ตกหลุมร้าย! ยากูซ่าพ่อลูกติด 1-4
“ตอนแรกก็ว่าจะทำให้ แต่สกปรกอย่างนี้คงไม่ได้”
“ครับ?”
มินจุนเงยหน้ามองด้วยความตกใจ แต่นิ้วเรียวที่อยู่ภายในตัวเขากลับเจอจุดอ่อนไหวดึงเขากลับสู่ความจริงอีกครั้ง คนตัวเล็กถูกความเสี่ยวซ่านเข้าจู่โจมภายในพริบตาจนต้องหอบหายใจถี่อยู่กับอกของชายหนุ่ม
“อ่า… อื้ม… ตรงนั้น….”
“ตรงนี้เหรอ”
อ่า… ไม่รู้ด้วยแล้ว
ถ้าเป็นแบบนี้มินจุนก็ไม่รู้แล้วว่าต้องทำอย่างไรกับตัวเองที่กลายเป็นคนลามกไปแล้ว ปลายส่วนอ่อนไหวสีแดงกระตุกบ่อยครั้งและมีของเหลวเหนียวหนืดไหลซึมออกมา มินจุนละมือที่ปกปิดร่างกายตนเองมาจับมันแน่น ก่อนจะขยับขึ้นลงให้เป็นจังหวะเดียวกับนิ้วเรียวราวของอีกฝ่ายที่จู่โจมอยู่ด้านหลัง
“จับแค่นั้นจะพอเหรอ”
ร่างบางหอบหายใจถี่ ผงกหัวให้กับเสียงทุ้มแสนเซ็กซี่และน่ากลัว เขามองไปที่อีกฝ่ายด้วยใบหน้าเปื้อนน้ำตา
สายตาเต็มไปด้วยความสับสน อ่า… นัยน์ตาสีดำคู่นั้น มินจุนละสายตาออกจากดวงตาที่ไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ความรู้สึก แล้วจ้องริมฝีปากที่คลี่ยิ้มเล็กน้อย รวมถึงโครงหน้าแสนประณีตงดงามด้วยแววตาเปี่ยมความปรารถนา
‘ถ้าได้สัมผัสสักครั้ง… แค่ครั้งเดียว… อ่า อยากจัง บางทีช่วงเวลาที่เราได้สัมผัสกับริมฝีปากนั่น หัวเราคงเป็นรูแน่ แต่ถึงยังไงก็ยังอยากจูบอยู่ดี’
รู้สึกถึงนิ้วมือขยับเข้าออกอยู่ภายในตัว และเสียงเฉอะแฉะทำให้มือที่จับแกนกายตัวเองทวีความเร็วขึ้น ชายหนุ่มไม่อาจละสายตาจากใบหน้าแต้มสีเลือดฝาดด้วยความเว้าวอนและรู้สึกดีของมินจุนได้เลย
“อื้อ อ๊ะ!”
เสียงครางดังออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่ ระหว่างจ้องมองริมฝีปากอีกฝ่าย ร่างกายเขาก็ถูกกระตุ้น สัมผัสถึงลมหายใจบริเวณปลายจมูก บอสยากูซ่ายิ้มมุมปาก
“หน้านายน่ามองดี ฉันก็อยากจะลองกอดผู้ชายดูอยู่หรอก แต่ไม่มีเวลา แค่นี้ก่อนแล้วกัน”
ช่วยทำให้เสร็จ… กลายเป็นเสียงสะท้อน ร่างบางถูกจับหมุนไปมาหลายต่อหลายครั้ง กระทั่งสติถูกครอบงำจนหมด และจู่ๆ ก็โดนยกสะโพกขึ้น ขณะเดียวกันก็เห็นเทคนิกการใช้นิ้วที่ไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นครั้งแรกรุกล้ำเข้ามาภายใน มันเข้าๆ ออกๆ อยู่อย่างนั้น ระหว่างนั้นหากมินจุนรู้สึกและสะดุ้งขึ้นมา อีกฝ่ายก็จะดันเข้าไปตรงจุดนั้นทำเอาหายใจแทบไม่ออก
เขากำสูทที่ยังหลงเหลือกลิ่นชวนให้ลุ่มหลงและสดชื่นไว้แน่นพลางอ้าปากผะงาบๆ แม้แต่เสียงครางก็ไม่สามารถกักเก็บไว้ได้ นิ้วที่ครูดไปตามผนังด้านในไม่ต่างอะไรกับตะบองไม้อุ่นร้อน ผนังสีแดงรัดสิ่งแปลกปลอมพร้อมหดเกร็งอย่างรุนแรง
“จะเสร็จก็บอก”
มินจุนพูดไม่ออกจึงได้แต่ใช้มือสั่นๆ ทุบอกแกร่ง ร่างสูงเดาะลิ้นก่อนจะล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าจากในกระเป๋ากางเกงมาห่อหุ้มแกนกายให้ ตอนชายหนุ่มพึมพำด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า ‘ทำได้ทุกอย่างสินะ’ มินจุนก็สะดุ้งไปทั้งร่างพลางบิดเร้าไปมาด้วยความสุขสม
เมื่ออีกฝ่ายสัมผัสโดนส่วนอ่อนไหว ร่างบางก็ไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป ปลดปล่อยของเหลวสีขาวขุ่นออกมาเต็มผ้าเช็ดหน้า
“แฮ่กๆ อ๊า…”
เสียงครางที่กลั้นไว้ด้วยการกัดริมฝีปากล่างก็เล็ดลอดออกมาจนได้
ชายหนุ่มเหยียดขาออกแล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้ ส่งผลให้มินจุนที่นอนคว่ำอยู่บนหน้าตักร่วงไปอยู่บนพื้นพรม
“ใส่เสื้อผ้า”
จากนั้นก็ถอดถุงยางที่สวมอยู่กับนิ้วทิ้งลงถังขยะ ตามด้วยการถอดเสื้อสูทเลอะน้ำตาและน้ำมูกอีกคนพาดไว้บนเก้าอี้
เนื่องจากได้รับการกระตุ้นโดยไม่มีการเตรียมตัวก่อน ทำเอาขาไร้เรี่ยวแรงเหมือนโดนอีกฝ่ายสัมผัสโดยตรง มินจุนสะอื้นไห้พลางมองหาเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายไปทั่วพรมอย่างยากลำบาก ก่อนจะค่อยๆ สวมมันทีละข้างอย่างช้าๆ
“ใส่ไม่ได้ก็บอก จะได้เรียกเด็กมาช่วย”
“อย่าเรียกนะครับ ผมใส่ได้ ใส่เอวได้ครับ… ก็บอกแล้วว่าไม่มีอะไร หัดฟังคนอื่นเขา…”
“หยุดร้องได้แล้ว รำคาญหู อีกอย่างนายก็ชอบนี่”
“นั่นมัน….”
มินจุนมองคนหล่อพร้อมกับหัวเราะแห้งๆ ตั้งใจจะแก้ตัวอย่างจริงจัง แต่นิ้วเรียวยาวที่ถอดถุงยางออกไปเรียบร้อยแล้วกลับชี้มาทางเขา ก็เลยได้แต่คอตกต่อไป พยายามรวบรวมกำลังที่ไม่ค่อยจะมีหยิบเสื้อผ้ามาใส่ต่อ นี่ต้องไร้สติขนาดไหนถึงได้สวมใส่เสื้อกลับหัวกลับหางแบบนี้
เมื่อร่างบางสวมเสื้อผ้าเสร็จ เจ้าของที่แห่งนี้ก็กดอินเตอร์โฟน
“เข้ามา”
เมื่อออกคำสั่ง พวกยากูซ่าก็ที่รออยู่ก็เดินเข้ามาในห้อง มินจุนยังสะอื้นไม่มองใครสักคนเดียว พวกนั้นเองก็มองไปที่ไกลๆ แต่ใบหน้ากลับแดงก่ำ ตอนนั้นเขาอยากจะขุดพรมนี่ให้เป็นรู แค่รูหนูได้…
“เจอหรือเปล่า”
ชายหนุ่มที่เพิ่งทำให้เขาเสร็จสมด้วยนิ้วเมื่อครู่นี้ปรายตามองคนใช้นิ้วขุดพรมด้วยสีหน้าไร้อาราณ์ราวกับน้ำแข็ง ก่อนจะย้ายสายตาไปทางยากูซ่าหัวล้าน
“เจอครับ”
“เอามา”
อีกคนส่งเอกสารปึกหนึ่งให้เจ้านายที่ยื่นมือมารอรับ
“มินจุน อายุยี่สิบสอบเกิดที่โซล เรียนอยู่คณะพยาบาลปีสาม มหาลัยโตเกียว… ไม่น่าเชื่อ เป็นหนี้สถาบันการเงินยามาโมโตะสองล้านเยน แค่นี้?”
“ดะ… เดี๋ยวสิครับ นี่แอบสืบเรื่องของผมเหรอ มันละเมิดกฎหมายชัดๆ…”
เมื่อโดนจ้อง มินจุนก็ไม่สามารถพูดต่อได้จนจบเลยหดคอกลับไปตามเดิม
‘เรื่องแบบนี้มันมีแต่ในหนังไม่ใช่เหรอ อะไรเนี่ย นี่เราโดนคนใหญ่คนโตจับกุมอยู่หรือไงนะ โทมะ หนูอยู่ไหนลูก หม่าม้าคนนี้จะตายแล้ว ฮึกๆ’
“คนที่นายคบคือใคร”
“ไทเซ… เมื่อกี้ก็บอกไป…”
“นามสกุล”
“ไทเซ คาโต้…”
เมื่อเขาย้อนถามว่าทำไม ชายหนุ่มที่ถือกระดาษแข็งๆ อยู่ในมือก็ตีกระดาษนั่นกับต้นขาทำราวกับว่าแค่กระดาษแผ่นเดียวก็ตัดลิ้นนายได้ พอชื่ออีกคนนึงเปล่งออกมาจากปากของมินจุน ชายหัวล้านที่ถือโน้ตบุ๊กรออยู่ก็รัวนิ้วระดับเดียวกับเทพ และภายในเวลาสองนาทีเป๊ะประวัติของเจ้าของชื่อก็ปรากฎทันที
“ไทเซ คันโด เกิดที่ยามานาชิ อายุสามสิบสาม ว่างงาน มีชื่อเสียงว่าเป็นนักต้มตุ๋นย่านชินจูกุ”
คนเป็นบอสกอดอกฟังคำบอกเล่าของสมุนเงียบๆ ปรายตามองคนตัวเล็กที่กำลังขุดพรมก่อนจะนั่งหมิ่นๆ ลงบนขอบโต๊ะทำงาน
“สองล้านนั่นใครเป็นคนใช้”
“ไทเซบอกว่าแม่ป่วยก็เลย….”
ชายหนุ่มหันไปมองชายหัวล้านหลังได้ยินคำตอบ อีกฝ่ายลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่ก็พูดความจริงออกมา
“แม่ของไทเซเสียไปเมื่อปีก่อนครับ”
“ไอ้เวรนั่น…”
เขากลัวมาก็เลยร้องตะโกนอยู่ในใจ แต่กลับเผลอสบถเป็นภาษาบ้านเกิดเพราะความโกรธจนได้ ชายหนุ่มคิ้วกระตุกกับคำสบถอีกภาษานึง
“แค่นั้น?”
“ค่าเรียนของผมหนึ่งปี หนึ่งล้านสองแสนเยน กับพาสปอร์ต แถมยังมีค่าอาหาร ค่าเสื้อผ้า ค่าเดินทาง ค่าอื่นๆ อีก…”
อีกฝ่ายเงียบไปครู่หนึ่ง เมื่อได้รับสายตาเห็นอกเห็นใจจากยากูซ่า มินจุนก็ยิ่งหดคอลงอย่างนึกสมเพชเวทนาตัวเอง ทำไมจะไม่น่าสมเพชล่ะ พอฟังอีกทีตัวเขาเองยังรู้สึกเลย เขาลอบสังเกตแววตาของชายหนุ่มด้วยสายตาเหมือนสุนัขขี้กลัว
“เดี๋ยวเอาพาสปอร์ตมาให้ ส่วนหนี้สองล้านที่ยืมมาจากยามาโมโตะก็จะจัดการให้ ไม่ใช่แค่ค่าเรียนตลอดหนึ่งปีเท่านั้น แต่ฉันจะจ่ายให้ทั้งหมด แล้วสุดท้ายถ้านายต้องการ ก็จะฆ่าไอ้ไทเซนั่นให้ด้วย”
ทั้งๆ ที่ได้ยินคำพูดน่าหวาดกลัวอย่างการฆ่าคนคนนึงแท้ๆ แต่ตัวเองกลับมีความคิดว่าถ้าตายด้วยมือของคุณ ก็ไม่แย่เท่าไรนะขึ้นมาจนได้ บางทีคงเป็นเพราะยังไม่หลุดจากความเว้าวอนล่ะมั้ง เมื่อหาเหตุผลเข้าข้างตัวเองได้แล้วมินจุนก็ส่ายหัวอย่างแรง
“แบบนั้นไม่เอาครับ”
“ทำไม ยังชอบอยู่หรือไง”
“เอ๋? ใครชอบใครนะครับ โดนทำแบบนั้นใครมันจะยังชอบอยู่ แม่งงง!”
ทันที่ที่ตะโกนออกมาเพราะไม่สามารถกลั้นความโกรธไว้ได้ มินจุนก็รู้สึกถึงความเย็นยะเยือกบริเวณท้ายทอย เขาจึงลดเสียงลงมาและพยายามแสดงแววตาอย่างคนมีศีลธรรมพลางคนมองคนที่ยืนอยู่รอบตัว เหมือนได้ยินความคิดว่าเจ้าหมอนี่ยังบ้าได้มากกว่านี้อีกเหรอ บังอาจตะโกนต่อหน้าบอส! ถึงจะไม่ได้ยินกับหูแต่ทุกต่างก็ล้วงมือเข้าไปในเสื้อสูทพร้อมหน้าตาบูดเบี้ยวขณะจับจ้องเขา
“งั้นก็ไม่มีปัญหาสิ”
คนที่มีตำแหน่งสูงสุดนั่งอยู่หลังภาพพระอาทิตย์ตกราวกับนายแบบ ขาเรียวยาวนั่งไขว่ห่างล็อกสายตาไว้ที่มินจุน ช่างแตกต่างกับการเอ่ยว่าจะฆ่าไทเซให้
“คือ… เราจะไปฆ่าคนอื่นตามใจชอบไม่ได้… ไม่ใช่เหรอครับ แต่ว่า”
ร่างบางอึดอัดกับสายตานั้นจนต้องห่อไหล่และหันหนีไปอีกทางเพื่อหลบหลีก
“แต่?”
“ถ้าเป็นไปได้ หักกระดูก… กระดูกซี่โครงแค่สองท่อนให้ผมหน่อย จะขอบคุณมากเลยครับ”
“แค่สองท่อนเองเหรอ”
“ครับ แค่สองท่อนก็พอ ไม่เอาอวัยวะภายใน ไม่เอาแขนขา ต้องเป็นกระดูกซี่โครงสองท่อนเท่านั้นนะครับ”
“ดี งั้นมาทวนเงื่อนไขกันอีกที เอาพาสปอร์ตมาคืน ใช้หนี้ สนับสนุนค่าเรียน หลังจากเสร็จสิ้นสัญญาฉันก็มีเงินบำนาญให้อีก”
“เงินบำนาญเหรอครับ”
“ใช่ จะให้ทุกเดือน แต่คนเราพอมีเงินขึ้นมาก็ไม่รู้จะเปลี่ยนไปยังไง เพราะฉะนั้นเรื่องจำนวนเงินค่อยมาคุยกันอีกที เป็นไง ไม่แย่ใช่ไหม”
ไม่แย่เหรอ แน่นอนนี่มันเรียกว่าสุดยอดเลยต่างหาก
ตั้งใจว่าจะตายแท้ๆ แต่ได้แบบนี้อย่างกับฟื้นคืนชีพแหนะ! แย่เย่ออะไรกันเล่า แถมก็แค่ต้องเล่นกับเจ้าหนูน้อยในสถานที่ที่เหมือนพระราชวังเท่านั้นเอง
แต่คนพวกนี้เป็นยากูซ่าไม่ใช่เหรอ
มินจุนเริ่มไตร่ตรองอย่างบ้าคลั่ง อย่างแรกถ้าตัดเรื่องอื่นๆ ออกไปคนพวกนี้คือยากูซ่า ถึงตอนนี้จะไม่เป็นไร แต่ถ้าวันหนึ่งโทมะเกิดบอกไม่รู้ไม่ชี้แล้วทิ้งเราเหมือนเบื่อของเล่นขึ้นมา ก็ไม่รู้ว่าเราจะหายไปอย่างไร้ร่องรอยบนมีดเล่นไหนบ้าง ร่างบางเหลือบตามองชายหนุ่ม แต่ก็สบเข้ากับสายตาของอีกฝ่ายที่จ้องมองมาทางตัวเองพอดี ร่างกายเจ็บแปลบๆ ไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาเหมือนหัวใจถูกโจมตีอย่างหนักหน่วง
‘ดีเลย เป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดมาเป็นเกย์แล้วได้ทำตามแผนที่ตัวเองวางไว้ ก่อนอื่นก็ขออยู่ใต้ร่างผู้ชายสุดเซ็กซี่แสนโดนใจคนนั้นสักครั้งเถอะ หลังจากนั้นค่อยคิดกันใหม่’
Comments