ดังขึ้นมาจากทางด้านหลังทำเอาผมหันหน้าตอบกลับไปก็พบกับพี่อีฟที่อยู่ในชุดผ้ากันเปื้อนแม่ครัวแบบที่ไม่ค่อยเห็นบ่อยนัก
“แล้วนี่พี่ทำอะไรอะ ใส่ผ้ากันเปื้อนแบบนั้นทำไมเหรอ”
“พอดีวันนี้วันหยุดเลยว่าจะทำอาหารเช้าซะหน่อยน่ะค่ะ เลยว่าจะชวนมาทานด้วยกัน แต่ว่าขึ้นมาก็เห็นสาวน้อยกำลังฝันหวานอยู่… งั้นไม่กวนนะคะ”
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ใช่สาวน้อยน่ะ!!!”
“เหรอคะ? แต่ที่เห็นคือถ้าคุณไม่ใช่สาวน้อย ดิฉันก็คงเป็นสุภาพบุรุษแล้วล่ะค่ะ เอาเถอะค่ะ อย่างไรก็รีบแต่งตัวแล้วมาทานอาหารก่อนดีกว่า วันนี้วันนัดรถไฟชนกันไม่ใช่เหรอคะ”
“โถ่ พี่อีฟอะ รถไฟชนอะไรล่ะ แค่ไปเที่ยวด้วยกันสามคนเท่านั้นเอง”
“คิดเหมาทั้งลูกสาวนายทุนระดับชาติกับมาเฟียระดับประเทศ…. นับถือในความกล้าคุณฟ้าจริง ๆ ค่ะ”
หลังพี่อีฟได้แซวผมจนหนำใจ พี่เขาก็หันหลังกลับแล้วเดินลงไปที่ครัวเพื่อทำอาหารต่อ ส่วนผมที่นึกได้ว่าต้องรีบแต่งตัวเพราะเดี๋ยวอีกไม่นาน ทั้งสองคนจะมารับก็รีบไปหยิบชุดทันที ซึ่งชุดในครั้งนี้ก็ต้องบอกว่ามันน่ารักอีกตามเคย ชุดผ้าสีขาวกับกระโปรงสั้นสีดำสุดน่ารักที่พร้อมจะทำลายความเป็นชายของคุณเมื่อยอมใส่มัน และหากนั่นยังไม่พอพี่อีฟยังแถมถุงเท้าสีดำซึ่งเมื่อใส่แล้วจะยิ่งชูความน่ารักของน้องฟ้าไปอีกไม่รู้กี่สิบเท่า
“จะบอกว่าชินก็ไม่ได้สิเนี่ย…”
ใส่ชุดไปก็ใส่แบบกล้า ๆ กลัว ๆ หัวใจมันเต้นแรงทุกครั้งเวลาจินตนาการภาพของตัวเองที่จะอยู่ในชุดพวกนี้ และพอใส่เสร็จก็มาอยู่ที่หน้ากระจกด้วยตัวที่สั่นเทาพร้อมกับมองภาพที่สะท้อนกลับมา
“น่ารักแล้วใช่ไหมนะ”
พอคิดว่าทั้งสองคนจะรู้สึกอย่างไรเวลาที่จะเจอกับตัวเองความกังวลมันก็เกิดขึ้นมา ทว่าพอรู้สึกตัวได้ก็รีบส่ายหัวแรง ๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“เกือบไป ๆ นี่แบบนี้แปลว่าเราชินกับชีวิตของสาวน้อยแล้วรึเปล่าเนี่ย”
ยิ่งคำพูดของพี่อีฟที่แซวมาเมื่อครู่ก็ยิ่งทำให้ในใจมันสับสนว้าวุ่นเรื่อย ๆ ว่าตัวเองนั้นชักจะเริ่มกลายเป็นสาวขึ้นทุกที หากปล่อยนานกว่านี้ไปสงสัยได้ไปไกลแบบกู่ไม่กลับแน่ ๆ เพราะงั้นตัวเองจึงตัดสินใจได้แล้ว
“เที่ยววันนี้เสร็จเมื่อไหร่จะต้องจริงจังกับการตามหาวิธีการกลับร่างเดิมแล้ว”
นั่นล่ะคือสิ่งที่ตัดสินใจได้ แต่ว่าสำหรับวันนี้ขอมีความสุขกับวันดี ๆ ไปก่อนก็แล้วกันนะ~
ตี๊ด ๆ
จู่ ๆ เสียงข้อความในมือถือก็เด้งขึ้นมาทำเอาใจที่ตอนนี้กำลังฝันหวานถึงอนาคตอันแสนสุขก็กลับมาอยู่กับปัจจุบัน และเมื่อรู้ว่าใครส่งข้อความมาก็ทำเอาหัวใจเต้นแรงตึกตักขึ้นมาอย่างทันทีทันใด
ข้อความที่ส่งมานั้นมันมาจากทั้งเจ้าชายและเจ้าหญิงคนดีของผม นั่นยิ่งทำเอาใจเต้นระรัวหหนักขึ้นไปใหญ่
สะ..ส่งมาพร้อมกันเลยงั้นเหรอ มะ..มีอะไรไหมนะ หรือว่าจะมาถึงกันแล้วทั้งคู่เนี่ย
ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ค่ะคุณฟ้า พอดีว่าที่บ้านมีธุระด่วนเข้ามาเลยอาจจะต้องขอยกเลิกนัดนี้ไปก่อนนะคะ เราเสียใจมากจริง ๆ แต่ว่าเราอยากไปเที่ยวกับคุณฟ้ามาก ๆ เลยนะคะ
ขอโทษด้วยนะฟ้า ดูเหมือนว่าทางบ้านจะเรียกตัวด่วนน่ะ ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ แต่อยากให้รู้ไว้นะว่าเราอยากอยู่กับฟ้ามากจริง ๆ คิดถึงเสมอนะ
อ่านไปก็ตัวบิดงอไปให้กับคำลงท้ายของทั้งสองคน แต่ว่าสักพักก็ต้องชะงักแล้วคิ้วกระตุกขึ้นอย่างสงสัย ว่ามันเกิดอะไรขึ้นทำให้ทั้งสองคนจู่ ๆ ก็ยกเลิกนัดกะทันหันแบบนี้
แถมพร้อมกันด้วย… น่าสงสัยจริง ๆ
แต่สรุปว่าวันนี้อดเที่ยวแล้วงั้นเหรอ….
พอคิดได้แบบนี้ก็ทำเอาคอตกอย่างเหงา ๆ ภาพความสุขที่วาดฝันเอาไว้ในวันนี้ สรุปก็สลายกลายเป็นฝุ่น ซึ่งนี่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากทำใจ เพราะบ่นไปก็คงไม่ดีกับทั้งสองคนนั้น
ผมเดินคอตกลงไปข้างล่างก่อนจะพบพี่อีฟที่กำลังจัดอาหารเช้าอย่างสบายอารมณ์ ซึ่งเจ้แกก็หันหน้ามองมาอย่างสงสัยเมื่อเจอผมเดินคอตกลงมา
“เกิดอะไรขึ้นเหรอเปล่าคะ เมื่อครู่ยังหน้าตาระรื่นอยู่เลย ตอนนี้บูดยิ่งกว่าตูดลิงซะแล้ว”
“แผนล่มอะพี่อีฟ ทั้งสองคนติดธุระ”
“หือ? ติดธุระหรือคะ? ด่วนเอาเรื่องนะคะเนี่ย….ไม่ใช่ว่าเจอไปดูตัวเหรอคะ”
“ดะ…ดูตัว?”
“ก็เป็นคนตระกูลใหญ่โตไม่ใช่เหรอคะ การที่พ่อแม่จะเอาลูกสาวไปหาคู่เพื่อแต่งงานทางการเมืองก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนี่คะ”
พอพี่อีฟพูดมาแบบนี้ก็ทำเอาหัวใจมันเหมือนจะหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่มชั่วขณะ ความกลัวว่าจะสูญเสียสิ่งสำคัญค่อย ๆ เริ่มเข้ามาเกาะกุมหัวใจ เพียงแค่คิดภาพตามความรู้สึกหลาย ๆ อย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นตั้งแต่เสียใจ โกรธ ไม่พอใจ….
“อะไรกันคะหน้าแบบนั้น…. นี่น้องฟ้าคนสวยกำลังหึงหวงเหรอเปล่าเนี่ย”
“มะ…ไม่ได้หึงอะไรซะหน่อย ก็แค่แบบ…เอ่อ แค่เข้าไม่ถึงโลกของคนรวยเท่านั้นเอง”
“งั้นเหรอคะ… แสดงว่าถ้ามีหนุ่มที่ไหนได้ทั้งสองคนไปควงก็ไม่รู้สึกอะไรงั้นสินะคะ?”
“ไม่ได้นะ แบบนั้นน่ะ!”
จู่ ๆ ก็เผลอตะโกนออกมาดังลั่นก่อนที่จะรู้สึกตัวแล้วรีบเอามือปิดปาก ก็พบกับพี่อีฟที่กำลังแสยะยิ้มมองอย่างพอใจ
“แหม… น่ารักซะจริงเชียว”
“พี่อีฟอะ!!”
สุดท้ายเดาไปก็มีแต่ทำให้เครียดเปล่า ๆ ก็เลยเลิกคุยเรื่องนี้กับพี่อีฟแล้วไปรอถามทั้งสองคนทีหลังก็คงไม่สาย……. เหรอเปล่านะ
ติ๊ง
เสียงข้อความมือถือเด้งขึ้นอีกครั้งทำเอาผมรีบคว้าขึ้นมาดูด้วยความหวังน้อย ๆ ว่าจะเป็นข่าวดีบางอย่างแต่ตาก็เบิกกว้างออกเมื่อข้อความที่ติดต่อมากลับเป็นของพี่ทิพย์
นี่ ๆ วันนี้ว่างไหมจ๊ะฟ้าน้องรัก พอดีมีกิจกรรมชมรมน่าสน ๆ มาชวนให้ทำน่ะ ไม่ได้ไม่เป็นไรแต่ว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับน้องฟ้าสุด ๆ เลยนะขอบอก
เชื่อได้ไหมเนี่ย… คราวก่อนก็บอกว่าเกี่ยวข้อง แต่สุดท้ายก็ทำเอาเพื่อความสนุกของเจ้แกล้วน ๆ เลย แถมยังพาซวยเหยียบกับระเบิดคุณน้ำเข้าอีก รอบก่อนยังรอดได้ รอบนี้ไม่รู้จะรอดอีกได้ไหม
แต่คิดไปคิดมา เจ้แกก็เพิ่งเจอคุณน้ำเตือนไปเร็ว ๆ นี้เอง คงไม่ล้อเล่นอะไรหรอกมั้ง แถมวันนี้เองก็ไม่มีอะไรให้ทำอยู่แล้ว ถ้างั้นก็…
ฟ้าตัวน้อย:ว่างค่ะ
พี่ทิพย์สุดน่ารัก: เยี่ยมมาก ถ้างั้นมาเจอกันที่ห้องชมรมนะน้องรัก
ฟ้าตัวน้อย: ไม่ใช่ว่าวันนี้วันหยุดเหรอเจ้
พี่ทิพย์สุดน่ารัก: อย่าห่วงไป โรงเรียนเราสนับสนุนกิจกรรมชมรม ถ้าช่วงเช้าล่ะก็เปิดให้เข้าอยู่แล้ว
ฟ้าตัวน้อย: ได้ ๆ งั้นเดี๋ยวไปหานะคะ รอสักครู่
สุดท้ายก็เลยให้พี่อีฟพามาส่งที่โรงเรียนตามคำขอของหัวหน้าชมรมสุดป่วน และเมื่อมาถึง สิ่งที่รออยู่นั้นก็คือพี่ทิพย์และเหล่าสมาชิกในชมรมที่ตอนนี้กำลังจ้องภาพโปรเจคเตอร์กันอย่างสนุกสนาน และที่สำคัญภาพนั่นมันไม่ใช่ภาพอื่นใดนอกจากภาพของผมที่เดตกับทั้งสองคนเมื่อวันที่ผ่านมา
“เฮ้ยยยยยยย นี่พวกเจ้ดูอะไรกันเนี่ยยย”
“ดูน้องรักมีความสุขไง… นี่ยังมีของเด็ดกว่านี้ให้ดูอีกนะ เอ้า”
ภาพถ่ายเรียกว่ามาครบ ไม่ว่าจะเป็นตอนเดินเที่ยวห้างกับคุณน้ำ เล่นสวนสนุกกับคุณบีม ไอ้พวกนั้นยังพอว่าแต่ที่ทำเอาผมช็อคที่สุดก็คือ….
“หูววว โรแมนติกสุด ๆ”
“แบบนี้ขอแต่งงานไปเลยเหอะฟ้า”
ภาพที่ว่านั่นก็คือภาพของผมที่อยู่ในอ้อมกอดของทั้งเจ้าชายและเจ้าหญิงในมุมที่สวยงามที่สุด ภาพที่คุณน้ำโอบกอดภายใต้แสงดาว ภาพที่คุณบีมจูบลงที่หน้าผากยามอาทิตย์ตกดิน ทั้งหมดอยู่ในอัลบั้มรูปปริศนาของพี่ทิพย์เป็นที่เรียบร้อย
“เอามาได้ไงเนี่ย ไม่ใช่ว่าที่นั่นมันที่ส่วนตัว….”
“หึ ๆ ของแบบนี้อย่าดูถูกเจ้นะ ขึ้นชื่อว่าจะสอใส่เกือกเรื่องชาวบ้าน กับแค่พื้นที่ส่วนตัว มันจะมาขวางเราได้ไง”
ตำรวจ… ตำรวจอยู่ไหน ช่วยมาเอาภัยสังคมคนนี้ไปขังคุกเร็ว!!!!
“แต่งกันตอนไหน อย่าลืมส่งบัตรเชิญเจ้ไปด้วยนะ”
“ได้เลยพี่ทิพย์ เราส่งให้แน่”
“การ์ดเชิญ?”
“สันติบาล!!”
“โหดร้าย นี่พี่ที่รักเลยนะ”
“แล้วนี่สรุปว่าเรียกเรามาเพื่อแซวเอาสนุกใช่ไหม ถ้าใช่งั้นขอกลับล่ะ!!”
ไม่รอช้า ผมที่ตอนนี้เริ่มของขึ้นอยู่แล้วจากความหงุดหงิดเรื่องที่ค้างคาใจเมื่อเช้าก็ยิ่งหงุดหงิดกว่าเก่า เลยหันหลังกลับเตรียมออกจากห้องชมรมไปในทันที ทว่าก็ถูกมือของพี่ทิพย์คว้าเอาไว้ก่อน
“ใจเย็นก่อนสิน้องรัก พี่แซวขำ ๆ น่ะ มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่านะ”
ตอนนั้นเองที่พี่ทิพย์ดีดนิ้วทีหนึ่ง ภาพของผมก็ถูกพับเก็บไปก่อนที่จะกลายมาเป็นภาพอาจารย์ทั้งสองที่คุ้นหน้าอีกครั้งหนึ่ง
“นี่มัน…ครูปรางค์กับครูชวิน…เหรอคะ”
ภาพตรงหน้าคือภาพของครูเคมีและครูชีวะที่ตกเป็นผู้โชคร้ายอยู่ในลิสต์ติดตามข่าวสารของพี่ทิพย์
“ใช่ จากที่ชมรมของพวกเราไปสืบมาระหว่างที่น้องฟ้ากำลังมีความสุขอยู่นั้น…. เราก็ได้ผู้ต้องสงสัยจริง ๆ อยู่สองคนด้วยกัน”
“ครูปรางค์ อาจารย์เคมีนี่เราเข้าใจ แต่ยังจะเอาอาจารย์ชวินมาใส่อีกงั้นเหรอเจ้ เดี๋ยวก็ได้ลงอ่าวจริง ๆ หรอก”
“ฟังให้จบก่อนสิน้องรัก เรื่องมันมีอยู่ว่าพวกเรานั้นพบว่าสองคนนี้มีพฤติกรรมแปลก ๆ ที่น่าสงสัยอยู่”
“พฤติกรรมแปลก ๆ ?”
“ถูกต้อง… ทุก ๆ วันครูปรางค์จะกลับบ้านช้าเสมอ ๆ ไม่ใช่แค่ช้านะ บางคืนก็อยู่ยันดึกเลยด้วยซ้ำ”
“ไม่ใช่ว่าทำแผนการสอนเฉย ๆ เหรอพี่ทิพย์”
“หึ ๆ ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็ยิ่งแปลก เพราะสถานที่ที่ครูแกไปประจำน่ะ ดันเป็นห้องทดลอง คงไม่มีใครบ้าอยู่ห้องทดลองทั้งวันทั้งคืนแบบนั้นหรอกจริงไหม”
“อาจจะเตรียมสารสำหรับสอนในวันถัดไปก็ได้ไม่ใช่เหรอ”
“จินตนการน้อยจริงๆ น้องฟ้า”
เอ่อ… ผมว่าผมคิดอยู่ในกรอบของตรรกะปกติอยู่นะ ที่แปลกมันน่าจะเจ้มากกว่าไหมเนี่ย…
“ค่ะ? แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการตามหาเพื่อนพี่สาวด้วยล่ะคะ?” ผมถามอย่างสงสัย
“อ๋อ ยังไม่ได้เล่าต่อเลย” พี่ทิพย์ยิ้มกว้าง “คือว่าระหว่างที่คนของชมรมเราแอบดูอยู่ ก็บังเอิญเห็นครูปรางค์กำลังทำการทดลองอะไรบางอย่างที่แปลกมาก มีสารเรืองแสงแปลก ๆ แถมบางครั้งยังได้ยินเสียงระเบิดเล็กๆ ดังออกมาจากห้องทดลองอีกต่างหาก”
“สารแปลก ๆ!?” ผมอุทานเสียงหลง พลางในใจก็เริ่มคิดไปถึงน้ำยาที่ตัวเองโดนมาเมื่อหลายเดือนก่อนซึ่งนั่นเองที่ทำให้ผมเริ่มตั้งใจฟังพี่ทิพย์อย่างจริงจังมากขึ้น
“ใช่ แถมที่น่าสงสัยที่สุดก็คือ…” พี่ทิพย์กดรีโมทเปลี่ยนภาพ เป็นภาพที่ดูเหมือนจะเป็นหลักฐานการเข้าออกโรงเรียน “ช่วงที่น้องบอกว่าเพื่อนพี่สาวหายไป เป็นช่วงที่ครูคนนี้เข้ามาอย่างที่เคยบอกไปก่อนหน้านี้”
นั่นสินะ เคยคุยกันไว้ว่ามีคนเข้ามาที่โรงเรียนเรามากเกินผิดปกติอยู่ด้วยนี่นา แถมยิ่งมาทดลองอะไรแบบนี้ด้วยแล้วมันก็ยิ่งเข้าเค้าเข้าไปใหญ่….
“แล้วอาจารย์ชวินล่ะคะ มีอะไรน่าสงสัย?” ผมถามต่อ เพราะว่าดูแล้วสองคนนี้ก็น่าจะไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลยด้วยซ้ำ
“เรื่องของอาจารย์ชวินนี่น่าสนใจมาก” พี่ทิพย์ยิ้มกริ่มพลางกดรีโมทเปลี่ยนภาพ “ดูนี่สิ”
ภาพที่ปรากฏคือภาพอาจารย์ชวินที่กำลังถือถุงพลาสติกใบใหญ่เดินเข้าห้องพักครู ภายในนั้นบรรจุสารอะไรไม่รู้แปลก ๆ มากมายอยู่เต็มไปหมด แถมยังเป็นภาพที่ทั้งสองคนกำลังขนของที่ว่านั่นเข้าไปในห้องวิทยาศาสตร์อีกต่างหาก…?
“นี่มันอะไรกันเนี่ย” ผมขมวดคิ้วมองภาพตรงหน้า
มีภาพจำนวนมากที่ถูกถ่ายมาและระบุได้ว่าทั้งสองคนนี้นั้นอยู่ด้วยกันบ่อย ๆ และติดต่อคุยกันอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตอนอยู่ที่ลับหูลับตาคน มันยิ่งน่าสงสัยเข้าไปใหญ่เมื่อเวลาปกตินั้นทั้งสองคนแทบจะไม่ค่อยได้คุยกันเลยด้วยซ้ำ
“หะ… หรือว่า…” ผมเริ่มคิดตาม
“ใช่แล้ว! พวกเขาต้องกำลังทำอะไรบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากลแน่ๆ เพราะฉะนั้นคืนนี้… พวกเราจะต้องไปสืบให้รู้ความจริงกัน!”
“คะ… คืนนี้เลยเหรอคะ?” ผมถามเสียงสั่นเพราะว่านั่นมันเท่ากับว่าผมต้องไปเดินตามหาอาจารย์ช่วงตอนกลางคืนซึ่งมันเสี่ยงผิดกฏไม่พอ และที่สำคัญ….เสี่ยงเจอผีอีกต่างหาก คิดดูสิ โรงเรียนยามค่ำคืน จะมีอะไรน่ากลัวไปกว่านี้ไหม
“แน่นอน! เพราะคืนนี้เป็นคืนที่เราได้ยินมาว่าครูทั้งสองจะนัดเจอกันอีกครั้ง และที่สำคัญ…” พี่ทิพย์หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมา “นักสืบหูดีของเราแอบได้ยินว่าพวกเขาพูดว่าจะทำ ‘มัน’ ให้เสร็จคืนนี้!”
“มะ… ‘มัน’ คืออะไรเหรอคะ?”
“นั่นสินะ! มาช่วยกันหาคำตอบกันเถอะ!” พี่ทิพย์ตบบ่าผมเบาๆ “เตรียมตัวให้พร้อม คืนนี้สามทุ่มเจอกันที่หน้าโรงเรียน อย่าลืมแต่งตัวมิดชิดล่ะ จะได้ไม่มีใครจำได้!”
สิ้นคำพูดของพี่ทิพย์ ผมก็ได้แต่ถอนหายใจยาว รู้สึกว่าคืนนี้คงเป็นอีกคืนที่วุ่นวายแน่ๆ แต่อย่างน้อย… มันก็คงดีกว่าการนั่งเหงาคิดถึงสองคนนั้นอยู่คนเดียวล่ะมั้ง
Comments