ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี 24 แก้ต่าง
เมื่อได้ยินคำถามของเหยียนซวี่ เยี่ยนจ้าวเกอก็เลิกคิ้วขึ้นเบาๆ “ท่านผู้อาวุโสเหยียนคิดว่าศิษย์น้องเยี่ยสิ้นชีพเพราะใครหรือขอรับ”
เหยียนซวี่มองเยี่ยนจ้าวเกออย่างเย็นชา “ในสถานการณ์เช่นนี้ เจ้าย้อนถามข้าได้อย่างนั้นหรือ?”
“เรื่องที่เจ้าต้องทำคือตอบคำถามตามความเป็นจริงเท่านั้น ห้ามพูดเท็จหรือเล่นลิ้นแม้แต่คำเดียว”
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม “หากข้าจำไม่ผิด วันนี้เป็นเพียงการซักถาม แต่ไม่ใช่การไต่สวน และถึงจะเป็นการไต่สวน ก็ดูเหมือนว่าท่านผู้อาวุโสคุมการณ์แห่งอาณาจักรถังตะวันออกไม่ควรเป็นคนที่มาไต่สวนข้า”
“หากปักใจเชื่อไปก่อนแล้วว่าข้ามีความผิด เช่นนั้นแล้วหลักฐานอยู่ที่ใดหรือขอรับ”
เหยียนซวี่เองก็ไม่ได้โกรธ เพียงแต่พูดอย่างเฉยชาว่า “เช่นนั้นตอนนี้เชื้อไฟสัจจะอัคคีอยู่กับใคร”
“อยู่กับข้า” เยี่ยนจ้าวเกอตอบตรงๆ
“เยี่ยจิ่งได้พูดอะไรก่อนสิ้นชีพบ้างหรือไม่” เหยียนซวี่กล่าวกับซือคงจิง
ซือคงจิงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงตอบตามความจริงว่า “เรียกชื่อของศิษย์พี่เยี่ยนเจ้าค่ะ”
“เรียกอย่างไรหรือ”
“…โมโห ไม่พอใจ และ…โกรธแค้น”
ผู้อาวุโสฝ่ายอาญาโบกไม้โบกมือ สายตามองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความสงบทว่าจดจ่อ “ศิษย์หลานเยี่ยน เจ้ามีสิ่งใดจะพูดเกี่ยวกับเรื่องการตายในหุบเหวปราการมังกรของเยี่ยจิ่ง ในฐานะที่เป็นปรมาจารย์ผู้นำคณะหรือไม่”
เขาเพียงถามซ้ำประโยคที่ก่อนหน้าได้พูดไปเท่านั้น แต่น้ำเสียงดูเคร่งขรึมขึ้นบ้างเล็กน้อย
“ก่อนอื่นข้าต้องขอแก้ไขเรื่องหนึ่ง บัดนี้ศิษย์น้องเยี่ยเป็นหรือตายยังไม่ทราบแน่ชัด” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว
“เหตุใดเจ้าจึงกล่าวเช่นนี้ แท้จริงแล้วเรื่องเป็นมาอย่างไรกันแน่” ผู้อาวุโสฝ่ายอาญากล่าวเสียงราบเรียบ
เยี่ยนจ้าวเกอหยิบกระดาษจดหมายแผ่นหนึ่งออกมา ยิ้มเล็กน้อยพลางกล่าวว่า “ในฐานะที่เป็นปรมาจารย์รับผิดชอบนำคณะไปฝึกฝน ข้าต้องรายงานสำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้แน่นอน เพียงแต่ว่ายังไม่ทันที่จะส่งจดหมายนี้ให้กับทางสำนัก ก็ได้รับข่าวว่าพวกท่านจะเดินทางมาที่นี่ ด้วยเหตุนี้ข้าจึงตัดสินใจรอมอบมันให้กับพวกท่านโดยตรงที่นี่ขอรับ”
ผู้อาวุโสฝ่ายอาญานิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วผงกศีรษะ “ที่ข้ามาในครั้งนี้ เดิมทีก็เพื่อรับเอกสารลายมือของเจ้ากลับไปเช่นกัน”
เขารับจดหมายนั้นไป หลังจากเปิดอ่านแล้ว แววตาของเขาพลันวูบไหว ก่อนจะส่งต่อไปให้เหยียนซวี่
เหยียนซวี่อ่านแล้ว เขาก็ขมวดคิ้วมุ่นในทันที “เตาผลึกหินชั้นในของเจ้าตกลงไปในหุบเหวปราการมังกร ทำให้เกิดการระเบิดขึ้น และทำลายร่างกายของเยี่ยจิ่ง ทว่าเยี่ยจิ่งกลับมีของล้ำค่าติดกายช่วยปกป้องจิตวิญญาณของเขาไว้ได้ แต่เขาเป็นอยู่หรือตายก็ยังไม่ทราบแน่ชัดอย่างนั้นหรือ”
“สมบัติชิ้นนั้นมีความพิเศษมาก ข้ามีลางสังหรณ์ว่าอีกไม่นานศิษย์น้องเยี่ยจะกลับมาปรากฏตัวต่อหน้าพวกเราอีกครั้ง เมื่อถึงเวลานั้นก็จะยืนยันคำพูดของข้าได้เอง” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว
“แน่นอนว่าเขาอาจจะยังโกรธแค้นข้าเพราะเรื่องที่เตาผลึกหินชั้นในระเบิด”
ราชาแห่งอาณาจักรถังตะวันออกคิ้วขมวด “หากเป็นจริงดังเจ้าว่า ตอนนี้เยี่ยจิ่งมีวรยุทธ์เพียงแค่ขั้นชักจูงลมปราณระยะกลางเองมิใช่หรือ ปกติเข้าไปในหุบเหวปราการมังกรเพียงลำพังก็เสี่ยงชีวิตมากอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้เขาเหลือเพียงวิญญาณ มิหนำซ้ำยังตกลงไปในหุบเหวด้วย”
เยี่ยนจ้าวเกอพูดช้าๆ ว่า “สิ่งล้ำค่าติดตัวของศิษย์น้องเยี่ยชิ้นนั้น สามารถระเบิดพลังมหาศาลออกมาได้ในพริบตา ไม่ควรดูถูกเลยขอรับ”
เหยี่ยนซวี่จ้องเยี่ยนจ้าวเกอพร้อมใบหน้าเย็นชาอีกครั้ง “หากเยี่ยจิ่งกลับมาไม่ได้อีกแล้ว เจ้าจะว่าอย่างไร”
ผู้อาวุโสฝ่ายอาญากลับถาม “คลื่นในหุบเหวปราการมังกรพัดเชื้อไฟสัจจะอัคคีมาตกอยู่ตรงหน้าเจ้าเองหรือ”
“เป็นเช่นนั้นขอรับ” เยี่ยนจ้าวเกอตอบ
ท่านผู้อาวุโสทั้งสามล้วนจ้องไปยังเยี่ยนจ้าวเกอ ทว่านิ่งเงียบไม่เอ่ยวาจาใดๆ
เยี่ยนจ้าวเกอพูดต่อนิ่งๆ ว่า “ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ มีเพียงศิษย์น้องเยี่ยที่อคติกับข้าอยู่ฝ่ายเดียว ถ้าเขาไม่เป็นฝ่ายหาเรื่องข้าก่อน สำหรับข้าแล้ว เขาก็ไม่ได้ต่างอะไรกับศิษย์น้องคนอื่นๆ”
“ส่วนเชื้อไฟสัจจะอัคคี ข้าเชื่อว่าสำนักต้องรับรองการศึกษาและสร้างเตาผลึกหินชั้นในก่อนอยู่แล้ว หากข้าต้องการได้มันมา ก็เป็นเรื่องง่ายยิ่งนัก”
“และต่อให้เป็นเพราะศิษย์น้องเยี่ยไม่รู้ความ แย่งชิงเชื้อไฟกับข้า ข้าก็คงสั่งสอนเขาเท่านั้น ไม่ถึงกับฆ่าแกงกัน”
“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าไม่จำเป็นต้องลงมือด้วยตัวเอง ก็สามารถทำให้เขาทุกข์ทรมานได้”
สุดท้ายเยี่ยนจ้าวเกอพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ในรายงานของข้าได้เขียนเอาไว้แล้ว และเชื่อว่าข้อมูลที่ทุกท่านได้รับก่อนหน้านี้ ก็ได้กล่าวถึงเช่นกัน”
“ศิษย์น้องเยี่ยรู้จักกันกับเฒ่ามารหัวขวาน หานเซิ่งด้วยขอรับ”
ผู้อาวุโสฝ่ายอาญาขมวดคิ้ว “เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยหรือ”
เหยียนซวี่พูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ตาเฒ่าหานมีความแค้นกับข้าจริง แต่นั่นก็เป็นความแค้นส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับทางสำนัก เยี่ยจิ่งคบค้ากันกับเขาไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไร และต่อให้เป็นข้าเอง ก็จะไม่ขุ่นเคืองด้วยเรื่องเช่นนี้ หากตาเฒ่าหานยอมละทิ้งความแค้นเก่า และยุติความแค้นทั้งหมดนี้แล้วอย่างไร สุดท้ายแล้วข้าเองก็ต้องเลยตามเลย”
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มครั้งหนึ่ง “เช่นนั้นการประมือทั้งสองครั้งล้วนเป็นท่านที่ได้เปรียบ หานเซิ่งเป็นฝ่ายเสียเปรียบ”
ทว่าต่อจากนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็ค่อยๆ หายไป “แต่เรื่องกลับไม่ได้เป็นเพียงความแค้นส่วนตัวง่ายๆ เช่นนั้น หานเซิ่ง เฒ่ามารหัวขวานมีความเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของหุบเหวปราการมังกรในครั้งนี้ด้วยขอรับ!”
เมื่อสิ้นประโยคนี้ ทั่งห้องโถงล้วนตะลึงงัน
ผู้อาวุโสฝ่ายอาญา ราชาอาณาจักรถังตะวันออก และเหยียนซวี่ต่างพากันยืดตัวตรง จดจ้องไปที่เยี่ยนจ้าวเกอพร้อมแววตาเป็นประกาย
“เจ้าตัดสินเช่นนี้ มีหลักฐานหรืออย่างไร”
ความกดดันจากมหาปรมาจารย์ทั้งสามทำให้ทั้งตำหนักใหญ่ดุจดั่งเตาหลอมก็ไม่ปาน
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม “ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ตอนนั้นล้วนยืนยันได้ขอรับ ตอนที่เฒ่ามารหัวขวานปรากฏกายครั้งแรกและยังไม่ได้สังเกตเห็นศิษย์น้องเยี่ย ประโยคแรกที่เขากล่าวคือ ‘ใครกันที่พังเรื่องดีๆ ของข้า’ เช่นนั้นพวกเราก็ต้องไตร่ตรองดูแล้วขอรับ ว่าเรื่องดีๆ ของเฒ่ามารหัวขวานคืออะไร”
เขาว่าพลางส่งศิลาแก้วสองก้อนไป หนึ่งในนั้นก็คือศิลาก้อนที่ปิดผนึกแสงสีแดงภายในหมอกดำของหุบเหวปราการมังกร
ส่วนอีกก้อนหนึ่งผนึกร่างเลือนรางเอาไว้ ซึ่งก็คือเงาร้ายที่เยี่ยนจ้าวเกอไล่ตามไปหลังจากละทิ้งเชื้อไฟสัจจะอัคคีแล้ว
เยี่ยนจ้าวเกอมองเหยียนซวี่ตรงๆ “ท่านผู้อาวุโสเหยียน ท่านคุ้นเคยกับเฒ่ามารหัวขวานดีที่สุด เห็นสิ่งนี้แล้วพบสิ่งใดหรือไม่ขอรับ”
เหยียนซวี่รับศิลาแก้วมาพินิจอย่างละเอียด สายตาของผู้อาวุโสฝ่ายอาญาและราชาแห่งอาณาจักรถังตะวันออกก็มองไปที่เขาเช่นกัน
สักครู่หนึ่ง เหยียนซวี่ก็ถอนหายใจออกยาวๆ แล้วพูดเสียงขุ่นเคืองว่า “ไม่รู้ว่าเป็นศาสตร์มืดชนิดใด…แต่เป็นฝีมือของตาเฒ่าหานไม่ผิดแน่”
เยี่ยนจ้าวเกอเล่าเหตุการณ์พบเจอเงาประหลาด และการไล่จับเงาประหลาดนั่นด้วยท่าทีที่นิ่งสงบ ส่วนมหาปรมาจารย์ทั้งสามล้วนครุ่นคิดตาม
การเปลี่ยนแปลงของหุบเหวปราการมังกรไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เพราะพัวพันถึงปฐพีพิภพในอดีต ที่เป็น ‘อเวจี’ ในปัจจุบัน!
หลังจากผ่านไปนานพอสมควร ผู้อาวุโสฝ่ายอาญาก็เงยหน้าขึ้นถามว่า “เจ้าหมายความว่าเยี่ยจิ่งสมคบคิดกับหานเซิ่งหรือ?”
เด็กหนุ่มส่ายหน้า “ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้นขอรับ”
“ศิษย์น้องเยี่ยรู้จักกันกับเฒ่ามารหัวขวาน และยิ่งไปกว่านั้นยังเรียกพี่เรียกน้องกัน นี่เป็นความจริงขอรับ”
“อีกทั้งเฒ่ามารหัวขวานมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของหุบเหวปราการมังกร นี่ก็เป็นความจริงเช่นกัน”
“ส่วนศิษย์น้อยเยี่ยรู้จักกับเฒ่ามารหัวขวานได้อย่างไร และรู้เรื่องหุบเหวปราการมังกรมากเท่าใด รู้เรื่องเฒ่ามารหัวขวานมากขนาดไหน และเขาเข้ามาเป็นศิษย์ในสำนักมีเป้าหมายอื่นๆ หรือไม่ เรื่องเหล่านี้ล้วนยังไม่แน่ชัด ต้องทำการตรวจสอบขอรับ”
เยี่ยนจ้าวเกอพูดต่อว่า “ที่ข้าพูดเรื่องพวกนี้ เพียงต้องการอธิบายว่าหากข้าต้องการรังแกศิษย์น้องเยี่ย ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องจัดการเขาด้วยตัวข้าเองเลย”
เหยียนซวี่และคนอื่นๆ ต่างก็เงียบไปพร้อมกัน
อย่างที่เยี่ยนจ้าวเกอพูดมา เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแล้ว ทางสำนักต้องไม่ใช้วิธีทั่วไปในการปฏิบัติกับเยี่ยจิ่งอยู่แล้ว แต่เขาก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงการสอบสวนจำนวนมากได้ เพียงเท่านี้ก็พอให้เยี่ยจิ่งได้ทุกข์ทรมานแล้ว
กระทั่งอาจารย์ลุงใหญ่ของเยี่ยนจ้าวเกอจะยังรับเยี่ยจิ่งเป็นศิษย์อีกหรือไม่นั้น ก็คงต้องคิดทบทวนอย่างหนักใหม่อีกครั้ง อย่างน้อยก็ต้องรอผลสรุปของการไต่สวนที่แน่ชัดก่อน
“ข้าได้พูดไปแล้วว่าศิษย์น้องเยี่ยยังไม่สิ้นชีพ ของล้ำค่าของเขาชิ้นนั้นดูแล้วมีความพิเศษอย่างมาก อาจจะสามารถสร้างร่างใหม่ให้เขาก็เป็นได้”
“รอให้ถึงตอนที่เขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง แล้วค่อยถามเรื่องต่างๆ กับเขาโดยตรงก็จะกระจ่างเอง ข้าไม่ถือสาที่จะตรวจสอบข้อเท็จจริงกับเขาซึ่งๆ หน้าขอรับ”
สุดท้ายเยี่ยนจ้าวเกอยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “ถึงเวลานั้นพวกเราสามารถทำพิธีโลหิตจิตหวนเวลา เพื่อแสดงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้อีกครั้งก็ได้ จะได้ไม่ต้องกลัวว่าอีกฝ่ายไม่ยอมรับผิด”
เหยียนซวี่ถามเสียงต่ำว่า “ยังคงเป็นคำถามเดิม หากเยี่ยจิ่งกลับมาไม่ได้อีกเลยเล่า”
“สามปี สองปี…หนึ่งปี? หรืออาจจะสั้นกว่านั้น” เยี่ยนจ้าวเกอพูดนิ่งๆ “ขอเพียงแค่ไม่มีคนจงใจทำให้เขาปรากฏตัวอีกครั้งไม่ได้ก็พอ”
ใบหน้าของเหยียนซวี่เรียบนิ่งเฉกเช่นผืนน้ำ
ราชาอาณาจักรถังตะวันออกเอนหลังพิงไปบนเก้าอี้ มองเยี่ยนจ้าวเกอแล้วผงกศีรษะเบาๆ
ผู้อาวุโสฝ่ายอาญาพูดเสียงต่ำว่าว่า “การซักถามที่เกิดขึ้นทั้งหมดวันนี้ ข้าจะรายงานให้กับทางสำนัก”
“ส่วนตัวข้าเชื่อในคำพูดของศิษย์หลานเยี่ยน แต่หากเป็นจริงดังเจ้าว่า ก็หวังว่าเวลาจะยืนยันความบริสุทธิ์ของเจ้าได้ในที่สุด และหากเยี่ยจิ่งยังมีชีวิตรอดกลับมาได้ก็ถือเป็นเรื่องน่ายินดีเรื่องหนึ่ง ทางสำนักเองจะตามหาตัวเขาต่อไปเช่นกัน”
พูดกันตามตรงแล้ว ก็คือไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนจนสามารถยืนยันได้ว่าเยี่ยนจ้าวเกอจงใจทำให้เยี่ยจิ่งถึงแก่ความตาย กระทั่งความผิดพลาดจากความไม่ตั้งใจก็ไม่สามารถเหมารวมได้ด้วยซ้ำ
“ในเมื่อคุยเรื่องของข้าจบแล้ว เช่นนั้นมาคุยกันเรื่องอื่นกันบ้างดีกว่า” จู่ๆ เยี่ยนจ้าวเกอก็พลันเอ่ยปากขึ้น “คนที่กล่าวหาข้าและนำข่าวไปรายงานล่วงหน้าให้กับคนในสำนักก่อน คงจะเป็นเหวินหนิงจือ ท่านผู้อาวุโสปฏิบัติกิจแห่งหุบเขาวายุวิญญาณสินะขอรับ”
…………..
Related
Comments