ตกหลุมร้าย! ยากูซ่าพ่อลูกติด 2-8
“ปล่อย”
“หึ ไม่ธรรมดาแฮะ อย่ากลัวเลยน่า คุยแค่แป๊ปเดียวเอง เดี๋ยวก็ปล่อยแล้ว”
“ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ! ถ้าไม่ยอมปล่อย ฉันจะกรี๊ดให้ดู บอกไว้ก่อน ฉันเคยเรียนร้องเพลงมาจนถึงม.ปลายปีสองเลยนะ ถ้าฉันกรี๊ดล่ะก็ แม้แต่หลังคาก็สะเทือนได้!”
“โอ้โห น่ากลัวจริง งั้นฉันกินริมฝีปากเซ็กซี่ของเธอก่อนก็ได้น่ะสิ ไม่น่า คงไม่ได้หวังอยู่ใช่ไหม”
“ออกไปซะ ก่อนที่ฉันจะกัดแขนคุณ”
“แม่ของโทมะน่ะเป็นคนธรรมดา คลอดโทมะได้ไม่เท่าไหร่ ก็โดนเจ้าของฉายาแมงมุมของกลุ่มสึเอชิโร่ จากโอซาก้าฆ่าตาย ไดกิไม่คิดจะรักคนทั่วไปอีกหรอกนะ เพราะหลังจากนั้นเขาก็คลั่งไปพักใหญ่เลยล่ะ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าไดกิคิดอะไรอยู่ ถึงเอาเธอมาไว้ข้างตัว แต่เขาไม่มีทางยอมเป็นของเธอแน่นอน เดี๋ยวเธอก็โดนทิ้งเหมือนของเล่น”
หัวใจและร่างกายของมินจุนเหมือนโดนทุบด้วยค้อนอันใหญ่จนแหลกละเอียดในคราวเดียว เขาหลับตาทั้งสองข้าง ถึงจะเคยอยากรู้อยู่เหมือนกันว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แต่พอได้ฟังด้วยตัวเองแล้วก็ช็อกจนกระทั่งหายใจยังลำบาก แต่สักพักก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ แล้วพูดออกไปตามสิ่งที่ตัวเองคิด
“… ตอนนี้ไดกิเปลี่ยนไปแล้ว กาลเวลาคือยาเพียงหนึ่งเดียวที่ช่วยรักษาความเจ็บปวด ดังนั้น ฉันไม่สนใจส่งที่คุณพูดเลยสักนิด”
“จริงเหรอ แต่ดวงตาของเธอดูหวั่นไหวนะ นี่ มาอยู่กับฉันดีไหม ฉันจะให้เธอเป็นคนรัก แถมจะทำให้เธอสวยขึ้นด้วยนะ”
มินจุนฟาดมือลงบนแก้มของไทจิเพราะไม่สามารถทนได้อีกต่อไป หลังรู้สึกถึงความเจ็บปวดแสบร้อนไปถึงภายในปาก ชายหนุ่มก็กระชากรวบเอวบางเข้ามา ก่อนจะใช้มือบีบหน้าสวยๆ แน่น
“มือเธอนี่แรงเยอะไม่ใช่เล่นเลยนะ ชักตื่นเต้นขึ้นมาแล้วสิ”
ทันทีที่ไทจิขยับหน้าเข้ามาใกล้ ร่างบางก็ส่ายหน้าพลางร้องตะโกน
“ยังไม่เอาหน้าออกไปอีก ไอ้หน้าปลาไหล! ฮึก… ไดกิ…”
ทันใดนั้นมินจุนก็หลุดพ้นจากอ้อมกอดน่าขยะแขยงภายในชั่วพริบตา เขาถูกดึงเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของใครบางคนแทน มินจุนวางมือทาบอกตัวเอง ทว่าก่อนจะได้สูดลมหายใจ ไดกิก็บีบข้อมือลูกพี่ลูกน้องตัวเองแน่น
“ฉันมีความอดทนให้นายแค่สามวิเท่านั้น ไสหัวไป”
น้ำเสียงน่าหวาดกลัวส่งตรงไปหาไทจิ
“ชิ รู้แล้วน่า ก็แค่อยากมาคุยด้วยเท่านั้นเอง”
“ไทจิ!”
การสกัดกลั้นอารมณ์ของไดกิคล้ายกำลังบีบรัดลำคออีกฝ่าย
“บอกว่ารู้แล้วไง!”
พอไทจิจัดเสื้อผ้าตัวเองให้เรียบร้อยแล้วเดินออกไป ไดกิจึงกระชากคนที่กำลังลูบหน้าอกปลอบตัวเองเพราะตกใจขึ้นมาอย่างรุนแรงให้สบตากัน
“อยู่เฉยๆ ไม่ได้เลยหรือไง หรือว่าชอบมันก็เลยตามมา”
คำพูดนั้นกระทบกระเทือนจิตใจอย่างแรง ชอบก็เลยตามมางั้นเหรอ… มินจุนคิดอย่างสลดใจ ทุกๆ อย่างล้วนเป็นความผิดของเขา ดันไปชอบคนคนนี้แทบบ้าโดยไม่รู้ตัว ยอมเป็นหม่าม้าของโทมะด้วยใจไร้มโนธรรมอยากจะอยู่ใต้ร่างคนเป็นพ่อ แม้แต่ความรักเฮงซวยของแม่คนนึงที่อยู่ไม่ได้หากไม่มีโทมะ ทุกอย่างเป็นความผิดของเขาทั้งหมดก็จริง แต่มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาต้องยืนทนฟังคำพูดแบบนี้ของไดกิเลย
มินจุนปัดมืออีกฝ่ายออกแล้วตะโกนใส่
“ก็เพราะว่าชอบถึงได้ตามมาน่ะสิ ไม่ได้เหรอครับ เขาตรงสเปกผมยิ่งกว่าคุณซะอีก ผมจะตามเขาไปไม่ได้เลยหรือไง!”
ตะโกนเสร็จแล้วก็ก้มหน้าหนี ไม่อยากจะมองหน้าเลยสักนิด ได้ยินเสียงตุบดังขึ้นข้างหู จากนั้นไดกิก็กระชากมือเล็กแล้วพาเดินออกไปอย่างเร่งรีบ
“จะไปไหนครับ…”
คนที่สวมรองเท้าเกี๊ยะพยายามก้าวตามความเร็วของอีกฝ่าย แต่ก็พลาดเหยียบชายชุดกิโมโนจนเกือบหน้าคว่ำไปหลายต่อหลายครั้ง ทว่าร่างสูงไม่ยอมผ่อนแรงดึงรั้งให้ตามมาเลย
ไดกิพามินจุนมาถึงห้องๆ หนึ่งจากนั้นก็ผลักเขาเข้าไปข้างใน
“มันเจ็บนะครับ ปล่อยนะ”
มินจุนพยายามสะบัดมือออกพร้อมทุบตีหน้าอกแกร่ง แต่ไดกิกลับดึงอีกคนเข้ามากักขังไว้ในอ้อมกอดตัวเองโดยไม่เว้นให้แม้แต่ช่องว่าง หัวใจเขาเต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง
“ที่นายพูดกับท่านตาน่ะ หมายความว่ายังไง”
“มะ…ไม่รู้ ผมจำไม่ได้แล้ว”
มินจุนเบี่ยงหน้าหนีหลบสายตา
“เหรอ งั้นฉันจะถามอีกรอบ หมอนั่นเป็นสเปกของนายหรือไง”
“ไม่ ไม่รู้ อันนั้นก็จำไม่ได้”
“จริงเหรอ ถ้างั้นก็ต้องทำให้จำได้สินะ”
ก่อนจะได้รู้ว่าคำพูดนั้นหมายถึงอะไร ทรงผมที่โชตั้งใจทำให้ก็โดนชายหนุ่มคว้าแล้วประทับจูบลงมาบนริมฝีปากของมินจุน
และกว่าจะรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ลิ้นร้อนก็แทรกตัวเข้ามาอย่างบ้าคลั่งกวาดไปทั่วภายในเหมือนจะตัดลมหายใจของเขา ไดกิใช้ลิ้นดูดดึงตวัดเกี่ยวลิ้นของมินจุน เขาไม่มีทางหนี ไม่สิ ไม่มีทางสะบัดอีกฝ่ายออกได้เลย ริมฝีปากที่เฝ้ารออย่างอดทนมาเป็นเวลานาน… มินจุนพยายามกลั้นน้ำตาที่กำลังจะไหลลงมา แล้วเริ่มตอบสนองรสจูบที่โถมกระหน่ำเข้ามาราวกับจะจับกินอย่างกระตือรือร้นโดยอัตโนมัติ
“อื้อ… อ๊ะ”
ไดกิโลภหลงในริมฝีปากของร่างบางจนไม่ให้เวลาพักหายใจ ก่อนจะลากโลมเลียลงไปยังต้นคอที่โผล่พ้นออกมาจากกิโมโน สร้างรอยมาร์กสีแดงเอาไว้ก่อนจะถอนหายใจ
“อย่ายั่วฉัน”
“ผม…ไม่เคย”
“ตัวตนของนาย สำหรับฉันมันคือความปรารถนาและการล่อลวง”
ลมหายใจรุนแรงอีกฝ่ายกระตุ้นริมฝีปากเขา มินจุนจ้องมองริมฝีปากของคนตรงหน้า ความคิดที่ว่าเมื่อครู่นี้ลิ้นของอีกฝ่ายเข้ามาอยู่ในปากเรา ทำเอามินจุนสัมผัสถึงความเจ็บแปลบวาบผ่านขึ้นมาคล้ายถูกช็อตด้วยไฟฟ้าตั้งแต่ศีรษะจนถึงปลายเท้า เขาไม่เหลือเรี่ยวแรงแล้ว ร่างบางเบือนหน้าหนีสายตาโกรธเกรี้ยว ทว่าอยู่ๆ ก็หันกลับไปทิ้งน้ำหนักตัวลงพิงอีกคนแล้วกุมใบหน้าไดกิด้วยสองมือ ก่อนจะเขย่งเท้าขโมยจูบจากชายหนุ่ม ชั่วพริบตาไดกิก็คว้าเส้นผมของมินจุนแล้วกระซิบเสียงเข้มที่ข้างหู
“ไปทำอะไรผิดมาอีก กับไทจิก็จูบแบบนี้งั้นเหรอ”
“ไม่ได้ทำ… ไม่ได้ทำนะครับ”
“ดูท่าจะจำอะไรไม่ได้ แต่แค่อยากจะจูบสินะ มักมาก! อยู่กับใครก็ยั่วเขาไปหมดเลยหรือไง ชินบะเองเวลามองนายก็ยังต้องกลืนน้ำลาย คงไม่ได้หันก้นใส่แล้วหรอกใช่ไหม”
“ผมไม่เคยทำแบบนั้น! ถ้าไม่ใช่คุณ… ถ้าไม่ใช่คุณผมก็ไม่คิดอยากจะจูบหรอก ปล่อย! คุณมันคนใจร้าย!”
ไดกิล็อกหน้าเขาให้หันมามองกัน สายตาของทั้งคู่ผสานกันเป็นหนึ่งเดียวกัน ดวงตาเปี่ยมความปรารถนาจับจ้องเหมือนจะกลืนกิน มินจุนตกใจกับความเร่าร้อนที่เกิดขึ้น อีกฝ่ายไม่เคยมองกันแบบนี้มาก่อน มันเป็นสายตาของชายชาตรีโดยแท้จริง ร่างกายบอบบางสั่นไหวราวกับต้นหลิว ไม่ได้นะ ที่นี่ไม่ได้นะ… ทว่าบางอย่างภายใต้ชุดกิโมโนกลับขยายตัวขึ้นมาแล้ว เจ้าของความรู้สึกเก้อเขินพยายามเบี่ยงตัวออก แต่ไดกิกลับโอบกอดเขาด้วยแรงทั้งหมดที่ตัวเองมี
ตู้ม หัวใจเริ่มสั่นสะเทือนราวกับจะระเบิดออกมา เพราะเขาสัมผัสได้จากด้านบนชุดกิโมโนว่าความเป็นชายของอีกฝ่ายเองก็ชูชันจนดันบริเวณท้องน้อยของตนเช่นกัน ดวงตาตื่นตระหนกอาบไปด้วยหยาดน้ำตาจ้องมองลึกและลึกเข้าไปในดวงตาของไดกิ
ร่างสูงกระชากปกกิโมโนออกอย่างหยาบโล้นแล้วประทับจูบลงที่ไหล่ขาว ก่อนจะโอบอุ้มมินจุนไปที่เตียงนอน ชุดกิโมโนแสนสวยหลุดลุ่ย ชายกระโปรงถูกรั้งขึ้นมาอยู่ด้านบน มือใหญ่ลูบไล้ขาอ่อนเรียบเนียน และท้ายสุดก็บีบมันแน่นเหมือนต้องการทำให้รู้สึกถึงความเจ็บปวด
“ฮึก…เจ็บ”
“หนวกหู!”
ลิ้นร้อนแทรกตัวเข้าไปเก็บเกี่ยวภายในโพรงปากผ่านริมฝีปากเปิดอ้ากว้าง พลางขยับหัวไปมารุกรานเข้าจนถึงลิ้นไก่ ไล่เลียไปตามเพดานปาก จากนั้นก็เกี่ยวกระหวัดด้วยแรงที่มีราวกับจะดึงลิ้นบางออกไปด้วย น้ำลายของพวกเขาผสมปนกันไปหมด ลมหายใจพัวพันกันยุ่งเหยิงจนเหมือนกลุ่มไหม
ทว่ากลับมีเสียงอะไรบางอย่างดังออกมาจากที่ไหนสักแห่ง แต่ทั้งสองคนกำลังตักตวงริมฝีปากของกันและกันจนไม่ได้ยินอะไรเลย เสียงที่หายไปโดยไม่ทันรู้ตัวแผดเสียงขึ้นมาอีกครั้ง มันคือเสียงโทรศัพท์ของไดกินั่นเอง
“มะ… มือถือ… อื้อ…”
มินจุนส่งเสียงอู้อี้ผ่านช่องว่างเล็กๆ
“ไม่ต้องสนใจ”
ไดกิกลับสกัดคำพูดนั้นด้วยน้ำเสียงทุ้มเซ็กซี่ของตนทันที ทว่าเสียงโทรศัพท์ก็ไม่ยอมเงียบ ยังคงรบกวนทั้งคู่ไม่หยุด “เวรเอ๊ย” กระทั่งเจ้าของมันสบถออกมาแล้วกดรับโทรศัพท์ทั้งๆ ที่ยังกอดร่างบางไว้
“มีอะไร”
กลายเป็นเสียงโทมะที่ดังมาจากสายของเรน
“เกียดป๊ะป๋า! โทมะ โฮกๆ โกดแย้วนะ! ยุไหน หม่าม้าล่ะ โทมะหยักกับบ้าน หยักนอน หม่าม้าล่ะ หม่าม้าาา”
“อย่าร้อง กำลังจะออกไปแล้ว หม่าม้าก็อยู่นี่”
“อื้อ ยีบๆ มานะ”
“โทมะเหรอครับ”
พอไดกิวางสาย มินจุนก็มองอีกฝ่ายด้วยใบหน้าเป็นกังวล
“อืม ต้องกลับบ้านแล้ว”
ร่างสูงมองคนตรงหน้าอย่างนึกเสียดาย จากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วช่วยสวมชุดกิโมโนให้ทันที
“ต้องรีบกลับบ้านแล้วสิ”
มินจุนเองก็ใจสั่นจนเดินไม่ตรงเพราะคำพูดของไดกิ
Comments