ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพีบทที่ 1818 สู้เอกภพอีกครั้ง

Now you are reading ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี Chapter บทที่ 1818 สู้เอกภพอีกครั้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

มหาวิทยราชมยุรีใช้แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีกวาดล้างใต้หล้า โด่งดังมา หมื่นปี

แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีของท่านสาดลง เหมือนปัญจธาตุในธรรมชาติ จักรวาลม้วนตัวพร้อมกัน ราวกับผู้ปกครองธรรมชาติ ทําให้ผู้คนยาก ทานความแหลมคม

กษิติครรภโพธิสัตว์ยังมีฉวีซูกระบี่พุทธะเปิดประตูสังสารวัฏ กระตุ้นแรงกกรรมของอีกฝ่าย ทําให้อีกฝ่ายตกสู่สังสารวัฏ

แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีของมหาวิทยราชมยุรีเกี้ยวกราดตรงไปตรงมา กว่ามาก ยามใช้เหมือนกับธรรมชาติฟ้าดินสะกด

ศัตรูที่ทนทานไม่ได้ จะถูกแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีดูดไว้ในพริบตา แทบ ไม่มีพื้นที่โต้ตอบ

ถ้าเขาขึ้นสู่ระดับมรรคา แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีหมุนวน จะกระตุ้น ให้ปัญจธาตุในธรรชาติประสานเสียงด้วย

ดังนั้นตอนนี้ฟ้าดินเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ระดับ สุดยอดในตอนนี้ล้วนสัมผัสได้ ทราบว่าในที่สุดมหาวิทยราชมยุรีก็เริ่ม ก้าวเท้าก้าวสุดท้าย ทะลวงสู่ระดับมรรคาแล้ว

นี่แทบบ่งบอกถึงเรื่องอีกเรื่องหนึ่ง

มารสวรรค์ไร้พันธนาที่เกือบตกตายในวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่นพ ยมโลกในอดีต ปัจจุบันในที่สุดก็ฟื้ นตัวกลับมา

หลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่นพยมโลกหลายพันปี เหตุเปลี่ยนแปลง ครั้งใหญ่ที่ส่งผลต่อสรรพชีวิตในธรรมชาติทั้งหมดรอบใหม่ เปิดม่าน อย่างเป็นทางการ

“อาจารย์อาเยี่ยนยังไม่ได้ออกฌาน” เฟิงอวิ๋นเซิงเอ่ยขึ้น

“ไม่เป็นไร” เยี่ยนจ้าวเกอส่ายหน้า ออกจากฟ้าเหนือฟ้า ผละจาก สวรรค์จู๋ลั่วหวงเจีย มาถึงความว่างเปล่าไร้สิ้นสุดนอกเขตแดนอันกว้าง ใหญ่ไพศาลพร้อมเฟิงอวิ๋นเซิง

ตอนนี้เห็นได้ว่า ทุกที่ทางต่างมีแสงสว่างห้าสีไหลเวียนไม่หยุด สาด ส่องจักรวาลอันว่างเปล่าที่มืดมิด

ในจักรวาลแต่ละแห่งรวมถึงสวรรค์จู๋ลั่วหวงเจีย โลกจํานวนมาก ถึงกับปรากฏเค้าลางบิดเบี้ยว เหมือนกําลังแยกออกกลายเป็นสภาพ ปัญจธาตุแรกเริ่ม

กระนั้นในสวรรค์สํานักเต๋ามีค่ายกลขนาดมหึมาหลายค่ายลอยขึ้น ครอบคลุมจักรวาลหลายชั้นทันที

ค่ายกลจํานวนมากเชื่อมต่อกันกลายเป็นส่วนรวม คุ้มครองสวรรค์ สํานักเต๋าทั้งหมด

สภาพปัญจธาตุพลังทลายในโลกแต่ละใบพลันสงบลง

ในเมื่อเดาได้ว่ามหาวิทยราชมยุรีอาจจะมีการเคลื่อนไหว ยอดฝีมือ ผู้ยิ่งใหญ่สํานักเต๋าเช่นพวกเยี่ยนจ้าวเกอย่อมเตรียมตัวไว้ก่อน

ค่ายกลสะกด ขณะเดียวกันก็มีคนคอยดูแลปกป้อง ทําให้โลกสํานัก เต๋าไม่ถึงกับได้รับผลกระทบ

มหาจักรวาลเป็นเช่นนี้ ในธรรมชาติขมุกขมัวที่อยู่ตรงกันข้าม โลก จํานวนมากที่สํานักเต๋ายึดครองสร้างไว้ ก็เป็นเหมือนกัน

“พวกเราออกเดินทางเถอะ” เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้น วางใจลง ร่วมทางกับเฟิงอวิ๋นเซิง ร่างกายเคลื่อนย้ายเปลี่ยนเป็นมายาในมิติเวลา เป้าหมายคือตําแหน่งที่มาของการเปลี่ยนแปลใหญ่โตนี้

อีกด้านถึงแม้จะมีผู้ยิ่งใหญ่ระดับมรรคาช่วยอําพราง แต่วานร กษัตริย์บูรพาไท่อี้ พระศรีอาริย์ต่างก็ถูกสะกิดให้เคลื่อนไหว

ตําแหน่งที่มหาวิทยราชมยุรีอยู่ในตอนนี้ สุดท้ายก็ซ่อนไม่ได้

ร่างเยี่ยนจ้าวเกอค่อยๆ โผล่ขึ้นในความว่างเปล่า กวาดมองรอบๆ บนใบหน้าเกิดรอยยิ้มล�าลึกอย่างมิอาจควบคุม

“เหอะๆ โถงเซียน…”

อาณาบริเวณที่อยู่ในตอนนี้ เด่นชัดว่าเป็นอวกาศที่โถงเซียน ปกครองยึดไว้ก่อนจะพินาศ

“จุดจบในอดีต เป็นจุดเริ่มต้นของวันนี้? หรือว่าผู้ที่ช่วยมหาวิทย ราชมยุรีครั้งนี้ ให้มหาวิทยราชมยุรีติดค้างน�าใจเป็นเทวกษัตริย์ไร้ ประมาณ?” บุรุษผมดําคนหนึ่งที่ร่างกายสูงชะลูด ใบหน้าเย็นชา โผล่ ขึ้นด้านข้างเยี่ยนจ้าวเกอ

เป็นเนี่ยจิงเสิน!

ถึงเขาจะขึ้นสู่ระดับมหาชาลได้ในระยะเวลาสั้นๆ เพราะเทพมาร กรอกศีรษะของนพยมโลก แต่ว่าหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่นพยมโลก เขาที่กําจัดมารเกิดใหม่ ชําระล้างตัวเองอีกครั้ง ก็เดินบนเส้นทางของ ตัวเองเหมือนเฟิงอวิ๋นเซิง

ตอนเป็นมาร เขาคือมารทองแกที่แกร่งที่สุดเท่าที่ประวัติศาสตร์ เคยมีมา ถึงขั้นกล่าวได้ว่าเป็นสุดยอดมารที่ความสามารถการรบซึ่ง หน้าแข็งแกร่งที่สุด และเทพมารมหาชาลที่เข่นฆ่าได้เด็ดขาดที่สุด

ปัจจุบันเป็นหนึ่งในผู้ฝึกกระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดตั้งแต่ประวัติศาสตร์ เคยมีมาของสํานักเต๋า เหนือกว่าจักรพรรดิจื่อเวยที่ครอบครองบรรพ ครรภ์ก่อนกําเนิดเหมือนกัน กับอวี้ติ่งจินหยินผู้ยิ่งใหญ่หยกพิสุทธิ์

ผู้ที่เทียบกับเขาได้ มีแต่เทวกษัตริย์วิเศษคณานับหลังจากฝึกฝน คัมภีร์โกลาหลสูญเป็นผลสําเร็จ

รวมถึงสตรีอารภรณ์เขียวที่ข้างกายเขาด้วย

“ในที่สุดพวกเราก็มีเวลาจับมือเคียงบ่าเคียงไหล่กัน” เยี่ยนจ้าวเก อมองเนี่ยจิงเสินกับอวี่เย่ที่อยู่ด้านข้างพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม

เนี่ยจิงเสินใบหน้าปรากฏรอยยิ้ม จากนั้นหุบยิ้ม กล่าวอย่างจริงจัง “เช่นนั้นพวกเราไปเตรียมตัวแล้ว ตัวเจ้าระวังให้มาก”

อวี่เย่มองเยี่ยนจ้าวเกออย่างเป็นห่วงเช่นกัน “ศิษย์น้องเยี่ยน ระวัง ตัวให้ดี”

“วางใจ พวกท่านก็ระวังตัวให้มากเช่นกัน หลีกเลี่ยงไม่ให้อีกฝ่าย มองเงื่อนงําออก ถึงตอนนั้นอาจเล็งเป้าหมายไปที่พวกท่านก่อน” เยี่ยน จ้าวเกอเอ่ย

เนี่ยจิงเสินกับอวี่เย่ประสานมือให้เขาพร้อมกัน จากนั้นร่างหายไป ในความว่างเปล่า

ครู่ต่อมา เซียนสวรรค์มหาชาลสํานักเต๋าจํานวนมากก็ทยอยแสดง ร่างจริงในความว่างเปล่า รวมตัวกับพวกเยี่ยนจ้าวเกอ

หลังเยี่ยนจ้าวเกอสามีภรรยากับพวกสั่วหมิงจาง หยางเจี่ยน และ นาจาแล้วคารวะกันแล้ว ทุกคนก็มองไปยังที่ไกล

ณ ที่แห่งนั้น แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีเหมือนกับใจกลางธรรมชาติ ไหลเวียนไม่หยุด

มหาวิทยราชมยุรีขึ้นสู่ระดับมหาชาล เป็นกระบวนการค่อยเป็น ค่อยไป

ขณะที่ก้าวเท้าก้าวสุดท้ายออก ต้องส่งผลต่อมหาธรรมชาติ และ รับการตอบแทนอย่างต่อเนื่อง

จนกระทั่งเวลาสุดท้าย คุณสมบัติของทุกสิ่งเปลี่ยนแปลง ย�า ทําลายด่านลี้ลับ ก้าวสุดท้ายที่ก้าวออกพอเหยียบพื้น จะเป็นการ ประกาศการถือกําเนิดของเจ้ามรรคาคนใหม่

แต่นี้ก็ให้โอกาสผู้ขัดขวางเช่นกัน

ไม่เพียงแต่เซียนสวรรค์มหาชาลสํานักเต๋าเช่นพวกเยี่ยนจ้าว เกอมาถึงที่นี่เท่านั้น

ไกลออกไป มหาเทวะเผ่าปีศาจเช่นพวกลู่ยาเต้าจวินก็มาถึงด้วย เช่นกัน

แดนสุขาวดีตะวันตกกลับไม่เห็นมีคนมา

แต่ว่าบนความว่างเปล่า มีกลิ่นอายที่ทําให้คนตกตะลึงปรากฏ แข็งแกร่งจนสั่นสะเทือนมหาจักรวาลยิ่งกว่าแสงห้าสีที่โยกคลอน รากฐานปัญจธาตุธรรมชาตินั้นเสียอีก

ประตูใหญ่หยกขาวบานหนึ่งโผล่มาก่อน

กระบองสารพัดนึกท่อนหนึ่งโผล่ขึ้นพร้อมกับประตูหยก ไม่ช้า แม้แต่น้อย ตรึงกําลังกันไกลๆ

จากนั้น ด้านหนึ่งปรากฏบัวเขียว ด้านหนึ่งปรากฏบัวขาว

ดอกบัวสองดอกลอยอยู่บนความว่างเปล่า เหมือนมีเสียงมนตรา บทสวดอันไพเราะดังขึ้น

มุกโกลาหลชิ้นหนึ่งโผล่ขึ้นข้างบัวเขียว

ระฆังสําริดใบหนึ่งปรากฏขึ้นเหมือนคมเข็มหันหากัน

การแย่งชิงตําแหน่งหลุดพ้นในยุคสมัยนี้ กษัตริย์บูรพาไท่อี้ตอนนี้ เป็นฝ่ายนํา

แต่ถ้ามหาวิทยราชมยุรีขึ้นสู่ระดับมรรคา ทั้งช่วยเหลืออามิตาภ พุทธเจ้า เช่นนั้นสถานการณ์เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเปลี่ยนไปทันที

เพราะแบบนี้กษัตริย์บูรพาไท่อี้จึงไม่นั่งบนแท่นตกปลาต่อ มาถึง อย่างเปิดเผยยิ่ง

แต่ว่าตรงหน้าเขา นอกจากมีบัวเขียว ประตูหยก กับไข่มุกโกลาหล แล้ว ยังมีคันฉ่องสีดําใบหนึ่งโผล่ขึ้นอย่างไร้สุ้มไร้เสียงเช่นกัน

ขณะมองคันฉ่องใบนั้น ทุกคนต่างกล่าวในใจ ‘มารสวรรค์ไร้ พันธนาจริงๆ ด้วย!’

กระบองสีทองไม่เกรงใจแม้แต่น้อย เข้าหาประตูใหญ่หยกขาวก่อน สองฝ่ายสู้กัน

อีกด้านหนึ่ง คันฉ่องสีดําเผชิญกับบัวขาว สองฝ่ายไม่ยอมถอยให้ กัน

คู่ต่อสู้ของระฆังโบราณมิใช่บัวเขียวคู่ปรับเก่า หากเป็นมุกโกลาหล ชิ้นนั้น

ในระยะเวลาอันสั้น เจ้ามรรคาหกคนมีกําลังพอฟัดพอเหวี่ยงกัน

อามิตาภพุทธเจ้ากลายเป็นคนเพียงคนเดียวที่ไร้คู่ต่อสู้

นี่อยู่ในความคาดหมายของผู้คน อย่างไรอามิตาภพุทธเจ้าต้อง ป้องกันการแทงหอกกลับอย่างกะทันหัน และการลอบโจมตีจาก ด้านหลังของสองมารสวรรค์

สถานการณ์ในปัจจุบันส่งผลดีต่อการร่วมมือกันของอามิตาภพุทธ เจ้า เทวกษัตริย์ไร้ประมาณ มารสวรรค์บรรพกําเนิด และมารสวรรค์ไร้ พันธนา ทุกคนลดความเคลือบแคลงส่วนหนึ่ง

แต่ว่าถึงแม้อามิตาภพุทธเจ้าจะไม่ลงมือ ดูเหมือนปกป้องมหาวิทย ราชมยุรี แกระนั้นท่านคอยจับตาอยู่ด้านข้าง ทําให้พระศรีอริย เมตไตรยต้องระวังตัวตลอดเวลา เหมือนมีคมมีดจ่อด้านหลัง

……………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด