ตกหลุมร้าย! ยากูซ่าพ่อลูกติด 3-14
เสียงอื้ออึงดังจนสมองแทบสั่น กระทั่งโทมะตื่นจึงดึงแขนมินจุนด้วยความงอแง
“หม่าม้า หม่าม้า โทมะ ตงนี้ วิ้งๆ วิ้งๆ”
คนที่ตื่นเพราะเสียงสะอื้นขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะเอาตัวเด็กน้อยที่ยกมือปิดหูสองข้างเข้ามากอด โทมะชี้หูตัวเองแล้วเอาแต่บอกว่า “หม่าม้า ตงนี้วิ้งๆ” เกาะติดมินจุนไม่ห่าง เขาเลยอุ้มโทมะลงจากเตียงแล้วมองขึ้นไปด้านบน ฟังอย่างไรเสียงน่าหนวกหูนี่ก็มาจากชั้นสามไม่ผิดแน่
ร่างบางจึงตรงไปที่ห้องของไดกิ เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็เผชิญหน้ากับเจ้าของห้องที่เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จพอดี มินจุนสะดุ้งเฮือกเกือบจะหลุดอุทานออกมา ก่อนจะกลืนน้ำลายเหนียวๆ เข้าไปหนึ่งอึก ชายหนุ่มรูปร่างแข็งแกร่งราวกับอาวุธมองมาแวบหนึ่ง จากนั้นก็ปลดผ้าขนหนูคลุมช่วงล่างออกอย่างจงใจ หันสะโพกที่มีรอยสักลายเสือดาวมาทางเขาแล้วเดินผ่านหน้า
“นายไม่ได้พูดเองเหรอว่าจะไม่เข้ามาห้องนี้ เกิดอะไรขึ้นล่ะ”
“มะ..มีเสียงแปลกๆ น่ะสิครับ โทมะก็บอกว่าเจ็บหู เลยตื่นตั้งแต่เช้า งอแงไม่หยุดเลย”
มินจุนซ่อนหน้าแดงๆ ไว้กับอ้อมกอดของโทมะพลางพึมพำ
“อ๋อ กำลังซ่อมอยู่ไง จะทุบชั้นสาม! นายว่าแบบนี้นี่ ตอนนี้ก็เลยกำลังทุบทิ้ง ทำไม”
“เอาเลยเหรอครับ”
“เอาเลย? เริ่มตั้งแต่ตีสามแล้ว ฉันลองถามดูว่าถ้าทำไปเรื่อยๆ น่าจะใช้เวลาประมาณสองเดือน แต่เพื่อนาย เลยกะว่าจะเอาให้เสร็จภายในยี่สิบสี่ชั่วโมง”
“ทำ…ทำไมต้องเพื่อผมล่ะ”
“นายบอกไว้นี่ว่าจะไม่เข้ามาห้องฉันจนกว่าจะทำเสร็จ แล้วสองเดือนกว่าจะทนไหวหรือไง อืม ถ้าทนได้จะสั่งให้ทำช้าๆ ก็ได้นะ ฉันไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”
ไม่มีปัญหาเรอะ!? จริงๆ คือมันติดอยู่ในใจ อยากจะให้เสร็จภายในสองชั่วโมงนั่นแหละ แต่พออีกฝ่ายมายืนอยู่ตรงหน้ามินจุนก็ไม่มีความมั่นใจที่จะควบคุมตัวเอง ขณะกอดโทมะอยู่ก็เลยตะโกนออกไปไม่รู้ตัวด้วยความร้อนใจ
“ใครไม่มี…ปัญหาครับ? ทำให้เสร็จเร็วๆ เลย ให้ไวที่สุด!”
“งื้อ โหนกหู โทมะปวดหู มะจ้อบวิ้งๆ”
“อ๋อๆ ขอโทษทีๆ ทำไงดีล่ะ แต่ที่นี่เหมือนจะดีกว่าแฮะ… ห้องโทมะเสียงดังมากเลยครับ”
“งั้นเหรอ ก็มาอยู่นี่ชั่วคราวแล้วกัน แต่ถ้านายไม่ชอบ จะไปนอนห้องโทมะคนเดียวก็ได้นะ”
“เลิกพูดว่าไม่เกี่ยวไม่มีปัญหาสักที ชอบครับ ยังไงก็ทำไรไม่ได้ ผมจะยอมอยู่ที่นี่ชั่วคราวแล้วกัน แต่นอนแบบนอนจริงๆ แค่นอนนะครับ! โทมะก็อยู่ด้วย เพราะงั้นต้องนอนอย่างเดียว!”
“อย่าย้ำขนาดนั้นสิ มันฟังดูเหมือนขอให้ทำมากกว่านะ”
“ระ…ไร้สาระจริงๆ เลย โทมะ เรามานอนที่ห้องป๊ะป๋ากันต่ออีกนิดดีไหม”
“งื้อ นอนอีก หนูง่วง”
เขาเลยอุ้มเด็กน้อยเดินผ่านเสือดาวตัวอันตรายแล้วซุกตัวเข้ากับเตียงเข้า ก่อนจะหยิบผ้าห่มขึ้นมาคลุมทับ กลิ่นอายของไดกิกระตุ้นประสาทรับรู้ของจนวิงเวียน บางอย่างเริ่มโป่งพองขึ้นมา
ไม่ได้ ไม่ได้นะ ต้องอดทนสิ นายเป็นคนพูดก่อนเองนี่นา มินจุน! ถ้านายเริ่มก่อนก็แพ้น่ะสิ เข้าใจไหม เอ้อ ไปเอาลูกดอกมาถือไว้ดีกว่า เสียบสะโพกซะเลยดีไหม!?
มินจุนเพียงเหลือบตามองแผ่นหลังกว้างที่เดินหายเข้าไปในห้องแต่งตัวพลางกลืนน้ำลาย
เมื่อฤดูหนาวผ่านพ้นไปแล้ว ความเย็นของฤดูใบไม้ผลิพัดไหวๆ มาตามลม โทมะสวมที่ปิดหูวิ่งไปทั่วบ้าน ถึงอย่างไรตอนนี้ก็ไม่ได้วุ่นวายมากกว่าปกติสักเท่าไหร่… แต่ภายในบ้านค่อนข้างจะเอะอะเพราะช่วงหลายวันมานี้มีการก่อสร้าง คุณชายน้อยของบ้านกำลังทำให้มินจุนสัมผัสได้ถึงความสมจริงของสุภาษิตภาษาเกาหลีที่ว่าวายร้ายวัยสองขวบ[1]เป็นอย่างดี
“โทมะใส่เสื้อด้วยสิ หม่าม้าจะไปจับตัวเราล่ะนะ”
สุดท้ายโทมะที่สวมแค่กางเกงในกับที่ครอบหู ถือเครื่องบินวิ่งทำเสียงฟิ้วๆ ไปทั่วก็ถูกมินจุนจับนั่งลงกับที่จนได้ ช่วงนี้ความเหนื่อยอกเหนื่อยใจของเขาไม่ใช่เล่นๆ เลย ช่วงเช้าเหนื่อยล้าเพราะต้องคอยวิ่งจับเด็กน้อยตัวเบายิ่งกว่าลม ก่อนจะได้นอนตอนกลางคืน… ยิ่งพอคิดถึงช่วงกลางคืนก็รู้สึกเหมือนอยากตายเพราะความคับข้องใจ เนื่องจากโทมะมักจะนอนดีดดิ้นไปทั่วเตียง เขาเลยต้องมานอนคั้นระหว่างไดกิกับโทมะแทน และไม่รู้ว่ามีเจตนาร้ายแอบแฝงหรือเปล่า แต่ช่วงกลางดึก ไดกิจะดึงเขาที่ผล็อยหลับไปแล้วเข้ามากอด ซุกใบหน้าหล่อเหลาลงกับต้นคอก่อนจะหลับตาม ตั้งแต่นั้นมินจุนก็ต้องตาสว่างตลอดคืน
“โธ่เอ๊ย ถ้าเป็นอย่างนี้เราได้ตายก่อนแน่ รีบๆ ทำให้มันเสร็จๆ สักที”
“โอ๊ยตาย แล้วทำไมเจ้าหนูนี่ใส่แต่กางเกงในเล่า”
โชที่ไม่รู้ว่าเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่แบกโทมะขึ้นบ่าแล้วเดินเข้าไปหามินจุน
“เรียกก็ไม่มา ใส่ที่ปิดหูแบบนี้ก็ไม่ได้ยินอะไรเลยล่ะสิ…”
“ก๊ากกกก จ๊ากกะจี้ จั๊กกะจี้ง่า”
เมื่อโชเริ่มจี้ไปตามตัว เด็กน้อยก็หัวเราะลั่นจนตัวสั่นดีดดิ้นโวยวายอยู่ในอ้อมแขน จนเขาที่ตั้งใจจะเข้ามาใส่กางเกงให้โดนขาป้อมๆ กระแทกคางเข้าเต็มๆ ร่างบางย่อตัวลงเขาส่งเสียงอึกย่อตัวลง
“ดูสิ! หม่าม้าเจ็บเลย หม่าม้าตายแล้วนั่น”
โทมะหวาดกลัวขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินว่าหม่าม้าตายแล้ว จึงเบิกตากลมโตและเริ่มร้องไห้แงๆ
“ไม่ๆ หม่าม้าไม่เป็นไร ไม่ร้องๆ ลุงโชเขาล้อเล่น อย่าร้องนะ! ลุงจะเข้ามาทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ทำไมครับเนี่ย”
มินจุนเลิกลูบคางของตัวเองแล้วอุ้มโทมะเข้ามากอดปลอบ
“นายไม่มีฉันจะอยู่ยังไงเนี่ย”
“หา? หมายถึงอะไรอีกล่ะครับ”
“ก็นี่ไง มีอะไรก็โยนให้ฉันหมด”
“ผมทำเมื่อไหร่กัน มีแต่ลุงนั่นแหละครับที่ทำให้ผมโมโห”
“แก่แล้วก็ต้องตายๆ ไปสินะ เฮ้อ มินจุนเอาแต่ข่มเหงฉันทุกวันๆ ส่วนบอสบอกว่าเด็กคนอื่นมันไม่ว่าง เอาแต่สั่งให้ฉันดูแลนาย ลุงคนนี้เหนื่อยแล้ว”
“ไม่น่าสงสารเลยสักกะนิดครับ”
“อย่าทำงั้นสิมินจุน วันนี้อากาศอุ่นๆ นะ ลองออกไปที่สวนหลังบ้านไหม ไปดูดอกซากุระบนยอดเขาไป พาโทมะออกไปรับลมบ้าง อย่าเอาแต่อยู่ในบ้าน เสียงมันหนวกหู เดี๋ยวโทมะก็เครียดหรอก”
“ดอกซากุระบานแล้วเหรอครับ”
“แค่บนยอดเขาน่ะ แต่ซากุระก็คือซากุระละนะ จะไปไหมล่ะ”
พอได้ยินคำพูดของโช เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มรู้สึกว่าอยากสูดอากาศบริสุทธิ์สักหน่อย
“งั้นก็ไปครับ โทมะเราออกไปข้างนอก ไปดูต้นไม้กันไหม”
“อื้อ ปะๆ หม่าม้ามะตายแย้วเหยอ โทมะทำตัวมะดี”
“หม่าม้าไม่ตายแน่ๆ ไม่ต้องกลัวนะ แล้วตอนนี้ก็ไม่เจ็บแล้วด้วย”
ร่างบางยิ้มกว้าง เด็กชายเลยเข้ามาจุ๊บๆ แล้วกอดแน่น
“โทมะ จุ๊บๆ ลุงโชด้วยสิ”
“มะเอา! มะเอา! มะเอา!”
นี่มันยิ่งกว่าทรีเอ้าท์[2]เสียอีก โทมะถลึงตาตะโกนคำว่าไม่เอาไปทางโชถึงสามรอบ ชายวัยกลางคนเดินออกมาจากตรงนั้นด้วยใบหน้าสุดช็อก
“ต้องสามรอบเลยเหรอ… ยูกิ”
ทันทีที่โชเรียกหา เจ้าของชื่อก็เดินเข้ามาหาทันทีเหมือนรออยู่ก่อนแล้ว
“ได้ยินว่าเคนตะใกล้จะมาแล้ว นายพามินจุนกับโทมะไปบนยอดเขาหน่อย ฉันจะไปเตรียมอาหารกลางวัน”
“ครับ”
หลังได้รู้ความสัมพันธ์ของสองคนนี้โดยบังเอิญ มินจุนจึงเหม่อมองยูกิอย่างเลื่อนลอย แม้อีกฝ่ายจะดูน่ารัก แต่ก็ดูใสซื่อบริสุทธิ์ราวกับหนุ่มน้อยในชนบท เป็นฝ่ายกดลุงโชจริงๆ น่ะเหรอ… จากนั้นก็สะบัดหัวปฏิเสธที่จะจินตนาการต่อแล้วพาโทมะเดินไปยังยอดเขาแทน
ระหว่างกำลังเตรียมโซบะเพื่อเป็นเมนูอาหารกลางวันอยู่ โชก็ต้องหยิบโทรศัพท์มือถือที่มีสายเข้ากะทันหันขึ้นมา เป็นสายจากเด็กๆ ที่ประจำอยู่หน้าประตูใหญ่
“ว่า”
[พี่ใหญ่ แย่แล้วครับ บอสไทจิมาครับพี่]
“ว่าไงนะ”
* * *
“ไม่ได้!” โชเอ่ยอย่างเคร่งเครียดใส่ไทจิที่ตอนนี้นั่งพิงโซฟาอย่างสบายอารมณ์ และกำลังหยิบบุหรี่ขึ้นมาภายในห้องรับแขกชั้นหนึ่ง
“อะไรครับ”
“บุหรี่ ห้ามสูบบุหรี่ในบ้าน ถึงจะสูบมาจากข้างนอก ก็ต้องฉีดน้ำยากำจัดกลิ่นก่อน ถึงจะเข้ามาในบ้านหลังนี้ได้”
“ล้อเล่นใช่ไหมครับเนี่ย”
“ฉันดูเหมือนล้อเล่นหรือไง”
“ก็ไม่น่ะสิ ทำไมจู่ๆ ถึงห้ามล่ะครับ”
โชลังเลเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อให้เป็นปกติ
“จะเพราะอะไรล่ะ! ก็โทมะยังเด็กอยู่จะสูบบุหรี่ในนี้ยังไง”
“อ๋อ แปลกแฮะ เมื่อก่อนก็สูบกันให้ทั่ว ตั้งแต่โทมะยังเด็กๆ นู่นไม่มช่เหรอครับ”
ไทจินัยน์ตาวาววับส่องประกายเฉียบคมพลางตีหน้าซื่อมองคนอายุมากกว่า
“เพราะพี่สะใภ้ไม่ชอบสินะ ใช่ไหมครับลุง”
“นั่นก็ด้วย แล้วมานี่มีอะไร”
“ทำโซบะอยู่เหรอครับ”
“แล้วยังไง ทำไมล่ะ”
“จู่ๆ ก็อยากกินโซบะของลุงขึ้นมาเลยแฮะ ขอสักถ้วยก่อนค่อยกลับได้ไหมครับ”
หากเป็นเรื่องเกี่ยวกับไดกิแล้ว ไทจิจะไม่มีทางยอมเด็ดขาด อันที่จริงชายหนุ่มผู้นี้เป็นสายเลือดแท้จริงของตระกูลอูเอยามะยิ่งกว่าไดกิ ลูกชายของ อูเอยามะ เรอิสะ พี่สาวคนโตของบ้านเสียอีก ถือเป็นหลานชายคนแรกที่เกิดในตระกูลอูเอยามะของจินเป ทว่าไทจิกลับเป็นหนึ่งในคนที่สนับสนุนอย่างแข็งขันให้ไดกิขึ้นเป็นบอส…
หากจะมีปัญหา… ก็คงไม่พ้นการอยู่ไม่ได้ถ้าต้องพ่ายแพ้ให้กับคนอายุมากกว่าสองปีอย่างไดกิ ตั้งแต่เด็กๆ ไทจิต้องการครอบครองทุกอย่างที่ไดกิมี ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสิ่งของ แม้แต่ตอนท่านทาเครุ บิดาของไดกิมาขอให้โชช่วยสอนศิลปะการต่อสู้ให้ลูกชาย ไทจิเองก็ร่ำร้องจะเรียนด้วย ถึงขั้นยอมอดอาหารประท้วงสามวัน สุดท้ายโชจึงต้องยอมมาเผชิญหน้ากับเด็กชายทั้งสองคน
พี่ใหญ่ของกลุ่มปัดผ้ากันเปื้อนแล้วลุกขึ้นยืน ก่อนจะพูดกับไทจิอย่างเย็นชา
“ไม่มีส่วนของนาย กลับไปกินที่บ้านตัวเองไป”
“อ้าว ทำไมทำแบบนี้ล่ะครับ ขอคำเดียวแล้วเดี๋ยวกลับเลย อยากเจอโทมะด้วย ว่าแต่ไม่เห็นพี่สะใภ้กับโทมะเลยนี่นา ท่าจะไม่รู้ว่าผมมาสินะเนี่ย”
“ทำไม พอนายมาแล้วต้องรีบวิ่งหน้าตั้งออกมาต้อนรับเรอะ ไม่ต้องแล้ว ค่อยมาใหม่ตอนบอสอยู่! โผล่มาตอนบอสไม่อยู่แบบนี้ บอสเองก็ไม่ชอบเหมือนกันนั่นแหละ”
“แค่ผ่านมาเท่านั้นเองครับ มีเรื่องอยากจะถามด้วย”
“เรื่องจะถาม?”
“…ตามนั้นครับ”
[1] วายร้ายวัยสองขวบ (Terrible twos) หรือความเป็นตัวป่วน ออกฤทธิ์อย่างวายร้ายของลูกน้อยในช่วง 2 ขวบ เป็นภาวะการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของเด็กที่ขึ้นๆ ลงๆ อย่างรวดเร็วมาก ที่มักจะเริ่มเกิดขึ้นในช่วงอายุตั้งแต่ 2-3 ขวบ
[2] ทรีเอาต์ ในกีฬาเบสบอส เมื่อฝ่ายรุกเอาต์สามครั้ง จะเปลี่ยนกันรุกรับ
Comments