ตกหลุมร้าย! ยากูซ่าพ่อลูกติด 3-15

Now you are reading ตกหลุมร้าย! ยากูซ่าพ่อลูกติด Chapter 3-15 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ชินบะเหงื่อไหลท่วมหน้าผากรีบถอดผ้ากันเปื้อนออกแล้ววิ่งไปทางยอดเขา ถึงขั้นวิ่งอ้อมทางเดินไกลๆ เพื่อไม่ให้กลุ่มของไทจิสังเกตเห็นเลยหอบแฮ่กๆ ไม่หยุด

“พี่ชินบะ”

ยูกิเห็นชินบะก่อนใครจึงวิ่งเข้ามาหา

“แย่แล้ว”

“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ”

“บอสไทจิมา ตอนนี้อยู่ในบ้าน”

“ครับ!?”

เสียงของยูกิที่มักจะราบเรียบอยู่เสมอสั่นขึ้นมา พลางมองไปทางมินจุนที่จับคุณชายน้อยขี่คอเดินชมดอกซากุระ

“ทำไงดีล่ะครับ”

“ทำไงได้เล่า ก็ต้องเตรียมตัวก่อน”

“จะเตรียมทันเหรอครับ”

“ก่อนอื่นก็…”

มินจุนกับโทมะมาถึงหน้าห้องของชินบะอย่างยากลำบาก ก่อนจะทิ้งยูกิให้อยู่เฝ้าหน้าห้องแล้วเดินเข้าไปข้างใน

“เขาไม่มีเรื่องจำเป็นต้องพบผมนี่นา”

ร่างบางกระซิบเสียงเบาจนแทบจะแนบติดกับพื้น ขณะย่อตัวลงมองเจ้าของห้อง

“ก็ไม่อาจทราบได้ พี่ใหญ่โชบอกให้มาเตรียมตัวไว้น่ะครับ”

“เตรียมตัว? ต้องใส่กิโมโนอีกเหรอครับ ไม่ชอบเลย…”

เขาทำหน้าเบ้ มือเล็กๆ ของโทมะจึงกดลงที่หว่างคิ้ว

“หม่าม้าโกดอาไย”

“เปล่าๆ หม่าม้าไม่ได้โกรธ! โทมะ อะ…อาไทจิ…”

“เกียดไทจิ”

ทันที่ได้ยินคำว่าไทจิ เด็กน้อยก็พองลมที่แก้มพร้อมยกแขนขึ้นกอดอก ปฏิเสธไทจิตั้งแต่หัวจรดเท้า…

มินจุนเลยถอนหายใจแล้วมองชินบะอีกครั้ง ก็เห็นอีกฝ่ายถือกล่องของขวัญอยู่ในมือ

“อันนี้… ของขวัญที่จะให้แฟนน่ะครับ..”

“แฟน? คุณชินบะมีแฟนแล้วเหรอครับ”

“เอ่อ…ครับ คบกันได้ประมาณปีหนึ่งแล้วครับ”

ชินบะยิ้มออกมาอย่างเขินอายพลางเกาหัวตัวเอง

“ว้าว… ชินบะ เท่สุดๆ ไปเลย”

เขาชกเข้าที่หน้าอกอีกฝ่ายพร้อมอุทานว่า ‘ว้าว’ ไม่หยุด

“ถึงมันจะน่าอาย แต่ในบ้านหลังนี้มีเจ้านี่อันเดียวที่พอจะทำให้ท่านมินจุนดูผู้หญิงได้ เพราะงั้น…”

ชายหนุ่มว่าพลางเปิดกล่องของขวัญแล้วยื่นให้ดู คนแทบไม่มีความอดทนต่อผู้หญิงอย่างมินจุนจึงไม่สามารถปิดบังใบหน้าเห่อร้อนทันทีที่เห็นเจ้าสิ่งนั้นได้ เขารีบปิดฝากล่องลงอย่างรวดเร็ว

“อะ อะ อะไรน่ะครับ ไม่ได้ๆ ของแฟนคุณด้วย”

“ไม่เป็นไรครับ ค่อยซื้อให้ใหม่ก็ได้ ท่านมินจุนมีเสน่ห์แบบหนุ่มน้อยอยู่แล้ว โชคดีที่วันนี้ใส่เสื้อไหมพรมตัวยาว แค่ใส่อันนี้เข้าไปข้างในก็น่าจะพอหลอกตาบอสไทจิได้อยู่นะครับ ถึงเขาจะดูไร้สาระไปบ้าง แต่ก็เป็นคนน่ากลัวทีเดียว เร็วเข้าเถอะครับ”

“ตะ แต่ผมไม่รู้ว่ามันใส่ยังไง”

ชินบะลังเลกับคำตอบของมินจุนอยู่ครู่หนึ่ง ใบหน้าแดงก่ำ แม้กระทั่งเสียงยังต้องกระซิบตอบ

“ผะ…ผมใส่ให้เองครับ”

“โอ้โห ชินบะรู้วิธีใส่ด้วยสินะเนี่ย แหงล่ะ ก็มีแฟนแล้วนี่นา”

“มะ ไม่ใช่แบบนั้นครับ”

ใบหน้าแดงเถือกนั้นดูน่าสงสารมาก ร่างบางจึงไม่แกล้งต่อ

“เข้าใจแล้วครับ”

พอถอดเสื้อไหมพรมออก ชินบะก็เปิดกล่องเอาชุดชั้นในผู้หญิงออกมาอย่างระมัดระวังแล้วส่งให้

“หม่าม้าหน่มน้ม หม่าม้ามีหน่มน้มเหยอ”

อ้าว! ลืมโทมะไปเลย มินจุนตั้งสติ ถ้าต้องอธิบายให้โทมะฟัง มันก็คงต้องโกหกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เขาไม่อยากทำแบบนั้นเลย ระหว่างครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรดี ก็หยิบเอายกทรงผ้าลายลูกไม้ขึ้นมาสวมไปด้วย ชินบะเดินเข้ามาเกี่ยวตะขอด้านหลังให้ด้วยมืออันสั่นเทา

“เดี๋ยวนะครับ ผมมีถุงเท้าที่ยังไม่เคยใส่อยู่ ถ้ามายัดตรงนี้หน่อยก็น่าจะได้แล้ว รอสักครู่นะครับ”

เมื่ออีกคนเดินไปหาถุงเท้ามายัดเสื้อชั้นในให้ มินจุนเลยหันไปมองโทมะแล้วเริ่มอธิบาย

“โทมะ เวลาอยู่ต่อหน้าอาไทจิ หม่าม้าต้องมีหน่มน้มนะ แต่หม่าม้าไม่มีก็เลยต้องสร้างมันขึ้นมา ต่อหน้าไทจิ หม่าม้าก็อยากให้มันเป็นความลับระหว่างเราสองคน ทำได้ไหมเอ่ย”

“อื้อ ฟามยับ! กะหม่าม้า กะโทมะ! มะบอกไทจิ”

เขารู้สึกแสบจมูกขึ้นมาอีกครั้ง ขอโทษที่ต้องโกหกนะโทมะ… จากนั้นก็จัดยกทรงให้เข้าที่แล้วคว้าเด็กชายเข้ามากอด โทมะค่อยๆ เอานิ้วจิ้มตรงหน้าอก

“ทำอะไรน่ะ”

“หน่มน้มมะมี ท่านทวดเมอิสะมี”

“โทมะ เรื่องพวกนั้นเรายังไม่ต้องรู้ก็ได้”

มินจุนไม่อยากจะสอนให้เด็กรู้เรื่องหน้าอกจึงเอ่ยอย่างเด็ดขาดกับโทมะ ก่อนจะหันไปมองชินบะที่เดินกลับเข้ามาใกล้

“แค่อันนี้คงไม่พอ สองอันน่าจะดีกว่านะครับ”

“ไม่ชอบใหญ่ๆ เลยครับ”

“เอ่อ แต่ว่าปกติบอสชอบผู้หญิงหน้าอกใหญ่… อุ๊บ ไม่ครับๆ ผมไม่… ไม่ใช่แบบนั้น…”

“ช่างเถอะครับ ผมรู้หมดแล้วล่ะ ถึงยังไงก็ไม่ชอบอยู่ดี ผมจะใส่แค่อันเดียวครับ”

นึกถึงผู้หญิงหน้าอกใหญ่ที่ไดกิเคยกอดในห้องลับพลางกัดริมฝีปากแน่น ทำไมไอ้เจ้าบ้าไทจินั่นต้องมาจนพาลทำให้เรานึกถึงเรื่องไร้สาระพวกนั้นด้วยเล่า! มินจุนโยนความโกรธทั้งหมดไปที่ไทจิขณะยัดถุงเท้าใส่หน้าอกทีละข้าง และพอดึงเสื้อลงก็เห็นเป็นส่วนเว้าโค้งเล็กๆ ราวกับหน้าอกของผู้หญิงไม่มีผิด

* * *

“เรื่องอะไร”

“อืม ก็อดีตลูกน้องผมมันเอาชื่ออูเอยามะไปหลอกสาวๆ มหา’ลัยน่าสงสารพวกนั้น ผมเลยส่งเด็กๆ เข้าไปในมหา’ลัยโตเกียว พวกมันส่งรูปภาพพวกนี้กลับมาให้ผมน่ะครับ”

รูปภาพที่ไทจิวางลงบนโต๊ะเป็นภาพขณะมินจุนกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ในอ้อมกอดของโช และภาพเรียวสึเกะยืนกอดอกมองพวกเขาทั้งสองคน

เรียวสึเกะ ไอ้หมอนี่นิ มองพวกเราอย่างกับมองแมลง จัดการซะเลยดีไหม นั่นเป็นสิ่งแรกที่แวบเข้ามาในหัวของโช และต่อมาก็เป็น ถ่ายมาได้ยังไงเนี่ย ต่อไปคงต้องระวังหน่อยแล้ว ทว่าเพียงแค่โชแสดงความหวั่นไหวก็ตกหลุมพลางของไทจิซะแล้ว

“เออ แล้วมันยังไง”

“คนที่ลุงกอดแล้วกำลังร้องไห้อยู่คือพี่สะใภ้ใช่ไหม แค่ดูก็รู้แล้วว่าเป็นการลักพาตัว เรียวสึเกะก็มาด้วย พี่สะใภ้เรียนมหาลัยโตเกียวเหรอครับ”

“ไม่ใช่! ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายอยากรู้อะไรกันแน่ แต่ฉันไม่บอกแม้แต่คำเดียว ถ้าสงสัยมากนักก็ไปถามบอสเองไป ไม่ใช่ว่าไม่กล้าหรอกเหรอ ถึงได้มาหาตอนบอสไม่อยู่เนี่ย”

แววตาของไทจิประกายแสงวาบเล็กๆ แต่เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของโช สำหรับชายวัยกลางคนที่ได้รับฉายาว่าหมาบ้าของอูเอยามะภายใต้การปกครองของทาเครุ ตั้งแต่สมัยไทจิยังเดินเตาะแตะนั้น เป็นเพียงคนเดียวที่กล้าข่มขู่บอสลำดับสองอย่างเขา

“เฮ้อ! แล้วผมจะเอาชนะลุงได้ยังไงล่ะ เข้าใจแล้วครับ เดี๋ยวลองถามไดกิดูก็ได้ งั้นเรื่องนั้นช่างมัน แต่ก่อนกลับ ผมอยากทักทายพี่สะใภ้กับโทมะสักหน่อยนะครับ คงไม่ห้ามกันถึงขนาดนั้นหรอกมั้งลุง”

“ตามใจ! นั่นไงมาแล้ว”

เมื่อมินจุนมองเห็นไทจิก็กระชับมือโทมะแน่นแล้วก้าวเดินเข้าไปหา

“นึกว่าจะไมได้เจอซะแล้ว สวัสดีครับพี่สะใภ้! แล้วก็โทมะ หวัดดี~”

“บู้~ เกียดไทจิ”

โทมะหันหน้าหนีแล้ววิ่งไปหลบอยู่หลังสะโพกมินจุนทันที ไทจิแกล้งทำสีหน้าเสียใจอย่างสุดพลางกุมหน้าอกตัวเอง

“อึก! คำพูดโทมะทำให้อาเจ็บปวดนะ ต่อไปจะไม่โกรธใส่แล้ว เชื่อเถอะน้า”

เชื่อบ้าเชื่อบออะไร ฉันก็เกลียดหมอนี่เหมือนกัน ร่างบางก็คิดแบบเดียวกับเด็กน้อยและอยากตะโกนบอกบ้าง แต่ก็ทำไม่ได้อยู่ดี เขาเริ่มสะกดจิตตัวเองให้กลายเป็นชิมิสึ ยูริอะอีกครั้ง

“สวัสดีค่ะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ”

“ผมมีเรื่องอยากรู้นิดหน่อย แต่โดนลุงโชปฏิเสธน่ะครับ”

“แย่เลยนะคะ”

มินจุนไม่อยากรู้อะไรพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่อธิษฐานขอให้ภาพตรงหน้าหายไปสักที

“วันนี้บรรยากาศแปลกๆ นะครับ”

ไทจิจ้องมองพี่สะใภ้ตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้าคล้ายกำลังแสกน จนมินจุนขนลุกขนชันกับสายตาอีกฝ่ายเหมือนตอนเห็นไส้เดือนคลานเข้ามาหาเลย

“ถ้าจะขอชา…สักถ้วย?”

“ช่วงบ่ายฉันมีธุระค่ะ”

เขารีบเอ่ยตัดบททันทีพร้อมกับมองไทจิตรงๆ กลับไปสักทีเถอะน่า

“อ๋อ ก็ช่วยไม่ได้แฮะ อุตส่าห์ได้เจอกันอีกรอบ แต่ดูไม่ยินดีให้ดื่มชาด้วยสักถ้วยเลย ถ้างั้นผมขอตัวดีกว่า โทมะ อาจะไปแล้วนะ จุ๊บๆ หน่อยไม่ได้เหรอ”

“มะเอา ปากโทมะเปงของป๊ะป๋ากะหม่าม้า”

“เมื่อก่อนไม่เป็นแบบนี้นี่นา ใจร้ายขึ้นเรื่อยๆ เลยน้า ไหนเขาว่าเด็กจะเหมือนแม่มากไง ใช่ไหมครับ พี่สะใภ้”

“ก็ไม่รู้สิคะ ฉันว่านั่นน่ะเป็นอะไรที่เหมาะสมที่สุดแล้วค่ะ โทมะเป็นเด็กที่มีความคิดเป็นของตัวเองการที่เขาไม่ชอบผู้ใหญ่ที่หยอกล้อเขาเหมือนเป็นของเล่นเป็นเรื่องที่น่าชมมากกว่าอีกค่ะ”

มินจุนไม่สามารถไม่พูดคำว่าเกลียดกับไทจิที่เย้ยยันเขาอยู่ได้สักคำเดียว

“ว้าว! พอพี่สะใภ้จ้องแบบนี้แล้วบรรยากาศรอบๆ นี่ดุเดือดขึ้นมาเลยนะครับ ฮ่าฮ่าฮ่า งั้นก็ลาก่อนครับ”

“สวัสดีค่ะ”

เมื่ออีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้มินจุนก็อุ้มโทมะขึ้นมาแล้วหลบไปด้านข้างตามสัญชาติญาณทันที ไทจิที่เห็นท่าทางนั้นผ่านๆ ยกมุมปากขึ้นมา มินจุนอยากจะมองส่งเขาไปจนจบแต่เขาที่เป็นพวกขี้กลัวอยู่แล้วได้ใช้ความกล้าของทั้งปีไปจนหมด ขาหมดแรงอย่างช่วยไม่ได้

ไทจิที่เดินไปจนถึงหน้าประตูหันมาถามมินจุนเสียงดัง

“พี่สะใภ้เป็นเด็กมหาลัยโตเกียวเหรอ”

“ก็ใช่ ทำไมเหรอ”

ในชั่วพริบตานั้นมินจุนเห็นโชหลับตาลง ชินบะกลอกตาไปด้านข้างอย่างคาดโทษถึงได้รู้ว่าตัวเองตอบผิดไป

“อ่า.. ไม่ใช่ ไม่ใช่ฉันค่ะ.. น้องน่ะ.. น้องเป็นนักศึกษามหาลัยโตเกียว”

“อ๋อ งี้นี่เอง น้องคงเป็นผู้ชายสินะครับ เหมือนกันมากเลยนะ คราวหน้าแนะนำให้ผมบ้างสิ ถ้าเขาไม่เกลียดน่ะนะ ฮ่าฮ่าฮ่า”

ไทจิหายไปแล้วและมินจุนก็ทรุดลงที่ตรงนั้น มินจุนที่ได้ใส่ชุดชั้นในผู้หญิงเป็นครั้งแรก ตั้งแต่เกิดมา แถมยังยัดถุงเท้าเข้าไปข้างใน แล้วยังตอบว่า ‘ค่ะ’ ในคำถามที่ว่าเป็นเด็กมหาลัยโตเกียวเหรอ ไม่พอยังมีกระทั้งน้องชายเกิดขึ้นมาอีก กำลังนั่งเหม่อมองโทมะที่กำลังจิ้มจึกๆ ที่หน่มน้มของตน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด