ตกหลุมร้าย! ยากูซ่าพ่อลูกติด 2-13
สามทุ่มเป็นเวลาเข้านอนของโทมะ เด็กน้อยที่ต้องเข้านอนไวเพราะต้องตื่นหกโมงเช้าคว้าชุดนอนของมินจุนแน่น พยายามถ่างตาปรือๆ แต่แล้วก็หลับลงไป ก่อนจะลืมขึ้นใหม่อีกครั้งซ้ำไปซ้ำมา แม้จะง่วงนอนเต็มที และอาจจะเข้าไปอยู่ในโลกแห่งความฝันเรียบแล้วด้วยซ้ำ แต่โทมะก็ปฏิเสธการนอนเอาแต่เกาะติดอยู่ข้างกายเขา
“โทมะรีบนอนสิ ทำไมไม่นอนละ”
“ไม่เอา หม่าม้า… โทมะไม่นอน”
เด็กชายตัวน้อยกลัวว่าถ้าตัวเองหลับแล้วจะตื่นขึ้นมาในห้องของเคนตะอีก จึงพยายามต่อสู้กับความง่วงอย่างเอาเป็นเอาตาย ท่าทางแบบนั้นเป็นดั่งเข็มทิ่มแทงมโนธรรมของมินจุน อดไม่ได้ที่จะโยนความผิดทั้งหมดไปให้ไดกิ ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วตัวเองนอนอยู่บนเตียงอีกฝ่ายและไม่ได้นึกโทมะเลยจนเช้า
มินจุนกอดโทมะแน่นแล้วพูดเสียงเบา
“โทมะ หม่าม้าไม่ไปไหนหรอก”
จริงๆ ก็ไปแหละ แต่ไปแป๊บเดียว จะรีบกลับมาที่นี่ก่อนหนูจะตื่น
“เพราะงั้นไม่ต้องกลัว นอนดีกว่าเนอะ หม่าม้าก็อยากนอนกับโทมะนะ”
ไม่ต้องกลัว หม่าม้าเองก็อยากลืมตาตื่นที่นี่เหมือนกัน เพราะว่า… ตื่นเช้าในห้องนั้นมันใช้พลังงานเยอะเหลือเกิน
ร่างบางพูดอย่างคิดอย่างพลางกล่อมโทมะนอน บางทีอาจจะไม่ใช่วันนี้ก็ได้ ไดกิเองก็ไม่ได้บอกว่าวันไหนนี่นา อาจจะเป็นพรุ่งนี้ หรือไม่ก็อาจจะแค่พูดเฉยๆ ทำให้เขาตกใจเล่น มินจุนถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเผลอหลับไปไม่รู้ตัวขณะกล่อมโทมะ และเจ้าของบ้านก็ยังไม่กลับมา
มินจุนเป็นคนไม่ค่อยฝันเท่าไหร่ เนื่องจากอยู่ที่ไหนก็หลับง่าย นั่นจึงเป็นอะไรที่สะดวกสบายสำหรับเขา แต่ตอนนี้เขากำลังฝันว่าตัวเองอยู่บนท้องฟ้า เพราะเมื่อกลางวันคุยเรื่องยูนิคอร์นกับโทมะหรือเปล่านะ… แต่มันแปลกๆ เหมือนลอยอยู่บนฟ้า ทว่าไม่ได้มองลงไปข้างล่าง แต่กลับมองขึ้นข้างบนแทน…
เอ๊ะ ลอยบนฟ้าแบบนี้ลองใช้ท่ากรรเชียงได้ไหม ท่ากรรเชียง… งั้นก็ต้องขยับแขนอย่างแรงเลยสิ ในความฝันมินจุนวาดแขนอย่างตั้งใจเพื่อว่ายท่ากรรเชียง
ไดกิเพิ่งกลับเข้าบ้านมาหลังจากทำงานเสร็จช้ากว่าทุกวัน มินจุนนอนกอดโทมะหลับไปเหมือนอย่างที่คิด และหากเป็นเขาในยามปกติ คงไม่มีทางคิดจะปลอบประโลมความปรารถนาของตัวเองจนถึงขั้นต้องปลุกคนนอนหลับอยู่ขึ้นมาแน่ เพราะไม่ได้มีความต้องการในตัวอีกฝ่ายถึงขนาดนั้น ตอนแรกก็คิดแค่ว่าจะปล่อยให้นอนไปอย่างนั้นจึงก้มจูบแก้มโทมะ ก่อนจะยืดตัวขึ้นแล้วเดินออกจากห้องไป
ทว่าระหว่างอาบน้ำกลับสลัดใบหน้าตอนนอนหลับของมินจุนออกไปจากความคิดไม่ได้เลย หลังอาบน้ำเสร็จอย่างรวดเร็ว ไดกิจำต้องเดินไปที่ห้องโทมะแล้วอุ้มร่างบางที่กำลังอยู่ในห้วงนิทราขึ้นมา ขณะอุ้มเดินกลับไปห้องนอน จู่ๆ อีกฝ่ายก็ทำแขนตะเกียกตะกาย ท่าทางการว่ายท่ากรรเชียงของมินจุนทำเอาไดกิหัวเราะออกมาเสียงดัง
มองเมื่อไหร่ก็ไม่เคยเบื่อ ในบรรดาใครต่อใครที่เขาเคยเจอมาจนถึงตอนนี้ ไม่มีใครเหมือนมินจุนสักคน ไดกิกำลังถลำลึกโดยไม่รู้ตัวว่าอีกฝ่ายน่ารัก ทว่ามันไม่ใช่ความรักแน่นอน สิ่งนั้นเขาผนึกมันไว้ในใจอย่างจริงจัง สำหรับเขาแล้วจะไม่มีความรักเป็นครั้งที่สองอีก
จนกระทั่งมาถึงเตียง ท่ากรรเชียงของมินจุนก็ยังไม่จบ ไดกิหัวเราะแล้วค่อยๆ วางคนตัวเล็กลงบนเตียง
อ๊ากกก ตกแล้ว! รู้สึกเหมือนร่วงหล่นลงบนพื้นสีดำ มินจุนตกอกตกใจลุกพรวดขึ้นมาปลอบประโลมตัวเอง
“ฮะ! แขนขายังอยู่ หน้าหล่อๆ ของเราก็ยังอยู่ดีสินะ แล้ว… อวัยวะภายในล่ะ… ไม่ได้กระเด็นออกมาใช่ไหม”
ราวกับยังอยู่ในความฝัน มินจุนเลิกชุดนอนขึ้นแล้วลูบท้องตัวเอง
“ฟู่~ ไม่มีอะไรเสียหาย เห? ยิ่งกว่านั้นเรายังไม่ตายนี่นา ตกมาจากที่สูงมากๆ เลยนะนั่น…”
“เลิกเล่นได้แล้ว!”
และครั้งนี้ร่างบางก็ลุกขึ้นจากเตียงทันทีเพราะได้ยินเสียงของไดกิดังผ่านความมืด
“โอ๊ย ตกใจหมด! ทำอะไรครับเนี่ย”
พอมองไปรอบๆ อย่างละเอียดแล้วก็พบว่าที่นี่คือห้องของไดกินั่นเอง ดูเหมือนจะอุ้มมาทั้งๆ ที่หลับอยู่… งั้นที่คิดว่าตัวเองลอยอยู่บนฟ้าก็เพราะอย่างนี้สินะ เมื่อทำความเข้าใจทุกอย่างในหัวแล้ว หน้ามินจุนก็ขึ้นสีแดงพลางมองหารูหนูอย่างเร่งรีบ ไม่จริงน่า เราคงไม่ได้ละเมออะไรออกไปใช่ไหม ได้วาดแขนหรือเปล่า คงไม่ได้ทำแบบนั้นต่อหน้าไดกิหรอกนะ เขานั่งคุกเข่าอยู่บนเตียงพร้อมเหลือบมองใบหน้าคมคายของคนที่กำลังถือแก้วไวน์อยู่ภายใต้แสงไฟสลัว จากนั้นก็เป็นอันเข้าใจอย่างเงียบๆ ว่าตัวเองละเมอกวัดแกว่งแขนไปมาจริงๆ
“คือว่าทำไมถึง…”
มินจุนเอ่ยถามออกไปอย่างระมัดระวัง ถึงพอจะเดาได้อยู่ แต่ยังไงก็ถามออกไปก่อนแล้วกัน
“จะดู”
“ตอนนี้เหรอครับ”
“ทำไม ไม่กล้าเหรอ ถ้าไม่กล้าจะกลับไปนอนก็ได้”
ท่าทางตอนบอกว่าจะทำก็ทำ หรือถ้าไม่ทำก็กลับไปนอนดูเฉียบขาดอย่างถึงที่สุด ร่างสูงเทไวน์ลงในแก้วว่างเปล่า
‘นั่นน่ะ จะให้ฉันช่วยตัวเอง แล้วนายก็ดื่มไวน์ดูฉันทำกับตัวเองอะน้า’
คนตัวเล็กเบ้ปาก อันที่จริงแล้วเขาทั้งขี้กลัว ทั้งชอบพูดไม่คิด จนสร้างเรื่องหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็เป็นคนดื้อรันที่เกลียดความพ่ายแพ้ยิ่งกว่าใคร ดังนั้น ณ เวลานี้มินจุนตัดสินใจแล้วว่าต่อให้ต้องใช้วิธีไหนก็แล้วแต่ เขาจะต้องจัดการไดกิให้ราบคาบเลย ตั้งมั่นพร้อมจ้องมองอีกฝ่ายผ่านความมืดสลัว
“ได้ครับ งั้นแลกกัน ถ้าผมช่วยตัวเองต่อหน้าคุณเสร็จแล้ว คุณต้องยอมถ่ายรูป ใส่ที่คาดผม กินสายไหมด้วยกัน แล้วก็ต้องให้เวลาผมทั้งวันด้วยนะครับ”
ชายหนุ่มชะงักมือที่กำลังหมุนแก้วไวน์
“ถ่ายรูป กินสายไหม คาดผม… บอสยากูซ่าห้ามถ่ายรูป ถ้าไม่อยากตายอย่าคิดจะทำ ส่วนสายไหม… ฉันกินของหวานไม่ได้ คาดผม ฉันไม่รู้นายพูดถึงอะไร แต่ยังไงก็ไม่! แต่หนึ่งวันของฉันน่ะ ยกให้นายได้อยู่แล้ว แค่ทำให้ฉันพอใจ”
‘แต่หนึ่งวันของฉันน่ะ ยกให้นายได้อยู่แล้ว…’ ประโยคนั้นของอีกคนแทรกซึมเข้ามาอย่างหวานชื่น จนน้ำตาพาลจะไหลเหมือนไม่รู้จักเวล่ำเวลา เพียงแค่นั้นเขาก็ตกอยู่ในภวังค์ มินจุนชอบถ่ายรูปมาก ไม่ได้รู้สึกต่อต้านกับการใส่ที่คาดผม ซึ่งมันไม่มีอะไรเหมาะกับไดกิสักอย่างเลยจริงๆ แต่คำกล่าวว่าจะมอบเวลาให้กันทั้งวันกลับทำให้เขามีความสุขมาก
“แล้วจะรู้ได้ยังไงครับ”
“อะไร”
“ว่าคุณพอใจหรือไม่พอใจ ถ้าคุณพอใจแต่บอกว่าไม่ ก็จบน่ะสิ”
“ถ้าฉันดูนายแล้วตั้งขึ้นมา ก็คือพอใจ”
สายตาคู่นั้นมองกันราวกับมองเรื่องสนุกสนานพร้อมยกยิ้มขึ้น ไม่รู้หรอกว่ารอยยิ้มตอนนี้สื่อถึงอะไร แต่มันก็ทำให้หัวใจของเขาสั่นไหวขึ้นมา มินจุนลุกขึ้นแล้วปลดกระดุมชุดนอน เมื่อเสื้อนอกตกลงข้างเตียง ก็ถอดกางเกงนอนที่มัดหลวมๆ โยนทับไปด้านบน พอเหลือเพียงชั้นในตัวเดียวก็ประสานสายตากับอีกฝ่าย
ไดกิอยู่ในชุดคลุมสีดำ นั่งแยกขาบนเก้าอี้หันมาทางเตียงนอน และถือแก้วไวน์อย่างผ่อนคลายอารมณ์ ภาพนี้ให้ความรู้สึกสมชายชาตรีอย่างล้นเหลือ จนสิ่งที่ซ่อนอยู่ใต้ชั้นในมีอาการตอบสนองโดยไม่จำเป็นต้องปลุกปั่นใดๆ
ท่ามกลางความเงียบมีเพียงเสียงลมหายใจเข้มข้นจากความรู้สึกอ่อนไหว ร่างบางค่อยๆ ถอดปราการด่านสุดท้ายทิ้งลงพื้น ก่อนจะทบหมอนให้สูงขึ้นอิงตัวลงไปแล้วแยกขาออก เขินอายแทบตาย ทว่าในขณะเดียวกัน ความจริงที่ว่าไดกิกำลังมองอยู่ก็ทำให้ตื่นเต้นปนเสียวซ่านจนอยากอ้อนวอน แม้จะไม่ได้มีเซ็กซ์กันโดยตรงก็ตาม
จากนั้นก็ใช้มือข้างหนึ่งจับแกนกายของตนแล้วเริ่มขยับขึ้นลงช้าๆ อวัยวะที่เคยอ่อนยวบชูชันขึ้นมาจนเป็นรูปร่างชัดเจน แข็งขืนอยู่ในมือ ส่วนมืออีกข้างหมุนวนอย่างหนักหน่วงบริเวณตุ่มไตบนหน้าอกอย่าง ทำงานประสานกันไม่ได้หยุด
ลมหายใจอุ่นร้อนพวยพุ่งออกจากปาก ยิ่งขยับมือเร็วเท่าไหร่ สะโพกก็ยิ่งตอบสนองมากเท่านั้น แต่มันยังไม่ถึงเวลาสัมผัสช่องทางด้านหลัง ไม่มีทางที่อีกฝ่ายจะพอใจเพียงเท่านี้แน่นอน จะเสร็จก่อนพึงพอใจไม่ได้ มินจุนคิดพลางมองไดกิ ร่างสูงจ้องกลับมาด้วยใบหน้าติดโมโหอย่างไรบอกไม่ถูก ทั้งๆ ที่ถือแก้วไวน์อยู่แต่ไม่เคลื่อนไหวใดๆ
“อ๊ะ…อา… อื้อออ”
เสียงครวญครางที่เต็มไปด้วยความเสียวซ่านดังผ่านปากเล็กๆ อัตโนมัติ มินจุนเลื่อนมือจากหน้าอกลงไปยังช่องทางด้านหลัง เขาใช้ของเหลวลื่นๆ จากแกนกายของตัวเองป้ายลงรอบกลีบอย่างคล่องแคล่ว เพียงแค่เฉียดผ่านตรงนั้นก็ขมิบตอบ
“มองไม่เห็น ซ่อนไว้แล้วสนุกอยู่คนเดียว แล้วของฉันจะทำไงล่ะ”
ไดกิหันโคมไฟมาทางเตียงนอน คนตัวแดงไปทั้งตัวขมวดคิ้วเพราะแสงนั่น
“หันไปแล้วย้ายก้นนายมาทางฉันไม่ดีกว่าเหรอ ฉันจะให้เวลาของตัวเองกับนายทั้งวันเลยนะ ให้มันเห็นชัดๆ หน่อยสิ”
มินจุนกัดริมฝีปากล่าง ดวงตาฉ่ำวาวด้วยน้ำตา
ฉันจะใช้หนึ่งวันของนายให้คุ้มเลย คอยดูเถอะ จะทำให้ตัวสั่นงกๆ พูดขอโทษครับ ผมผิดไปแล้วให้ดู ไอ้คนเลว ครั้งหน้าฉันจะเอากล้องจุลทรรศน์มาส่องรูนายด้วย!
แต่อย่างไรก็คลานเข่าแล้วหันหลังไปทางไดกิ มินจุนยังคงลูบไล้แกนกายของตัวเอง ก่อนจะใช้ปลายนิ้วถูไถปากช่องทางเพื่อสอดเข้าไปข้างใน
ทันทีที่นิ้วแทรกตัวผ่านเข้าไปภายในช่องทางคับแคบที่ขมิบตอด ก็รู้สึกเสียวไปทั่วกระดูกสันหลัง ความเสียวซ่านพุ่งขึ้นมาราวกับโดนไฟช็อตจนเป็นตะคริว เกือบจะเสร็จอยู่แล้ว เขาคิดว่าตัวเองก็พอมีความมั่นใจอยู่เหมือนกัน ทว่า… จู่ๆ ก็ต้องหมุนสะโพกสอดนิ้วเข้าไปยังจุดที่ลึกที่สุด ความหาจุดไวต่อสัมผัสแล้วเริ่มกวัดแกว่งไปมา
“อา… อย่า ไม่พอ…”
ร่างบางส่ายศีรษะไปมาเพื่อให้ตัวเองได้ปลดปล่อยเป็นครั้งสุดท้าย แต่หลังจากร่างกายรับรู้ถึงตัวตนของไดกิแล้ว มันก็ไม่สามารถเสร็จอย่างง่ายดายเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป มินจุนน้ำตาไหล ไม่เคยช่วยตัวเองนานขนาดนี้มาก่อน ตอนนี้เขาทรมานเหลือเกิน
ร่างกายรู้สึกว่างเปล่าเพราะไม่สามารถเติมเต็มครั้งสุดท้าย รู้สึกถึงเพียงแต่ความเว้าวอนปราศจากอิสระ
จากนั้นมินจุนก็หยุดทุกการกระทำของตนพลางสบตากับไดกิด้วยใบหน้าเปียกชื้น ร่างสูงจึงวางแก้วไวน์ลง ไม่รู้ว่าโดนสายตาแวววาวด้วยความปรารถนากลืนกินไปแล้วกี่ครั้ง เขาค่อยๆ ยื่นมือออกไป ร่างกายโหยหาอีกฝ่ายก่อนเขาจะรู้ตัวเสียอีก
ไดกิลุกจากเก้าอี้ ด้วยระยะห่างเพียงไม่กี่ก้าวก็จะถึงเตียงนอน แต่มินจุนกลับรู้สึกว่ามันไกลแสนไกล อีกฝ่ายก้าวย่างเข้ามาพลางก้มมองเขา เขาเองก็เงยหน้าขึ้นมองกลับ ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้แล้วค่อยๆ ถอดชุดคลุมออกให้
ชายหนุ่มมักจะเปลือยกายและสวมเพียงเสื้อคลุมอยู่เสมอ ทว่าเวลานี้ส่วนกลางลำตัวกลับตั้งชันราวกับอาวุธยักษ์ใหญ่ มันกระตุกไปมาคล้ายจะพุ่งทะยานออกในชั่วพริบตา
“แหะๆ หนึ่งวันของคุณ… เป็นของผมแล้วครับ”
มินจุนน้ำตาไหลพลางหัวเราะแหะๆ ด้วยความดีใจ มีความสุขแทบตายเพราะไดกิมีปฏิกิริยากับตน เขาเป็นเกย์ รักผู้ชายและอยากโดนผู้ชายกอด ทว่าชายแท้อย่างไดกิไม่ใช่อย่างนั้น สำหรับมินจุนแล้ว การที่คนตรงหน้ามองเขาช่วยตัวเองแล้วมีปฏิกิริยาตอบรับ มันมีความหมายมากพอๆ กับการได้รับความรักเลยทีเดียว
“อือ ยกให้ ก็สัญญาไว้แล้วนี่”
“ผมจะใช้ให้คุ้มเลย”
“งั้นฉันก็คงต้องขอร้องให้เบาๆ มือหน่อยล่ะนะ”
“หึ ไดกิ… เลียได้ไหม”
มินจุนหันหน้ามองไดกิ ชายหนุ่มจึงยื่นมือลูบไล้ริมฝีปากบาง
“อืม ถือเป็นโบนัสแล้วกัน”
“…งั้นจะทานให้อร่อยนะครับ…”
จากนั้นก็อ้าปากรับเอาแกนกายอุ่นร้อนเข้าไปเต็มคำ
ไดกิทำเพียงมองนิ่งๆ มันเป็นวิวที่น่ามอง และน่าเสียดายจนอยากจะเอามือถือมาถ่ายภาพที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้าเขาเก็บไว้ตลอดไป
Comments