ซวยจริง กลายเป็นสาวน้อยไม่พอยังเจอเหล่าเจ้าหญิงของโรงเรียนมาจีบอีก 40 ความจริง

Now you are reading ซวยจริง กลายเป็นสาวน้อยไม่พอยังเจอเหล่าเจ้าหญิงของโรงเรียนมาจีบอีก Chapter 40 ความจริง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

หลังจากที่พี่ทิพย์กับลุงยามวิ่งจากไปได้พักหนึ่ง เมื่อมั่นใจแล้วว่าทางเดินน่าจะสะดวก ผมก็ค่อย ๆ รวบรวมกำลังใจของตัวเองก้าวออกจากจุดที่หลบอยู่เพื่อขึ้นบันไดไปที่ชั้นสามท่ามกลางความมืดยามค่ำคืนของโรงเรียน

หากให้พูดแล้วตอนนี้มันยิ่งรู้สึกชวนน่ากลัวเข้าไปใหญ่ ทั้งอากาศที่เย็นยะเยือก ทั้งความเงียบที่มีเพียงแค่เสียงลมกับใบไม้จากนอกหน้าต่าง ก่อนหน้ายังมีพี่ทิพย์คอยปลอบแต่ตอนนี้ต้องลุยเดี่ยวเองซะแล้ว

ขึ้นมาถึงชั้นสาม สิ่งที่เห็นอยู่นั้นคือภาพของห้อง ๆ หนึ่งยังมีไฟเปิดสว่างส่องออกมาจนเห็นได้อย่างชัดเจน ซึ่งก็คงเป็นเป้าหมายของพวกเราในครั้งนี้

เอาล่ะ ฟ้าลุยเลย เราต้องทำได้

ไม่รอช้าผมค่อย ๆ เดินไปที่ห้องทดลองแบบค่อย ๆ ย่องไป ทุกฝีก้าวก็ระวังไม่ให้เกิดเสียงไม่งั้นหากอาจารย์ไม่หนีไปก็รับรองได้ว่าพรุ่งนี้เช้าได้ไปยืนสำนึกผิดที่หน้าเสาธงอย่างแน่นอน

“ใกล้แล้วสินะคะ รุ่นพี่”

เมื่อตัวมาถึงหน้าห้อง ผมก็เอาหูแนบกับประตูเพื่อแอบฟังเสียงจากข้างใน เสียงนั้นเป็นของอาจารย์ปรางค์ไม่ผิดแน่นอน น้ำเสียงของอาจารย์ดูเหมือนกำลังหวั่นเกรงอะไรสักอย่างอยู่

“อ่า… งานนี้ต้องรีบแล้วล่ะปรางค์ ดูเหมือนจะมีคนมายุ่งกับพวกเรามากเกินไปแล้ว”

“ถามจริงเถอะค่ะรุ่นพี่ นี่ไปทำอะไรมาถึงเจอคนไล่ขนาดนี้”

“นั่นสิ ก็อยากถามตัวเองเหมือนกันว่าทำไมคนมันถึงตามหาตัวฉันกันขนาดนี้…. หรือว่าความอัจฉริยะฉันมันจะเป็นที่เลื่องลือ?”

“ถ้ากำลังเล่นตลกอยู่ คงต้องบอกว่าไม่ฮานะคะ”

“ฮ่า ๆ จริงจังไประวังแก่เร็วนะคุณรุ่นน้อง”

เสียงของผู้ชายที่คุยกับครูปรางค์นั้นเองก็เป็นเสียงที่คุ้นเคย ใช่ มันคือเสียงของอาจารย์ชวินที่เป็นต้นเรื่องของความวุ่นวายเมื่อก่อนหน้านี้ แต่สิ่งที่แปลกไปนั้นคือน้ำเสียงของอาจารย์ที่เปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจ ไม่ใช่เสียงประดุจปลาตายของอาจารย์ตัวประกอบฉากที่เคยเป็น

“แต่ก่อนอื่นเลย….. คนที่อยู่ตรงนั้นน่ะจะไม่ออกมาหน่อยเหรอ”

อาจารย์ชวินพูดขึ้นในขณะที่ขยับแว่นของตัวเองทีหนึ่ง สายตาของเขานั้นจ้องเขม็งมาทางที่ผมแอบหลบอยู่ไม่ผิดแน่

