ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพีบทที่ 1167 ผลการรบที่สั่นสะเทือนโลกซ้อนโลก

Now you are reading ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี Chapter บทที่ 1167 ผลการรบที่สั่นสะเทือนโลกซ้อนโลก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ต่อจากนี้ข้าต้องไปคืนกระบี่เปิดกำเนิดที่เขาคุนหลุน” เยี่ยนจ้าวเกอแย้มยิ้ม “เรื่องของตึกความลับฟ้าก็จำเป็นต้องจัดการ ถึงเวลานั้นถ้าได้เจอเสี่ยวอ้าย เมื่อบอกต่อนาง นางคงมาหาท่านที่นี่โดยไม่เสียเวลาแน่”

เสวี่ยชูฉิงยิ้มเล็กน้อย “เด็กน้อยผู้นั้น…”

“จริงด้วยท่านแม่ ท่านต้องการพบศิษย์น้องซือคงหรือไม่” เยี่ยนจ้าวเกอถาม “อืม ยังมีคนอื่นๆ ที่คล้ายนาง ซึ่งข้าเจอโดยบังเอิญและพากลับเขากว่างเฉิง”

เสวี่ยชูฉิงสั่นศีรษะเบาๆ “บอกตามตรง ข้าละอายใจต่อพวกเขา เป็นข้าทำให้ชีวิตของพวกเขาได้รับผลกระทบ”

เยี่ยนจ้าวเกอพลันนึกอีกเรื่องหนึ่งได้ ถามว่า “ท่านแม่ ตอนท่านกระจายเศษศิลาฟ้ากำเนิด ท่านมีแบบแผนอะไรหรือไม่ ถ้าหากมีแบบแผน เช่นนั้นเป็นไปตามค่าเฉลี่ยของจำนวนโลก หรือเป็นไปตาค่าเฉลี่ยของจำนวนประชากร”

“ตามปฏิกิริยาในตอนแรก โลกใบหนึ่งประชากรยิ่งมาก เช่นนั้นจำนวนที่ปรากฏคนเช่นนี้ก็ยิ่งมากตาม” เสวี่ยชูฉิงประหลาดใจเล็กน้อย “ข้าย่อมหวังจะเฉลี่ยไปยังโลกแต่ละใบได้ ไม่อย่างนั้นจำนวนบนโลกซ้อนโลกเกรงว่าจะเหนือกว่าผลรวมของโลกเบื้องล่าง ออกจะสะดุดตาเกินไป น่าเสียดายที่เหลือนี้ไม่ใช่ข้าตัดสินใจได้”

นางรู้สึกได้อย่างประเปรียว “เพื่อป้องกันไม่ให้คนมองเห็นเลศนัย และออกตามหาพวกเขาเพราะข้า ข้าจึงหลีกเลี่ยงไม่ติดต่อกับบุคคลคล้ายๆ กัน พวกเขามีหน้าตาอย่างไรหรือ”

เยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋สบตากัน เยี่ยนตี๋ลูบฝ่ามือใส่ความว่างเปล่า ปรากฏรูปเหมือนเงาแสงแถวหนึ่ง

ขณะมองซือคงจิง เหออิ่ง เยว่เป่าฉีที่หน้าตาเหมือนกัน เสวี่ยชูฉิงไม่ทราบจะกล่าวกระไรดี

“หน้าตาโดดเด่นขนาดนี้…”

เยี่ยนจ้าวเกอสองพ่อลูกสีหน้าฉายแววหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้

“ไม่ใช่แค่หน้าตาโดดเด่นเท่านั้น พรสวรรค์วรยุทธ์ก็เหนือกว่าผู้คนขั้นหนึ่ง แต่ว่าต้องฝึกปราณเป็นจิตรา อยู่ในระดับปรมาจารย์ก่อนถึงจะปรากฏให้เห็น” เยี่ยนตี๋กล่าว

เสวี่ยชูฉิงมีสีหน้าอึดอัด “…วันนี้จึงค่อยพบว่า ตอนนั้นข้าได้ทำเรื่องโง่เง่าประการหนึ่ง”

คนที่มีหน้าตาโดดเด่นสะดุดตา และมีพรสวรรค์ล้ำเลิศเฉกเช่นพวกซือคงจิง ทั้งยังมีจำนวนมหาศาล มิหนำซ้ำรูปร่างหน้าตายังเหมือนกัน หวังให้คนไม่คิดให้ความสนใจยังยากเย็น

ต่อให้หลายคนในนี้จะถูกกลบฝัง แต่ว่าจำนวนเมื่อมากเกินไป ก็ยังคงอาจจะถูกคนที่ตั้งใจค้นพบ

หากว่าใบหน้าธรรมดายังพอทำเนา ความโดดเด่นเช่นนี้ หากโยนไปกองไว้ด้วยกันก็มักถูกคนอื่นๆ สังเกตเห็นในทันที แล้วจะซ่อนได้อย่างไร

โดยเฉพาะบนโลกซ้อนโลก เป็นเพราะจำนวนประชากร คนที่คล้ายกันเกรงว่าจะมีไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยไปจนถึงพันคน

“ดูจากความหมายในวาจาของพวกเจ้า บนโลกซ้อนโลกนี้เหมือนเจอไม่มากเท่าไรกระมัง” เสวี่ยชูฉิงตอบสนองอย่างรวดเร็ว

“อย่างน้อยก็น้อยกว่าที่คาดไว้มาก ปัจจุบันข้าเจอรวมกันทั้งหมดแค่สองคน” เยี่ยนจ้าวเกอพูดอย่างเคร่งขรึม “ถ้าหากเป็นไปตามคำพูดของท่านที่ว่า ทางโลกซ้อนโลกมีคนที่เหมือนศิษย์น้องซือคงมากกว่าผลรวมของโลกเบื้องล่างจำนวนมากจริงๆ เช่นนั้นสมควรดึงดูดความสนใจของผู้คนแต่แรก”

ต่อจากนั้น จะเกิดการปูพรมตามหาคนอย่างซือคงจิงในโลกเบื้องล่างมากมาย

ไม่ใช่จนถึงตอนนี้คลื่นลมยังสงบ

“ถ้าไม่ใช่เพราะการแยกแยะในตอนแรกของข้าผิดพลาด ไม่ได้ยึดตามค่าเฉลี่ยของจำนวนประชากร ก็ยึดตามค่าเฉลี่ยของโลกต่างๆ” เสวี่ยชูฉิงสีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมสุดขีด “แต่ความเป็นไปได้นี้มีต่ำยิ่ง ตอนนั้นข้าสมควรมองไม่ผิด”

เยี่ยนตี๋ใคร่ครวญพลางกล่าวว่า “หรือไม่ก็มีคนรู้สึกถึงเรื่องนี้ได้ตั้งแต่แรก ลอบตามหาคนที่เหมือนกับศิษย์หลานซือคง มิหนำซ้ำยังถูกคนผู้นั้นพบเป็นจำนวนมาก เพียงแต่ไม่ได้ป่าวประกาศ”

“เรื่องนี้ควรค่าแก่การสนใจ” เยี่ยนจ้าวเกอใช้นิ้วแตะริมฝีปาก

เยี่ยนตี๋กับเสวี่ยชูฉิงพยักหน้าเล็กน้อย

คนทั้งสามปรึกษากันต่อสักพัก จากนั้นก็แยกกันไปจัดการตามแผนการก่อนหน้า

เยี่ยนจ้าวเกอบอกลาเยี่ยนตี๋และเสวี่ยชูฉิง กลับตึกความลับฟ้าก่อน

เป็นเพราะการต่อสู้ระหว่างเขากับจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำ งานประมูลของตึกความลับฟ้าในตอนนี้จึงถูกหยุดลงกลางคัน

คนที่เข้าร่วมงานกับชาวบ้านร้านถิ่นที่อาศัยอยู่ในเมืองหยวนโจวอพยพไปนอกเมือง เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกลูกหลงในสงครามใหญ่

หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอกับจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำจากไปแล้ว ทุกคนก็ยังไม่ได้กลับเขาเมืองหยวนโจว แต่ยังคงรอดูการเปลี่ยนแปลงอยู่กับที่

ไม่มีผู้ใดทราบว่าผลลัพธ์สุดท้ายของการต่อสู้คืออะไร พวกเยี่ยนจ้าวเกอที่สู้กันไปเรื่อยๆ จะกลับเมืองหยวนโจวหรือไม่

ก่อนที่ฝุ่นจะหายตลบ ทุกคนก็ยึดความระวังไว้ก่อน

หากโดนลูกหลงในสงครามใหญ่ของยอดฝีมือขั้นเซียน ตายไปก็ไม่ทราบจะไปเอาเรื่องใคร

กระนั้นแค่สถานการณ์รบก่อนที่สองฝ่ายที่สู้กันจะออกจากเมืองหยวนโจว ก็ได้เปิดโลกให้แก่ทุกคน

เยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียนระยะท้ายถึงกับสะกดจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำได้!

สำหรับทุกคนแล้ว อย่าว่าแต่เคยเห็นเลย ขนาดได้ยินยังไม่เคยได้ยิน

ต่อให้สุดท้ายเยี่ยนจ้าวเกอจะไม่ชนะ แต่ภาพเหตุการณ์ที่เขากดดันให้จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำถอยร่นติดต่อกัน จนต้องออกจากเมืองหยวนโจวก็มากพอที่จะได้รับการบันทึกในประวัติศาสตร์ของโลกซ้อนโลกแล้ว

ทุกคนต่างอยากทราบว่า ผลลัพธ์ของการต่อสู้นี้เป็นอย่างไรกันแน่

ข่าวที่ทั้งละเอียดและไม่ละเอียดซึ่งส่งกลับมาอย่างต่อเนื่องหลังจากนั้น ต่างชำระล้างความรู้ความเข้าใจของผู้คน

ไม่เพียงแต่เยี่ยนจ้าวเกอจะเลื่อนจากระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปดเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้าในเวลาสั้นๆ อย่างเหนือความคาดหมายของทุกคนเท่านั้น เยี่ยนตี๋ยังเลื่อนจากระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้าเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสิบ สำเร็จระดับประมุขในหมู่คน!

ร่างกายมนุษย์มีจุดลมปราณซ่อนเร้นมากมาย คิดจะทำให้ประสานเสียงกับดวงดาว ยากลำบากเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นยิ่งฝึกไปถึงตอนท้ายมากเท่าไรก็ยิ่งลำบากมากเท่านั้น มียอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียนระยะท้ายบางคนยังเหลือจุดลมปราณอีกสองสามจุดที่ไม่ได้หลอมสำเร็จ ทว่าจุดลมปราณเหล่านี้ห่างเพียงเอื้อมมือแต่ก็ไกลแสนไกล ยากดุจปีนป่ายสวรรค์

บนโลกซ้อนโลกมียอดฝีมือมากมายดุจหมู่เมฆ ยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้าแม้มีไม่เยอะ แต่ก็มีจำนวนพอใช้ได้

ในนี้มีคนอย่างแม่เฒ่ากระบี่อาคเนย์จางอวิ๋นอิง ฆราวาสเด็ดดาวกวนลี่เต๋อ เทพธิดาสสารกำเนิดเถาอวี้ ต้นจักรพรรดิสะกดขุนเขาจางซู่เหริน ซึ่งล้วนเป็นยอดฝีมือผู้มีประสบการณ์โชกโชน ซึ่งเลื่อนสู่ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้ามาหลายปี

แต่ว่าสุดท้ายก็ไม่อาจก้าวเท้าก้าวสุดท้ายสำเร็จ ดังนั้นจึงจะเห็นถึงความยากของการเป็นประมุข

โลกซ้อนโลกผ่านการพัฒนาและฟูมฟักมาหลายปี จอมยุทธ์มากพรสวรรค์กลายเป็นผู้มีความสมมารถจำนวนมาก เปลี่ยนศักยภาพให้กลายเป็นพลังเหมือนอย่างที่คาดไว้สำเร็จ

คนจำนวนมากเป็นคลื่นลูกหลังไล่กลบคลื่นลูกหน้า ถึงแม้จะยังเยาว์ มีวัยวุฒิต่ำไปบ้าง แต่ก็มีความหวังในการกลายเป็นประมุข

ทว่าคนที่ก้าวเท้าก้าวนั้นได้โดยสมบูรณ์ในรอบหลายปีมานี้ มีแต่เนี่ยจิงเสิน

คนที่เหลือ ชิงซู่จื่อได้ตายไปแล้วไม่ต้องพูดถึง หลี่จวินซิ่นแห่งผากิเลน และเหอซีสิงแห่งยอดเขาอัศจรรย์ต่างยังคงอยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า

ตอนนี้ต่อจากเนี่ยจิงเสิน ในที่สุดก็มีคนสำเร็จร่างมนุษย์เซียน

และคนคนนี้กลับเป็นเยี่ยนตี๋ที่เมื่อสิบกว่าปีก่อนไม่มีใครรู้จัก และเพิ่งโด่งดังขึ้นได้ไม่นาน

คลื่นลูกหลังไล่คลื่นลูกหน้าเช่นพวกหลี่จวินซิ่นและเหอซีสินมีสภาวะเหนือกว่าเหล่าผู้อาวุโสอย่างเถาอวี้ ทว่าเยี่ยนตี๋กลับนำอยู่ด้านหน้า!

เขากว่างเฉิงที่ผงาดขึ้นมาเหมือนกับดาวหาง หลายปีก่อนหน้านี้ยังถูกคนเยาะเย้ยว่าไม่มีจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียน มาวันนี้กลับปรากฏประมุขผู้หนึ่ง!

และข่าวที่ตามมาก็ทำให้ผู้คนต้องร้องอุทานดังกว่าเดิม

“เจ้าสำนักเยี่ยนแห่งกว่างเฉิงเพิ่งเลื่อนสู่ระดับมนุษย์เซียน ก็เอาชนะประมุขทิศบนทิศล่างติดต่อกัน?!” พวกคนที่ได้ฟังข่าวต่างอ้าปากตาค้าง “ประมุขปฐวียังพ่ายแพ้แม้พกอาวุธเซียนติดตัว?”

………………..

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพีบทที่ 1167 ผลการรบที่สั่นสะเทือนโลกซ้อนโลก

Now you are reading ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี Chapter บทที่ 1167 ผลการรบที่สั่นสะเทือนโลกซ้อนโลก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ต่อจากนี้ข้าต้องไปคืนกระบี่เปิดกำเนิดที่เขาคุนหลุน” เยี่ยนจ้าวเกอแย้มยิ้ม “เรื่องของตึกความลับฟ้าก็จำเป็นต้องจัดการ ถึงเวลานั้นถ้าได้เจอเสี่ยวอ้าย เมื่อบอกต่อนาง นางคงมาหาท่านที่นี่โดยไม่เสียเวลาแน่”

เสวี่ยชูฉิงยิ้มเล็กน้อย “เด็กน้อยผู้นั้น…”

“จริงด้วยท่านแม่ ท่านต้องการพบศิษย์น้องซือคงหรือไม่” เยี่ยนจ้าวเกอถาม “อืม ยังมีคนอื่นๆ ที่คล้ายนาง ซึ่งข้าเจอโดยบังเอิญและพากลับเขากว่างเฉิง”

เสวี่ยชูฉิงสั่นศีรษะเบาๆ “บอกตามตรง ข้าละอายใจต่อพวกเขา เป็นข้าทำให้ชีวิตของพวกเขาได้รับผลกระทบ”

เยี่ยนจ้าวเกอพลันนึกอีกเรื่องหนึ่งได้ ถามว่า “ท่านแม่ ตอนท่านกระจายเศษศิลาฟ้ากำเนิด ท่านมีแบบแผนอะไรหรือไม่ ถ้าหากมีแบบแผน เช่นนั้นเป็นไปตามค่าเฉลี่ยของจำนวนโลก หรือเป็นไปตาค่าเฉลี่ยของจำนวนประชากร”

“ตามปฏิกิริยาในตอนแรก โลกใบหนึ่งประชากรยิ่งมาก เช่นนั้นจำนวนที่ปรากฏคนเช่นนี้ก็ยิ่งมากตาม” เสวี่ยชูฉิงประหลาดใจเล็กน้อย “ข้าย่อมหวังจะเฉลี่ยไปยังโลกแต่ละใบได้ ไม่อย่างนั้นจำนวนบนโลกซ้อนโลกเกรงว่าจะเหนือกว่าผลรวมของโลกเบื้องล่าง ออกจะสะดุดตาเกินไป น่าเสียดายที่เหลือนี้ไม่ใช่ข้าตัดสินใจได้”

นางรู้สึกได้อย่างประเปรียว “เพื่อป้องกันไม่ให้คนมองเห็นเลศนัย และออกตามหาพวกเขาเพราะข้า ข้าจึงหลีกเลี่ยงไม่ติดต่อกับบุคคลคล้ายๆ กัน พวกเขามีหน้าตาอย่างไรหรือ”

เยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋สบตากัน เยี่ยนตี๋ลูบฝ่ามือใส่ความว่างเปล่า ปรากฏรูปเหมือนเงาแสงแถวหนึ่ง

ขณะมองซือคงจิง เหออิ่ง เยว่เป่าฉีที่หน้าตาเหมือนกัน เสวี่ยชูฉิงไม่ทราบจะกล่าวกระไรดี

“หน้าตาโดดเด่นขนาดนี้…”

เยี่ยนจ้าวเกอสองพ่อลูกสีหน้าฉายแววหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้

“ไม่ใช่แค่หน้าตาโดดเด่นเท่านั้น พรสวรรค์วรยุทธ์ก็เหนือกว่าผู้คนขั้นหนึ่ง แต่ว่าต้องฝึกปราณเป็นจิตรา อยู่ในระดับปรมาจารย์ก่อนถึงจะปรากฏให้เห็น” เยี่ยนตี๋กล่าว

เสวี่ยชูฉิงมีสีหน้าอึดอัด “…วันนี้จึงค่อยพบว่า ตอนนั้นข้าได้ทำเรื่องโง่เง่าประการหนึ่ง”

คนที่มีหน้าตาโดดเด่นสะดุดตา และมีพรสวรรค์ล้ำเลิศเฉกเช่นพวกซือคงจิง ทั้งยังมีจำนวนมหาศาล มิหนำซ้ำรูปร่างหน้าตายังเหมือนกัน หวังให้คนไม่คิดให้ความสนใจยังยากเย็น

ต่อให้หลายคนในนี้จะถูกกลบฝัง แต่ว่าจำนวนเมื่อมากเกินไป ก็ยังคงอาจจะถูกคนที่ตั้งใจค้นพบ

หากว่าใบหน้าธรรมดายังพอทำเนา ความโดดเด่นเช่นนี้ หากโยนไปกองไว้ด้วยกันก็มักถูกคนอื่นๆ สังเกตเห็นในทันที แล้วจะซ่อนได้อย่างไร

โดยเฉพาะบนโลกซ้อนโลก เป็นเพราะจำนวนประชากร คนที่คล้ายกันเกรงว่าจะมีไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยไปจนถึงพันคน

“ดูจากความหมายในวาจาของพวกเจ้า บนโลกซ้อนโลกนี้เหมือนเจอไม่มากเท่าไรกระมัง” เสวี่ยชูฉิงตอบสนองอย่างรวดเร็ว

“อย่างน้อยก็น้อยกว่าที่คาดไว้มาก ปัจจุบันข้าเจอรวมกันทั้งหมดแค่สองคน” เยี่ยนจ้าวเกอพูดอย่างเคร่งขรึม “ถ้าหากเป็นไปตามคำพูดของท่านที่ว่า ทางโลกซ้อนโลกมีคนที่เหมือนศิษย์น้องซือคงมากกว่าผลรวมของโลกเบื้องล่างจำนวนมากจริงๆ เช่นนั้นสมควรดึงดูดความสนใจของผู้คนแต่แรก”

ต่อจากนั้น จะเกิดการปูพรมตามหาคนอย่างซือคงจิงในโลกเบื้องล่างมากมาย

ไม่ใช่จนถึงตอนนี้คลื่นลมยังสงบ

“ถ้าไม่ใช่เพราะการแยกแยะในตอนแรกของข้าผิดพลาด ไม่ได้ยึดตามค่าเฉลี่ยของจำนวนประชากร ก็ยึดตามค่าเฉลี่ยของโลกต่างๆ” เสวี่ยชูฉิงสีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมสุดขีด “แต่ความเป็นไปได้นี้มีต่ำยิ่ง ตอนนั้นข้าสมควรมองไม่ผิด”

เยี่ยนตี๋ใคร่ครวญพลางกล่าวว่า “หรือไม่ก็มีคนรู้สึกถึงเรื่องนี้ได้ตั้งแต่แรก ลอบตามหาคนที่เหมือนกับศิษย์หลานซือคง มิหนำซ้ำยังถูกคนผู้นั้นพบเป็นจำนวนมาก เพียงแต่ไม่ได้ป่าวประกาศ”

“เรื่องนี้ควรค่าแก่การสนใจ” เยี่ยนจ้าวเกอใช้นิ้วแตะริมฝีปาก

เยี่ยนตี๋กับเสวี่ยชูฉิงพยักหน้าเล็กน้อย

คนทั้งสามปรึกษากันต่อสักพัก จากนั้นก็แยกกันไปจัดการตามแผนการก่อนหน้า

เยี่ยนจ้าวเกอบอกลาเยี่ยนตี๋และเสวี่ยชูฉิง กลับตึกความลับฟ้าก่อน

เป็นเพราะการต่อสู้ระหว่างเขากับจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำ งานประมูลของตึกความลับฟ้าในตอนนี้จึงถูกหยุดลงกลางคัน

คนที่เข้าร่วมงานกับชาวบ้านร้านถิ่นที่อาศัยอยู่ในเมืองหยวนโจวอพยพไปนอกเมือง เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกลูกหลงในสงครามใหญ่

หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอกับจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำจากไปแล้ว ทุกคนก็ยังไม่ได้กลับเขาเมืองหยวนโจว แต่ยังคงรอดูการเปลี่ยนแปลงอยู่กับที่

ไม่มีผู้ใดทราบว่าผลลัพธ์สุดท้ายของการต่อสู้คืออะไร พวกเยี่ยนจ้าวเกอที่สู้กันไปเรื่อยๆ จะกลับเมืองหยวนโจวหรือไม่

ก่อนที่ฝุ่นจะหายตลบ ทุกคนก็ยึดความระวังไว้ก่อน

หากโดนลูกหลงในสงครามใหญ่ของยอดฝีมือขั้นเซียน ตายไปก็ไม่ทราบจะไปเอาเรื่องใคร

กระนั้นแค่สถานการณ์รบก่อนที่สองฝ่ายที่สู้กันจะออกจากเมืองหยวนโจว ก็ได้เปิดโลกให้แก่ทุกคน

เยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียนระยะท้ายถึงกับสะกดจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำได้!

สำหรับทุกคนแล้ว อย่าว่าแต่เคยเห็นเลย ขนาดได้ยินยังไม่เคยได้ยิน

ต่อให้สุดท้ายเยี่ยนจ้าวเกอจะไม่ชนะ แต่ภาพเหตุการณ์ที่เขากดดันให้จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำถอยร่นติดต่อกัน จนต้องออกจากเมืองหยวนโจวก็มากพอที่จะได้รับการบันทึกในประวัติศาสตร์ของโลกซ้อนโลกแล้ว

ทุกคนต่างอยากทราบว่า ผลลัพธ์ของการต่อสู้นี้เป็นอย่างไรกันแน่

ข่าวที่ทั้งละเอียดและไม่ละเอียดซึ่งส่งกลับมาอย่างต่อเนื่องหลังจากนั้น ต่างชำระล้างความรู้ความเข้าใจของผู้คน

ไม่เพียงแต่เยี่ยนจ้าวเกอจะเลื่อนจากระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปดเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้าในเวลาสั้นๆ อย่างเหนือความคาดหมายของทุกคนเท่านั้น เยี่ยนตี๋ยังเลื่อนจากระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้าเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสิบ สำเร็จระดับประมุขในหมู่คน!

ร่างกายมนุษย์มีจุดลมปราณซ่อนเร้นมากมาย คิดจะทำให้ประสานเสียงกับดวงดาว ยากลำบากเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นยิ่งฝึกไปถึงตอนท้ายมากเท่าไรก็ยิ่งลำบากมากเท่านั้น มียอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียนระยะท้ายบางคนยังเหลือจุดลมปราณอีกสองสามจุดที่ไม่ได้หลอมสำเร็จ ทว่าจุดลมปราณเหล่านี้ห่างเพียงเอื้อมมือแต่ก็ไกลแสนไกล ยากดุจปีนป่ายสวรรค์

บนโลกซ้อนโลกมียอดฝีมือมากมายดุจหมู่เมฆ ยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้าแม้มีไม่เยอะ แต่ก็มีจำนวนพอใช้ได้

ในนี้มีคนอย่างแม่เฒ่ากระบี่อาคเนย์จางอวิ๋นอิง ฆราวาสเด็ดดาวกวนลี่เต๋อ เทพธิดาสสารกำเนิดเถาอวี้ ต้นจักรพรรดิสะกดขุนเขาจางซู่เหริน ซึ่งล้วนเป็นยอดฝีมือผู้มีประสบการณ์โชกโชน ซึ่งเลื่อนสู่ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้ามาหลายปี

แต่ว่าสุดท้ายก็ไม่อาจก้าวเท้าก้าวสุดท้ายสำเร็จ ดังนั้นจึงจะเห็นถึงความยากของการเป็นประมุข

โลกซ้อนโลกผ่านการพัฒนาและฟูมฟักมาหลายปี จอมยุทธ์มากพรสวรรค์กลายเป็นผู้มีความสมมารถจำนวนมาก เปลี่ยนศักยภาพให้กลายเป็นพลังเหมือนอย่างที่คาดไว้สำเร็จ

คนจำนวนมากเป็นคลื่นลูกหลังไล่กลบคลื่นลูกหน้า ถึงแม้จะยังเยาว์ มีวัยวุฒิต่ำไปบ้าง แต่ก็มีความหวังในการกลายเป็นประมุข

ทว่าคนที่ก้าวเท้าก้าวนั้นได้โดยสมบูรณ์ในรอบหลายปีมานี้ มีแต่เนี่ยจิงเสิน

คนที่เหลือ ชิงซู่จื่อได้ตายไปแล้วไม่ต้องพูดถึง หลี่จวินซิ่นแห่งผากิเลน และเหอซีสิงแห่งยอดเขาอัศจรรย์ต่างยังคงอยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า

ตอนนี้ต่อจากเนี่ยจิงเสิน ในที่สุดก็มีคนสำเร็จร่างมนุษย์เซียน

และคนคนนี้กลับเป็นเยี่ยนตี๋ที่เมื่อสิบกว่าปีก่อนไม่มีใครรู้จัก และเพิ่งโด่งดังขึ้นได้ไม่นาน

คลื่นลูกหลังไล่คลื่นลูกหน้าเช่นพวกหลี่จวินซิ่นและเหอซีสินมีสภาวะเหนือกว่าเหล่าผู้อาวุโสอย่างเถาอวี้ ทว่าเยี่ยนตี๋กลับนำอยู่ด้านหน้า!

เขากว่างเฉิงที่ผงาดขึ้นมาเหมือนกับดาวหาง หลายปีก่อนหน้านี้ยังถูกคนเยาะเย้ยว่าไม่มีจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียน มาวันนี้กลับปรากฏประมุขผู้หนึ่ง!

และข่าวที่ตามมาก็ทำให้ผู้คนต้องร้องอุทานดังกว่าเดิม

“เจ้าสำนักเยี่ยนแห่งกว่างเฉิงเพิ่งเลื่อนสู่ระดับมนุษย์เซียน ก็เอาชนะประมุขทิศบนทิศล่างติดต่อกัน?!” พวกคนที่ได้ฟังข่าวต่างอ้าปากตาค้าง “ประมุขปฐวียังพ่ายแพ้แม้พกอาวุธเซียนติดตัว?”

………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+