ตกหลุมร้าย! ยากูซ่าพ่อลูกติด 1-9
มินจุนตาสว่างกลางดึก ปกติแค่หัวถึงหมอนก็ผล็อยหลับไปแล้ว แต่เนื่องจากสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่คาดไม่ถึง บางครั้งเขาก็มักจะลืมตาตื่นเพราะลางสังหรณ์แปลกๆ ที่คนอื่นไม่รู้สึกอยู่บ่อยๆ ตอนเรียนมัธยมปลายก็เหมือนกัน ก่อนโจรจะบุกเข้าบ้าน เขาก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างแบบนี้เหมือนกันเลยลุกขึ้นมาจนจับโจรได้ซะอย่างนั้น
ร่างบางลืมตาขึ้นก่อนจะหยิบนาฬิกาบนโต๊ะขึ้นมาดู ตีหนึ่งแล้ว ทำไมความรู้สึกไม่ชอบมาพากลจนกระสับกระส่ายถึงถาโถมเข้ามาหานักนะ อะไรเนี่ย ถึงจะคิดอย่างนั้น แต่เขาก็ไม่อยากขยับตัวลุกเลย มินจุนหันไปมองโทมะที่นอนอยู่ข้างๆ และพยายามอย่างมากในการสงบจิตสงบใจตัวเอง แต่ยิ่งเวลาผ่านไป หัวใจก็ยิ่งเต้นหนักขึ้น รวมถึงอาการวิตกก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นด้วย
‘โอ๊ย ให้ตายเถอะ จู่ๆ ก็มากังวลอะไรเนี่ย เอาล่ะ มินจุน นอนๆ ไปเถอะ เนอะ’
เขาสะบัดหัวตั้งใจหลับอีกครั้งแต่ยิ่งทำก็ยิ่งตาใสแจ๋วกว่าเดิม ไม่ได้การแล้ว มินจุนจึงลุกจากเตียงพลางมองไปรอบๆ ห้อง
“บ้านยากูซ่าจะมีโจรเข้ามาได้เหรอ ถ้ามีจริงนะ โอ้โห คงต้องขอดูหน้าหน่อยแล้วล่ะ”
บ่นพึมพำอยู่คนเดียวแล้วก็เริ่มสำรวจห้องของโทมะ มันมีบางอย่างแปลกๆ บันไดที่อยู่บนเพดานเสมอกลับถูกปล่อยลงมา และประตูชั้นสามที่เชื่อมกับชั้นสองของห้องโทมะก็เปิดอยู่
มินจุนจำได้ว่าเคยชี้ไปที่บันไดนั่นแล้วถามเคนตะว่า ‘มันคืออะไร’ ทันทีที่เอ่ยถาม ใบหน้าอีกฝ่ายก็เคร่งเครียดพร้อมพูดตัดบทว่า ‘อย่าสนใจจะดีกว่าครับ เพราะตรงนั้นคืออาณาเขตของบอส’
เขากลัวแสนกลัว ความไม่อยากรู้อยากเห็นจะทำให้อยู่บนโลกนี้ได้อย่างปลอดภัยก็จริง ทว่าตอนพระเจ้าสร้างมนุษย์ก็ใส่สิ่งต่างๆ ลงมามากมาย ทั้งความหวาดกลัว ความอยากรู้อยากเห็นเองก็ไม่น้อย ความกล้าผจญภัยเองก็มีมาก ถ้าจะมาบอกกันว่าอย่าทำ มินจุนก็ยิ่งรู้สึกต่อต้านจนอยากจะทำมันขึ้นมาเป็นสองเท่า
แต่ถึงอย่างไร ตรงนั้นก็คืออาณาเขตของไดกิ เขาจึงลังเลอยู่ประมาณสองวินาที แต่ร่างกายกลับก้าวขึ้นบันไดไปทางชั้นสามเรียบร้อยแล้ว ประตูที่เชื่อมกับปลายบันไดค่อนข้างแคบ แต่พอขึ้นไปแล้วก็พบกับทางเดินที่เหมือนเอาชั้นสองขึ้นมาไว้บนนี้อีกที อาจจะมีใครบางคนเพิ่งเดินผ่านไปเพราะมีแสงไฟสลัวๆ สว่างอยู่ตรงทางเดิน มีห้องหับอยู่หลายห้องคล้ายให้แขกมาพัก แต่ทุกห้องกลับปิดไว้ไม่สามารถมองเห็นข้างในได้ ง
ทว่ามีเพียงประตูบานนึงที่แง้มอยู่เล็กน้อยเท่านั้นที่มีแสงไฟเล็ดลอดออกมา มินจุนเขย่งปลายเท้าเกาะกำแพงเดินไปบนระเบียบอย่างระมัดระวัง ทั้งๆ ที่หัวใจเต้นแรงอย่างบ้าคลั่งพลางกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ
‘อะไรน่ะ ถ้าเป็น…การผลิตยาเสพติดล่ะ จะทำไงดี ไม่ได้นะ! แล้วโทมะล่ะ’
ขณะนั้นมินจุนคิดโดยไม่ได้นึกถึงความเป็นไปได้ว่า ถ้าหากเป็นการผลิตพวกสารเสพติดขึ้นมาจริงๆ เขาจะพาโทมะกลับไปเลี้ยงที่เกาหลีซะเลย
แล้วก็ต้องชะงักอยู่กับที่เมื่อใกล้จะถึงหน้าห้อง เพราะมีอะไรแปลกๆ อย่างเสียงครวญครางแหลมบางเล็ดลอดมาพร้อมแสงไฟ เวลานั้นร่างกายของเขาสั่นไหวราวกลับต้นไม้ลู่ลม ประสาทรับรู้ส่งเสียงอื้ออึงร้องบอกว่าไม่ควรเข้าไปใกล้มากกว่านี้
จะเข้าไปเห็นไม่ได้ แต่ต่อให้ไม่เห็นว่าข้างในมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เขาก็รู้อยู่ดี
อาณาเขตของไดกิ… เพิ่งเข้าใจตอนนี้เองว่ามันหมายถึงอะไร
มินจุนหมุนตัวสั่นเทากลับมาอีกครั้งแล้วแอบมองผ่านช่องเล็กๆ ด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
ชั่วพริบตาก็ต้องรีบยกสองมือขึ้นมาปิดปากที่กำลังจะส่งเสียงร้องออกมาทันที
สะโพกแกร่งของไดกิกำลังกระทำรุนแรงอยู่กับหญิงสาวในท่าคลานเข่าบนเตียงใหญ่ ศีรษะของเธอสั่นคลอนไม่หยุดและกัดริมฝีปากเพื่อกลั้นเสียงคราง ขยับร่างกายให้เป็นจังหวะเดียวกับการเคลื่อนไหวของชายหนุ่ม ร่างกายของเธอกระเพื่อมราวกับคลื่นทะเล หน้าอกใหญ่โตสั่นไหวคล้ายจะระเบิดออกมาในไม่ช้า
รอยสักลายเสือดาวของไดกิเป็นประกายกับแสงไฟ อีกฝ่ายไม่ได้กอดหรือจูบเธอคนนั้นเลย ทำเพียงแค่ใส่ความปรารถนาของตัวเองเข้าไปยังส่วนนั้นเท่านั้น ราวกับเสือดาวกำลังออกล่าเหยื่อ…
เสียงลามกอนาจารจากการกระทบกันของผิวหนังเป็นดั่งเข็มพุ่งเข้าทิ่มแทงใบหูของมินจุน จนต้องยกสองมือขึ้นมาปิดมันไว้ พอเจอความจริงที่เคยหลงลืมไปแล้วกับตาตนเอง เขาก็อยากจะลุกหนีออกจากตรงนี้ไห้ไว แต่ขากลับสั่นจนไม่สามารถเดินได้
มินจุนจึงเลือกจะคลานไปตามทางเดินจนมาถึงประตูบันได แต่ก็ลงจากบันไดไม่ได้อยู่ดีเพราะขาไม่มีเรี่ยวแรงเลยแม้แต่น้อย คนตัวเล็กพิงร่างกับบันไดพยายามทรงตัวไม่ให้ตกลงไป จากนั้นก็ค่อยๆ ไถตัวลงมาจากบันไดอย่างยากลำบาก เมื่อลงมาได้แล้วก็วิ่งไปทางห้องน้ำทันที สาดน้ำเย็นๆ เข้าหน้าติดๆ กันที่อ่างล้างหน้า จู่ๆ น้ำตาก็ไหลออกมาไม่รู้ตัว ใบหน้าชุ่มน้ำเย็นนั้นบวมแดง
หัวใจเต้นตึกตักพลางมองตัวเองที่สะท้อนอยู่บนกระจก ใบหน้าบูดบึ้งจนน่าเกลียดเพราะความอิจฉาริษยาที่ระงับไม่อยู่ และบนใบหน้าเปียกชุ่มก็มีน้ำตาไหลซึมออกมาอีกครั้ง
‘ไดกิ ไอ้เวรเอ๊ย! คิดว่าที่นี่มันที่ไหนกัน โทมะก็อยู่ ฉันก็อยู่ ยังจะเอาผู้หญิงเข้ามาอีก คนเลว ทำมาเป็นบอกฉันว่าเป็นแม่โทมะก็ต้องทำตัวเรียบร้อยหน่อย! วันไหนเห็นไปนอนให้คนอื่นจิ้มก้นจะฆ่าทิ้ง คืออะไร บอกกับฉันแบบนั้นแท้ๆ ทีตัวเองกับผู้หญิง… ผู้หญิง…มันดีนักหรือไง อะไรวะเนี่ย แล้วมาจูบกันทำไม ทำไมล่ะ ก็แน่สิ ไดกิเป็นผู้ชายแท้ๆ นี่นา… แล้วความฝันฉันล่ะ ฝันจะได้อยู่ใต้ร่างนายแล้วค่อยตาย…’
มินจุนหมดเรี่ยวแรงกะทันหัน เขาหยิบเอาผ้าขนหนูที่แขวนอยู่ข้างๆ มาเช็ดหน้า แล้วถอดชุดนอนเปียกน้ำลงตะกร้าผ้า ก่อนจะเดินกลับไปที่เตียงแล้วมองโทมะ น้ำตาที่คิดว่าหยุดไหลไปแล้วกลับเอ่อล้นขึ้นมาอีกครั้ง ร่างบางกดเปลือกตาตัวเองเบาๆ คล้ายวิธีห้ามเลือดแล้วทิ้งตัวลงนอนข้างเด็กน้อย ฝังจมูกลงกับใบหน้าโทมะรับเอากลิ่นหอมๆ ของเด็ก กลิ่นโลชั่นที่ทาก่อนนอนทำเอาเขารู้สึกจั๊กจี้ขึ้นมา หัวใจเองก็เริ่มสงบลงเช่นกัน
‘โทมะ หม่าม้าเศร้ามากเลย แต่เพราะมีโทมะอยู่ หม่าม้าจะลองอดทนดูนะ แต่ว่าตั้งแต่พรุ่งนี้จะไม่จุ๊บๆ แล้วนะ หม่าม้าเองก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกัน หึ’
มินจุนจับมือน้อยๆ น่ารักของโทมะพลางซุกตัวเข้าไปในผ้าห่ม ภาวนาขอให้ตัวเองหลับก่อนจะได้ยินเสียงไดกิลงมาจากบันได แต่ซ่อนตัวอยู่ในผ้าห่มได้ไม่นานเท่าไหร่ก็ได้ยินเสียงคนเดินลงจากบันไดจริงๆ ตามมาด้วยเสียงกลไกที่ทำให้บันไดกลับขึ้นไปอยู่บนเพดานเหมือนเดิม
เพราะหัวใจเต้นแรงพอๆ กับความเจ็บปวด มินจุนจึงขดตัวเป็นวงกลมอยู่ใต้ผ้าห่ม
‘เดินผ่านไปไวๆ สิ ผ่านไปเร็วๆ… ขอร้องล่ะ หายไปเถอะ’
ตอนนี้ไม่มีการเคลื่อนไหวแล้ว ไม่รู้ว่าเสียงฝีเท้าของอีกฝ่ายไปอยู่ตรงไหน อาจจะกำลังมองโทมะนอนอยู่ก็เป็นได้
‘ไอ้คนเลว อย่าเอามือที่ไปแตะต้องผู้หญิงมาจับโทมะของฉันนะ ออกไปเดี๋ยวนี้เลย’
มินจุนก่นด่าไดกิไม่หยุด ร่างกายสั่นไหวกับความอิจฉาที่ไม่สามารถกักเก็บไว้ในใจได้ แล้วจู่ๆ ผ้าห่มก็เปิดออก เส้นผมเขาโดนจับแน่นอยู่ในกำมือของบอสยากูซ่า จนใบหน้าของมินจุนเงยขึ้นมาสบกับไดกิพอดี เขาตกตะลึงจนใบหน้าซีดเผือด ดวงตาชุ่มช่ำด้วยน้ำตา