กำเวร…. นี่ซ่อนเนียนแล้วนะ ไหงรู้ตัวล่ะ

“มีคนเหรอคะ..เหรอว่า” เสียงของอาจารย์ปรางค์ดูตกใจ แต่อาจารย์ชวินก็ส่ายหน้าน้อย ๆ แล้วยิ้มออกมา

“ไม่ใช่คนที่ไล่ตามเราตลอดคืนนี้หรอก….. จะออกมาหรือว่าให้ทางนี้เดินไปหาเองล่ะ”

น้ำเสียงของอาจารย์ดูกดดันมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีนั้นจะทำอะไรเหรอเปล่าก็เลยทำเอาหัวมันสับสนไปหมด ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรดีสุดท้ายก็เลยทำในสิ่งที่มันผุดขึ้นมาในหัว

“เมี้ยวววววว”

……

ใช่ ร้องเสียงแมว ตามหลักของนิยายทั่วไปแล้วนั้น การพลางตัวที่ดีที่สุดคือการร้องเสียงแมว และอีกฝ่ายก็จะคิดไปเองว่า…

“ไม่เนียน”

“ไม่เนียนค่ะ”

ไม่เนียนเหรอ?

ทั้งสองแทบจะพูดมาเป็นเสียงเดียวกันทำเออาใจของผมมันหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม สุดท้ายก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากแสดงตัวไปให้เห็นพร้อมยกสองมือขึ้น

“ขะ…ขอโทษค่ะ หนูยอมแล้ว อย่าทำอะไรหนูเลย”

“หือ…ณัฐชาเหรอ”

อาจารย์ชวินเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย เมื่อพบว่าคนที่แอบซ่อนอยู่นั้นเป็นผม ส่วนครูปรางค์ที่ตอนแรกกำลังจะเดินเข้ามาหาก็หยุดลงเมื่อครูหนุ่มตรงหน้ายกมือห้ามไว้ก่อน

“อืม…. ได้ยินเสียงวุ่นวายที่ข้างนอกนั่นแถมยังมีกลุ่มนักเรียนวิ่งเตลิดหนีลุงยาม ถ้าให้เดาคงเป็นคนของพวกชมรมข่าวสารสินะ”

“เอ่อ…ใช่ค่ะ”

ผมตอบรับไปแบบตรง ๆ เพราะชื่อเสียของชมรมนี้มันก็เป็นที่เด่นชัดอยู่แล้ว มันน่าจะเข้าใจง่ายกว่าและหากสองคนตรงหน้าเกี่ยวกับบุคคลที่ผมตามหาจริงก็ช่วยให้พวกเขาไม่ไหวตัวทัน

“อืม..ก็ว่าอยู่ว่าทำไมมีนักเรียนตามติดอยู่บ่อย ๆ ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง… ว่าแต่ตัวครูมันมีข่าวเสีย ๆ หาย ๆ อะไรให้พวกเธอสืบงั้นเหรอ”

“นั่นสิ กับคนจืดสนิทแบบรุ่นพี่….ครูชวิน มีอะไรให้ชมรมของพวกเธอมาสืบกัน”

“เรื่องนั้น…..”

ผมพยายามคิดหาเหตุผลที่จะตอบครูทั้งสองกลับไป เพราะหากตอบอะไรแปลก ๆ ไปอาจมีโอกาสที่ทั้งสองคนจะสงสัยอะไรได้

“ว่าไง?”

ครูชวินถามย้ำ ดวงตาภายใต้แว่นตานั่นเริ่มหรี่เล็กลงราวกับจ้องจะจับผิด มันทำเอาผมเสียวสันหลังวาบไปชั่วขณะ

“เรื่องนั้นเพราะว่าครูสองคนมาทำอะไรกันตอนดึก ๆ ดื่น ๆ พวกเราเลยอยากรู้ว่าพวกครูทำแปลก ๆ กันเหรอเปล่าค่ะ!!”

