ตกหลุมร้าย! ยากูซ่าพ่อลูกติด 3-8

Now you are reading ตกหลุมร้าย! ยากูซ่าพ่อลูกติด Chapter 3-8 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แม้ไดกิจะออกจากบ้านไปได้สักพักแล้ว แต่นาฬิกายังคงบอกว่าอยู่ในช่วงสายเท่านั้น มินจุนรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ถามเวลาคร่าวๆ ว่าพวกเขาจะกลับกี่โมงและไปที่ไหนอย่างไร ช่วงเช้ามันไม่ได้มีบรรยากาศแบบนี้เพราะเขาเอาแต่สะอื้น แล้วก็ทำได้แค่บอกให้อีกฝ่ายเดินทางปลอดภัย แต่ว่าตอนไดกิเดินกลับมาอธิบายให้เขาที่ทำหน้าซังกะตายฟังว่าจะไปที่ไหน ก็ดูเหมือนมันจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดราวกับหัวใจถูกคว้าลงได้ เขาฝังตัวเองอยู่กับอ้อมกอดอุ่นพร้อมยืนยันว่าจะรอ

ทว่าคนที่ยามปกติมักจะพบหน้าได้เฉพาะในห้องครัวอย่างโช กลับไม่ยอมออกห่างจากข้างกายเขาเลยตั้งแต่ไดกิออกจากบ้านไป มินจุนนั่งว่างๆ ไม่มีอะไรทำพลางมองโชโทรสั่งเมนูอาหารอยู่กับชินบะ รอคอยให้อีกฝ่ายวางโทรศัพท์มือถือลง

“ลุง ช่วยบอกหน่อยได้ไหมครับว่าทำไมลุงถึงมาอยู่ที่นี่”

“ก็บอกไปแล้วไง กลัวนายจะเบื่อ”

คนตรงหน้าเลี้ยงเคราเล็กๆ บริเวณคาง แต่ปริมาณกลับมากเกินกว่าจะบอกว่าเลี้ยง แม้จะโกนแล้วก็ต้องเหลือไว้สักหน่อยหนี่ง โชยืนกรานว่าตัวเองเป็นชายวัยสามสิบปลายๆ แต่ถ้านึกถึงความเป็นจริงว่าอีกฝ่ายอยู่มาตั้งแต่รุ่นพ่อของไดกิแล้ว ก็ต้องสี่สิบปลายๆ แน่นอน กล่าวคือถ้ามองจากมุมของมินจุน เขาไม่คิดจะเชื่อคำพูดของอาหรือไม่ก็ลุงคนนี้ ที่บอกว่ามาอยู่เป็นเพื่อนเพราะกลัวเขาจะเบื่อเลยสักนิดเดียว

“ลุง ผมไม่เชื่อหรอกนะครับ ก็ลุงเล่นเอาแต่ดูแข่งเบสบอลในมือถือ!”

“โธ่ๆ จะขอให้ฉันเล่นด้วยสินะเนี่ย ถ้างั้นสาวน้อยของพวกเราอยากเล่นอะไรล่ะ หื้อ?”

“ลุงอยากเห็นผมโกรธจนควันออกหู หงายหลังตึงไปข้างหลังนู่นเหรอครับ”

มินจุนกระโดดปึงปังลงจากโซฟาเหมือนเป็นโทมะตัวโต พร้อมร้องเสียงหลงทำท่าคล้ายจะหงายตึงไปด้านหลัง โชเลยเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าแล้วทิ้งตัวพิงโซฟา

“บอสบอกให้คอยดูแลนาย ปกติจะให้อิสึกิ ไม่ก็ฮาคุโตะอยู่คนนึง แต่วันแบบนี้มันต้องมีบอดี้การ์ดเยอะหน่อย เพราะโทมะเองก็ไปด้วย”

“แล้วทำไมต้องเป็นลุงล่ะครับ”

“ท่านมินจุนยังไม่ทราบเหรอครับ พี่ใหญ่โชใหญ่รองลงมาจากบอสเลยนะครับ เพราะฉะนั้นเวลาบอสไม่อยู่ เขาก็ห้ามออกจากบ้านหลังนี้แม้แต่ก้าวเดียว เพราะต้องคอยปกป้องท่านโทมะครับ”

ชินบะที่ไม่รู้ว่าเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่เลื่อนสตรอว์เบอร์รีสดใหม่น่ากินมาให้มินจุน

“อ๋อ… ลำดับที่สองนี่เอง…เอ๋? งั้นลุงก็ต่อสู้เก่งน่ะสิ”

“แน่นอนสิครับ ศิลปะการป้องกันตัวทั้งหลายแหล่ก็ได้พี่ใหญ่โชนี่แหละ เป็นคนสอนให้บอสตั้งแต่ยังเด็กเลยครับ”

คราวนี้ชินบะพูดขึ้นอย่างภาคภูมิใจราวกับเป็นเรื่องของตัวเอง

“พอแล้วน่า คางมินจุนจะถึงพื้นแล้วนั่น มนุษย์ที่ไหนมันอ้าปากค้างได้ขนาดนั้นวะ เดี๋ยวถ่ายรูปแล้วส่งไปให้บอสดูดีกว่า”

เมื่อโชหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา มินจุนก็รีบหุบปากอย่างรวดเร็ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังส่ายหัวไปมาพลางหรี่ตามองด้วยใบหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อ

“แล้วทำไมต้องมาปกป้องผมด้วยล่ะครับ ไม่หนีไปไหนหรอก”

และคราวนี้โชเป็นฝ่ายหรี่ตามองแทน เจ้าเด็กนี่มันมีไอคิวบ้างไหมเนี่ย

“ก็นายเป็นแบบนี้ถึงไม่รู้ใจลึกๆ ของบอสสักที รู้ใช่ไหมว่าวันนี้วันอะไร”

“รู้ครับ”

“รู้แต่ก็ยังคิดไม่ได้สินะ ให้ตายเถอะ มันเป็นวันที่ฮาระ มิอุ แม่แท้ๆ ของโทมะถูกฆ่าตาย แล้วต้องปล่อยนายไว้คนเดียวในวันแบบนี้ คิดว่าบอสจะไม่ร้อนใจหรือไง เพราะงั้นฉันเลยต้องออกจากครัวมาอยู่ตรงนี้แทนไงเล่า ไอ้เด็กสมองทึบ”

“ยะ… อย่ามาด่ากันว่าสมองทึบนะ เห็นอย่างนี้ผมก็เรียนสายวิทย์เลยนะครับ”

“อะไรของนายวะ ทำตัวสงบเสงี่ยมรอจนกว่าบอสจะกลับมาซะดีๆ เถอะ คิดว่าฉันอยากมาอยู่ตรงนี้นักหรือไง โธ่เอ๊ย ชีวิตฉัน อายุปูนนี้แล้วยังต้องมาดูแลเด็กโข่งอีก”

“จริงๆ เลย ก็บอกว่าโตแล้วไง…”

กริ๊ง กริ๊ง

ระหว่างกำลังเบางมัดกล้ามให้สมกับคำว่าโตเป็นชายหนุ่มแล้วตั้งใจจะมอบให้โชสักหมัด ก็มีเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์มือถือสักเครื่องดังขึ้นมาก่อน

“ไม่ใช่ของฉัน”

โชรีบแบมือให้ดูพร้อมส่ายหน้า และตอนนั้นมินจุนเพิ่งจะนึกออกว่าเมื่อไม่นานมานี้ ไดกิเคยให้โทรศัพท์มือถือไว้เครื่องนึงเพื่อใช้ติดต่อเวลาอยู่บ้าน จึงเปิดลิ้นชักบนโต๊ะแล้วหยิบมันออกมา

เป็นข้อความจากทางมหาวิทยาลัย แจ้งว่าช่วงเวลาเช่าตู้เก็บของสำหรับนักศึกษาต่างชาติกำลังจะสิ้นสุดลงในวันนี้ หากไม่มาเก็บของในตู้ไปจะดำเนินการโละทิ้ง ของอย่างอื่นน่ะไม่เท่าไร แต่เขาต้องไปเอาอุปกรณ์สำหรับใช้ฝึกในโรงพยาบาลจากตู้เก็บของมาให้หมด เพราะมันเป็นเครื่องมือที่ได้รับจากน้าเขยที่เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาล ของที่ระลึกตอนสอบเข้าคณะพยาบาลได้หลังจากล้มเหลวในการสมัครคณะแพทย์ที่เกาหลีใต้

“ทำไงดี”

“อะไร”

“คงต้องไปมหา’ลัยแล้วล่ะครับ”

“มหาลัย? ไปทำไม”

“วันนี้เช่าตู้เก็บของได้เป็นวันสุดท้ายครับ ผมต้องเก็บของในนั้นออกมา”

“ของอะไร ไม่ได้ ไว้ค่อยขอบอสซื้อใหม่ทีหลังเอา”

“พูดอะไรที่มันเป็นไปได้หน่อยสิครับ! อย่างอื่นจะทิ้งก็ไม่เป็นไร แต่เครื่องมือสำหรับใช้ฝึกน่ะ ผมต้องไปเอากลับมาให้ได้ น้าเขยให้ไว้เป็นของขวัญถึงขนาดสลักชื่อผม เป็นอุปกรณ์ฝึกที่มีชิ้นเดียวในโลกเลยนะครับ”

มินจุนเร่งรีบคว้าเสื้อโค้ตมาสวมพร้อมมองไปทางโชด้วยสีหน้าจริงจังจากต่างเมื่อครู่

“เฮ้ย นายได้ฟังที่ฉันพูดหรือเปล่าเนี่ย”

ร่างบางหอบหายใจจนไหล่สั่นสะท้าน

“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนี่ครับ แค่ขับรถตรงไปที่มหา’ลัย รีบขึ้นไปเอาของในตู้แล้วรีบกลับมาที่รถ เหยียบคันเร่งกลับบ้าน ไม่เกินสามชั่วโมงหรอกครับ เวลาแค่นั้นมันจะมีอะไรเกิดขึ้นได้ครับลุงโช”

เมื่อเห็นอีกคนทำไม้ทำมืออ้อนวอน ชินบะเลยเดินเข้ามาหนึ่งก้าวแล้วเอ่ยปากเสนอตัว

“ผมจะตามไปเองครับ”

“นายไปไม่ได้”

โชตัดบททันทีแล้วลูบปลายคางตัวเอง ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดมองมินจุนที่มองกลับด้วยแววตาเว้าวอน ก่อนจะถอนหายใจแล้วยันตัวลุก

“ฉันไปเอง”

“พี่ใหญ่จะไปเหรอครับ”

“ฝากคนอื่นไม่ได้ เดี๋ยวฉันพาไปเอง นายดูแลบ้านให้ดี”

“ลุงเหรอ ถ้าไปด้วยกัน…”

“ถ้าฉันไปด้วยแล้วมันทำไม”

คนเขาก็จะคิดว่าผมคบกับคนรุ่นพ่อน่ะสิ… มินจุนอยากจะพูดแบบนั้น แต่อีกฝ่ายมีตำแหน่งรองลงมาจากไดกิ ดูแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อทีเดียว จึงไม่สามารถพูดอะไรออกไปตามอำเภอใจได้

โชคดีที่ช่วงเวลาแสนน่าเบื่อกับการรอคอยไดกิจบลงเช่นนี้ คิดพลางแอบมองด้านของโชที่กำลังหมุนพวงมาลัยอย่างเท่ด้วยมือข้างเดียว

“อะไร มีบอสอยู่แล้ว นายจะมาตกหลุมรักฉันไม่ได้นะ”

“แค่พูดก็ไม่ใช่แล้วครับ ผ่าน! ลุง ตอนเด็กๆ ไดกิเป็นยังไงเหรอครับ”

“โอ้โห อยากฟังเรื่องตอนเด็กๆ ของบอสสินะ ไม่มีอะไรได้มาโดยไม่มีของตอบแทนหรอก”

“จะทำตัวขี้เหนียวแบบนี้ใช่ไหมครับ ได้ ไม่เห็นจะอยากฟังเลย… แล้วลุงอยากได้อะไรล่ะครับ”

“ล้างจานสิบครั้ง”

“สิบครั้งเลยเหรอครับ!? ผมเคยล้างแค่ครั้งเดียวเอง เพราะไม่ชอบล้างอะ ลดให้หน่อยสิครับ”

“โอเค งั้นสิบห้า”

“เดี๋ยวๆ ทำไมมันเพิ่มขึ้นล่ะ”

“นี่แหละวิถียากูซ่า จะเอาไง สิบห้าหรือจะไม่ฟัง”

“เฮ้อ… เข้าใจแล้วครับ สิบห้าครั้งก็ได้ครับ แต่ลุงต้องตั้งใจตอบ ห้ามหมกเม็ดนะครับ”

“เข้าใจแล้ว ว่าแต่เราจะไปมหา’ลัยไหนนะ”

“มหา’ลัยโตเกียวครับ”

“รู้แล้วว่ามหา’ลัยอยู่ในโตเกียว… เดี๋ยวนะ นี่นายเป็นเด็กมหา’ลัยโตเกียวเหรอ”

โชเบนสายตาจากเส้นทางข้างหน้าหันกลับมามองมินจุน พร้อมอาการอ้าปากค้างตกอกตกใจราวกับเห็นผี เขารีบคว้าพวงมาลัยระหว่างช่วงอีกฝ่ายเผลอแล้วตะโกน

“ลุงทำอะไรเนี่ย มองข้างหน้าสิ รถ รถถถ!”

“ว้าว ตั้งแต่เป็นยากูซ่ามาจนถึงตอนนี้ ฉันตกใจกับคำว่านักศึกษามหา’ลัยโตเกียวที่สุดแล้ว”

“ก็บอกแล้วไงว่าผมมาจากสายวิทย์น่ะ”

“แล้วทำไมดูเหมือนสติไม่สมประกอบแบบนี้ล่ะ”

“ถ้าลุงยังไม่หยุดพูดอย่างนั้น ผมจะโกรธจริงๆ แล้วนะครับ”

มินจุนปลายตามองอย่างไม่พอใจ ส่วนโชยังช็อกไม่หายเอาแต่พึมพำว่า ‘เป็นไปไม่ได้’ ‘โกหกเปล่าเนี่ย’ อยู่ตลอด

“ผมเรียนคณะพยาบาล มหาวิทยาลัยโตเกียว ห้ามพูดอะไรอีกนะ ไดกิตอนเด็กๆ เป็นยังไงครับ”

“อืม ก็ไม่เหมือนโทมะเลยน่ะสิ จะพูดว่าจริงจังตั้งแต่เด็กก็ได้ ต่างกับนายมาก”

“เลิกเอามาเปรียบกับผมสักทีเถอะครับ แล้วไดกิเขาไม่เคยแบบ ไม่อยากเป็นยากูซ่าบ้างเหรอครับ”

“บอสเติบโตในครอบครัวยากูซ่านะ ก็ต้องยอมรับไปเองอัตโนมัติสิ ท่านอูเอยามะ เรอิสะ แม่ของบอสกำจัดพวกผู้ชายทิ้งแล้วขึ้นเป็นบอสรุ่นเก้า แต่พอได้พบกับท่านทาเครุ ท่านเรอิสะก็ตกหลุมรักในสติปัญญาและความเด็ดเดี่ยวของท่านทาเครุ ก็เลยแต่งงานกัน แล้วท่านเรอิสะก็ยกตำแหน่งบอสให้กับท่านทาเครุแทนหลังตั้งท้อง ท่านทาเครุ… เป็นผู้ชายใจเย็นคนหนึ่งในบรรดาคนที่ฉันรู้จักเลยล่ะ ยิ่งมองเท่าไหร่ บอสก็เหมือนกับท่านทาเครุจริงๆ ในหลายๆ ด้าน”

“เห็นว่าท่านก็มีรอยสักเสือดาวที่ขาด้วย… เอ่อ ไม่ๆ ไม่ใช่ว่าผมเห็นรอยสักเสือดาวของไดกินะครับ แค่เคยได้ยินมาแล้วนึกออกพอดี ฮ่าๆ ทำไมร้อนจังเนี่ย”

หน้ามินจุนเห่อร้อนเพราะดันหลุดสารภาพความจริงว่าตัวเองนอนกับไดกิแล้ว

“เสแสร้งเก่งจริงๆ ฉันรู้หมดแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นหรอกน่า รอยสักลายเสือดาวของท่านทาเครุเป็นที่พูดถึงมากในตอนนั้น สุดยอดมาก ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย ถ้าลองได้เห็นครั้งหนึ่งแล้วล่ะก็… ฉันไม่เคยเห็นแต่เคยได้ยินมาว่าแถวๆ เอวของท่านเรอิสะเอง ก็มีรอยสักลายเสือดาวเหมือนกัน”

“จริงเหรอครับ เป็นคุณพ่อคุณแม่ที่สุดยอดมากเลย ว่าแต่พวกเขาเสียได้ยังไงเหรอครับ ผมได้ยินท่านตาชินเปบอกว่าเขาเลี้ยงไดกิมาตั้งแต่ยังเด็ก”

โชขับรถไม่พูดไม่จาไปครู่หนึ่งจนกระทั่งติดไฟแดง ถึงยอมเปิดปากพูดต่อ

“ตอนนั้นบอสของกลุ่มอิบูกิที่ตั้งฐานอยู่ในโตเกียวเหมือนหมาบ้า บ่ายวันหนึ่งมันบุกเข้าไปยิงท่านทาเครุ แต่ลูกปืนกลับโดนท่านเรอิสะที่เข้ามากอดบังตัวท่านทาเครุไว้… กระสุนทะลุผ่านหัวใจจนฝังเข้าที่แขนของท่านทาเครุ ท่านทาเครุปลอดภัยก็จริง แต่ท่านเรอิสะกลับเสียชีวิตคาที่”

“อา… น่ากลัวมากเลยนะครับ…”

“อืม ยังไงก็มันเป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้ว ที่เหลือนายค่อยไปฟังต่อจากบอสแล้วกัน เลี้ยวตรงนั้นเหมือนจะเจอประตูใหญ่นะ ใช่ไหม”

“ครับ”

ที่ผ่านมาอีกฝ่ายใช้ชีวิตอยู่ในอันตรายมามากขนาดไหนกันนะ

เมื่อคิดถึงไดกิ เขาก็ปวดหัวใจเหมือนมันกำลังจะฉีกขาด สำหรับเขาที่อาศัยอยู่ในโลกธรรมดาๆ มาตลอดแล้ว โลกทางนี้มันน่ากลัวจนยากจะจินตนาการ เข้าใจ ทรมาน และเกลียดชังแทบทนไม่ได้เมื่อคิดว่าโทมะเองก็ต้องอาศัยอยู่ในโลกแบบนี้ ถ้าเขาสามารถทำได้ ก็อยากจะพาพวกเขาสองคนออกไปจากโลกของยากูซ่า ทว่ามันเป็นความหวังที่ไม่ต่างจากความฝัน… มินจุนเก็บความหวังที่ไม่มีทางเป็นจริงไว้ในใจ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด