ตกหลุมร้าย! ยากูซ่าพ่อลูกติด 2-6
“ชิมิสึ ยูริอะ ชิมิสึ ยูริอะ… อา ฉันยังไม่ได้กินอูฮวังชองชิมฮวาน[1]…อุ๊บ”
“เงียบหน่อย! มันแต่งหน้าลำบาก”
อาชีพเดิมของโช ผู้รับหน้าที่ทำอาหาร ก็คือช่างเสริมสวยมือโปร และตอนนี้ก็กำลังแต่งหน้าให้กับคนที่สั่นไปทั้งตัวเป็นไวเบรชั่น อิสึกิออกไปเอาอูฮวังชองชิมฮวานตามที่คนตัวเล็กขอร้องมาเพราะอยู่ไม่เป็นสุขจากเจ้าของร้านอาหารเกาหลีคนนึงที่รู้จักกันเป็นอย่างดี อันที่จริงสามารถสั่งคนระดับต่ำกว่าให้ไปเอาแทนได้ แต่เนื่องจากเป็นเรื่องเกี่ยวกับมินจุน ไดกิจึงให้คนใกล้ชิดไปจัดการโดยไม่บอกเหตุผล มินจุนกำลังเฝ้ารออิสึกิพลางทวนชื่อใหม่ของตัวเองซ้ำไปซ้ำมากันลืม
“ถึงจะบอกว่าเป็นผู้ชายอายุยี่สิบสองก็เถอะนะ แต่ยังไงก็ผู้ชายอะ จะเอาผิวไปเทียบกับผู้หญิงได้เหรอ”
โชอายุมากที่สุดในบ้านหลังนี้ เขาเป็นสมาชิกกลุ่มตั้งแต่สมัยรุ่นของบิดาไดกิ แม้รูปร่างภายนอกจะถึกทึน แต่การใช้มือกลับสุดยอดราวกับสร้างสรรค์ภาพศิลปะจนน่าตกตะลึง
“สวยงามมากครับ”
ชินบะยืนเป็นผู้ช่วยอยู่ข้างๆ โช เขาจ้องใบหน้าหวานของมินจุนแล้วแอบน้ำลายหกออกมาหน่อยหนึ่ง ร่างบางเลยยกสองมือปิดหน้าอกตัวเองหลังได้ยินคำชมของชินบะ “ยังไงก็ห้ามจู่โจมผมนะ” ก่อนจะเอ่ยหยอก
“จะ จะ จู่โจมเหรอครับ ผะ… ผม…ผมไม่เคยคิดแบบนั้นเลยสักครั้งนะครับ โดนบอสฆ่าแน่”
“เอ๊ ไดกิน่ะเหรอครับ แต่คนที่ตายคงไม่ใช่ชินบะหรอก น่าจะเป็นผมมากกว่า ฮ่าๆ”
มินจุนเล่นมุกตลกอีกรอบเพื่อคล้ายความเครียด และพอมีชื่อของไดกิโผล่ขึ้นมาในบทสนทนา ก็อดคิดไม่ได้ว่าอีกฝ่ายจะมองตัวเขาในชุดผู้หญิงอย่างไร… แต่ตอนนี้เขาสั่นไปยันขากรรไกรแล้ว
“เอาล่ะ เสร็จแล้ว ไหนลองลุกสิ อืม… ผมตรงนี้เอาไปทักหูให้ดูเป็นธรรมชาติแบบนี้แหละ เพอร์เฟ็ค ทั้งน่ารัก ทั้งเซ็กซี่ สไตล์บอสเป๊ะเลย แต่มีเรื่องจะเตือนหนึ่งเรื่อง ฟังให้ดีนะ”
เมื่อโชบอกว่ามีเรื่องจะเตือน มินจุนก็กลืนน้ำลายหนึ่งอึกพลางกระพริบตาปริบๆ ด้วยขนตาที่ปัดขึ้นอย่างสวยงามด้วยมาสคาร่า เดิมทีขนตาเขาก็ยาวมากพออยู่แล้วจึงไม่จำเป็นต้องติดขนตาปลอมเพิ่ม
“ถ้าไปที่นั่นแล้วเจอลูกพี่ลูกน้องของบอสที่ชื่อไทจิ บอสลำดับสองดูแลสาขาโอซาก้า ห้ามอยู่กับผู้ชายคนนั้นตามลำพังสองคนเด็ดขาด! เขาเป็นพวกเสเพลตั้งแต่เกิด กวาดเรียบ ไม่สนใจว่าจะเป็นชายหรือหญิง ถ้านายสนใจบอส ก็ต้องตามแต่บอส เข้าใจไหม หมอนั่นเป็นผู้ชายอันตรายมาก ชุดกิโมโนแบบนี้พริบตาเดียวก็จัดการเรียบร้อยแล้ว”
มินจุนเกิดอาการวิงเวียนขึ้นมาทันที เขาจับแขนโชเพื่อทรงตัวอย่างยากลำบาก
“ขออูฮวังชองชิมฮวานไวๆ เลย จะตายแล้วครับ ถ้าเอาช้อนมายัดใส่ปากผมตอนนี้ คงแตะโดนหัวใจผมแน่ๆ”
“ตั้งสติก่อน เอาล่ะ รีบไปได้แล้ว ไดกิรออยู่”
จังหวะนั้นอิสิกึก็วิ่งเข้ามาพร้อมอูฮวังชองชิมฮวานพอดี
“เอา… มาแล้วคะ… ครับ…”
ทว่าสิ่งที่อิสิกิถือมากลับร่วงลงพื้นแล้วกลิ้งหลุนๆ จนมาถึงจุดที่คนตัวเล็กยืนอยู่ คนเพิ่งเข้ามาใหม่มองมินจุนนิ่งจนแทบจะกลายเป็นรูปปั้นแล้ว
“ฮึ่ย เอามาให้ดีหน่อยๆ สิ ผมก้มลำบากนะครับ โยนมากับพื้นแบบนี้จะทำไงเล่า”
ทันทีที่มินจุนมองขวดยาที่ตกอยู่บนพื้นแล้วบ่นพึมพำ อิสึกิรีบขยับตัวหยิบอูฮวังชองชิมฮวานแบบน้ำขวดนั้นขึ้นมาเปิดฝาแล้วกรอกใส่ปากตัวเองอย่างรวดเร็ว
“เฮ้อ! ทำไมใจเต้นรัวขนาดนี้นะ…”
“ทำ… อะไรเหรอครับ”
มินจุนประหลาดใจจนอ้าปากค้างแต่พูดอะไรไม่ออก
“จู่ๆ ผมใจก็เต้นแรงขึ้นมาน่ะครับ ขอโทษด้วยนะครับ มันยังเหลืออยู่อีกขวด แต่เหมือนต้องเอาไปให้บอส…”
จากนั้นก็แย่งขวดอูฮวังชองชิมฮวานมาจากมือคนที่กำลังบ่นพึมพำฟังไม่รู้เรื่องมาเปิดฝาแล้วยกดื่มทันที
“เป็นไงอิสิกึ แทบบ้าเลยล่ะสิ วันนี้ก็ดูแลให้ดีล่ะ ฮ่าๆ เอ้า รีบพาไปหาบอสได้แล้ว ระวังช่วงล่างตัวเองด้วย”
อิสึกิหน้าแดงขึ้นมาทันทีหลังได้ยินคำพูดของโช ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าอีกฝ่าย ก่อนจะออกจากห้องไปพร้อมกับมินจุน
ก๊อก ก๊อก
เมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้น ไดกิในชุดสูทคลาสสิกให้บรรยากาศแบบพิธีการมากกว่าสูททั่วไปจึงเอ่ยออกมาสั้นๆ ว่า “เข้ามา”
พอประตูเปิดออก มินจุนก็ลังเลพลางก้าวเดินเข้าไปแล้วมองเจ้าของห้อง คิ้วเข้มสั่นไหวไปชั่วขณะ เกิดคลื่นบางอย่างภายในนัยน์ตานุ่มลึก ริมฝีปากที่ปิดสนิทค่อยๆ เผยอออกมา ไม่อาจละลายตาจากร่างบางตรงหน้าได้เลย
กิโมโนฟูริโซะเดะ[2]แบบเรียบๆ มีลวดลายซากุระบนผ้าไหมสีขาวยาวกรอมข้อเท้าที่สวมใส่รองเท้าเกี๊ยะอย่างงดงาม มันปกคลุมอยู่บนร่างกายผอมบางสูงราวๆ ร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรของมินจุน โอบิสีชมพูคาดรอบช่วงเอว ช่วยให้ร่างกายไร้หน้าอกหน้าใจดูมีสวนเว้าส่วนโค้งขึ้นมา
มินจุนลูบลำคอของตนเองพลางหัวเราะอย่างขัดเขินกับสายตาที่จับจ้องกัน ไดกิเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะยื่นมือออกมาเชยคางมนขึ้นอย่างแผ่วเบา เขาใจเต้นเมื่อเห็นความต้องการผาดผ่านขึ้นมาแวบหนึ่งบนแววตานิ่งเฉยของอีกฝ่าย
“คงต้องให้โบนัสลุงโชซะหน่อยแล้ว”
“หมายความว่ายังไงครับ”
“ก็ทำออกมาได้ดีขนาดนี้ไง”
“อย่าหัวเราะสิครับ ก็ได้แค่นี้แหละครับ”
“…สายแล้ว ไปกันเถอะ”
ไดกิตอบคำถามของมินจุนช้าไปหนึ่งจังหวะ จากนั้นก็โอบไหล่บางพาเดินออกจากห้อง
วันนี้โทมะเองก็ใส่กิโมโนสำหรับเด็กเช่นเดียวกับมินจุน เด็กน้อยยังคงน่ารักน่าเอ็นดูจนช่วยผ่อนคลายความเครียดของเขา เผยรอยยิ้มออกมาเองอัตโนมัติ ตอนร้องขออยากจใช้เครื่องประดับเส้นผมเหมือนหม่าม้า แต่พอบอกว่าไม่ได้ก็ยอมเชื่อฟังอย่างสุภาพเรียบร้อย ทว่าเมื่อกลับสู่ความจริงแล้วมองเห็นหน้าประตูใหญ่ มือที่วางไว้บนแขนของไดกิก็เริ่มสั่นและเกิดใจฝ่อขึ้นมา
ไดกิกุมมือสั่นเทาของมินจุนไว้แน่น ไออุ่นจากอีกฝ่ายช่วยให้หัวใจของมินจุนสงบลงทีละนิดๆ เขาค่อยๆ เงยหน้ามองไดกิ ก่อนจะเขย่งเท้าสวมรองเท้าเกี๊ยะขึ้นแล้วกระซิบข้างหูชายหนุ่ม
ในสายตาของใครหลายๆ คน ภาพคู่รักแสนสง่ากำลังกระซิบกระซาบกันนั้นมันชวนให้หัวใจสั่นไหว… แม้กระทั่งเรนและกลุ่มลูกน้องที่รับรู้ถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองคนเป็นอย่างดีก็ยังอดใจสั่นไม่ได้ แต่บริเวณหว่างคิ้วของไดกิกลับขมวดแน่น
“ทำไงดี… ผมลืมชื่อตัวเองไปแล้ว…”
“…”
“อย่าโมโหสิครับ ชิมิสึ… อะไรนะ บอกหน่อยสิครับ เร็วสิ น้า”
มินจุนมองใบหน้ากรุ่นอารมณ์โมโหแล้วก็ได้แต่สะอื้นเสียงเบา
“ชิมิสึ ยูริอะ ถ้าถามอีกรอบ…”
“รู้แล้วครับ จะไม่ลืมอีกแล้ว ชิมิสึ ยูริอะ”
มินจุนสติหลุดตั้งแต่แรก ทั้งๆ ที่เส้นทางยังอีกยาวไกล เขาขยับร่างกายว่างเปล่าราวกับวิญญาณออกจากร่างเข้าไปในบ้านอุเอยามะที่คล้ายจะมีคนรอจับตัวเองกินอยู่
ภายในห้องชงชาของจินเปมีเพียง ไดกิ มินจุนและโทมะนั่งอยู่ด้วยกันเท่านั้น ราวกับเป็นคำขอร้องพิเศษจากไดกิ
มินจุนยังไม่สามารถสบตากับจินเปได้เลย ครั้งแรกตอนสบตากับไดกิเองเขาก็เตรียมพร้อมถึงความตายแล้ว ทว่ากับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นตำนานแล้วล่ะก็… คนอื่นๆ เอาแต่พูดไม่หยุดว่าจินเปเป็นดั่งตำนานในเรื่องเล่าอีกที เขาไม่มีความกล้ามากพอจะสบตากับอีกฝ่ายเลยแม้แต่นิดเดียว
ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการล้างสมองตัวเองในใจอย่างกับคนบ้าว่าเขาไม่ใช่มินจุนคนขี้ขลาดตาขาว แต่เป็นชิมิสึ ยูริอะ หญิงสาวสุดแกร่งผู้ได้รับความรักจากบอสยากูซ่า
“ฉันชื่ออูเอยามะ จินเป เป็นตาของไดกิ”
แม้แต่ตอนจินเปเอ่ยทักก่อน มินจุนก็ยังไม่รู้วิธีเงยหน้าเลยด้วยซ้ำ ได้แต่ตัวสั่นงันงก ไดกิจึงยกมือโอบรอบเอวบาง ความอบอุ่นนั้นคล้ายจะบอกว่า ‘ไม่ต้องกังวล ฉันจะอยู่ข้างนายเอง’ มินจุนเลยรวบรวมความกล้าเงยหน้าขึ้น
ต่อให้มีเขางอกบนหัวก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ทว่าจินเปกลับมีบุคลิกสุภาพ ให้ความรู้สึกเหมือนคุณตาที่อาศัยอยู่แถวบ้านมากกว่า แต่จู่ๆ โทมะก็วิ่งเข้ามาหาแล้วดึงแขนมินจุน ก่อนจะกดจูบลงบนแก้มจนเกิดเสียงดังจุ๊บ
“หม่าม้ากัวท่านทวดโฮกๆ ใส่ โทมะเยยจุ๊ๆ ให้ฮับ”
ริมฝีปากเกร็งตึงของมินจุนผ่อนคลายลงจนเผยยิ้มออกมาเพราะการกระทำที่คาดไม่ถึงของโทมะ จากนั้นจึงเอ่ยทักทายจินเปกลับ
“ชะ…ชิมิสึ ยูริอะค่ะ”
ชั่วขณะหนึ่งความทรงจำเกือบจะหลุดลอยแต่ก็แนะนำตัวเองได้จนจบพร้อมนั่งหลังตรงแหน่ว ท่ามกลางความเงียบสงัดมีเพียงเสียงชงชาดังฉึบฉับจากจินเปเท่านั้น เด็กน้อยที่มาบ่อยแล้วก็นั่งหลังตรงเหมือนผู้ใหญ่อยู่ข้างๆ ผู้เป็นทวดพลางส่งยิ้มให้มินจุน ร่างบางพยายามภาวนาอย่างถึงที่สุดให้ขาของตัวเองอดทนได้อย่างน้อยที่สุดสามนาทีขณะชมศิลปะการชงชาของชายชรา
“นี่คือโคอิฉะ[3]”
จินเปส่งชาที่ชงหยาบๆ ให้ ซึ่งไดกิก็รับถ้วยชามาอย่างสุภาพแล้วดื่มลงไป
“รู้สึกอย่างไรบ้าง”
จินเปเอ่ยถามหลานชายตนอย่างสุขุม
“ดีมากครับ”
เมื่อได้ยินเสียงทุ้มต่ำของไดกิตอบกลับอย่างเหมาะสมกับมารยาทในการชงชา หัวใจที่ไม่รู้กาลเทศะของเขาก็เริ่มเต้นตึกตักขึ้นมาอีกครั้ง ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายรับรู้ความในใจกันบ้างหรือเปล่า แต่ก็ยื่นถ้วยชามาทางเขา มินจุนกลืนน้ำลายหนึ่งอึกพร้อมกับรับถ้วยชาด้วยความรู้สึกเหมือนรับถ้วยยาพิษ ก่อนจะนำมาใกล้ริมฝีปากตน
ตั้งใจว่าจะแค่เอาแตะริมฝีปากเบาๆ แต่ดูเหมือนจะเอียงถ้วยชามากเกินไปจนต้องกลืนโคอิฉะ ชาที่มีรสชาติขมเป็นพิเศษเข้าไปหนึ่งอึกเต็มๆ และเนื่องจากสภาพร่างกายเขามีความพิเศษอย่างนึง เมื่อกินยาขมๆ เข้าเมื่อไหร่ น้ำมูกก็จะไหลทันที ดังนั้นถึงจะโตแล้ว แต่มินจุนก็ยังต้องผสมยากินกับไซรัปอยู่ดี ซึ่งตอนนี้เขาก็เริ่มรู้สึกหนุบหนับไปทั่วโพรงจมูก จึงต้องวางถ้วยชาลงอย่างเร่งรีบแล้วก้มศีรษะลง
“เป็นอะไร”
“ดื่มชาเข้าไปครับ”
“บอกให้เอาแตะปากอย่างเดียวไง”
“ทำยังไงดี น้ำมูกจะไหลแล้ว”
“เวรเอ๊ย!”
มันเป็นการพูดคุยผ่านทางสายตาเท่านั้น แต่คำว่า ‘เวรเอ๊ย!’ สุดท้ายนั่นรู้สึกเหมือนได้ยินแว่วๆ ที่หู มินจุนปรายตามองไดกิอย่างไม่พอใจ
ทว่าอยู่ดีๆ โทมะก็ลุกจากที่นั่งตัวเองแล้ววิ่งมาหามินจุน จากนั้นก็ยัดอะไรบางอย่างใส่ปากเขาพร้อมกระซิบข้างหูว่า ‘อะหย่อย’ ก่อนจะวิ่งกลับไปนั่งข้างๆ จินเปเหมือนเดิม
ลูกอมรสสตอเบอร์รี่แสนหวานเข้าไปละลายความขมภายในครั้งเดียว น้ำผลไม้รสอร่อยก็ไหลลื่นลงลำคอของเขาไปแทน
“ท่านทวด หม่าม้ามะจ้อบขมๆ เหมือนโทมะเยย จ้อบหวานๆ”
“ฮ่าๆ โทมะคงชอบน่าดูสินะ”
“โทมะจ้อบหม่าม้า จ้อบท่านทวดโด้ย”
ความน่ารักของโทมะเหมือนกับยาสลายพิษ ทำให้บรรยากาศอึดอัดกลับมาสดใสได้ภายในพริบตาเดียว ช่างน่ารักน่าชังเหลือเกิน… ดีกว่าใครบางคนที่กระซิบใส่กันว่าเวรเอ๊ยอีก…
[1] อูฮวังชองชิมฮวาน ยาที่เป็นแบบเม็ดกลมเคลือบทอง และแบบน้ำ ผลิตจากสมุนไพร่หลากหลายชนิด ใช้กินเวลารู้สึกระวนกระวายใจ เช่น ก่อนการสอบ หรือสัมภาษณ์งาน
[2] กิโมโนฟูริโซะเดะ ประเภทของชุดกิโมโน ปัจจุบันนิยมใส่ในพิธีบรรลุนิติภาวะ มีความแตกต่างจากกิโมโนประเภทอื่นๆ ตรงที่มีแขนเสื้อยาวจนเกือบถึงพื้น
[3] โคอิฉะ ชาที่ชงเพียงหนึ่งแก้ว มีรสขมมาก
Comments