หลังได้ยินคำตอบของผม ครูทั้งสองคนก็ชะงักไปชั่วครู่หนึ่ง ก่อนที่ครูปรางค์จะหันขวับใส่ครูชวินทันที

“เห็นไหมรุ่นพี่ บอกแล้วว่านัดเจอแบบนี้มันเสียชื่อฉันน่ะ ตายแล้ว ๆ เด็กพวกนี้จะเอาไปลือกันไงเนี่ย”

“เอ้า ก็ถ้าไม่ทดลองที่นี่แล้วจะไปทดลองที่ไหนอะปรางค์”

“ถ้าเกิดฉันหาแฟนไม่ได้นี่ รุ่นพี่ต้องรับผิดชอบด้วยนะ”

“เอ้า ความผิดฉันซะงั้น”

สายตาจ้องจับผิดของอาจารย์หนุ่มหายไปเพราะเจอเสียงดุของครูสาว เธอเริ่มบ่นออกมารัว ๆ จนชายหนุ่มก็ได้แต่พยายามเถียงไปมาเรื่อย ๆ ก่อนที่ครูปรางค์จะหันมาหาผมอย่างรวดเร็ว

“นี่ณัฐชา จำไว้นะว่าครูสองคนไม่มีอะไรกัน แค่มาช่วยกันทดลองบางอย่างเท่านั้นเอง”

“งั้นเหรอคะ….”

อาจารย์เริ่มพยายามแก้ตัว และตอนนั้นเองที่ผมก็เริ่มคิดอะไรบางอย่างได้ บางอย่างที่อาจทำให้ผมไปถึงคำตอบที่ตัวเองอยากจะได้

เอาล่ะได้เวลา…สวมวิญญาณพี่ทิพย์แล้ว.. ทำได้ฟ้า เธอทำได้!!!!

“จริงเหรอคะอาจารย์…. อย่าว่างั้นงี้เลยนะคะ แต่ว่าทดลองตอนดึก ๆ เนี่ย ดูอย่างไรมันก็มีอะไรในก่อไผ่จริง ๆ นะคะ”

“บอกว่าไม่มีไง พวกเราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นสักหน่อย”

“ค่ะ ๆ หนูไม่ได้จะว่าอะไรเรื่องรัก ๆ นะคะอาจารย์ แต่ว่า…”

ผมยิ้มแหย ๆ พลางทำหน้าละม้ายคล้ายคนสงสัยจริงจังแบบที่เห็นพี่ทิพย์ทำบ่อย ๆ เสริมด้วยจริตของสาวน้อยนักจิ้นแบบที่เห็นในนิยายเพื่อเพิ่มความสมจริงขึ้นไป

“แต่ว่ามันดู…มีอะไรซ่อนอยู่นิดหน่อยน่ะค่ะ เอ๊ะ หรือว่าคุณครูทั้งสองจะเป็น…”

“เป็นอะไร?” ครูปรางค์ถาม พลางขมวดคิ้วจ้องมองผมด้วยสายตาที่ดูไม่ค่อยไว้ใจ

“แหม ก็…สนิทกันมากขนาดนี้ ต้องมีอะไรพิเศษแน่ ๆ ใช่ไหมคะ? เมื่อครู่ก็ได้ยินครูปรางค์หลุดพูดคำว่า…รุ่นพี่ด้วย” ผมยิ้มเจื่อน ๆ ทำทีเป็นมองระหว่างทั้งสองคนสลับไปมา “ถ่านไฟเก่าสมัยเรียนเหรอคะ?”

“ถ่านบ้าบออะไรกันคะณัฐชา ถ้าจะต้องให้คบกับยัย…คน ๆ นี้ ครูผูกคอตายดีกว่าค่ะ”

“อ้าวเฮ้ย ปากปีจอขึ้นมาเลยนะรุ่นน้อง แต่นั่นล่ะนะณัฐชามันไม่มีเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ จริง ๆ ทดลองล้วน ๆ เลย”

รู้สึกเหมือนได้ยินอะไรน่าสนใจ หรือว่าจะเป็นแบบที่พี่ทิพย์คิดจริง ๆ

“งั้นทดลองเรื่องอะไรเหรอคะ”

“เรื่องนั้น….”

อาจารย์ชวินดูลังเลใจเล็กน้อย ทว่าตรงข้าม ครูปรางค์ตอนนี้ดูจะตื่นตระหนกสุด ๆ ระดับว่าแค่อ้าปากถามไปก็น่าจะยอมพูดมาหมดเลยก็ว่าได้

“บอกไปเถอะค่ะรุ่นพี่ แค่เรื่องการทดลองอะไรกับเด็กไม่น่ามีอะไรหรอก “

“จะดีเรอะ”

“ไม่บอกแล้วยัยเด็กพวกนี้เข้าใจผิดนั่นล่ะจะเป็นปัญหา รุ่นพี่ก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าพวกเด็กชมรมข่าวสารน่ะมันขึ้นชื่อเรื่องขี้เมาท์ยิ่งกว่าอะไร เกิดฉันคานทองมารุ่นพี่ต้องรับผิดชอบจริง ๆ ด้วย”

“ก็ได้ ๆ เฮ้อ…. ไม่นึกว่ารุ่นน้องของฉันจะกังวลเรื่องนี้นะเนี่ย”

“รุ่นพี่เองก็ควรกังวลบ้างนะคะ”

อาจารย์หนุ่มเกาหัวแกรก ๆ ก่อนถอนหายใจออกมาแล้วก็เดินนำผมไปที่บริเวณโต๊ะทดลองซึ่งเต็มไปด้วยสารเคมีต่าง ๆ มากมาย นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์อะไรไม่รู้วางอยู่เต็มไปหมด

“ก็ตามที่บอกล่ะนะ พวกฉันกำลังทดลองสร้างยาบางอย่างอยู่ แต่เป็นยาอะไรคงบอกไม่ได้หรอกนะ”

ผมจ้องไปที่ขวดทดลองที่วางอยู่บนโต๊ะ มันมีลักษณะเป็นของเหลวสีชมพูบรรจุอยู่ข้างใน ซึ่งนี่เองที่ทำเอาผมถึงกับชะงักไปชั่วขณะ เพราะสีของมันนั้นช่างคล้ายกับสีของควันที่ผมโดนมาก่อนกล้ายร่างไปไม่มีผิดเพี้ยน

“แต่เพราะแบบนั้นเลยต้องขอให้ปรางค์ช่วยน่ะ”

นี่พี่ทิพย์เดาถูกจริง ๆ แหะ เหลือจะเชื่อ

“ทีนี่น่าจะได้สิ่งที่ต้องการแล้วใช่ไหมล่ะ กลับไปบอกพวกชมรมด้วยนะว่าฉันไม่มีอะไรให้เมาท์สนุกหรอก”

แต่จะถามอะไรไปมากกว่านี้ก็คงไม่ดีเพราะมันจะยิ่งทำให้ทั้งคู่สงสัยว่าผมถามมากเกินไป… ไม่สิ แต่นี่มันเป็นจังหวะที่รอมานานแล้วไม่ใช่เหรอไง จังหวะของความจริง… จังหวะที่จะแก้ปัญหาทุกอย่างมันก็แทบจะแสดงออกมาตรงหน้าแล้วนี่

“มีอีกเรื่องค่ะ!!!”

“อีกเรื่องเหรอ?”

ผมรวบรวมความกล้า สูดลมหายใจลึก ๆ ตาก็หันไปมองหน้าอาจารย์หนุ่มที่กำลังหัวเราะให้กับรุ่นน้องของตัวเองซึ่งตอนนี้มองมาอย่างสงสัยเมื่อโดนผมร้องทักไป

“อาจารย์น่ะ รู้จักคนชื่อเฟรย์…ไม่สิ อาจารย์คือด็อคเตอร์เฟรย์เหรอเปล่าคะ”

……

พูดไปแล้ว… พูดออกไปแล้ว

ตอนนั้นเองที่ได้ยินคำถามของผม สีหน้าของอาจารย์ก็เปลี่ยนไป จากหนุ่มสุดจืด แววตาประดุจปลายตายเริ่มทอแววไปด้วยความสงสัยและกังขา เขาถอยหลังไปก้าวหนึ่งก่อนจะค่อย ๆ แสยผมขึ้นมาจนใบหน้าเปลี่ยนจากหนุ่มสุดจืดกลายเป็นหนุ่มหล่อราวกับใช้เวทมนต์

หลังจากทำการเปิดตัวประดุจบอสใหญ่ที่ถูกเหล่าตัวเอกจับได้ อาจารย์ชวิน ไม่สิ ด็อคเตอร์เฟรย์ก็นั่งลงพิงกับโต๊ะที่อยู่ตรงข้ามผมด้วยท่าที่เท่โคตร ๆ ก่อนจะแสยะยิ้มแล้วถามขึ้นมาด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยมาดเข้ม

“ใช่ ฉันเองล่ะ แล้วเธอล่ะเป็นใครกัน ณัฐชา”

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด