ตกหลุมร้าย! ยากูซ่าพ่อลูกติด 1-6

Now you are reading ตกหลุมร้าย! ยากูซ่าพ่อลูกติด Chapter 1-6 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ไม่รู้ว่าไปหามาจากไหนเหมือนกัน แต่เคนตะก็นำกางเกงสีดำกับเสื้อไหมพรมสีขาวที่ยังไม่แกะแม้แต่ป้ายสินค้าวางไว้บนโต๊ะพร้อมกับเสื้อผ้าของโทมะ

“เวลาทานอาหารกับบอส ต้องใส่สีนี้เท่านั้นนะครับ ท่านมินจุน”

ท่านมินจุน? แปลกๆ ไงไม่รู้แหะ ไม่เอาน่า นี่จะให้เราเป็นหม่าม้าจริงๆ เหรอเนี่ย มินจุนส่ายหัวเล็กน้อยเพราะรู้สึกแปลกๆ กับคำเรียกของเคนตะ ก่อนจะหยิบเสื้อผ้ามาเปลี่ยนจากชุดยูกาตะเป็นเสื้อไหมพรมตรงนั้น ถึงเขาจะเป็นเกย์ แต่กับเคนตะน่ะ ยังไงก็ไม่ได้แน่ๆ มินจุนจึงไม่มีปัญหาอะไร แต่อีกฝ่ายกลับหันหน้าหนีหลบสายตาอย่างลุกลี้ลุกลน

“เรียกสบายๆ เถอะครับ เรียกท่านมินจุนมันออกจะแปลกๆ ไปหน่อย แค่มินจุน หรือจุนเฉยๆ ก็ได้ครับ”

“ไม่ได้ครับ บอสเองก็สั่งมาว่าต้องมีมารยาทเพราะคุณคือหม่าม้า ยิ่งเป็นหม่าม้าของท่านโทมะแล้วด้วย จะเรียกเช่นนั้นไม่ได้ครับ”

“งั้นเหรอครับ อ้อ แป๊บนะโทมะ เดี๋ยวหม่าม้าใส่ให้”

คำว่าหม่าม้าออกมาเรื่อยๆ คุ้นชินอย่างกับตัวเองเป็นแม่มานานนม มินจุนเข้าไปช่วยโทมะที่พยายามรูดซิบและใส่กางเกง

“ใส่เสื้อผ้าเสร็จแล้ว ไปที่โต๊ะอาหารเลยดีไหมครับ”

“จำเป็นต้องทานอาหารเช้าไหมครับ”

“ครับ บอสไม่ค่อยมีเวลาว่าง ช่วงเวลาอาหารเช้าจึงเป็นเวลาที่บอสจะได้อยู่กับท่านโทมะครับ”

ยากูซ่าเองก็รักลูกมากเหมือนกันสินะ ก็แหงละสิ น่ารักซะขนาดนี้… ร่างบางยังคงง่วงจึงหาวออกมาบ่อยๆ มองโทมะเดินจับมือตัวเองแน่นพร้อมยกยิ้มขึ้นมา

มินจุนกำลังด่าทอไดกิอยู่ในใจ ก็ว่าแล้วคนอย่างอีกฝ่ายน่ะเหรอจะกินซุปเต้าเจี้ยวเป็นอาหารตั้งแต่เช้า อาหารถูกจัดเตรียมสำหรับมินจุนและโทมะเท่านั้น เขาปรายตามองคนที่กำลังอ่านหนังสือพิมพ์และดื่มกาแฟเพียงหนึ่งแก้วอย่างไม่พอใจ ก่อนจะตักเนื้อปลาแซลมอนในซุปและสลัดเข้าปากจนเต็ม ทว่าถึงจะทำอย่างนั้น แต่ปริมาณมันก็ยังเหมือนเยอะอยู่ดี ก็เลยทั้งกังวล ทั้งสงสารโทมะที่เริ่มทำหน้าบูด

“โทมะ เป็นอะไร”

เด็กน้อยเหลือบมองผู้เป็นพ่อ แล้วดันถ้วยข้าวสีขาวออกไปอีกทาง

“เยอะ เยอะ ไม่จ้อบ”

“เหรอ งั้นให้หม่าม้าช่วยไหม”

ใบหน้าเล็กๆ สดใสขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินข้อเสนอของมินจุน โทมะพยักหน้ารับดวงตาเป็นประกาย ร่างบางเหลือบมองคนที่กำลังอ่านหนังสือพิมพ์ แล้วตักขาวพูนๆ หนึ่งช้อนเข้าปากตัวเองอย่างว่องไว ช่วงเวลาอาหารจบลงอย่างเงียบๆ โดยไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ไดกิพับหนังสือพิมพ์เก็บก่อนจะลุกจากเก้าอี้แล้วเดินเข้ามาหาลูกชาย

“ทานหมดหรือยัง”

โทมะรู้สึกกังวลอยู่นิดหน่อยจึงเข้าไปใกล้ๆ พ่อแล้วทำตัวน่ารักๆ ใส่เป็นพิเศษ

“งือ โทมะกิงหมด ป๊ะป๋า จุ๊ๆ หน่อยฮับ”

พยายามทำปากจู๋เหมือนเหมือนกระเพาะไก่ ปากยื่นปากยาวอ้อนให้ไดกิจูบ ร่างสูงเลยอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาประทับริมฝีปากแล้วปล่อยลง

“ป๊ะป๋า หม่าม้าโด้ย จุ๊ๆ หม่าม้า”

โทมะจับกางเกงของไดกิพลางออดอ้อน มืออีกข้างก็จับปลายนิ้วของมินจุนที่ตื่นตระหนกกลอกตาเลิกลั่กให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ จากนั้นเมื่อริมฝีปากสวยเข้ามาใกล้ปลายจมูก หัวใจที่สงบลงแล้วก็เริ่มกลับมาเต้นอย่างรุนแรงราวกับจะทะลุออกมาข้างนอกอีกครั้ง เขาค่อยๆ เผยอริมฝีปากออก

“ถ้ากินข้าวแทนโทมะอีกรอบ ต่อไปลิ้นนุ่มๆ ของนายจะขึ้นมาอยู่บนโต๊ะอาหารเช้าแทน”

มือใหญ่จับเข้าที่คางวีไลน์ได้รูปสมความเป็นชายของมินจุน ก่อนจะกดจูบลงบนริมฝีปากจนเกิดเสียง ต่อหน้าโทมะที่เอาแต่ปรบมืออย่างชอบใจแล้วเดินออกไป ถึงจะมีโทมะนั่งกระดิกกระดุกอยู่บนตัก ทว่าร่างบางกลับเหม่อมองออกไปไกลอย่างไม่มีสติ

มินจุนมาอยู่ที่ได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว ระหว่างใช้ชีวิตกับกลุ่มคนเหล่านี้ เขาก็ให้คำนิยามด้วยตัวเองว่าโลกของยากูซ่าก็เหมือนกับเปลือกหัวหอมนี่เอง

ยิ่งปอกยิ่งประหลาด แต่ถึงอย่างนั้นก็ถือเป็นกลุ่มคนที่พบเจอได้ยากและรักษากฎพิเศษของตัวเองอย่างถึงที่สุด เหมือนจะน่ากลัว แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่น่ากลัว ทว่าเรื่องที่ยืนยันได้แน่นอนเลยก็คือเขากำลังเข้าใจคนพวกนี้ผิด แม้จะมีท่าทางเหมือนเอาแต่แล่ศพมนุษย์ทุกวันๆ กลับคาดไม่ถึงว่าพวกเขาจะเป็นพวกรักสงบ ชื่นชอบวันเวลาสงบสุขมากขนาดนี้

ในความเป็นจริง ยูอูกิ ผู้รับผิดชอบทำความสะอาดชั้นสอง ยากูซ่าวัยฉกรรจ์จากต่างจังหวัดที่ไม่ยอมเปิดเผยอายุอย่างเด็ดขาด กลับเป็นมนุษย์ที่ไม่สามารถฆ่าแมลงวันได้แม้แต่ตัวเดียวด้วยซ้ำ ถ้าอีกฝ่ายออกไปต่อสู้แล้วโดนมีดแทงขึ้นมา มินจุนก็คงจะเป็นห่วงมากทีเดียว

อาชีพเก่าของคนอื่นๆ เองก็วิเศษไม่แพ้กัน มีทั้งพ่อครัว เจ้าของร้านขายผัก ครูสอนเปียโน ช่างเสริมสวย แม้กระทั่งหมอก็มี ถึงจะไม่น่าเชื่อ แต่ตอนได้ยินไดกิบอกว่าเรน ยากูซ่าหัวล้านเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกสันหลังถึงขั้นมีใบประกอบวิชาชีพจริงจัง เขายังปรบมือหัวเราะ จับท้องตัวเองแล้วทักท้วงว่าอย่าล้อเล่นอยู่เลย

แต่เรื่องพวกนั้นไม่ใช่เรื่องที่ทำให้มินจุนตกใจหรอก เพราะเรื่องที่ทำให้เขาตกใจจริงๆ ก็คือทุกเช้าต้องรอรับจุ๊บจากไดกิ ตามด้วยโทมะ ลูกชายอายุสามขวบของเขา ในใจมินจุนเองก็คิดว่าโทมะเป็นลูกชายของตัวเองไปแล้ว แม้จะเป็นบทบาทอันยิ่งใหญ่ แต่ถ้าหากไม่ชอบจริงๆ จะยอมเอาปากมาแตะกับผู้ชายทุกเช้าเพื่อลูกชายงั้นเหรอ หรือเขาจะสนใจเรานะ มินจุนจมอยู่กับความคิดเป็นไปไม่ได้ซ้ำๆ และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้สมองของเขาว่างเปล่าตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา

“เฮ้ออ แล้วเมื่อไหร่จะได้ทอดกายให้ล่ะ ถ้าเกิดเป็นอย่างนี้ไปตลอด คงได้ฉลองครบรอบหกสิบ ทั้งๆ ที่ไม่มีลูกหลานแน่ๆ”

เมื่อโทมะได้ยินมินจุนบ่นพึมพำเป็นภาษาเกาหลีก็ลุกจากหน้าตักแล้วเอามือง้างปากมินจุนออก

“หื้ออ? ทำอะไรครับ”

“หม่าม้า ป๊ะป๋าอยู่ในนี้เหยอ”

เด็กน้อยมีดูจะมีปฏิกิริยาแปลกๆ กับภาษาเกาหลีของเขา

“ป๊ะป๋าเหรอ ป๊ะป๋าต้องอยู่บริษัทสิ”

“ใจ้ๆ ป๊ะป๋าทัมงาน”

โทมะพูดคำว่า ‘ใช่ๆ’ ขณะปีนขึ้นไปหลังแล้วกอดคอเขาแน่น คงเพราะไม่เคยได้รับความรักจากแม่เลยต้องการให้มินจุนกอดอยู่ตลอดเวลา ร่างบางสงสารอีกฝ่ายที่เป็นแบบนั้น เขามองดูโทมะอย่างนึกเอ็นดูพลางบีบๆ นวดๆ ไปตามตัวนุ่มนิ่ม

ตอนเคนตะถือนิตยสารตั้งใหญ่เข้ามา ก็เห็นมินจุนกับโทมะกำลังเล่นเป็นดักแด้กันอยู่บนพรมสีขาว เอาแขนและขาติดกับร่างกายแล้วขยับดุ๊กดิ๊กไปมา โทมะชอบมาก

“เราเล่นเป็นดักแด้กันอยู่ครับ โทมะชอบมากก็เลย…”

มินจุนรู้สึกเก้อเขินจึงอมยิ้มเล็กๆ น่ารัก ก่อนจะขยิบตาข้างเดียวซึ่งเป็นเสน่ห์ของเขา เคนตะคงจะตกใจกับรอยยิ้มนั้นถึงรีบวางหนังสือลงแล้วพูดขึ้น

“เมื่อวานไม่ได้เล่นตกปลาหรอกเหรอครับ”

“งั้นเหรอครับ ฮ่าๆ พอได้ยินแล้วก็แปลกๆ แฮะ แต่ก็สนุกดีนะครับ ครั้งหน้ามาเล่นด้วยกันไหม”

“ไม่ล่ะครับ ไม่เป็นไร”

“แล้วนี่อะไรเหรอครับ”

“แคตตาล็อกครับ คงยังมีของที่จำเป็นอีกเยอะ ทางเราต้องขออภัยด้วยที่จัดหาให้ไม่ได้ ยังไงติ๊กเลือกของที่ต้องการไว้ได้เลยนะครับ เดี๋ยวผมจะสั่งให้ทันที”

มินจุนค่อยๆ ไล่ดูแคตตาล็อกของห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านชินจูกุ

“ได้ทุกอย่างเลยเหรอครับ”

“ครับ”

“งั้นก็สั่งเสื้อผ้าที่อยากใส่ตามสไตล์ที่ผมชอบได้เลยใช่ไหมครับ”

“เอ่อ… เรื่องนั้นถ้าเป็นพวกสีขาว หรือสีดำ…”

“เฮ้อ ให้ตายเถอะ เสื้อผ้าที่ผมได้มาก็เป็นสีขาวทั้งนั้นเลยนะครับ แต่ก็ต้องอดทนใส่ไป มันไม่ได้แล้ว ดูสิครับ นี่มันใช่ห้องนอนของเด็กสามขวบเหรอ พื้นสีดำในห้องที่เป็นสีขาวทั้งหมดเนี่ยนะ ขนาดเวลาเรากินข้าวแล้วอึออกมาสียังต่างกันเลย ตอนนี้ผมค่อยๆ เปลี่ยนเป็นคนไร้สีจนแทบจะใสปิ๊งอยู่แล้วครับ”

เคนตะมองมินจุนระเบิดความไม่พอใจออกมาอย่างต่อเนื่องด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ คนตัวเล็กเปิดแคตตาล็อกหน้าเสื้อแมนทูแมนที่เต็มไปด้วยสีสันให้อีกคนดู

“เวลาบอสไม่อยู่ สวมได้ครับ”

“จริงเหรอครับ พูดจริงๆ ใช่ไหม เยส!! โทมะ เรามาช็อปปิ้งกันเถอะ”

โทมะกำลังเล่นเป็นดักแด้ขยับดุ๊กดิ๊กๆ อยู่บนพรมก็ลุกพรวดพร้อมร้อง ‘โชบปิ้ง โชบปิ้ง’ กระโดดหยองแหยงไปมา และในตอนนั้นเขาคิดไม่ถึงเลยว่าชีวิตเกิดการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ

ไม่มีทางได้เจอไดกิ คนที่ออกไปทำงานแต่เช้าและกลับมาตอนค่ำๆ หรอก เพราะฉะนั้นช่วงกลางวัน เราก็ใส่เสื้อผ้าได้ตามใจชอบเลยสินะ นั่นคือสิ่งที่มินจุนคิด

ของที่ตัวเองเลือกซื้อกับโทมะไปเมื่อตอนสาย พอถึงช่วงบ่ายก็ค่อยๆ ทยอยมาส่งทีละกล่องสองกล่อง ส่วนมากเป็นเสื้อผ้า หนึ่งในนั้นมีชุดแมนทูแมนเข้าคู่กับโทมะ แล้วก็กางเกงยีนส์ด้วย

หลังจากเสื้อผ้ามาถึง เขาก็เปลี่ยนเสื้อแมนทูแมนสีเหลืองให้ทันที โทมะตะโกน ‘สีเทียงๆ’ แล้ววิ่งเข้าไปในห้อง ก่อนจะออกมาพร้อมกับกระเป๋าที่เต็มไปด้วยสีเทียนมากมาย

“สีเทียง สีเทียง”

คงจะเพิ่งเคยใส่เสื้อผ้าหลากสีสันครั้งแรก เด็กน้อยเลยดูสนุกสนาน หยิบสีเทียนสีเหลืองมาแตะๆ ลงบนเสื้อพลางเอ่ยว่าชอบๆ แม้จะรู้สึกเหมือนทำเรื่องอันตรายลงไป แต่พอเห็นโทมะมีความสุขมากขนาดนี้ก็รู้สึกวางใจว่าตัวเองทำดีแล้ว

“โทมะ วันนี้ใส่เสื้อคู่กับหม่าม้าแล้วไปทานข้าวเย็นด้วยกันไหม”

“อื้อ เหมือนกังๆ เสื้อสีเหยือง ฮ่าๆ”

มินจุนอุ้มเจ้าของเสียงหัวเราะเสียงใส โดยที่ตัวเองสวมกางเกงยีนส์ขาดๆ บริเวณหัวเข่าเข้าคู่กับเสื้อแมนทูแมนสีเหลืองตรงไปที่โต๊ะอาหาร

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด