ตกหลุมร้าย! ยากูซ่าพ่อลูกติด 1-2
เมื่อรถยนต์วิ่งออกจากตรอกแล้วเริ่มแล่นไปตามถนน แผนการที่ตั้งใจว่าจะสังเกตเส้นทางอย่างละเอียดว่ากำลังไปที่ไหนของมินจุนก็ต้องสูญเปล่าเพราะกระจกรถติดฟิล์มดำสนิท เขาจึงพิจารณาใบหน้าโทมะที่กำลังหลับสบายๆ แทน แล้วหัวเราะราวกับคนบ้า
หัวหน้ากลุ่มที่นั่งข้างๆ เมื่อเห็นมินจุนกำลังหัวเราะก็มองด้วยสายตาเหมือนถามว่าเป็นบ้าหรือไง ก่อนจะเอ่ยข้อเสนอ
“ถ้าคุณเหนื่อยส่งคุณชายมาทางนี้ได้นะครับ”
มินจุนให้อีกฝ่ายมองมือเล็กๆ ของโทมะที่คว้าเสื้อของตนไว้แน่นทั้งๆ ที่ยังหลับอยู่พร้อมตอบบอกว่าไม่เป็นไร
“เพราะผมหัวเราะ ก็เลยดูเหมือนคนบ้าใช่ไหมครับ”
“เปล่าครับ แต่ก็….”
“ตอนอยู่เกาหลี ผมไม่ชอบสายตาคนอื่นเวลามองมา ก็เลยตัดสินใจมาญี่ปุ่นใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานให้เต็มที่ นี่ก็เพิ่งจะผ่านมาแค่หกเดือนเอง…. ผมกลัวมากจริงๆ ก็เลยได้แต่หัวเราะน่ะครับ”
“เทียบกับเวลาหกเดือน คุณพูดภาษาญี่ปุ่นเก่งมาก จนแทบไม่รู้เลยว่าเป็นคนเกาหลี”
“ผมเรียนภาษาญี่ปุ่นมานานแล้วครับ คือ…. แอบจอดรถให้ผมลงที่ไหนสักที่ไม่ได้เหรอครับ ผมกลัวมากจริงๆ นะ”
“เพราะพวกเราเป็นยากุซ่าเหรอครับ”
เฮ้อ…. มินจุนถอนหายใจส่ายหน้าไปมาราวกับเด็ก พลางส่งเสียงหัวเราะแปลกๆ ออกมา
“ฮ่าๆ เป็นยากุซ่าเหรอครับ ไม่รู้เลยนะเนี่ย งั้นคนเมื่อกี้ก็เป็นบอสเหรอครับ”
“ครับเป็นบอส แล้วคนที่คุณกำลังกอดอยู่ก็คือลูกชายของบอส คุณชายสืบทอดเป็นบอสรุ่นที่สิบเอ็ดของกลุ่มอุเอะยามะครับ”
ตุ้บ จู่ๆ น้ำหนักของเด็กชายที่นอนหายใจฟี่ๆ น่ารักน่าชังราวกับตุ๊กตาตัวน้อยก็กดทับลงบนหัวเข่าของมินจุดอย่างแรงเหมือนกลายเป็นแท่งเหล็ก
‘อะไรเนี่ย เราโดนหมายหัวจากบอสรุ่นถัดไปงั้นเหรอ ไม่ใช่ในฐานะคนรัก แต่เป็นหม่าม้า โธ่เอ๊ย จะมีใครโชคร้ายได้เท่าฉันอีกไหม’
มินจุนเริ่มรู้สึกถึงความรักของแม่ในการอยากจะเฝ้ามองว่าใบหน้าน่ารักๆ จะเติบโตไปเป็นชายหนุ่มสุกเซ็กซี่อย่างคนที่ได้เจอเมื่อครู่หรือเปล่า….
ไม่สิ ตั้งสติหน่อยมินจุน ความรักของแม่อะไรเล่า! อย่าสำคัญตัวเองผิด แกเป็นเกย์นะ ไม่ใช่ผู้หญิง ที่สำคัญตอนนี้แกกำลังจะถูกฆ่านะโว้ย ฮือๆ แค่อยากตั้งใจทำงานตอบแทนบุญคุณเริ่มต้นชีวิตใหม่ แล้วจะบอกแม่ยังไงว่ากำลังจะตาย
“ยากุซ่าไม่ลงมือกับคนธรรมดาๆ ไม่มีความผิดหรอกครับ”
“ความผิดเหรอ แล้วถ้ามีล่ะครับ”
“ก็….ลองคิดดูสิครับ”
มินจุนไม่อยากฟังเนื้อหาหลังจากนั้นต่อจึงพิงศีรษะกับกระจกพลางร้องไห้กระซิกกระซิก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคอยเช็ดใบหน้าของเด็กน้อยที่มีเหงื่อไหลซึมออกมา ก่อนจะดึงโทมะเข้ามากอดเพื่อให้อีกฝ่ายหลับสบายขึ้น
“ตื่น…. ตื่น!”
ใครบางคนเขย่าไหล่ของมินจุน เมื่อโดนปลุกเขาก็พึมพำออกมาอัตโนมัติ
“ไทเซอย่าน่า…. ฉันจะนอนต่อ….”
มินจุนหันกลับมาด้วยใบหน้าเปรอะเปื้อนน้ำตา เพี๊ยะๆ ทว่าแก้มกลับรู้สึกร้อนวูบวาบราวกับมีไฟลุก เขาจึงลืมตาโพลงแล้วส่งเสียงตะโกนทั้งๆ ที่ยังไม่ได้สตินัก
“ไอ้เวรนี่ อยากตายหรืองะ…. อุ๊บ!”
แล้วก็ต้องปิดปากตัวเองด้วยมือข้างนึงพลางส่ายหัวไปมาซ้ายทีขวาที ป๊ะป๋าของโทมะผู้หล่อเหลาจนแทบหยุดหายใจ บอสรุ่นที่สิบของอุเอะยา…บลาๆ กำลังก้มมองตนอยู่ ทั้งร่างอบอวลด้วยฟีโรโมนของชายหนุ่ม การมองเห็น การได้ยิน ไหนจะอุณหภูมิร่างกายที่รู้สึกได้จากระยะไกลนี่อีก ก็คือปลุกเร้าไปทุกความรู้สึก….
“ขะ…ขอโทษ… ครับ”
“ส่งโทมะมา”
ยิ่งได้ฟังใกล้ๆ น้ำเสียงของอีกฝ่ายทุ้มมากกว่าที่คิดเสียอีก ยังไม่ทันทำอะไรส่วนกลางลำตัวก็เริ่มจะกระดุกกระดิกและเสียววาบขึ้นมาในชั่วพริบตาแล้ว เมื่อมินจุนลังเล ชายหนุ่มจึงแย่งโทมะมาอุ้มแล้วออกจากรถไป
“ออกมา”
ก่อนจะพยักหน้าให้เขาออกจากรถเช่นกัน มินจุนก็ทำตามอย่างว่าง่าย ขณะเดินตามมินจุนก็มีความคิดบางอย่าง
‘เอางี้ดีกว่า ไม่ต้องไปยั่วยมทูตแล้ว ขอลองอยู่ใต้ร่างผู้ชายสุดคูลแบบนั้นสักครั้งแล้วค่อยตายดีกว่า จะได้ไม่มีอะไรติดค้างกับโลกใบนี้ไง! ดีกว่าไอ้เวรไทเซเป็นล้านเท่า ฮ่าๆ เอาเลยมินจุน นายทำได้’
เมื่อมีเป้าหมายใหม่ มินจุนก็รู้สึกว่าสภาพตัวเองไม่ได้อาภัพเหมือนคนใกล้ตายอย่างก่อนหน้านี้อีกแล้ว เขาเฝ้าฝันถึงอนาคตอันตื่นเต้นสนุกสนานที่วางแผนขึ้นมาใหม่สำหรับไลฟ์สไตล์เกย์ของตน
‘หึๆ ก็ใช่ว่าจะตายเสมอไปเนอะ อันที่จริงเตรียมใจไว้แล้วแท้ๆ แต่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้น่ะไม่เป็นไรหรอก ก็คุณมาทำให้ผมหลงเองนี่นา เพราะงั้นขออยู่ใต้ร่างคุณสักครั้งก่อนตายแล้วกันนะ’
มินจุนเดินตามชายหนุ่มผ่านสวนที่เชื่อมกับหมู่บ้านในป่าด้วยจิตใจเบิกบาน ก่อนจะเข้าไปในบ้านหลังใหญ่
แต่ชีวิตคนเราจะมีอะไรเป็นดั่งใจบ้างล่ะ ยังไม่ทันจะถึงสิบนาทีดี ความหวังของเขาก็โดนกวาดทิ้งลงท่อระบายน้ำไม่ต่างอะไรจากเศษกระดาษทิชชู่เปียกๆ แผ่นหนึ่ง
เมื่อคนเป็นหัวหน้ารับโทมะจากบอสตนมาอุ้มแล้วหายไปที่ไหนสักแห่ง มินจุนก็เริ่มกระสับกระส่าย ตอนนี้โทมะคือสิ่งเดียวที่จะช่วยชีวิตของเขาได้ แต่พอเด็กน้อยไม่อยู่ในสายตาแล้ว เขาก็เริ่มขาสั่นอย่างห้ามไม่อยู่จนโซซัดโซเซพิงตัวกับกำแพง บอสของทุกคนในที่นี้จึงยกจากเหล่าลูกน้องแล้วเดินมาทางเขา
“เป็นอะไร”
ไม่จริงน่า มินจุนไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเดินเข้ามาหาและเริ่มพูดกับตนก่อน จึงเริ่มวิตกกังวลยิ่งฝังตัวเข้ากับกำแพงและค่อยๆ ทรุดลงกับพื้น
“…”
“กะ…กลัวมากเลยก้าวขาไม่ออกครับ”
“หึ ใครไปขู่ว่าจะฆ่าเขา”
ชายหนุ่มจ้องมองมินจุนด้วยสายตาร้ายกาจราวกับจะเจาะทะลุ จากนั้นก็เอ่ยถามกลุ่มคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“ไม่มีครับ”
“ไม่เคยครับ”
“พี่ใหญ่เคนตะบอกว่าเราไม่ฆ่าคนธรรมดาๆ เขาน่าจะกลัวไปเองครับ”
ชายท่าทางดุดันและทำหน้าที่ขับรถเบนซ์คันที่มินจุนนั่งจัดเขาเข้าอยู่ในกลุ่มพวกขี้กลัวทันที มองว่าทุกอย่างเป็นเพราะนิสัยของมินจุน โดยไม่คำนึงถึงรูปลักษณ์ของตัวเองเลย
“ลุกขึ้น หรือจะให้แบกไป”
คนเป็นบอสสั่งออกมาอย่างหงุดหงิดเหมือนจะไม่ยกโทษให้อีกเป็นครั้งที่สอง ถ้าหากเป็นเวลาปกติต่อให้แสดงพลังเหนือมนุษย์ให้ดู มินจุนก็ไม่ลุกพรวดพราดแบบนี้หรอก แต่ใครเขาว่ากันไว้ละ ต่อหน้าความตายเราต้องสู้
แล้วมันเพราะใคร เขาถึงต้องมาที่นี่
แค่ปล่อยเขาไปก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแล้ว โทมะอาจจะร้องไห้สักหน่อย แต่ยิ่งร้อง เด็กก็จะยิ่งเติบโตนะ!
พอคิดได้อย่างนั้น มินจุนก็เลิกเถียงแล้วมองไปรอบๆ แทน
“มีแต่คนน่ากลัวทั้งนั้นเลย จะมีคนหล่อจนทำให้ตะลึง ใจดี แล้วก็อ่อนโยนบ้างไหมครับ ผมเดินไม่ได้แล้ว หมดแรง แถมยังสับสนไปหมด เดินไม่ได้จริงๆ นะครับ“
เกิดความเงียบสนิทถึงขั้นทำให้คนถึงตายได้ มินจุนเข้าใจถึงความอดทนอย่างที่สุดภายในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ คนที่เพิ่งดิ้นรนอย่างเปล่าประโชน์เริ่มรู้สึกเสียใจขึ้นมา ร่างกายก็เริ่มสั่น ถ้าเรามีความเด็ดเดี่ยวเหมือนนักรบที่พกความกล้าเท่ากับฝีปากตัวเองบ้างสักเพียงฝุ่นผงล่ะก็… ก่อนความเงียบแสนน่ากลัวราวกับใบมีดจะทำลายประสาทเขา อีกฝ่ายก็เริ่มขยับริมฝีปากแสนเซ็กซี่พร้อมกับยื่นมือมาทางมินจุน
“งั้นก็แบกไป”
“อ่า… ไม่เป็นไรครับ”
มินจุนยันมือตัวเองกับกำแพงด้านหลัง เอนร่างกายพิงกำแพงแล้วทำท่าเหมือนปูขณะพยายามตระเกียดตระกายอย่างยากลำบาก ทว่าพอเอามือออกจากกำแพงและยิ้มราวกับว่าไม่เป็นอะไรแล้ว ก็ทรุดลงอย่างอ่อนแรงราวกับปลาหมึกไร้กระดูกทันที
“แบกไป”
จากนั้นชายฉกรรจ์ที่น่ากลัวที่สุดก็เดินเข้ามาเขาจุนพาดบ่าเหมือนแบกกระสอบแป้งเบาๆ กระสอบหนึ่งตามคำสั่งแล้วเดินตามเจ้านายไป หลังทำลายความมั่นใจ คนตัวเล็กได้แต่ร้องไห้กระซิกๆ อยู่บนบ่าของชายคนนั้น
ถึงจะสูงไม่มาก แต่เขาก็เป็นชายหนุ่มวัยยี่สิบสองที่แข็งแรงนะ… ฮึกๆ
Comments