“ทำไมร้องไห้”
ประสาทสัมผัสของมินจุนเต็มไปด้วยกลิ่นมินต์สดชื่น คงจะอาบน้ำมาแล้วสินะ เส้นผมก็ยังเปียกอยู่
“จะ…จะรู้ไปทำไม ปล่อย! เจ็บ… ครับ”
“เสร็จเมื่อไรจะปล่อย”
“ไม่เอา ออกไปเลย”
ดวงตาลึกล้ำของไดกิจ้องมองอย่างชัดเจนเหมือนจะเจาะทะลุดวงตาสั่นไหวของมินจุน เมื่อจ้องมองดวงตาราวกับใต้ทะเลลึก… มันทำให้เขาสูญเสียตัวตนจมหล่นหายไป ร่างบางจับข้อมือหนาเพื่อดึงออกจากผมตัวเอง
“ปะ… ปล่อยเถอะครับ”
“บอกว่าเสร็จแล้วจะปล่อย”
“ระ… เรื่องอะไร… อึบ”
ก่อนจะพูดจบ ริมฝีปากของไดกิก็ทาบทับลงมาเสียก่อน
ความคิดแรกที่แวบเข้ามาคือรสจูบดูดดื่ม ไดกิกดจูบลงมาคล้ายจะสูบทุกอย่างไปจนหมด สอดลิ้นเข้าเกี่ยวรัดกับลิ้นของมินจุนอย่างไม่น่าให้อภัย จับศีรษะเล็กที่พยายามจะหนีเพราะความตกใจด้วยมือข้างเดียวเหมือนจับลูกบาส ช่วงชิงทั้งเสียงและลมหายใจ มีเพียงเสียงเฉอะแฉะจากลิ้นทั้งสองที่พัวพันกันยุ่งเหยิง จูบแสนป่าเถื่อนอบอวลไปทั่วทั้งห้อง หลังจากผละลิ้นออกมา ระหว่างมินจุนกำลังหอบหายใจชั่วขณะ ไดกิก็ใช้เขี้ยวของตัวเองกดเข้าที่ริมฝีปากล่างของอีกคนจนได้เลือด
“อึก จะ… เจ็บ”
“กัดให้เจ็บ”
เสียงทุ้มต่ำที่เข้ามากระซิบใกล้ๆ สำหรับมินจุนแล้วมันคือเสียงที่ช่วยกระตุ้นความกำหนัดของเขา บางทีส่วนนั้นอาจจะเริ่มมีปฏิกิริยาตั้งแต่ตอนโดนล็อกศีรษะ ก่อนจะแข็งตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์ระหว่างโดนจูบ สร้างความเปียกแฉะภายใต้ชั้นใน มินจุนสับสนจนคิดอะไรไม่ออก
ทำไมจู่ๆ ถึงกระหน่ำจูบเราอย่างกับจะจับกินล่ะ ทว่าถึงจะอยากรู้ความคิดของอีกฝ่ายมากแค่ไหน แต่เพราะไดกิเพิ่งจะทำอย่างนั้นกับผู้หญิงมา เขาจึงไม่อาจให้อภัยได้
มินจุนใช้มือดันหน้าอีกฝ่ายออก
“อย่านะ ออกไปเลย ไม่ได้ยินที่ผมพูดเหรอ”
“อย่ามาสั่งฉันในบ้านของฉัน ก่อนปากนายจะฉีก แล้วไม่ว่าจะดูโชว์อะไร มันก็ต้องจ่ายค่าชมก่อนไม่ใช่หรือไง นายดูแล้วก็ต้องจ่ายสิ… ค่าเข้าชมน่ะ”
ว่าแล้วก็แสยะยิ้มก่อนจะโลมเลียเสียริมฝีปากบางได้เลือดแล้วกดจูบลงไปอีกครั้ง โดยที่คนถูกกระทำได้แต่คิดด้วยสติมึนงง
ถ้าเสือดาวจูบเป็น ก็คงจะไว้ชีวิตแล้วค่อยจับกิน แต่คงไม่จูบแบบนี้หรือเปล่านะ… ตอนนี้มินจุนไม่อยากจะคิดอะไรแล้วจึงหลับตาทั้งสองข้างลง
Comments