ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี บทที่ 644 ดาบเทพอาทิตย์ยะเยือก

Now you are reading ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี Chapter บทที่ 644 ดาบเทพอาทิตย์ยะเยือก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในวังฝูงมังกร แสงอาทิตย์สีฟ้ากับแสงจันทร์สีดำสนิทที่กระจัดกระจาย ยังคงกลายเป็นพิรุณแสงตกลงด้านล่าง ส่วนเยี่ยนจ้าวเกออาบแสงอยู่ด้านใน

เขาเงยหน้ามองไป เห็นเฟิงอวิ๋นเซิงกับอาหู่ต่างนั่งตัวตรง แม้แต่พ่านพ่านยังไม่ได้คว่ำนอนอยู่บนพื้นเหมือนปกติ แต่ยืนสองขาขึ้นมา

น้ำสีดำและเพลิงสีขาวหมุนวนรอบร่างกายของพ่านพ่าน

แสงอาทิตย์สีฟ้าพันเปลวเพลิงสีขาว ส่วนแสงจันทร์สีดำสนิทผสมกับสายน้ำสีดำ

ในสายตาของเยี่ยนจ้าวเกอ ขนาดร่างกายของพ่านพ่านแทบจะใหญ่ขึ้นด้วยความเร็วที่ตาเนื้อแยกแยะได้

ถึงจะรู้ว่าจอมขี้เกียจตัวนี้หลังจากเสร็จเรื่องแล้วอาจจะหดตัวเองลงอีก แต่ขณะมองร่างกายที่ค่อยๆ เหมือนภูเขาเข้าไปทุกทีของมัน มุมปากของเขายังอดกระตุกเล็กน้อยไม่ได้

…ถ้าไม่ใช่เพราะในวังฝูงมังกรเป็นมิติ สามารถขยายและเปลี่ยนแปลงได้ เกรงว่าคงจะบรรจุพ่านพ่านในตอนนี้ไม่ได้

อาหู่นั่งขัดสมาธิ จุดลมปราณทั่วร่างดูดซับเอาปราณมังกรหลายสายเข้าไป เชื่อมกับแสงของอาทิตย์ยะเยือกจันทร์ดำรอบๆ

หลายวันมานี้ อาหู่ฝึกฝนอยู่ในวังฝูงมังกร ไม่จำเป็นต้องกลัวว่าจะอ่อนเพลีย

ตอนนี้สาเหตุที่หายใจเอาพลังอาทิตย์ย้อนจันทร์ย้อนเข้าไป ส่วนใหญ่ก็เพื่อชำระล้างร่างกาย เพิ่มคุณสมบัติร่างกาย สร้างรากฐานที่แข็งแกร่งกว่าเดิมสำหรับวันหน้า

เฟิงอวิ๋นเซิงที่อยู่ด้านข้าง สถานการณ์กลับไม่เหมือนกัน

สิ่งที่หลงเหลืออยู่ในวังฝูงมังกร หลักๆ แล้วเป็นแสงของจันทร์ดำและพลังจันทร์ย้อน

พลังของอาทิตย์ยะเยือกสีฟ้า ส่วนใหญ่ถูกดาบยาวสีดำในมือเฟิงอวิ๋นเซิงดูดซับไปแล้ว

ในฐานะที่เป็นเจ้าของ ขณะนี้เฟิงอวิ๋นเซิงเชื่อมต่อกับดาบสีดำเล่มนั้นแนบชิดกว่าเดิม หลอมเปลี่ยนพลังจันทร์ย้อนจำนวนมากเข้าไปในร่างกาย

ตอนนี้ผิวกายของนางมีลวดลายอาคมอันเป็นตราอักขระสีฟ้าส่องแสงสลัวเย็นเยียบ สว่างขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง

ครั้นสองตาของลืมขึ้น ม่านตาล้วนเป็นสีฟ้า คล้ายกับมีอาทิตย์ยะเยือกสองดวงลอยขึ้น

เยี่ยนจ้าวเกอมาถึงเบื้องหน้าเฟิงอวิ๋นเซิง ก้มหน้ามองดาบสีดำเล่มนั้น สัมผัสพลังที่แฝงอยู่ด้านใน พลางส่ายหน้าอย่างช้าๆ “เมื่อเป็นเช่นนี้ ของวิเศษที่หลอมพลังของพระราหูคงจะประสบภัยพิบัติเข้าแล้ว แต่ว่ายังไม่ดับสูญ เพียงแค่สูญเสียรูปลักษณ์ก่อนหน้า กลิ่นอายของพลังจึงกระจายออกมา”

“ดาบเล่มนี้เกิดจากซากของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของพระราหู ถึงแม้พลังของตัวมันจะอ่อนแอ แต่รากฐานยังคงอยู่ สามารถส่งผลกระทบต่อกลิ่นอายพลังที่กระจัดกระจายสูญหายของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนั้นได้”

ชายหนุ่มกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เมื่อใช้ดาบเล่มนี้เป็นตัวช่วยในการดูดซับกลิ่นอายพลังแห่งการกัดกร่อนที่กระจัดกระจายหายไป ภายใต้การหลอมกลิ่นอายมารแสงทมิฬอีกครั้ง บางทีอาจจะมีโอกาสกลับคืนสู่ลักษณะเดิม”

เฟิงอวิ๋นเซิงนั่งนิ่งอยู่บนพื้น ขับเคลื่อนลมปราณจัดการพลังอาทิตย์ยะเยือกที่เข้าสู่ร่าง

นางมองดาบในมือ ถอนใจเอ่ยว่า “เป็นสิ่งที่เหมือนกับตราประทับตะวัน และมงกุฎจันทราหรือ? ดาบ…ราหู?”

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “บางทีอาจจะเรียกเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อก่อน ทว่าหลังจากผ่านภัยพิบัติในอดีต บวกกับอุปสรรคในการหลอมพลังของอาทิตย์ยะเยือก กลับแทบจะเทียบได้กับการเกิดใหม่สองครั้ง ถ้าเรียกดาบราหูต่อไป ตัวมันคงไม่พอใจนัก”

หญิงสาวนั่งนิ่งไม่เคลื่อนไหว โบกดาบสีดำที่เปล่งแสงสีฟ้าอ่อนในมือเบาๆ “ท่านพูดถูก ต่อจากนี้เรียก ‘อาทิตย์ยะเยือก’ แล้วกัน”

“ดาบเทพอาทิตย์ยะเยือก?” เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะ “ไม่เลวยิ่ง”

เฟิงอวิ๋นเซิงหัวเราะเช่นกัน “คำว่า ‘เทพ’ ในที่นี้ต้องรอปรึกษาหารือหรือไม่?”

ชายหนุ่มโบกมือ “ในอดีตไม่รู้ว่าดาบเล่มนี้พบเจอหายนะอย่างไร การเกิดใหม่ครั้งหนึ่งทำให้มันแปลกประหลาดขึ้นหลายส่วน กอปรกับเติบโตอย่างต่อเนื่อง ดาบราหูที่เกิดก่อนยังเทียบไม่ติด ข้าเฝ้าคอยอนาคตของมันยิ่งนัก”

นางมองดาบเทพอาทิตย์ยะเยือกในมือ พลันหัวเราะขึ้น “สำนักแสงสว่างมีของที่อยากได้เพิ่มอีกแล้ว”

เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ย “ต้องอยากได้อยู่แล้ว ดาบเล่มนี้คือดาวข่มหนงอวี่ซวนนั่น”

ครั้นพูดถึงตรงนี้ เยี่ยนจ้าวเกอก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “คนผู้นี้เกรงว่าจะรวบรวมกลิ่นอายมารแสงทมิฬจำนวนมากที่ดาบราหูในอดีตกระจายออกมาได้แล้ว เพียงแต่เพราะเวลา ตอนนี้จึงหลอมได้แค่ส่วนเล็กๆ เท่านั้น”

เฟิงอวิ่นเซิงกล่าวอย่างครุ่นคิด “ดังนั้นเมื่อครู่เขาจึงได้ถูกธาตุไฟเข้าแทรกอย่างสาหัส ไม่ใช่แค่เพราะกลิ่นอายมารแสงทมิฬที่เขาหลอม ส่งผลกลืนกินกลับเท่านั้น แม้แต่พลังแห่งการกัดกร่อนจำนวนมากกว่านั้นที่ไม่ได้ถูกเขาหลอมก็ปั่นป่วนไปด้วย”

“ถูกต้อง เป็นเช่นนั้นเอง” เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า

เขาลูบคางของตัวเอง “ครั้งนี้ไม่รอให้ตราประทับตะวันฟื้นสภาพก็มายังโลกซ้อนโลกแล้ว เทียบกับสาเหตุส่วนหนึ่ง เป็นเพราะต้องการขัดขวางไม่ให้ดาบราหู หรือพลังส่วนใหญ่ของดาบราหูตกไปอยู่ในการควบคุมของสำนักแสงสว่าง

“ดูเหมือนว่าตอนนี้ ความกังวลก่อนหน้าจะสำคัญมาก ดาบราหูแม้จะพังแล้ว แต่พลังส่วนใหญ่ในตอนนี้ยังตกอยู่ในมือของหนงอวี่ซวน”

“ถ้าหากให้เวลาเขาหลอมพลังส่วนใหญ่มากพอ อย่างน้อยก็พอจะสะกดควบคุมได้ เช่นนั้นดาบเทพอาทิตย์ยะเยือกเกรงว่ายากจะกดข่มเขาแล้ว”

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มเล็กน้อย “ตอนนี้ยังมีโอกาสอยู่”

เฟิงอวิ๋นเซิงกล่าว “ครั้งหน้าเขาต้องระวังตัวมากขึ้นแน่ พวกเราคราวนี้เปิดเผยร่องรอยแล้ว ต่อจากนี้สำนักแสงสว่างน่าจะตามจับพวกเราอย่างไม่กริ่งเกรง ที่นี่คือโลกซ้อนโลก ยอดฝีมือของพวกเขามีมากมายดุจนหมู่เมฆ ถึงจะมีราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องกับสำนักความมืดคอยดึงสมาธิไว้ แต่สำนักแสงสว่างก็สามารถแบ่งยอดฝีมือจำนวนมากมาได้”

“ให้พวกเขาผ่านการโต้ตอบของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องให้ได้ค่อยว่ากันเถอะ” เยี่ยนจ้าวเกอพูด

การร่วมมือกันต่อต้านต้าเสวียนโดยมีสำนักความมืด สำนักแสงสว่าง หอกระบี่ทะเลหนือ เกาะมนุษย์สำริดเป็นผู้นำในตอนนี้มียอดฝีมือมากมาย ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องได้แต่ตั้งรับ แผ่นดินปั่นป่วน พายุฝนโหมกระหน่ำ

ทว่าในครั้งนี้ ผู้สืบทอดของผู้วิเศษเซิงพลันปรากฏตัว สั่นสะเทือนทั่วทั้งทะเลหวงเจีย

แค่คนที่เผยโฉมหน้าออกมาในสงครามครั้งนี้ ก็มียอดฝีมือระดับสุดยอดที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ด เหยียบอยู่บนสะพานเซียนแล้ว!

มือกระบี่ผู้โจมตีหอสักการะหลักสำนักความมืด ที่มีรูปลักษณ์ภายนอกอ่อนยาว์ ดวงตาแก่ชรา ถือเป็นคนหนึ่ง

ต่อมาชายชราที่สู้กับเจ้าสำนักแสงสว่างหลัวจื้อเทา ภายนอกแก่ชรา ดวงตาเยาว์วัย เป็นคนที่สอง

ถ้าไม่ใช่เพราะหลัวจื้อเทาใช้กงจักรสุริยันจันทราอันเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง และเป็นของวิเศษคุ้มครองสำนักแสงสว่างมาด้วย เมื่อครู่อาจตายด้วยกระบี่ของชายชราผู้นั้นไปแล้ว

ยอดฝีมือเช่นนี้ปรากฏตัวขึ้น ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องพลันทิ้งสภาวะอ่อนแอก่อนหน้า ต่อจากนี้จะต้องเปลี่ยนจากตั้งรับเป็นโจมตีแน่นอน

ที่หมายตาสำนักความมืดเป็นอันดับแรก เป็นเพราะหอสักการะหลักสำนักความมืดเร้นลับไม่อาจค้นหา ไม่ฉวยโอกาสตอนพิธีอาทิตย์ดำจันทร์ยะเยือกลงมือ ต่อจากนี้ก็ไม่อาจหาโอกาสได้อีกแล้ว

หลังสงครามนี้ สำนักแสงสว่าง หอกระบี่ทะเลเหนือ และเกาะมนุษย์สำริด อาจจะกลายเป็นเป้าหมายโจมตีของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องก็ได้

สำนักแสงสว่างตั้งที่อยู่อย่างเปิดเผย แตกต่างกับหอสักการะหลักสำนักความมืด

อาหู่ขณะนี้ตื่นขึ้นมาจากสภาวะมีสมาธิ มองเยี่ยนจ้าวเกอ “คุณชาย พวกของผู้วิเศษเซิงยึดมั่นสัจจะเกินไปแล้ว ในอดีตช่วยเสวียนเหวินอ๋องสยบใต้หล้า ต่อมาราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องปกครองแผ่นดิน ไม่มีหน้าที่ของพวกเขาอีก ปัจจุบันแผ่นดินของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องปั่นป่วน พวกเขาไม่มีความคิดจะยึดครองแทน ยังคงช่วยเหลือลูกหลานของเสวียนเหวินอ๋อง”

แววตาของเยี่ยนจ้าวเกอล้ำลึกขึ้นเล็กน้อย “ถ้าไม่ใช่เพราะยึดมั่นใจสัจจะ ความตั้งใจของพวกเขาก็อาจไม่อยู่ที่นี่ แต่มีเป้าหมายอื่น”

คนอื่นดูไม่ออก แต่ในตอนที่เห็นกระบี่กาลเคลื่อนคล้อยเป็นครั้งแรก เยี่ยนจ้าวเกอก็มองเบื้องหลังออกทันที

ถ้าหากบอกว่าวิถีกระบี่ของคังจิ่นหยวนยังขาดความช่ำชอง รอหลังจากเห็นชายชราที่สู้กับหลัวจื้อเทา เขาก็กระจ่างแจ้ง

นั่นเป็นวรยุทธ์ที่ได้มาจากจิตพลังในการสืบทอดสายตรงของคัมภีร์นภากาลเวลา

ถือว่าเป็นวิชาเลิศล้ำที่แตกมาจากคัมภีร์นภาต้นกำเนิด เหมือนกับคัมภีร์นภาไร้ขอบเขต คัมภีร์พลิกฟ้า และคัมภีร์นภารังสรรค์ชีวิต

วิชาห้าอัคคีและหอกเจ็ดวิหคของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องนับได้เพียงเป็นการกำเนิดสายรอง ทว่าคัมภีร์นภากาลเวลากลับเป็นการสืบทอดสายตรงของสายหยกพิสุทธิ์แห่งสำนักเต๋าสายตรงอย่างแท้จริง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด