ตกหลุมร้าย! ยากูซ่าพ่อลูกติด 2-4
งานประชุมประจำเดือนของกลุ่มมอุเอยามะจัดขึ้นทุกวันจันทร์ของอาทิตย์สุดท้ายในทุกๆ เดือนที่บ้านใหญ่ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ ‘อุเอยามะ จินเป’ ท่านตาของไดกิ ผู้ได้รับขนานนามว่าตำนานที่ยังมีชีวิตอาศัยอยู่ ในวันนี้แม้แต่ผู้บริหารระดับสูงของกลุ่ม นำโดย ‘อุเอยามะ ไทจิ’ ลูกพี่ลูกน้องของไดกิที่อยู่โอซาก้าก็มาร่วมงาน และถือเป็นบอสลำดับสองของกลุ่มอุเอยามะด้วย
ไทจิให้ความเคารพและชื่นชมไดกิ หากตัดเรื่องความยึดติดจนผิดปกติ ด้วยความอยากทำให้ทุกอย่างเป็นของตัวเอง โดยไม่สนใจว่าจะเป็นคนหรือสิ่งของ ขอแค่เป็นสิ่งที่ไดกิครอบครองเพราะเขาชื่นชอบไดกิมากออกไปแล้ว โดยพื้นฐานคนอย่างไทจิก็ไม่มีทางหักหลังไดกิได้
เหล่าสมาชิกระดับหัวหน้ากว่าสองร้อยคนอยู่รวมกันในหอประชุม ไดกิต้องขึ้นรายงานความเคลื่อนไหวของกลุ่มตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาในฐานะบอส ถ้าหากรวมพวกลูกน้องที่แต่ละคนพามาด้วยแล้วก็มีประมาณหนึ่งพันคนได้ ดังนั้นสำหรับเด็กอย่างโทมะ การประชุมเช่นนี้จึงไม่ต่างอะไรกับสถานที่ชวนให้รู้สึกอึดอัด
แต่เนื่องจากโทมะต้องขึ้นเป็นบอสรุ่นต่อไปตามธรรมเนียมการสืบทอดตำแหน่งของกลุ่มอุเอยามะ ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการรวมตัวด้วยเหตุผลว่ายังเป็นเด็กได้ และจุดประสงค์ที่พาเด็กน้อยอย่างโทมะมาก็เพียงแค่ต้องการให้เขารู้จักการพบเจอผู้คนในงานประชุมประจำเดือนเท่านั้น หลังจากเสร็จแล้วก็ไปใช้เวลากับคุณทวดจินเปที่บ้านใหญ่ พอการประชุมจบลงก็พากลับบ้าน
วันนี้ทุกคนต่างแต่งกายด้วยชุดทางการสุภาพเรียบร้อย โทมะเองก็สวมกางเกงแสล็คขาสั้นด้วยเช่นกัน เมื่อหนึ่งเดือนก่อนที่โทมะวิ่งเข้าไปหามินจุนพร้อมร้องเรียกหม่าม้าไม่ยอมปล่อย ก็คือระหว่างเดินทางกลับจากงานประชุมประจำเดือนนั่นเอง
บนระเบียบทางเดินที่ทอดยาว โทมะเดินจับมือไดกิตรงไปยังห้องชงชาที่มีท่านทวดกำลังรออยู่
“ป๊ะป๋า โทมะไม่กิงชา มังไม่หย่อย”
“ถ้าท่านทวดเอาให้ ก็ดื่มสักหน่อย”
“มะเอา หยั่กกลับบ้าน กิ๊ดถึงหม่าม้า”
ไดกิหยุดฝีเท้าแล้วจ้องมองลูกชายครู่หนึ่ง เมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาของไดกิ โทมะจึงก้มหน้าลงแล้วลูบชายเสื้อสูทของตัวเอง
“โทมะ ป๊ะป๋าบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ ห้ามพูดถึงหม่าม้าที่นี่”
การพาโทมะออกมาที่นี่ต้องใช้ความพยายามมากทีเดียวและท่าทางจะยังเคืองๆ อยู่ เพราะไดกิออกคำสั่งบังคับพาลูกชายที่ดีดดิ้นอยู่บนพื้นพร้อมร้องว่าถ้าหม่าม้าไม่ไป ตัวเองก็จะไม่ไปขึ้นรถมา แก้มยุ้ยจึงพองลมเต็มที่
“ขอท่ดฮับ”
โทมะเองก็คงทนสายตาไดกิไม่ไหวจึงขยับปากเอ่ยเสียงเบา แล้วจู่ๆ โทมะก็เงยหน้าขึ้นมา ปัดมือของไดกิที่ยื่นมาจะจับมือตัวเองออกแล้ววิ่งไปบนระเบียง
“ท่านทวด ท่านทวด”
วาทศิลป์ที่ไม่เคยพ่ายแพ้ให้แก่ใครหน้าไหน หนึ่งดาบกวัดกวาดไปทั่วโตเกียวด้วยความเย็นชา และความโหดร้ายอย่างถึงที่สุดล้วนมลายหายไปสิ้น ตอนนี้มีเพียงจินเป ผู้ก่อตั้งกลุ่มอุเอยามะสุดยิ่งใหญ่ที่รอให้โทมะมาหาไม่ไหวจนต้องเดินออกมารับถึงด้านหน้า
พอเห็นโทมะวิ่งมาก็กลัวว่าจะล้มจึงยื่นแขนออกไปรอรับ ปลายชุดกิโมโนขยับไปตามฝีเท้าที่ก้าวไปรับเอาเด็กน้อยเข้ามากอด แม้จะดูอบอุ่นเหมือนคุณตาแถวบ้านที่มีเส้นผมสีขาวกับใบหน้าอวบอูม แต่สายตาเฉียบแหลมกลับบ่งบอกได้ว่าชายชราผู้นี้ผ่านช่วงชีวิตของยากูซ่ามาอย่างยาวนาน
“เฮ้อ เจ้าหมาน้อยของทวด วิ่งมาอย่างนั้นเกิดล้มไปจะเจ็บเอาน่า”
“โทมะเก่ง ท่านทวดโทมะกลับบ้านได้ม้ะฮับ”
“เจ้าหนูนี่ เพิ่งจะมาเองนะเรา จะกลับแล้วเหรอ ทวดคิดถึงหนูแทบตายเลยนะ”
“อื้อๆ งั้นอยู่แป๊บนุงก้ะด้ะ”
โทมะชอบจินเปมากๆ แต่วันนี้โทมะคิดเพียงแค่อยากจะกลับบ้านไวๆ เพราะมินจุนรออยู่ที่บ้าน เด็กน้อยกอดคอทวดของตัวเอง
“โทมะ เราเข้าไปในห้องใหญ่แล้วทักทายท่านอาไทจิกับพวกลุงๆ กันไหม ต้องไปสวัสดีครับก่อนสิ”
ห้องใหญ่ก็คือห้องประชุม โทมะเดินเข้าห้องประชุมพร้อมกับจินเป เป็นการเน้นย้ำถึงตำแหน่งของโทมะกับคนเหล่านั้น พวกเขาเชื่อว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่สามารถทำให้โทมะได้
“สวัสดีครับท่านตา”
ไดกิเดินตามเข้ามาในห้องและโค้งคำนับจินเป
“เข้าไปในห้องประชุมเถอะ ว่าแต่วันนี้โทมะดูอารมณ์ไม่ค่อยดีนะ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
“ไม่ครับ”
“ถ้าเลี้ยงคนเดียวไม่ไหวก็ส่งมาได้เสมอ โทมะน่ะเป็นสายเลือดที่ฉันมอบให้ได้ทุกอย่าง โดยไม่คิดเสียดายอยู่แล้ว”
“ทราบครับ”
เมื่อจินเปอุ้มโทมะเดินผ่านหน้าห้องเข้าไปในห้องประชุม ไดกิและกลุ่มลูกน้องผู้ติดตามทั้งหมดก็เดินตามหลัง เนื่องจากเป็นช่วงก่อนการประชุมจะเริ่มจึงค่อนข้างเสียงดัง แต่ทันทีที่จินเปปรากฎตัว ทุกคนก็สำรวมขึ้นและก้มหัวให้ชายชรา และหลังไดกิทำสัญญาณมือ ทุกคนก็เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง
“โอ๊ะ โทมะ! น้าหาตั้งนานแน่ะ”
พอไทจิเห็นโทมะก็เกิดอาหารตื่นเต้นเกินเหตุพอๆ กับสูทหรูหราที่สวมใส่ ชายหนุ่มเดินตรงเข้ามาหา ทว่าเมื่อโทมะเห็นไทจิเข้ามาใกล้ ก็ยิ่งกอดคอจินเปแน่นขึ้นพร้อมหันหนีไปอีกทาง
“โทมะ ทักทายน้าไทจิก่อนสิ”
“ไม่เอา เกียดไทจิ มะทำ โฮกๆ ใส่โทมะ”
ไทจิเข้ามาใกล้โทมะแล้วแยกโทมะออกจากจินเปเข้ามากอดแทน โทมะก็แกล้งทำเป็นร้องไห้โวยวาย
“โทมะมาเป็นลูกน้าเถอะ จะเลี้ยงให้ดีกว่าป๊ะป๋าเลย”
“ไม่เอา เกลียดไทจิ ท่านทวด ท่านทวดดด”
จินเปเห็นโทมะตัวสั่นร้องเรียกหาตนก็หัวเราะแล้วอุ้มคืน ไม่รู้ว่าโทมะอารมณ์ดีขึ้นหรือยัง แววตาคมกริบจึงอ่อนโยน
“โทมะอย่าทำแบบนี้สิ ลองคิดอีกทีนะ น้าอยากเลี้ยงโทมะจริงๆ น้า อยากได้อะไรจะซื้อใหม่หมดเลย มาเป็นลูกน้านะ”
“มะเอา มะอาวว โทมะเปงลูกป๊ะป๋ากะหม่าม้า หม่าม้านอนกะโทมะทุกวัง นอนในห้องป๊ะป๋าด้วย”
ห้องประชุมเงียบเป็นเป่าสากชั่วขณะ จินเปย้ายสายตาของตนไปทางไดกิทันที
“เอ๊ะ แปลกนะ ฉันหูฝาดหรือเปล่า เหมือนจะได้ยินคำว่าหม่าม้า บอส ที่โทมะพูดน่ะจริงเหรอ”
ไทจิแคะหูพลางสะบัดหัวแล้วหันไปจ้องไดกิเช่นกัน เจ้าตัวเหลือบมองโทมะที่เริ่มสะอื้นเพราะตกใจกับสิ่งที่ตัวเองหลุดพูดก่อนจะหันกลับมามองจินเป
“จริงหรือเปล่า”
“ครับ”
ร่างสูงไม่ได้บอกปัด แต่ยืนยันว่าคำพูดของโทมะเป็นความจริงอย่างสุภาพ
“ให้ตายเถอะบอส! ไม่คิดว่าจะเป็นผู้หญิง หม่าม้า…ก็ต้องผู้หญิงสินะ”
“เงียบหน่อยไทจิ”
เมื่อถูกจินเปดุเสียงต่ำ ไทจิก็เงียบลงทันที
“ประชุมเดือนหน้าพามาด้วย”
และหลังจากคำพูดคาดไม่ถึงออกมาจากปากอีกฝ่าย ดวงตาที่เคยสงบนิ่งของไดกิก็เกิดสั่นไหวขึ้นมา
“ท่านตาครั้งหน้า…”
“ไม่เป็นไร วันเกิดของฉันก็พามาได้อยู่แล้ว วันนั้นไม่มีประชุม แค่รวมตัวของคนในครอบครัว แกพาเขามาด้วยแล้วกัน โทมะเรียกว่าหม่าม้าเลยนี่ ตาอย่างฉันก็ขอเจอสักครั้งเถอะ อย่าลืมพามาล่ะ”
ท่าทางประกาศกร้าวชัดเจนว่าไม่ยินยอมให้ปฏิเสธ ร่างสูงจึงต้องยอมรับ โดยคนที่ยืนอยู่ข้างหลังอย่างเรนและเคนตะต่างเกิดอาการสับสนวุ่นวายขึ้นมาในหัวทันทีเมื่อคิดถึงมินจุน
มินจุนสวมเสื้อโค้ทออกมาเดินเตร็ดเตร่อยู่บริเวณสวน จากนั้นก็มองนาฬิกาที่ตัวเองเพิ่งดูไปเมื่อห้านาทีก่อน แล้วก็มองอีกรอบ ก่อนจะมองไปที่ประตูใหญ่ว่าจะเปิดออกมาเมื่อไหร่ มองแล้วมองเล่า
“หนาวนะครับ เข้าข้างในเถอะครับ”
ไม่รู้เพราะเหตุผลอะไร แต่ไดกิกลับทิ้งฮาคุโตะไว้แล้วออกไปประชุมที่บ้านใหญ่
แล้วก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกังวลเรื่องอะไร ชายหนุ่มผู้มีอำนาจสูงสุดมองมินจุนก่อนจะออกคำสั่งว่า ‘ฮาคุโตะ นายอยู่ที่นี่’ แล้วอุ้มลูกชายที่กำลังร้องไห้ลั่นขึ้นรถอย่างเร่งรีบ
ตอนนั้นมินจุนคิดเพียงว่า
‘ไม่หนีหรอก! กลัวฉันจะหนี เลยสั่งให้เจ้าคางคกคอยจับตามองล่ะสิ ไอ้คนเลว’
ตอนนี้เขากังวลเกี่ยวกับโทมะอย่างเดียว ทั้งร้องไห้ ทั้งขัดขืนแบบนั้นจะไม่โดนไดกิตีใช่ไหม… มินจุนเป็นกังวล ก่อนจะหันไปมองฮาคุโตะที่กำลังถูมือกับสูทอย่างไม่พอใจแทน
“บอสไม่ตีท่านโทมะหรอกครับ ปกติบอสก็ไม่ชอบความรุนแรงอยู่แล้ว”
ไม่รู้ว่าฮาคุโตะรู้ได้อย่างไร แต่ก็ตอบคำถามที่เขาอยากถามออกมาพอดี
“ไม่เชื่อหรอกครับ คุณก็เห็นนี่นา ลูกดอกตอนนั้นเกือบจะทำหน้าผมเป็นรูอยู่แล้วนะครับ”
“นั่น… ก็แค่ทำให้กลัวเฉยๆ เองครับ”
“กลัว?! ชีวิตผมเกือบสั้นเลยนะนั่น เขาโทรมาตั้งกี่นาทีแล้ว ยังไม่ถึงอีกเหรอครับ แล้วทำไมต้องขับรถกันเป็นขบวนด้วยก็ไม่รู้ ไหนจะดูคุกคามคนธรรมดาๆ ไหนจะเพิ่มความเร็วก็ไม่ได้ ”
“เพิ่งวางสายไปไม่ถึงสิบนาทีเลยครับ จากบ้านใหญ่มาที่นี่อย่างน้อยที่สุดก็หนึ่งชั่วโมงครับ”
“ถ้างั้นโทรอีกที แล้วให้ผมคุยหน่อยได้ไหมครับ”
“ใครครับ ผมเหรอ ไม่เอาครับ”
ฮาคุโตะทนสายตาที่จ้องมองราวกับจะฉีกทึ้งใบหน้าของตนไม่ไหวหลังเอ่ยปฏิเสธออกไป จนสุดท้ายก็ต้องยอมหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา
“ฉันเอง ท่านโทมะยังไม่นอนเหรอ งั้นบอกว่าท่านมินจุนอยากคุยด้วย นี่ครับ เชิญเลยครับ”
มินจุนฉวยโทรศัพท์มาราวกับแย่งของกิน พอเอาแนบหูก็ได้ยินเสียงโทมะร้องเรียกหม่าม้าจากปลายสายอยู่ก่อนแล้ว
[หม่าม้าเหยอ หม่าม้า?]
“โทมะ หม่าม้าเอง ไม่โดนป๊ะป๋าตีใช่ไหม”
[อื้อ มะโดน ตอนนี้กะลังกลับบ้าน]
“จริงเหรอ หม่าม้าก็กำลังรออยู่ เล่นกับท่านทวดสนุกไหม”
[…หม่าม้า… ขอท่ดฮับ]
“เดี๋ยวสิ ทำไมร้องไห้ล่ะ ไม่เป็นไรนะ หม่าม้าไม่เป็นไรเลย”
มินจุนตั้งใจปลอบเด็กน้อยที่ดูเหมือนว่าจะยังรู้สึกไม่ดีกับการทิ้งหม้าม้าเอาไว้คนเดียวแล้วออกไปข้างนอก
“โทมะไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่เป็นไร เพื่อโทมะแล้วหม่าม้าทำได้ทุกอย่างเลย”
แล้วจู่ๆ โทมะก็หยุดร้องไห้ หัวเราะเสียงใสดังผ่านโทรศัพท์หลังได้ยินคำพูดของมินจุน ทว่าร่างบางกลับหมายถึงว่าแค่ตัวเองรออยู่บ้าน ‘ไม่มีปัญหา’ อะไรอยู่แล้ว
[งั้นไปด้วยกังนะ สังยา!]
ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร แต่มินจุนก็ตอบรับว่า “สัญญา!” ออกไปเสียงดัง แล้วบอกว่ากำลังรออยู่ก่อนจะตัดสายไป
“เฮ้อ~ โชคดีนะเนี่ย ท่าทางจะไม่โดนตี ว่าแต่จะชวนไปไหนกันนะ ฮ่าๆ บางครั้งเราก็ยังฟังโทมะไม่รู้เรื่องนะเนี่ย ยังขาดคุณสมบัติความเป็นแม่เหมือนกันน้า ฮ่าๆ”
ทว่าอีกหนึ่งชั่วโมงให้หลังพอมินจุนรู้ว่าสัญญานั่นหมายถึงอะไรและชวนไปที่ไหน ก็พยายามต่อต้านอย่างแข็งขันอยู่ในห้องหนังสือของไดกิ
Comments