ตกหลุมร้าย! ยากูซ่าพ่อลูกติด 3-2

Now you are reading ตกหลุมร้าย! ยากูซ่าพ่อลูกติด Chapter 3-2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากพาโทมะนอนบนเตียงแล้วอ่านนิทานเล่มโปรดให้ฟัง ยังไม่ทันถึงหนึ่งนาทีดีเด็กน้อยก็หลับลึกไปซะแล้ว มินจุนลูบไปตามใบหน้าเล็กๆ อย่างแผ่วเบาก่อนจะค่อยๆ ลุกจากเตียง

ตามกำหนดเดิมไดกิจะต้องกลับบ้านวันนี้ แต่จนถึงเวลานี้แล้วก็ยังไม่มีข่าวคราวอะไรส่งมาเลย มินจุนจึงคิดจะไปถามจากเคนตะ เคนตะจะต้องรู้อะไรบ้างแน่นอน เมื่อเปิดประตูห้องออกไปก็เจอกับเคนตะพอดี ราวกับอีกฝ่ายกำลังรออยู่

ร่างกายบอบบางเริ่มสั่นไหวขึ้นมาในทันที กลัวว่าอาจจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับไดกิ

“มีเรื่อง… เรื่องอะไรเกิดขึ้นเหรอครับ”

“ไม่มีครับ แค่กำหนดการถูกเลื่อน บอสจะกลับมาถึงช่วงเย็นวันพรุ่งนี้ครับ”

“ไดกิไม่ได้บาดเจ็บใช่ไหมครับ อย่าปิดบังกันเลยครับ บอกผมมาเถอะ”

“บอสสบายดีครับ ท่านมินจุนไม่ต้องกังวลอะไร ราตรีสวัสดิ์ครับ”

เคนตะส่งสายตาอำลาคล้ายไม่มีอะไรจะพูดต่อแล้ว ทว่าก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป ชายหนุ่มกลับจับจ้องมินจุนด้วยสายตาฉายแววลังเล แต่หลังจากตัดสินใจได้แล้ว เคนตะก็เริ่มเอ่ยอย่างจริงจังท่ามกลางบรรยากาศเงียบงัน

“ถ้าอยากกลับ ผมจะลองขอร้องบอสให้ครับ”

“หมายความว่ายังไงครับ”

“ท่านมินจุนคงทนกับชีวิตแบบนี้ไม่ได้ หยุดแค่นี้แล้วกลับไปใช้ชีวิตตามเดิมดีกว่านะครับ”

ใบหน้ามินจุนซีดเผือดไร้สีเลือดเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย เขากำหมัดแน่นพร้อมจ้องมองเคนตะอย่างน่ากลัว ความโกรธพลุ่งพล่านขึ้นมาหลังได้ยินคำที่ไม่คิดว่าจะได้ยินมาก่อน

“ไม่เอาแต่ใจไปหน่อยเหรอครับ ลากคนที่ไม่อยากมาตามใจชอบ ให้มาเป็นหม่าม้าของโทมะ แล้วอยู่ๆ ก็บอกให้กลับไปงั้นเหรอ คิดว่าความรู้สึกของคนเรามันตัดกันง่ายๆ แบบนั้นเลยเหรอครับ ผมรักโทมะมากขนาดนี้… ถึงผมจะถูกพาตัวมาเพราะความเอาแต่ใจของพวกคุณ แต่ผมจะไม่กลับไปทั้งๆ อย่างนี้แน่ อย่างน้อยก็จนกว่าตัวผมจะต้องการแบบนั้นเอง ถึงผมจะกังวล มันก็เป็นหน้าที่ของผม บางทีคุณเคนตะคงจะพูดแบบนี้ขึ้นมาเพราะเป็นห่วงผม ยังไงผมจะทำเป็นไม่ได้ยินเรื่องในวันนี้ก็แล้วกันนะครับ”

“ขออภัยครับ ผมทำเกินหน้าที่เอง”

เคนตะโค้งศีรษะให้อย่างสุภาพพร้อมกล่าวขอโทษ ก่อนจะก้าวออกไปอย่างลำบาก ทิ้งมินจุนยืนพิงประตูอยู่เช่นนั้น

เมื่ออีกคนเดินหายไป ร่างบางที่ยืนนิ่งอยู่บนทางเดินก็พยายามกลั้นน้ำตาที่เอ่อล้นขึ้นมา เพราะถ้าหากเข้าไปเจอหน้าโทมะเลยตอนนี้ น้ำตาขาคงได้ล้นทะลักออกมาแน่นอน เคยได้ยินพ่อแม่บ่นด้วยน้ำเสียงติดรำคาญอยู่บ่อยๆ ว่าทำไมลูกชายบ้านเราถึงขี้แงนัก วันนี้มินจุนก็รู้สึกโกรธตัวเองเหมือนกันที่เป็นคนแบบนี้

ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงยอมกลับเข้าไปในห้อง เสียงกรนเบาๆ ของโทมะช่วยทำให้จิตใจยุ่งเหยิงสงบขึ้นมา แต่มินจุนไม่ได้ขึ้นไปนอนบนเตียง เขานั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ พลางมองใบหน้าเด็กน้อยที่อยู่ในห้วงนิทรา ทว่าขณะนั้น โทรศัพท์มือถือของโทมะที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงกลับสว่างวาบขึ้นมา

“เวลาแบบนี้ ใครกัน… คงไม่ใช่!”

คนตัวเล็กจึงรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูหน้าจอ ‘ป๊ะป๋าโฮก’ อ๋อ! ไดกินั่นเอง มินจุนมองโทมะสักพักพร้อมลังเลว่าจะปลุกโทมะที่หลับปุ๋ยไปแล้วดีไหม เพราะนี่ก็เลยสามทุ่มไปแล้ว… และจู่ๆ ก็คิดได้ว่าไม่มีทางที่คนรู้เวลานอนของโทมะเป็นอย่างดีจะตั้งใจโทรมาเวลานี้ ถ้าอย่างนั้น หรือว่า…

มินจุนกดรับสาย

“สะ…สวัสดีครับ”

“ทำอะไรอยู่ ทำไมเพิ่งรับ”

น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิด กลุ่มก้อนสีดำที่เคยทำให้เขาทุกข์ทรมานและหวั่นไหว แต่หลังจากไดกิออกเดินทางไป มันกลับกลายเป็นของเหลวจางหายไปราวกับโดนบดด้วยมิกเซอร์

“ปิดเสียงไว้น่ะครับ”

“มันไม่มีไฟกระพริบหรือไง”

“นี่คุณโทรมาเพื่อทะเลาะกับผมเหรอครับ”

“ว่าไงนะ”

“โทมะหลับไปแล้วครับ”

“รู้”

“แล้ว…”

“แล้วนายทำอะไรอยู่”

“กำลังคำนวณเวลาที่คุณต้องใช้คืนผม ผมคิดยันวินาทีเลยนะ”

เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มต่ำของปลายสายดังขึ้นข้างหู ก็พลันรู้สึกเสียวซ่านเบาบางตรงจุดนั้น หากโอบกอดเสียงได้ มินจุนก็อยากจะดึงเข้ามากอดไว้ในอ้อมอกของตัวเอง จะสี่วันหรือสิบวันก็ไม่อยากวางสาย

“ขี้เหนียวจริง แค่อยู่ด้วยแบบเป๊ะๆ ก็พองั้นเหรอ”

“แล้วจะให้ผมเพิ่มไหมล่ะครับ”

“ไว้จะลองคิดดู พรุ่งนี้กลับ ไปนอนได้แล้ว”

“เดี๋ยวก่อนครับ!”

สั้นจัง! ที่เรียกออกไปก็เพราะไดกิกำลังจะวางสาย แต่มินจุนดันคิดไม่ออกเลยว่าจะพูดอะไรดี

“มีอะไร”

“คิดถึง… โทมะฝากบอกมาครับ”

เมื่อพูดว่าคิดถึงออกไป หัวใจเล็กๆ ก็เต้นรุนแรงจนแทบทนไม่ไหว ต่อให้กดวางลงไปเฉยๆ เขาก็คงได้แค่มองโทรศัพท์มือถืออย่างรู้สึกขอบคุณ ทว่า…

“ฉันก็คิดถึง… ฝากบอกโทมะด้วย”

หลังจากนั้นก็เป็นเสียงตื้ดๆ ดังตามมา มินจุนนิ่งค้างอยู่อย่างนั้นประมาณสามวินาทีก่อนจะกระโดดลงเตียง กอดมือถือนอนกลิ้งไปกลิ้งมา

คิดถึงจัง… ถึงจะฝากบอกโทมะ แต่นั่นต้องบอกเราแน่ๆ คิดถึง เท่จังเลย ไดกิรีบๆ กลับมาได้แล้วนะ

“หม่าม้า…”

โทมะงัวเงียตื่นขึ้นมาพูดงึมงำ เพราะมินจุนหัวเราะคิกคักๆ ราวกับคนบ้าอยู่บนเตียง

“ขอโทษๆ ตื่นเพราะหม่าม้าเหรอ นอนเนอะ จะได้กลายเป็นพรุ่งนี้ พอเป็นพรุ่งนี้แล้วป๊ะป๋าก็จะกลับมา ป๊ะป๋าโฮกไง โทมะก็คิดถึงใช่ไหม หม่าม้าก็คิดถึงเหมือนกัน”

มินจุนดึงเด็กน้อยที่ผล็อยหลับไปอีกครั้งตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้เข้ามากอด น้ำตาแห่งความสุขไหลริน

เป็นการเจรจาที่ยากทีเดียว เวลามีปัญหาหรือมีการเจรจากับกลุ่มโซสึเกะ จินเปไม่เคยต้องการให้ไดกิไปด้วยตัวเอง แม้จะไม่สามารถออกหน้าเองได้เพราะตนก็เป็นเพียงคนชราที่ลามือลงมาอยู่เบื้องหลังแล้ว แต่ในบางครั้งก็จะออกคำสั่งให้ไทจิเป็นฝ่ายออกหน้าแทน ทว่าครั้งนี้บอสของโชสึเกะมาด้วยตัวเอง หากเขาไม่ไปเองก็คงไม่ได้

กลุ่มโซสึเกะก็คือองค์กรที่เคยมีคนร้ายลงมือสังหารมิอุ แม่ผู้ให้กำเนิดโทมะ เมื่อสามปีก่อน แม้ว่าผู้นำกลุ่มโซซึเกะจะยืนยันรับผิดเพียงผู้เดียว แต่อูเอยามะกลับไม่เชื่อเช่นนั้น ครอบครัวโซสึเกะที่สนิทสนมกันในยามปกติไม่มีข้ออ้างชัดเจนใดๆ ในการสังหารภรรยาของบอสคนปัจจุบันของพวกเขาเลย

ช่วงเวลานั้น ไทจิเอาตัวเข้ามาขวางหน้าไดกิที่กำลังเหนี่ยวไกปืนใส่ไอ้คนเจ้าเล่ห์ที่โดนจับตัวไว้ แม้ว่าตอนเขาจะไม่ได้สังหารใคร แต่หลังจากนั้นไดกิก็ใช้ชีวิตด้วยการอยู่แต่ในบ้านไม่ยอมออกไปไหน โดยฝากโทมะไว้ที่บ้านใหญ่

ร่างสูงเงยหน้ามองท้องฟ้า เม็ดฝนตกลงมาปรอยๆ ระหว่างทางกลับโรงแรม มันช่วยเพิ่มเรี่ยวแรงให้เขาได้มากทีเดียว เข็มนาฬิกาบนข้อมือเลยเวลาสองทุ่มไปแล้ว ระยะเวลาจากโอซาก้าไปถึงโตเกียวก็นานกว่าหกชั่วโมง ต่อให้ออกเดินทางตอนนี้ อย่างไรก็ไม่สามารถรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับอีกฝ่ายว่าจะกลับไปภายในวันนี้ได้ทัน ทว่าไดกิก็เดินตรงไปที่รถยนต์อย่างไม่ลังเล

“บอส กลับโรงแรมเลยไหมครับ”

เรน ผู้คอยอารักขาอยู่ข้างกายเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสุขุมดังเช่นทุกครั้ง

“กลับบ้าน”

“โตเกียวเหรอครับ”

“ทำไม ถ้าเหนื่อย ฉันจะขับเอง”

“เอ่อ ไม่ครับ จะรีบออกเดินทางเดี๋ยวนี้ครับ”

เหตุผลที่บอสต้องการกลับเลยทันที ทั้งๆ ที่เพิ่งผ่านงานหนักก็เพราะมินจุนรออยู่ เรื่องนั้นเรนไม่จำเป็นต้องเอ่ยถาม แต่ก็ไม่สามารถหักห้ามความประหลาดใจกับท่าทางกระวนกระวายใจที่แสดงออกให้เห็นได้ ตั้งแต่ทำงานมาเรนไม่เคยเห็นบอสเป็นแบบนี้มาก่อนเลย

ระหว่างรถยนต์กำลังเคลื่อนตัว ไดกิก็คิดถึงมินจุน หากเป็นยามปกติ ความตึงเครียดนี้จะไม่ลดลง เขามักจะมองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อให้อารมณ์กลับมาเป็นเหมือนเดิม หรือในบางครั้งหากคิดถึงโทมะ หัวใจก็จะรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา เขาก็จะบังคับตัวเองให้คิดเรื่องอื่น พยายามทำให้หัวใจไร้ความรู้สึกได้พักผ่อน

ทว่าแค่คิดถึงมินจุน แม้เพียงหนึ่งนาที ก็ยิ่งรู้สึกอยากกลับถึงบ้านให้เร็วขึ้นจนเกือบจะออกคำสั่งให้ไปสนามบินแทนแล้ว ความรู้สึกนี้คืออะไรกันแน่… มันไม่ใช่ความรัก ถ้าจะพูดให้ถูก ก็คงเป็นความปรารถนาล่ะมั้ง… ถึงจะรู้สึกผิดต่อโทมะ แต่เขาก็ไม่มีความคิดจะให้ใครเข้ามาอยู่ข้างกาย มาเป็นหม่าม้าจริงๆ ของโทมะเลย

ในความหมายนั้นหมายถึงมินจุนเป็นอะไรบางอย่างที่เรียบง่ายสำหรับไดกิและโทมะ ร่างสูงมองนาฬิกาข้อมืออีกครั้ง เหลือเวลาอีกกว่าสี่ชั่วโมงถึงจะถึงโตเกียว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด