ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพีบทที่ 1833 ทําลายค่ายกลมรรคา!

Now you are reading ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี Chapter บทที่ 1833 ทําลายค่ายกลมรรคา! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนหยางเจี่ยนพูดคําว่า ‘ราชันมรรคา’ คนไม่ต�ากว่าหนึ่งคน รอบๆ ร้องเป็นเสียงเดียวกับเขา

ในนี้ไม่เพียงมีแค่คนในสํานักเต๋าเช่นเฟิงอวิ๋นเซิง สั่วหมิงจาง นาจา เท่านั้น ถึงขั้นยังมีมหาเทวะเผ่าปีศาจอย่างลู่ยาเต้าจวิน

ถึงจะอยู่คนละฝ่าย แต่ตอนนี้ทุกคนมองเงาร่างของเยี่ยนจ้าวเกอ ต่างถอนใจชมเชยจากใจ

ระดับมรรคาเหมือนกัน ใช้หนึ่งสู้ห้า!

วีรกรรมเช่นนี้ ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์

ยิ่งไปกว่านั้น ทุกคนสังเกตเห็นว่า ใต้เท้าเยี่ยนจ้าเกอปรากฏ สะพานทอง ปลายสะพานทองมาจากรูปหยินหยางไทจี๋สีขาวดําขนาด มหึมา

รูปไท่จี๋หมุน รองรับคลื่นหลงเหลือกระแสคลั่งจากการต่อสู้ของ เหล่าเจ้ามรรคา หยุดความว่างเปล่าในความโกลาหล ดินน�าลมไฟทําให้ มหาธรรมชาติไม่โดนลูกหลง

กษัตริย์บูรพาไท่อี้กับอามิตาภพุทธเจ้าเห็นเหตุการณ์นี้ ต่างก็ไร้ คําพูด

การต่อสู้ของสองคนแม้ยังดําเนินต่อ แต่ต่างไม่อาจรั้งมือได้

อามิตาภพุทธเจ้าเดิมทีฉวยโอกาสนี้ถอยหลัง แต่สุดท้ายหยุดอยู่กับ ที่

ถ้าเยี่ยนจ้าวเกอชนะ ผู้แพ้ต่อให้หลบ จะหลบไปยังที่ใด?

วานรจับจ้องกษัตริย์บูรพาไท่อี้กับอามิตาภพุทธเจ้า ทางหนึ่งตา สายประกาย มองเยี่ยนจ้าวเกอลงมือ

ขณะมองเทวกษัตริย์ไร้ประมาณกับร่างธรรมยูไลลงมือพร้อมกัน เหมือนกับแสดงประวัติศาสตร์ขึ้นอีกครั้ง วานรหัวเราะเย็นชา มอบคํา ชมให้เยี่ยนจ้าวเกอ “ทุบตีได้ดี! ที่ทุบตีก็คือพวกเขา!”

สายตาของกษัตริย์บูรพาไท่อี้เคลื่อนไหวระหว่างเจดีย์เหลืองดําฟ้า ดินกับเมฆาไร้ขอบเขตบรรพกําเนิดโกลาหล ‘ฝึกสามพิสุทธิ์ร่วมกัน สามพิสุทธิ์หนึ่งร่าง หนึ่งปราณเป็นสามพิสุทธิ์ สามพิสุทธิ์กลับคืนหนึ่ง ปราณ…’

เขาสายตาล�าลึก ‘เหมือนกับสามพิสุทธิ์จุติอีกครั้ง ลงมือพร้อมกัน …ไม่ เป็นอานุภาพอํานาจสามพิสุทธิ์กลับคืนสู่มือคนคนเดียว หนําซ�ายัง เหมือนทวีความแข็งแกร่งขึ้น’

เยี่ยนจ้าวเกอใช้เจดีย์เหลืองดําฟ้าดินกับเมฆาไร้ขอบเขตบรรพ กําเนิดโกลาหลแยกกันต้านพระศรีอริยเมตไตรย มารสวรรค์ไร้พันธนา และมารสวรรค์บุพกาล

จากนั้นเขาเดินไปด้านหน้าทีละก้าว ทําลายสภาวะโจมตีของเท วกษัตริย์ไร้ประมาณกับร่างธรรมยูไล

เทวกษัตริย์ไร้ประมาณพ่นลมหายใจออกยาวๆ

เขายื่นนิ้วหนึ่งออกมา ร่างธรรมยูไลนั่งขัดสมาธิ สองมือเกิดสภาวะ ชี้นิ้ววาดดินอีกครั้ง

ในร่างธรรมปรากฏดอกอุทุมพร

บนดอกอุทุมพรสีทองมากมายมีสารีริกธาตุหลายชิ้นลอยขึ้น

บนสารีริกธาตุทุกชิ้นต่างปล่อยเส้นแสงหมื่นสาย

แสงสว่างร้อยล้านสายพาดขวางตัดสลับ เหมือนกับกรุยมิติเวลา ชักนําแดนอภิรดีศูนย์กลางที่เคยเจริญรุ่งเรือง ปกครองโลกหล้าในยุค โบราณตอนกลางลงมา

แสงสว่างของแดนสุขาวดี เคลื่อนแดนพุทธสิบร้อยล้านแห่งไร้ อุปสรรค

ในพุทธเกษตรเห็นต้นโพธิ์ได้ทั่ว รู้สึกถึงธรรมแห่งสติปัญญาและ เมตตาสงสาร

เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้น ยกมือตัวเองขึ้น

วินาทีนี้ตัวเขาเหมือนกลายเป็นฉัตรขนาดมหึมาคันหนึ่ง รองรับ ธรรมชาติฟ้าดิน สะกดอากาศโกลาหล

จากนั้นเยี่ยนจ้าวเกอก็ฟาดฝ่ามือลง ฉัตรนั้้นเหมือนหมุนวนพร้อมกระแทกเข้าหาแดนอภิรดีศูนย์กลาง!

ขอบฉัตรมีปราณโกลาหลไร้ขอบเขตสูงส่งหลายสายห้อยลงพร้อม กับที่ฉัตรหมุน

พลังอันน่ากลัวที่ป่นเอกภพ ชนใส่แดนสุขาวดีพุทธเกษตร

แสงสว่างนับไม่ถ้วนดับลง สารีริกธาตุนับหมื่นพันแหลกสลาย ดอก อุทุมพรหมื่นพันโรยรา

ในแดนสุขาวดี ป่าเจดีย์สถูปถล่ม บึงบุญกุศลแห้งเหือด ต้นปัญญา โพธิล้วนแห้งเหี่ยว

ฟ้าถล่ม ดินทลาย ความบริสุทธิ์สะอาดไม่คงอยู่ แสงพุทธไม่เจิดจ้า

ภาพของภัยพิบัติสิ้นธรรม!

แดนสุขาวดีพุทธเกษตรที่รุ่งเรืองเงียบสงัดในพริบตา

เยี่ยนจ้าวเกอฝ่ามือดุจฉัตร ฟาดทําลายแดนอภิรดีศูนย์กลาง ทําให้ เหล่าพุทธะเสื่อมโทรม

แดนอภิรดีศูนย์กลางดับสูญ ร่างธรรมยูไลในที่สุดประคับประคอง ไม่ไหว มลายหายเป็นควันเมฆ

แม้แต่สารีริกธาตุศากยมุณีห้าชิ้น ก็สลายกลายเป็นจุณ หายไปไป เช่นนี้ ไม่คงอยู่อีก

อีกด้านหนึ่ง มารสวรรค์บุพกาลแค่นเสียงเย็นชา

มันที่ถูกเมฆาไร้ขอบเขตบรรพกําเนิดโกลาหลกดดัน คนพลัน กลายเป็นโความโกลาหลบริเวณหนึ่ง ร่างเริ่มหดยุบเข้าหาตรงกลางไม่ หยุด

ความโกลาหลสองแห่ง วินาทีนี้บีบอัด กลืนกินอีกฝ่ายอย่างบ้าคลั่ง

มารสวรรค์ไร้พันธนาร่วมมือกับพระศรีอริยเมตไตรยโจมตีเจดีย์ เหลืองดําฟ้าดินอีกครั้ง ค่อยๆ หาเจอหนทางสายหนึ่ง

เวลานี้เห็นการเคลื่อนไหวของมารสวรรค์บุพกาล มันครุ่นคิด เล็กน้อย แสงกระจกงดงามพลันหมุน มารสวรรค์บุพกาลคิดจะช่วยมารสวรรค์ไร้พันธนากลืนกินเมฆาไร้ ขอบเขตบรรพกําเนิดโกลาหลของเยี่ยนจ้าวเกอ! ขอแค่สําเร็จ มารสวรรค์บุพกาลจะชิงตําแหน่งบรรพกําเนิด กลับมาได้ ไม่ถูกเยี่ยนจ้าวเกอกดข่มอีก เยี่ยนจ้าวเกอตอนนี้ในที่สุดหันมองพวกมัน กล่าวด้วยรอยยิ้ม “อยากตายเร็วนัก ข้าจะสนองพวกเจ้าเอง” ว่าแล้ว เขาก็ผลักมงกุฎบนศีรษะตัวเองเบาๆ เห็นการเคลื่อนไหวของเขา มารสวรรค์ไร้พันธนาพลันสะดุ้ง เป็นอย่างที่คาด เห็นปราณพิสุทธิ์สายหนึ่งพุ่งออกจากศีรษะเยี่ยน จ้าวเกอ หนึ่งแยกเป็นสาม แบ่งเป็นนักพรตสามคน นักพรตหนุ่มคนหนึ่ง สวมมงกุฎเก้าเมฆา ใส่อาภรณ์ผ้าทอ กระเรียนขาวแดงตัวใหญ่ นั่งอสูรมา มือถือกระบี่วิเศษเล่มหนึ่ง คนหนึ่งเป็นนักพรตวัยกลางคน สวมมงกุฎหรูอี้ ใส่อาภรณ์ยันแปด ทิศสี่เหลืองอ่อน ขี่อาชาสวรรค์มา มือถือหยกหรูอี้เห็ดหลินจือ

ชายชราผมขาวหน้าเด็กคนหนึ่ง สวมมงกุฎเก้าสวรรค์ ใส่อาภรณ์ ม่วงแดงแปดวิเศษหมื่นขัย มือหนึ่งถือพัดหนวดมังกร มือหนึ่งถือหยก หรูอี้ไตรรัตนะ ขี่สิงโตดินมา “พี่ร่วมเส้นทาง มาช่วยท่านแล้ว!” นักพรตสามคนส่งเสียงพร้อม กัน มาถึงด้านข้างเยี่ยนจ้าวเกอ เยี่ยนจ้าวเกอยื่นแขนขึ้นกวักมือ “ลงทัณฑ์มาร” นักพรตสามคนนั้นเคลื่อนไหวเหมือนกัน ยื่นแขนออกมากวักมือ ในความว่างเปล่า แสงทองกับหมอกเหลืองทะลักมาถึง ในค่ายกลลงทัณฑ์เซียน เจ้าแม่อู๋ตังกับนางเซียนอวิ๋นเซียวต่างก้ม กราบเยี่ยนจ้าวเกอ “ราชันมรรคาสูงส่ง ขอให้มีอายุขัยและความสุขไร้ ประมาณ” สี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียนลอยจากด้านหน้าพวกนาง มาถึงด้านข้าง เยี่ยนจ้าวเกอ เขากับนักพรตสามคน แยกกันถือกระบี่โบราณสี่เล่มได้แก่ลงทัณฑ์ เซียน สังหารเซียน ผนึกเซียน ลวงเซียน จากนั้น ในสถานที่แห่งนี้ ปราณกาลีจิตสังหารไร้สิ้นสุดพุ่งสู่ฟากฟ้า

ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนใหม่ตั้งขึ้นที่นี่ ทั้งครอบคลุมมารสวรรค์บุพ กาลกับมารสวรรค์ไร้พันธนาไว้ด้านใน

ในหมอกเหลืองกว้างใหญ่ แท่นสูงสี่แท่นแยกกันตั้งขึ้น บนแท่นสูง ต่างก่อตั้งประตู

เยี่ยนจ้าวเกอสี่คนห้อยกระบี่โบราณสี่เล่มไว้บนประตูสี่บาน

จากนั้นดีดนิ้วปล่อยสายฟ้า สั่นสะเทือนกระบี่โบราณ!

ประกายกระบี่อันน่ากลัวที่ทําลายเอกะดับมรรคา เหมือนกับห่าฝน ถล่มลง เป้าหมายคือมารสวรรค์สองตน

มารสวรรค์บุพกาลกับมารสวรรค์ไร้พันธนา สัมผัสได้ถึงจุดที่ แตกต่างของค่ายกลลงทัณฑ์เซียนค่ายนี้ในทันที

เยี่ยนจ้าวเกอเป็นเอกในระดับมรรคา ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนที่ ควบคุมสุดที่วันวานจะเทียบเคียงได้

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังมีหนึ่งปราณเป็นสามพิสุทธิ์ แยกกันกลายเป็น ร่างแปลงที่เทียบได้กับระดับมรรคาสามร่าง วางค่ายกลพร้อมกัน

ค่ายกลนี้พอกางลง จะเทียบกับค่ายกลลงทัณฑ์เซียนในอดีตได้ อย่างไร?

‘แข็งแกร่งยิ่งกว่าค่ายกลลงทัณฑ์เซียนที่รัตนวิเศษกางในช่วง ปลายยุคโบราณตอนต้นเสียอีก’ อามิตาภพุทธเจ้ามองค่ายกลลงทัณฑ์ เซียนค่ายนั้น จิตใจล่องลอย

ค่ายกลลงทัณฑ์เซียน ความหมายตามชื่อคือ เซียนเข้าสู่ค่ายกล ต้องตาย

การดํารงอยู่ต�ากว่าระดับมรรคา นอกจากวานรที่มีศิลาดินกําเนิดมี สถานการณ์พิเศษแล้ว ผู้ที่เข้าไปในค่ายกล ไม่มีใครโชคดีหนีรอด ผู้ ยิ่งใหญ่ระดับมรรคาต่างปกป้องไม่ได้

แต่กล่าวในทางกลับกัน ผู้เข้มแข็งระดับมรรคาเข้าค่ายกล ค่ายกล ลงทัณฑ์เซียนยังไม่พอ

หากแต่ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนของเยี่ยนจ้าวเกอในวันนี้ ไม่เพียงลง ทัณฑ์เซียน

ยังดับมรรคาได้!

“มารพิสูจน์ความพินาศย่อยยับ ถ้าพวกเจ้าตายเพราะค่ายกล นับว่าตายได้ถูกที่แล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยอย่างเฉื่อยชา “วันนี้พวกเรา มาดูกันว่า ผู้ใดดุร้ายกว่าเด็ดขาดกว่า”

………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด