ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพีบทที่ 1310 คนที่คุ้นเคยกับตำหนักโอสถเช่นกัน

Now you are reading ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี Chapter บทที่ 1310 คนที่คุ้นเคยกับตำหนักโอสถเช่นกัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากสั่วหมิงจางเลื่อนสู่ระดับเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาล ไม่จำเป็นต้องให้เหล่ายอดฝีมือจากโถงเซียนที่อยู่ในจักรวาลสำนักเต๋ากลับไปรายงาน เทวกษัตริย์ไร้ประมาณก็สัมผัสได้อย่างรวดเร็ว

ดังนั้นเพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากเทวกษัตริย์ไร้ประมาณ เวลาที่สั่วหมิงจางหยุดยั้งในจักรวาลสำนักเต๋าจึงสั้นยิ่ง

ก่อนที่จะผละไป สั่วหมิงจางนอกจากได้ทำให้พวกเกาหาน เจี่ยงเซิ่น แลหยางเซ่ออ่อนแอลงแล้ว ยังได้กวาดล้างยอดฝีมือจากโถงเซียนที่มายังที่นี่

ยอดฝีมือระดับเซียนของเส้นทางนอกรีตหลายสิบคนถูกฆ่าตายคาที่

นอกจากเซียนสวรรค์ไร้สิ้นสุดสี่คนที่เป็นผู้นำแล้ว เซียนกำเนิดก็ยังถูกสังหารไปสิบกว่าคน กษัตริย์กับจักรพรรดิของโถงเซียนซึ่งถูกกวาดล้างไปด้วยมีอยู่ไม่น้อย

เหล่าเซียนเส้นทางนอกรีต ระดับสูงจนถึงสุดยอดที่มาถึงที่นี่แทบพินาศหมดสิ้น

คนที่เหลือซึ่งโชคดีรอดจากภัยพิบัติ ถูกคลื่นหลงเหลือจากพลังของสั่วหมิงจาง ไม่ได้มีผลดีนัก

คนของเส้นาทงนอกรีตอยู่นอกจักรวาลสำนักเต๋าได้ครึ่งวัน ค่อยตั้งหลักได้อีกครั้ง

รอพวกเขาปลุกปลอบจิตใจขึ้น ก็อดพากันคับแค้นใจไม่ได้

การรับมือสั่วหมิงจางเป็นเรื่องของเทวกษัตริย์ไร้ประมาณ พวกเขาย่อมไม่เกิดความคิดนี้

ดังนั้นพวกเขาจึงย้ายเพลิงโทสะไปไว้ที่ตัวเยี่ยนจ้าวเกอกับโลกซ้อนโลก

ภายใต้การโจมตีครั้งเดียวของสั่วหมิงจาง ยอดฝีมือระดับสุดยอดของโถงเซียนแทบย่อยยับ มีแค่จ้าวสวรรค์คนหนึ่งที่รอดมาได้

ตอนนี้ภายใต้การนำของเขา เหล่าเซียนเส้นทางนอกรีตที่หลงเหลือพากันบุกเข้ามาในจักรวาลสำนักเต๋า เข่นฆ่ามายังโลกซ้อนโลก

ในจักรวาลสำนักเต๋า ราชันพระจันทร์ได้จากไปแล้ว

จิตดาบอันเหี้ยมหาญของเฟิงอวิ๋นเซิง กับเพลิงสีดำกลืนฟ้าดิน อ่อนกำลังลงลงไปด้วย

ในม่านตาสองข้างของนางเปล่งแสงสีดำจางๆ ใบหน้าปรากฏเค้าความอิดโรย

นางที่ป้องกันการกัดกินของจิตมาร รักษาความมุ่งมั่นมาโดยตลอด เหน็ดเหนื่อยที่จิตใจไม่ใช่ที่ร่างกาย

“อวิ๋นเซิง!” เยี่ยนจ้าวเกอร้องเรียกมาจากในตำหนักโอสถ

เฟิงอวิ๋นเซิงเข้าใจความหมายของเขา สั่นศีรษะเล็กน้อย “วางใจ ข้ายังทนได้ เซียนกำเนิดเส้นทางนอกรีตจะเทียบกับราชันพระจันทร์ได้อย่างไร”

หลายปีมานี้ นางเริ่มเข้าใจสถานการณ์ของโถงเซียน ผ่านการติดต่อกับเจี่ยนซุ่นนหวาราชันพระราหู

ประกายดาบสีดำอันน่ากลัวนั้นปรากฏขึ้นมาอีก โจมตีใส่ศัตรูที่บุกมา

เยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ในหอเซียนม่วงสูดลมหายใจเฮือกหนึ่ง เปิดประตูตำหนักโอสถ

ตอนนี้คู่ต่อสู้หลักคือโถงเซียนเส้นทางนอกรีต ไม่ใช่การต่อสู้ภายในของโลกซ้อนโลกอีกแล้ว

ปัจจุบันถ้ายอดฝีมือทางมรกตท่องฟ้าสอดมือ กษัตริย์กระบี่กับกษัตริย์ดาราสมควรไม่ว่าอะไร

พวกผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์เช่นกษัตริย์ลี้ลับคงยินดีลงมือ

กระนั้นแม้อีกฝ่ายจะไม่ถือสา แต่เยี่ยนจ้าวเกอต้องคิดเผื่อทางมรกตท่องฟ้าด้วย

ขณะเดียวกัน เขายังต้องคิดเผื่อเฟิงอวิ๋นเซิง

ประตูตำหนักโอสถอ้าออก เหล่าเซียนเส้นทางนอกรีตพลันเริ่มพุ่งเข้าหาตำหนักโอสถ

เฟิงอวิ๋นเซิงเห็นดังนั้น ก็พอจะเดาความคิดของเยี่ยนจ้าวเกอออก

นางคลายใจลง เริ่มสะกดจิตมารที่กัดกินตนเองอย่างเต็มที่

กระนั้นคมดาบสีดำยังคงขัดวางจ้าวสวรรค์โถงเซียนที่ได้รวมห้าปราณมุ่งสู่ต้นกำเนิดเอาไว้ สภาวะดาบถึงจะไม่เหี้ยมหาญเท่าก่อนหน้า ถูกควบคุมให้อยู่ในระดับความรุนแรงที่ต่ำกว่าเดิม แต่กลับทำให้อีกฝ่ายยากข้ามเขตแดนมา

กษัตริย์ดินเจี่ยงเซิ่นเห็นภาพตรงหน้า สีหน้าซับซ้อนยากบรรยาย

เขาหลบไปอยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆ ไม่พัวพันกษัตริย์กระบี่เยว่เจิ้ยเป่ยต่อไป

เจี่ยงเซิ่นไม่คิดจะลงมือกับยอดฝีมือโถงเซียน และไม่ต้องการสร้างความลำบากแก่พวกเยี่ยนจ้าวเกอและเยว่เจิ้นเป่ย

เขาพุ่งไปยังโลกซ้อนโลกที่อยู่อีกด้าน

เยว่เจิ้นเป่ยมองเงาหลังของอีกฝ่าย ไม่ได้พูดอะไร หันไปช่วยเยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงรับศึกษยอดฝีมือเส้นทางนอกรีต

หนึ่งกระบี่กวาดล้าง กษัตริย์โถงเซียนไม่มีผู้ใดต้าทาน ได้แต่ฝืนปะทะ

แต่ว่าฉวยโอกาสตอนที่เฟิงอวิ๋นเซิงกับเยว่เจิ้นเป่ยถูกตรึงเอาไว้ เงาร่างหลายสายกลายเป็นลำแสง พุ่งเข้าไปในประตูใหญ่ของตำหนักโอสถ

เงาร่างหลายสายหยุดยั้งท่าร่าง ล้วนเป็นยอดฝีมือที่ได้ผลักเปิดประตูเซียนแล้วทั้งสิ้น

พวกเขามองดูนักพรตวัยกลางคนที่สวมเสื้อคลุมเต๋ารองเท้าสาน

“ตามข้ามา พวกเรายึดตำหนักฟ้าฟื้นได้แล้ว ต้องจับตัวมารปีศาจเส้นทางนอกรีต ชำระความแค้นในใจ!” นักพรตรองเท้าสานพูดพลางออกนำเบื้องหน้า เคลื่อนไหวในจักรวาลด้านในตำหนักโอสถ

คนอื่นๆ พากันติดตาม ภายใต้การนำทางของนักพรตรองเท้าสานผู้นั้น เร่งรุดไปยังแกนนำทางของตำหนักโอสถก่อน

ในหอเซียนม่วง เยี่ยนจ้าวเกอเลิกคิ้วเล็กน้อย ‘นี่กลับมีความหมายแล้ว’

ตำหนักโอสถมีจักรวาลเป็นของตัวเอง มิติเวลาแตกต่างกับโลกภายนอก คนที่ไม่มีวิธีพออยู่ในโลกภายใน ส่วนใหญ่เหมือนย่ำกับที่ หลงทางในจักรวางอันกว้างใหญ่

ต้องมีระดับพลังฝึกปรือสูงถึงระดับหนึ่งเท่านั้น จึงค่อยหาหนทางด้วยตัวเองได้

กระนั้นระดับเซียนจริงแท้และพลังของนักพรตรองเท้าสานผู้นี้ ยังไม่มีความสามารถใช้พลังทำลายเล่ห์กล

นั่นหมายความว่าง เขารู้จักตำหนักโอสถ

เยี่ยนจ้าวเกอครุ่นคิด เข้าใจขึ้นมา ‘เทวกษัตริย์เส้นทางนอกรีตสี่คนนั่น เดิมเป็นจ้าวสวรรค์จากวังเซียนก่อนมหาภัยพิบติ คนผู้นี้มีการติดต่อกับพวกเขา อาจจะเป็นผู้สืบทอดกระแสตรงของใครคนใดคนหนึ่งในสี่คน’

ยังไม่เอ่ยถึงอีกสามคน อวี๋หวาหลงเทพสีครามจ้าวฝีดาษ ในอดีตเป็นเทพสายหลักฝ่ายฝีดาษ ได้ใช้ตำหนักโอสถอยู่บ่อยๆ เข้าออกที่นี่เป็นว่าเล่น

นักพรตรองเท้าสานตามหาเส้นทาง เห็นได้ชัดว่ามีความไม่คุ้นเคยอยู่หลายส่วน แสดงให้เห็นว่าเข้ามาในตำหนักโอสถเป็นครั้งแรก

ทว่าเขาทราบวิธีการเคลื่อนที่ในตำหนักโอสถจริงๆ นำทางคนอื่นๆ จนเจอสถานที่ที่แกนนำทางอยู่

พอมาถึงที่นี่ เมื่อแยกแยะเส้นทางอย่างชัดเจนได้แล้ว เหล่ายอดฝีมือโถงเซียนก็พุ่งมาหาหอเซียนม่วงอันเป็นแกนกลางหลักของตำหนักโอสถทันที

หลังจากลดเลี้ยวผ่านสถานที่ต่างๆ ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใกล้เมฆดาราอันเรืองรองซึ่งเหมือนกับใจกลางจักรวาล

นักพรตรองเท้าสายหยิบแผ่นหยกชิ้หนึ่งออกมา แล้วเซ่นสรวงมัน

ผิวแผ่นหยกมีอักขระหลายสายปรากฏ นักพรตรองเท้าสานเห็นดังนั้นก็คัดลอกใส่กลางอากาศ

จากนั้นอักขระอาคมหลายสายก็กลายเป็นบทความอันงดงาม ลอยเข้าไปในเมฆดารา แสงดาวที่ยิ่งใหญ่ดุจทะเลหมอกเริ่มเคลื่อนไหว

กลางเมฆดาราเริ่มปรากฏวังวนหนึ่ง

นักพรตรองเท้าสานโยนแผ่นหยกเข้าไปในวังวน จากนั้นก็ตามเข้าไป

คนอื่นๆ ติดตามเขาเข้าไปด้านในโดยแข่งกับเวลา

ครู่ต่อมา แสงดาวก็หายไปตรงหน้าพวกเขา หอหลังหนึ่งปรากฏขึ้น

ทว่าคนหนุ่มสวมอาภรณ์ขาว คลุมทับด้วยเสื้อคลุมสีน้ำเงินขลิบขอบดำก็อยู่ด้านในแล้ว

“ลูกหลานของเยี่ยนซิงถาง ผู้สืบทอดของอิ่นเทียนเซี่ยน…” คนจากโถงเซียนสายตาเย็นเยียบ “ชื่อคือ เยี่ยนจ้าวเกอกระมัง?”

เยี่ยนจ้าวเกอตอนนี้มองเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับตรงหน้า ไม่ได้หันหลับกลับ เพียงถามอย่างเรียบเฉย “เซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลที่ตายด้วยมือของผู้อาวุโสสั่วเมื่อครู่ ท่านเกี่ยวข้องกับคนไหน”

นักพรตรองเท้าสารมองเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับด้วยความละโมภและความปรารถนาอยู่หลายส่วน ได้ยินดังนั้นสีหน้าพลันไมน่าดู

เยี่ยนจ้าวเกอแม้ไม่ได้ระบุนาม ถึงขั้นไม่ได้มองเขา แต่นักพรตรองเท้าสานยังรู้สึกได้ว่า เยี่ยนจ้าวเกอกำลังถามอยู่

เนื้อหาของคำถามนี้ทำให้คนไม่พอใจจริงๆ

“ท่านอาจารย์เทพสีคราม สิ้นชีพเพราะคนเส้นทางนอกรีตเพราะปักปักษ์เส้นทางหลัก” นักพรตรองเท้าสานกล่าวอย่างเย็นชา “พวกเจ้าอย่าได้ใจไป ต่อให้คนเส้นทางนอกรีตอย่างเจ้าโอหังกว่านี้ ต่อหน้าบารมีอันไพศาลของเทวกษัตริย์ไร้ประมาณ ก็ไม่มีค่าใด”

“เหมือนกับเจ้า ในฐานะผู้สืบทอดของอิ่นเทียนเซี่ยน สมควรถูกประหารไปแต่ต้น เจ้าโชคดีที่อยู่มาถึงวันนี้ แต่ก็มาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว”

………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด