ตกหลุมร้าย! ยากูซ่าพ่อลูกติด 3-7

Now you are reading ตกหลุมร้าย! ยากูซ่าพ่อลูกติด Chapter 3-7 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

มินจุนตกอกตกใจเมื่อเห็นโทมะทาครีมลงบนใบหน้าจนขาวเหมือนเกอิชาของญี่ปุ่นวิ่งเข้ามาหาพร้อมชุดนอนเพนกวิน

“โทมะ บอกแล้วไงว่าให้ทาโลชั่นแค่นิดเดียว จริงๆ เลยนะ มานี่มา”

ร่างบางดึงทิชชู่มาเช็ดโลชั่นบนใบหน้าเล็กๆ ออก แต่ถึงจะเช็ดไปสามในสี่ส่วนแล้ว มันก็ยังเหลืออยู่ดี จึงเอามาถูตามตัว โทมะบิดตัวไปมาหัวเราะก๊ากๆ ไม่หยุด

“คิๆ จั๊กจี้”

“อยู่เฉยๆ ก่อนสิ โทมะ ต่อไปถ้าจะทาโลชั่น เอามาให้หม่าม้าทาให้นะ เข้าใจไหม”

“คร้าบ~”

ไม่รู้ว่าเพราะอาบน้ำแล้วเลยอารมณ์ดีหรืออย่างไร วันนี้โทมะกระโดดโลดเต้นอยู่บนเตียงมากกว่าทุกวัน มินจุนเอาโลชั่นที่เหลือมาทาตัวเองพลางมองไปทางห้องไดกิตลอด

เหมือนจะโกรธเลย เฮ้อ ไม่รู้ด้วยแล้ว คนที่ต้องโกรธน่ะ ต้องทางนี้ต่างหาก เราจะไม่เริ่มก่อนแน่ จนกว่าไดกิจะมาขอโทษดีๆ ทนได้สิ ต้องทนได้แหละ

“โทมะ วันนี้ฟังเรื่องอะไรดี”

“รูก้นของน้องหมา รูก้น~”

“อันนั้นเราฟังทุกวันแล้วนี่นา”

มันเป็นเรื่องของเด็กที่เฝ้าสังเกตอึทุกวันเพราะสัตว์เลี้ยงของตัวเองกินทุกอย่าง ซึ่งโทมะดูจะชอบเป็นพิเศษ ขอฟังเรื่องนั้นแทบจะทุกคืนจนผล็อยหลับ ไม่รู้ว่าชอบอะไรหนักหนากับนิทานที่มีแค่รูปอึ…

“ซาหนุก ซาหนุก”

“งั้นนอนรออยู่นี่นะ เดี๋ยวหม่าม้าไปเอาหนังสือก่อน”

จากนั้นมินจุนเดินไปที่ห้องสมุดเล็ก ในนั้นมีหนังสือจัดเรียงอยู่ในระดับเดียวกับร้านหนังสือ หลายๆ ห้องปรับปรุงขึ้นมาเพื่อโทมะ โดยการเชื่อมต่อหลายๆ ห้องกับห้องนอนจึงไม่จำเป็นต้องเดินออกไปข้างนอก ขณะนั้นรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงไดกิจากข้างนอก แต่เขาก็ไม่แน่ใจนัก ก่อนจะกดเปิดสวิตช์ตัวเล็กแล้วตรงไปยังชั้นหนังสือ ทว่ากลับไม่เห็นหนังสือที่มักจะวางอยู่ที่เดิมเสมอ

“รูก้นของน้องหมา… รูก้นของน้องหมา อยู่ไหนเนี่ย ก็เอามาเก็บแล้วนี่นา…”

“ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่า อ่านจบให้เอามาเก็บที่เดิม”

มินจุนตกใจหันกลับไปมองทันทีเมื่อได้ยินเสียงไดกิจากทางด้านหลัง อีกฝ่ายยืนถือหนังสือเล่มที่เขากำลังหาอยู่พอดี

“ก็มีแค่ครั้งนี้เองครับ ปกติผมก็เอามาเก็บที่เดิมตลอด”

“เป็นคำแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้นเอาซะเลย”

“งั้นเหรอครับ สำหรับคุณมันคงไม่เคยมีอะไรดีเลยสินะ”

“จะเป็นแบบนี้ไปจนถึงเมื่อไหร่”

จนกว่าคุณจะขอโทษ…อยากตะโกนออกไปแบบนั้น แต่พอไดกิเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิร่างกาย มินจุนก็ไม่สามารถพูดต่อได้ ได้แต่หลับตาหลบสายตาที่จ้องมองกันราวกับจะดูดเข้าไป

“มินจุน จะเอาแต่ปฏิเสธอยู่อย่างนี้ใช่ไหม ความอดทนฉันก็มีขีดจำกัดเหมือนกันนะ”

ผมเองก็มีขีดจำกัดเหมือนกัน เพราะฉะนั้นได้โปรดปล่อยผมไว้แบบนี้เถอะ… จิตใจร่ำร้องอย่างนั้นแต่ความเป็นจริงกลับปวดไปทั้งใจ เพราะอยากเข้าไปโอบกอดเอวสอบ ไดกิมองคนตัวสั่นระริกและหลับตาแน่น ทั้งๆ ที่โทมะก็ยังไม่หลับ แต่ความปรารถนาส่งเสียงร้องว่าอยากจะพาอีกฝ่ายไปที่เตียง โลมเลียจนร่างบอบบางกลายเป็นสีชมพู เคล้าคลึงปากทางอุ่นร้อนด้วยนิ้วตน

ร่างสูงเชยหน้าสวยขึ้นแล้วกดปลายคางให้เผยอปากออกเล็กน้อย จนฟันขาวสะอาดเรียงตัวสวยปรากฎ มินจุนลืมตาพรึ่บ แววตาสั่นไหวเบาบาง และก่อนจะได้พูดอะไร จูบอ่อนโยนก็ประทับลงมาบนริมฝีปาก สัมผัสนุ่มหยุ่นทำให้ร่างกายของไดกิร้อนผ่าว

“แค่เรื่องเล็กน้อย อย่ามัวแต่ร่ำไร คืนนี้มาที่ห้องฉันด้วย”

ทั้งร่างกายและจิตใจอ่อนยวบด้วยรสจูบเสียวซ่านจนเส้นแทบตั้งตรง ทว่าพอคำพูดเหลือเชื่อหลุดออกมาจากปากอีกฝ่าย มินจุนก็ผลักอกแกร่งออกทันที

“เรื่องเล็กน้อยเหรอ พูดแบบนั้นออกมาได้ยังไง ผมทั้งโกรธ… ทั้งเสียใจ แค่อยากได้คำขอโทษ… มันเล็กน้อยสินะ แต่ต่อให้มันจะเล็กน้อยมากๆ จนแทบมองไม่เห็น ถ้าได้รับอะไรคล้ายๆ คำขอโทษสักหน่อย ก็คงดีนะครับ แต่คุณกลับบอกว่าแค่เรื่องเล็กน้อย หึ อยู่ด้วยกันมาสามเดือนแล้ว แต่ผมไม่รู้เลยว่าคนที่ตัวเองรักเป็นคนเกาหลี เท่านั้นเอง”

“มินจุน อย่าพูดว่ารักฉัน นายแค่คิดไปเอง มันเป็นเพราะโทมะเรียกนายว่าหม่าม้า นายก็เลยพาลมองฉันเป็นป๊ะป๋าไปด้วยก็เท่านั้น จริงอยู่ที่ฉันกอดนาย ไม่คิดจะมอบนายให้ใครหน้าไหน แต่นั่นมันก็ไม่ได้หมายถึงความรัก ส่วนความรักของนาย มันก็เป็นแค่ความต้องการในตัวฉันที่นายคิดไปเอง”

คำพูดของไดกิเหมือนเป็นคมมีดปักเข้ากลางใจ แต่ละคำแต่ละคำแหลมคมกรีดผ่านหัวใจ

“คุณมันเย่อหยิ่ง ใจของคุณมันก็คือของคุณ คุณจะผัดจะแกงอะไรก็เชิญ แต่ความรู้สึกของผมก็คือของผม คุณไม่ต้องมาพูดอะไรทั้งนั้น! ความรักมันไม่ใช่เรื่องยุ่งยากขนาดนั้น ถ้าตรงนี้เต้น แล้วเต้นเพราะใคร มันก็คือความรัก อะไรคือเส้นแบ่งระหว่างความปรารถนากับความรักล่ะ มันวาดเส้นแบ่งได้งั้นเหรอ ก็เพราะว่ารักเลยอยากได้ เลยอยากกอดไม่ใช่เหรอครับ”

มินจุนหอบหายใจหนักหน่วงหลังตะโกนใส่โดยไม่พัก ก่อนจะแย่งสมุดนิทานมาจากมือไดกิแล้วเดินออกจากห้องไป เขาโกรธกับคำพูดอีกฝ่ายจนมือสั่นระริก หัวใจเองก็เจ็บมาก แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือความโศกเศร้าถาโถมเข้ามาราวกับเลือดพลิกกลับด้าน มันไม่เหมือนจับเขาใส่รถเบนซ์แล้วพาไปทิ้งบนถนนในชนบทหรอกเหรอ… มินจุนหวาดกลัว คงไม่ใช่ว่าต้องออกไปจากชีวิตของโทมะและไดกิหรอกนะ

ชีวิตที่ไม่มีไดกิ ชีวิตที่ไม่มีโทมะ… เขาไม่มีความมั่นใจมากพอเลย ลองคิดดูแล้ว ตัวเองก็เป็นแค่มนุษย์ที่มีกำหนดเวลา มินจุนเพิ่งเข้าใจตอนนี้ว่าสัญญาของเราจะจบลงในวันที่โทมะรับรู้ว่าเขาไม่ใช่แม่จริงๆ ร่างกายบอบบางสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว ไม่มีแม้แต่น้ำตาให้ไหลลงมา

ความจริงที่ว่า ถึงจะมีความรู้สึกต่อโทมะราวกับเป็นลูกแท้ๆ จะมีความรักให้ไดกิมากมายขนาดไหน มันไม่ได้สำคัญกับพวกเขาเลยนั้น ส่งผลให้มินจุนทุกข์ทรมานและเจ็บปวดอยู่ตลอดคืน

มินจุนนอนหลับๆ ตื่นๆ ทั้งคืนจึงพาโทมะลงมาที่โต๊ะอาหารเพื่อทานข้าวเช้าสายเล็กน้อย แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นถึงไม่เห็นแม้แต่เงาของไดกิ มีเพียงเคนตะยืนรออยู่เท่านั้น แทบจะไม่เคยลงมาแล้วไม่เจออีกฝ่ายที่โต๊ะอาหารเลยสักครั้ง ร่างบางรู้สึกเหมือนเข้าขั้นหมดหวัง เขาพยายามกลั้นน้ำตาอย่างยากลำบากเมื่อคิดว่าวันนี้อาจจะเป็นวันสุดท้ายที่ได้ทานข้าวเช้ากับโทมะก็ได้ มินจุนหยิบตะเกียบสำหรับเด็กยื่นให้โทมะ

“บอสทานอาหารเช้าไปแล้วครับ”

เคนตะเอ่ยเสียงเบาคล้ายจับความรู้สึกบนใบหน้ามืดมนได้โดยไม่ต้องซักถาม

“แล้วก็เช้านี้ท่านโทมะต้องไปข้างนอก ขอให้ทานข้าวไวหน่อยนะครับ”

“แค่โทมะ… เหรอครับ”

“ครับ”

อ่า นั่นสินะ จะพาโทมะไปที่อยู่บ้านใหญ่ แล้วก็ไล่เราออกสินะ… คงจะไม่ได้ร่ำลากันเลยสิเนี่ย

เมื่อความกังวลใจที่รบกวนมาตลอดคืนเกิดขึ้นจริง จิตใจกลับสงบนิ่งอย่างคาดไม่ถึง มินจุนมองอาการไร้ความรู้สึกของตัวเองก่อนจะหันไปฝืนยิ้มสดใสให้โทมะที่หัวเราะแฮะๆ จ้องมองเด็กน้อยโดยไม่คลาดสายตาแม้แต่วินาทีเดียวเพื่อสลักภาพใบหน้าน่ารักน่าเอ็นดูเอาไว้ตลอดไป

เคนตะถือกล่องชุดสูทเข้ามาวางบนโต๊ะ

“ท่านโทมะ ชุดที่ท่านโทมะต้องใส่วันนี้ครับ”

มินจุนอุ้มโทมะที่เพิ่งแปรงฟันเสร็จขึ้นนั่งบนเตียง แล้วเปิดกล่องเงียบๆ นี่ก็ครั้งสุดท้ายแล้วสินะ คิดแล้วก็เจ็บปวดคล้ายหัวใจจะแหลกสลาย ไม่สามารถหายใจได้เต็มปอด เขาคลี่กระดาษขาวออกแล้วหยิบสูทขึ้นมา

สูทสีดำ แตกต่างจากทุกวัน ปกติเสื้อผ้าเวลาไปบ้านใหญ่จะไม่ใช่สีดำสนิทอย่างชุดนี้ มันดูเหมือนชุดไว้ทุกข์มากกว่า มินจุนมองเคนตะ แล้วก็เห็นว่าชุดของอีกฝ่ายก็แตกต่างจากวันอื่นๆ เช่นกัน ชุดสูทสีดำ เนกไทสีดำ… ชุดไว้ทุกข์

“ใครเสียเหรอครับ”

“ขออภัยครับ”

เคนตะกล่าวขอโทษอย่างไร้ที่มาที่ไปแล้วปิดปากเงียบ เขาจึงไม่ได้ถามอะไรต่อแล้วสวมชุดให้โทมะด้วยมืออันสั่นเทา ขณะผูกเนกไทเป็นลำดับสุดท้าย ประตูห้องไดกิก็เปิดออกพร้อมกับการปรากฎตัวของอีกฝ่าย

กางเกงสีดำ สูทสีดำทับเสื้อกั๊ก แล้วยังผูกเนกไทสีดำ ชุดของไดกิก็เป็นสีดำทั้งตัวเช่นเดียวกัน

สายตาคมมองมาทางคนที่กำลังช่วยแต่งตัวให้โทมะ ครั้งนี้มินจุนก็ไม่คิดจะหลบสายตาและจ้องกลับเขม็ง

จะไปไหนกัน จะไม่พูดกับผมอีกต่อไปแล้วเหรอ หรือว่า…

แม้ภายในใจจะส่งคำถามออกไป แต่ก็ไม่กล้าแม้แต่จะคิดถึงคำพูดสุดท้าย ได้แต่กำหมัดทั้งสองข้างแน่น

“เดี๋ยวกลับมา โทมะบอกหม่าม้าสิว่าเดี๋ยวกลับมา”

“หม่าม้ามะไปโด้ยเหยอ”

โทมะมองหน้าของไดกิและมินจุน สลับหันมองไปมาระหว่างผู้ใหญ่ทั้งสองคนก่อนจะเริ่มหน้าเสีย

“โทมะ วันนี้ไปกับป๊ะป๋าแค่คนเดียว”

เด็กน้อยสะดุ้งเพราะน้ำเสียงน่ากลัวของผู้เป็นพ่อจึงจับมือมินจุนแน่น ร่างบางคุกเข่าลงปลอบโทมะด้วยน้ำเสียงแบบพยายามสดใส

“โทมะ หม่าม้าจะรออยู่ที่บ้านนะ สัญญา”

และเมื่อเห็นมินจุนชูนิ้วขึ้นมา

“ห้ามปะไหนน้า ต้องยอนะ!”

โทมะว่าพลางเกี่ยวนิ้วเข้าด้วยกัน

“อื้ม หม่าม้าจะรอที่ห้องของโทมะ กลับมาแล้วจะอ่านรูก้นของน้องหมาให้ฟัง”

“คร้าบ~”

พอเคนตะพาโทมะออกไปก่อน ก็เหลือเพียงเขากับไดกิสองคน มันยากเหลือเกินกับการสบตาอีกฝ่าย มีแต่น้ำตาที่อุตส่าห์กัดปากอดกลั้นตั้งแต่เมื่อคืนพร้อมจะทะลักออกมาเท่านั้น

“เดี๋ยวกลับมา”

ร่างสูงมองท่าทางนั้นอีกครั้ง พูดทิ้งท้ายไว้หนึ่งประโยคก่อนจะเดินออกจากห้อง จากนั้นมินจุนก็ทรุดลงบนเตียงคล้ายใจสลาย เขาพอจะรู้แล้วว่าทุกคนไปที่ไหนกัน ความจริงที่เก็บอยู่อีกด้านหนึ่งมาตลอด… ผู้หญิงคนเดียวที่ไดกิรัก และแม่แท้ๆ ของโทมะ วันนี้ต้องเป็นวันครบรอบวันเสียชีวิตของเธอแน่นอน

เมื่อความอิจฉาริษยาเข้ามาครอบงำจิตใจมากกว่าความเศร้าเสียใจต่อการตายหญิงสาวคนนั้น น้ำตาที่กลั้นไว้ก็ไหลทะลักลงมา มินจุนใช้มือทั้งสองข้างปิดหน้าตัวเอง

“ฮือออ เรานี่มัน… แย่จริงๆ ฮึก”

“ร้องไห้ทำไม”

คนตัวเล็กตกอกตกใจเงยหน้าขึ้นทันทีเพราะได้ยินเสียงของไดกิ

“พอไม่เห็นก็เอาแต่ร้องไห้แบบนี้ ฉันก็ไม่มีสมาธิ ทำอะไรไม่ได้เลยน่ะสิ”

ไดกิคว้าแขนคนตรงหน้าให้ลุกขึ้นคล้ายกระชาก แล้วดึงเข้ามากอดแน่นจนแทบหายใจไม่ออก

“วันนี้ครบรอบสามปีที่มิอุจากไป มันเป็นครั้งแรกที่โทมะจะได้ไปหามิอุ แต่คนที่โทมะรักและเชื่อใจมากที่สุดก็ยังเป็นนายเหมือนเดิม เพราะฉะนั้นอย่าคิดอะไรไร้สาระ”

“ไดกิ…”

“สัญญากับฉันสิ ว่าจะอยู่รออย่างสงบเสงี่ยม”

“อือ ผมจะรอครับ…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด