ตกหลุมร้าย! ยากูซ่าพ่อลูกติด 4-1
“ไทจิพูดถึงรูปพวกนี้เหรอครับ”
ไดกิมองรูปที่โชยื่นมาให้ ในพริบตาแรกภาพมินจุนอยู่ในอ้อมกอดของคนตรงหน้ากลับปั่นประสาทเขายิ่งกว่าความจริงว่าไทจิเป็นคนถ่ายรูปนี้ซะอีก ไดกิกระแอมไอ อะแฮ่ม ออกมาก่อนจะเอ่ยกับโช
“เข้าใจแล้วครับ ผมจะจัดการเอง”
“ยังมีอีกอย่าง…”
“อะไรอีกเหรอครับ”
ชายวัยกลางคนลูบปลายคางของตัวเองพลางคิ้วขมวดมุ่น
“ก็ไม่รู้ว่าจะสังเกตเรื่องมินจุนเป็นผู้ชายหรือเปล่า มันกะทันหันเลยเอาเสื้อชั้นในที่ชินบะซื้อให้แฟนมาใส่ก่อน แต่เจ้าไทจิช่างสังเกตจะตายไป ตอนจะกลับยังถามย้ำอีกว่าพี่สะใภ้เป็นเด็กมหา’ลัยโตเกียวใช่ไหม แล้วมินจุนดันก็ตอบ ‘ค่ะ’ ไป… อืม ถึงจะแก้ตัวไปว่าเป็นน้องชาย เพราะภาพนี่ยังไงก็ไม่ใช่ผู้หญิง ตอนนี้เลยมือไม้อ่อนเอาแต่ร้องไห้ บอกทุกอย่างพังเพราะตัวเองมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”
เจ้านั่นไปร้องไห้กับคนอื่นอีกแล้ว ไม่ได้การ ต้องเตือนสักหน่อย ไดกิคิดพร้อมกล่าวลาโชสั้นๆ แล้วลุกออกมา
มินจุนเช็ดผมให้โทมะอย่างเหม่อลอย เขากำลังตกอยู่ในโศกเศร้าเพราะความไร้สติของตัวเองเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน คิดแต่ว่าอยากจะให้อีกฝ่ายหายตัวไปไวๆ แต่พอไอ้เจ้าไทจินั่นถามเรื่องคาดไม่ถึงอย่างเป็นเด็กมหาวิทยาลัยโตเกียวหรือเปล่าขึ้นมาก็ดันตอบว่าใช่ซะงั้น
“เฮ้อ”
เสียงถอนหายใจดังออกมาจากปากไม่หยุด พอได้ยินเสียงถอนหายใจ โทมะก็เลิกผ้าขนหนูขึ้นมองหม่าม้า ก่อนจะชูนิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้วแล้วจิ้มลงบนแผ่นอก
“หน่มน้ม มะมีแย้วเหยอ”
“หือ?”
มินจุนได้สติกลับมาอย่างรวดเร็วเพราะคำถามของโทมะ ก็เลยส่ายหัวไปมา
“เมื่อกี้ก็อาบน้ำกับหม่าม้านี่นา หม่าม้าไม่มีนม ดูไหม”
“งั้นหม่าม้าคนที่ตายแย้วมีหน่มน้มม้ะ”
“เอ่อ..”
พอไม่สามารถพูดอะไรต่อได้อีก เขาก็อุ้มโทมะขึ้นมานั่งบนตัก จ้องมองดวงตาของเด็กน้อยที่คล้ายคลึงกับผู้เป็นพ่ออย่างไดกิ
“โทมะ หม่าม้าคนอื่นเขามีหน้าอกกันหมด หม่าม้าของโทมะก็มีหน้าอกเหมือนกัน”
“อื้อ แต่หม่าม้านี้ มะมีเหยอ”
“หม่าม้าเป็นหม่าม้าพิเศษนิดหน่อยน่ะ ก็เลยไม่มี แต่หม่าม้ารักโทมะเท่าฟ้าเลยนะ แล้วก็จะอยู่กับโทมะไปเรื่อยๆ จนกว่าโทมะจะโตเลย ถ้าโทมะอยากเรียกว่ามินจุนเฉยๆ ก็เรียกได้”
ไม่รู้เลยว่าเด็กอย่างโทมะจะเข้าใจคำพูดทั้งหมดหรือไม่ แต่คุณชายน้อยของบ้านก็กัดริมฝีปากชุ่มชื้นของตัวเองเหมือนคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะลุกขึ้นมากอดคอมินจุน
“มิงจุงของป๊ะป๋า หม่าม้าของโทมะ หนูยักหม่าม้า”
น้ำตาไหลพรากทันที ไม่ว่าเมื่อไรโทมะก็ทำให้เขาประทับใจเสมอ บางทีความเชื่อมั่นแสนบริสุทธิ์ สะอาด ไร้ข้อกังขาใดๆ อาจจะข้นกว่าสายเลือดหรือเปล่านะ ร่างบางคิดพลางโอบกอดเด็กน้อยอย่างรักใคร่ ทว่าขณะนั้นประตูห้องก็เปิดออกพร้อมการปรากฎตัวของไดกิ มินจุนจึงหยุดการเคลื่อนไหวทั้งหมด ส่วนโทมะพอเห็นป๊ะป๋าก็ผละตัวออกจากวงแขนหม่าม้าไปกระโดดดึ๋งๆ อยู่บนเตียงพร้อมยื่นมือไปหาไดกิ
“ป๊ะป๋ากับมาแย้ว”
ร่างสูงเหลือบมองมินจุนแล้วอุ้มลูกชายขึ้นมากอด
“วันนี้สนุกไหม”
“อื้อ! ไทจิมา หม่าม้ามีหน่มน้มโด้ย แต่ตอนนี้มะมีแย้ว”
ริมฝีปากเล็กๆ ขยับเจื่อยแจ้วไม่หยุด เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้เวอร์ชั่นของโทมะ จากนั้นก็โอบรอบคอผู้เป็นพ่อแล้วจุ๊บแก้มจนเสียงดัง
“นายล่ะ”
ไดกิมองมินจุนพร้อมเอ่ยถาม
“คะ ครับ?”
“นายจะไม่ทำหรือไง”
“พูดอะไรของคุณเนี่ย…”
พอเขาเอียงคอด้วยใบหน้าเหมือนไม่เข้าใจจริงๆ โทมะก็ชี้ที่ริมฝีปากทำเสียง ‘จุ๊บๆ’ แล้วกระโดดดึ๋งๆ บนเตียงอีกรอบ ไม่รู้ว่าสปริงเตียงดีเกินไปหรือเปล่าถึงไม่รู้สึกสั่นสะเทือนเลยสักนิด ขณะคิดไปจนถึงเรื่องสปริง มินจุนก็คุกเข่ายืดตัวขึ้นไปจุ๊บแก้มอีกฝ่ายแล้วรีบผละออกมาอย่างรวดเร็ว ทว่าก่อนจะทันได้ทิ้งตัวลงกับเตียง มือใหญ่ก็รั้งเอวบางเข้ามากอด พอเข้าสู้อ้อมกอดของไดกิแล้ว เขาก็รู้สึกวิงเวียนขึ้นมาเบาๆ
“ทำไมตัวอ่อนเปลี้ยแบบนี้”
“ไดกิ… ไม่รู้ว่าไทจิจะสังเกตเห็นหรือเปล่า วันนี้ผมทำเรื่องโง่ๆ ลงไป…”
“รู้ด้วยเหรอว่าตัวเองเป็นคนโง่น่ะ”
“ไม่ต้องพูดตรงขนาดนั้นก็ได้นี่ครับ ถึงไม่บอก ผมก็กังวลจะแย่อยู่แล้ว”
“เรื่องของไทจิ ฉันจัดการเอง ไม่ต้องสนใจ แต่ที่สำคัญกว่านั้น นาย! อย่าไปร้องไห้แล้วให้ใครกอดอีก ถ้าเห็นอีกรอบ… ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองจะทำอะไรบ้าง เข้าใจไหม”
อะไร พูดเหมือนเรื่องโง่ๆ ที่เราทำ มันไม่ได้เป็นปัญหาสำคัญเลย… ว่าแต่เราไปร้องไห้ให้ใครกอดตั้งแต่เมื่อไรกันนะ ในชั่วพริบตานั้นมินจุนขนลุกชันอยากจะเอ่ยถามกลับ แต่ต้องหมดหวังแล้วพยักหน้ารับ
“ฉันจะไปอาบน้ำ พาโทมะเข้านอน”
“ไม่ต้องกล่อมก็สัปหงกรอแล้วครับ”
เมื่อครู่ยังกระโดดโลดเต้นเหมือนกระต่ายอยู่บนเตียง แต่ตอนนี้เด็กน้อยกลับนั่งสัปหงกเหมือนตุ๊กตาล้มลุกอย่างน่าอัศจรรย์ใจ มินจุนจึงพาโทมะนอนลงบนเตียงดีๆ แล้วล้มตัวลงนอนข้างๆ ก่อนจะตบเบาๆ บนหน้าอกเป็นการกล่อม
หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง… เมื่อเด็กน้อยตาปรือ กระทั่งเปลือกตาบนและล่างแนบสนิท เสียงลมหายใจเบาๆ ก็ดังออกมา เขาเองก็เริ่มตาปรือเหมือนกัน ว่าแล้วพอได้อยู่ข้างโทมะก็จะรู้สึกสงบ แต่ทำไมไดกิถึงบอกให้พาโทมะเข้านอนล่ะ….
แล้วมินจุนก็ต้องลืมตาโพลงเมื่อรู้สึกอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก จนพบว่าลิ้นร้อนของไดกิกำลังลุกล้ำโพรงปากอยู่
“อะ…อื้อ”
“แล้วนายจะหลับทำไม บอกให้กล่อมแค่โทมะไง”
น้ำเสียงคล้ายเจือด้วยความหงุดหงิดเล็กๆ ทำเอาเขาตื่นจากอาการครึ่งหลับครึ่งตื่นทันที จากนั้นก็ยื่นแขนออกไปตามสัญชาติญาณเพื่อโอบรอบลำคออีกฝ่าย
“ก็ไม่รู้ว่าหมายความว่าอย่างนั้นนี่ครับ”
“หมายความว่างอย่างนั้น? อย่างไหนล่ะ ชั้นสามยังซ่อมไม่เสร็จเลยนะ”
“อ๋อ ลืมไปเลย แล้วมันเกี่ยวอะไรกับชั้นสามล่ะครับ ผมไม่เห็นจะจำได้เลย..”
ไดกิประชดประชันคนที่ประกาศกร้าวอย่างไม่คิดหน้าคิดหลังว่าจะไม่ยอมมีเซ็กซ์ด้วยจนกว่าจะทำชั้นสามเสร็จ แม้มินจุนจะเข้าใจคำถามดี แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาอวดดีขนาดนั้น เขาต้องการไดกิมาก อีกฝ่ายเองก็ไม่ต่างกันจากสายตาที่ก้มมองราวกับหิวกระหาย แววตาอันตรายช่วงชิงลมหายใจออกไปจนทำให้ขนลุก มือใหญ่ลูบไล้ไปตามเอวบาง มินจุนคว้ามือไดกิไว้เพราะความเสียวซ่านที่เกิดขึ้น ริมฝีปากอุ่นร้อนเฉียดผ่านริมฝีปากบาง รสจูบแสนสั้น ร่างบางตัวสั่นอ้อนวอนร้องขอจูบดูดดื่มจากอีกฝ่ายอีกครั้ง
“จะเอาไง จะทำที่นี่เลย หรือจะไปห้องโทมะ”
หันไปมองเด็กน้อยที่หลับปุ๋ยไปเรียบร้อย ถ้าได้หลับแล้ว ก็ไม่มีอะไรทำให้โทมะตื่นได้ง่ายๆ แต่ถึงอย่างไรก็ทำที่นี่ไม่ได้อยู่ดี “ห้องโทมะครับ…” เขาจึงเอ่ยตอบอย่างไม่ลังเล ไดกิก็เลยอุ้มคนตัวเล็กพาเดินไปที่ห้องโทมะ และทันทีที่วางลงบนเตียงก็ประกบจูบอย่างเร่าร้อน
ร่างกายกำยำเปี่ยมล้นด้วยพละกำลัง
บางครั้งก็จูบอย่างอ่อนโยนจนเสียดาย แต่เขาเองก็เย้าแหย่อีกฝ่ายกลับไปเหมือนกัน ไล่เลียทุกซอกทุกมุมของจุดอ่อนไหวกลั่นแกล้งอย่างดื้อรั้น ส่วนกลางลำตัวของมินจุนบวมเป่งขึ้นอย่างที่ควรจะเป็นจนไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป เขาบดสะโพกตัวเองเข้ากับสะโพกของไดกิพลางหอบหายใจอย่างรุนแรง
“อะไรเนี่ย เทียบกับคนพูดยืนยันว่าจะไม่เข้าห้องฉันแล้ว นายดูรีบมากเลยนะ”
“อึก… คุณก็เหมือนกันนั่นแหละ…”
“ฉันไม่เคยพูดแบบนั้น ฉันแสดงออกชัดเจนตลอดว่าอยากกอดนาย”
“ไม่รู้แล้ว… โธ่เอ๊ย รีบกอดผมเร็วๆ สิครับ…”
“มีใจอยากขอร้องบ้างแล้วสินะ เอาสิ อ้อนวอนให้มากกว่านี้ จะร้องไห้ซบอกฉันก็ได้ ไม่เป็นไร ฉันเองก็ไม่ได้เกลียดน้ำตาของนาย”
เมื่อนึกถึงภาพมินจุนร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของโช ความรู้สึกก็ยิ่งปั่นป่วน ร่างสูงจึงกุมจับใบหน้าสวยให้หันมามองกัน
“ถ้าวันไหนฉันเห็นนายไปร้องให้ซบอกคนอื่นที่ไม่ใช่ฉันอีก วันนั้นทั้งนาย ทั้งไอ้หมอนั่นจะไม่ได้เห็นโลกอีกต่อไป เข้าใจไหม”
ตอนแรกดวงตาฉ่ำวาวสั่นไหวเพราะความหวาดกลัว แต่สุดท้ายก็หัวเราะแหะๆ ออกมา
“แหะๆ คุณเองก็หึงเหมือนกันสินะครับ นึกว่าผมจะเป็นคนเดียวซะอีก”
“อะไร”
“หน้าอก! คุณชอบผู้หญิงหน้าอกใหญ่ๆ นี่นา เพราะงั้นผมเลยยัดถุงเท้าไปแค่ข้างเดียว ตอนแรกชินบะหยิบมาแล้วบอกให้ใส่ข้างละสอง แต่ผมโมโหก็เลยใส่แค่อันเดียวพอ ทำดีใช่ไหมล่ะ”
ไดกิมองมินจุนแล้วก็รู้สึกกลัวขึ้นมา ราวกับเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่เคยพบมาก่อนจนถึงตอนนี้… บางครั้งก็ทำให้รู้สึกไม่วางใจ บางครั้งก็ทำเอาโกรธจนเลือดขึ้นหน้า แต่บางทีก็รู้สึกเอ็นดูแทบบ้า เขาตัดสินใจแล้วว่าจะยอมรับความรู้สึกนั้นอย่างที่ควรจะเป็น แต่ก็ยังกลัวและกังวลว่าอีกฝ่ายจะต้องบาดเจ็บ
“มินจุน ตอนนี้ฉันปล่อยนายไม่ได้แล้ว ต่อให้นายอ้อนวอนร้องขออิสระ ฉันก็จะทำทุกวิถีทางให้นายอยู่เคียงข้างฉัน อยู่เป็นไม่ได้จะก็ฆ่าให้ตาย อย่าเอาความรักของฉันไปเทียบกับผู้หญิงหน้าอกใหญ่แบบนั้น”
แววตาจริงจังทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าสวยจางหาย มินจุนโอบกอดไดกิแนบแน่นพร้อมกระซิบข้างหู
“อือ ผมจะไม่ทำแล้ว แล้วก็จะไม่ไปร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของลุงโชหรือว่าใครอีก เวลาเห็นผู้หญิงหน้าอกใหญ่ก็จะไม่หึงจนขาดสติ จะอยู่เคียงข้างคุณเพียงอย่างเดียวเท่านั้น รักนะครับ ไดกิ กอดผมหน่อยนะ”
ฮึ่มม เสียงครางหนักๆ ดังขึ้นขณะที่ไดกิถอนชุดนอนของร่างบางออกจนหมด ก่อนจะเข้าค้นหาความอบอุ่นจากร่างกายกันและกัน
ท่ามกลางความเงียบที่เกิดขึ้นระยะหนึ่งหลังจากการก่อสร้างหยุดไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบได้ บนเตียงใหญ่กลับปกคลุมด้วยเสียงลมหายใจประหลาดและรุนแรงของคนทั้งสอง ยังคงโลภหลง โหยหากันและกันโดยไม่รับรู้กระทั่งว่ายามเช้ากำลังจะมาถึง
Comments