ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี 423 กระตุ้นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม

Now you are reading ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี Chapter 423 กระตุ้นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อาหู่กะพริบตาปริบๆ “คนเรียนหนังสือคืออะไร”

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวจริงจัง “กระตุ้นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างโลกสองใบ สร้างสะพานเชื่อมต่อ”

ชายร่างสูงใหญ่ได้ยินก็อ้าปาก แต่ไม่ได้ส่งเสียงใดออกมา

เฟิงอวิ๋นซือที่อยู่ข้างๆ ขำพรืด ส่วนสวีเฟยยิ้มเจื่อนพลางส่ายศีรษะ ทว่าหลงเอ๋อร์กลับสีหน้างงงัน

สุดท้าย เยี่ยนจ้าวเกอก็ ‘ยืมอ่าน’ ตำรามากมายที่อยู่ในชั้นหนังสือของคฤหาสน์หลังนั้นสำเร็จ ด้วยความปรารถนาอันสูงส่งที่จะกระตุ้นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมของทั้งสองโลก

หลังจากทำความเข้าใจอยู่ช่วงหนึ่ง ในที่สุดก็เริ่มมีความรู้เกี่ยวกับภาษาและตัวหนังสือของโลกใบนี้ขึ้นมาบ้าง

เหมือนอย่างที่ตนคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า อารยธรรมและสิ่งตกทอดของที่นี่มีมาตั้งแต่ก่อนมหาภัยพิบัติ ทั้งหมดสร้างขึ้นใหม่จากพื้นฐานที่เหลือไว้ มีความแตกต่างกับมหาอำนาจแปดพิภพเป็นอย่างยิ่ง

แต่ว่าโชคดีที่มาจากต้นตอเดียวกัน จึงมีเส้นสายให้สืบสาว แม้จะตะกุกตะกักอยู่บ้าง แต่เยี่ยนจ้าวเกอก็เข้าใจโลกที่ตนอยู่ในตอนนี้คร่าวๆ แล้ว

ที่นี่ถูกเรียกว่าโลกลอยน้ำ

โลกใบนี้แหลกสลาย และเกิดขึ้นใหม่หลังจากมหาภัยพิบัติ เหมือนกับมหาอำนาจแปดพิภพ

อารยธรรมก่อนมหาภัยพิบัติสูญหาย เหลือเพียงมรดกไม่กี่อย่าง คนที่อาศัยอยู่ที่นี่จึงสร้างอารยธรรมเป็นของตนเอง

โลกลอยน้ำเดินอยู่บนเส้นทางอีกเส้นทาง ไม่เหมือนมหาอำนาจแปดพิภพที่เดินอยู่บนเส้นทางเดียวกันกับก่อนมหาภัยพิบัติ

ถึงแม้ที่นี่จะมีอารยธรรมวรยุทธ์เช่นกัน แต่กลับเป็นวรยุทธ์อีกแบบหนึ่ง

จอมยุทธ์ของโลกลอยน้ำถูกเรียว่าจอมยุทธ์เลือดปีศาจ เพราะเพิ่มพลังของตนเองโดยการหลอมรวมสายเลือดปีศาจ จากนั้นก็ฝึกวิชาโดยใช้สายเลือดปีศาจเป็นพื้นฐาน

“ถ้าหากสภาพแวดล้อมของที่นี่เป็นไปตามที่ในตำราเหล่านั้นบรรยายไว้ล่ะก็ เช่นนั้นโลกลอยน้ำน่าจะเล็กกว่ามหาอำนาจแปดพิภพ” เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตนเอง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ การตามหากระจกวิเศษอีกครึ่งบานเพื่อยืนยันตำแหน่งทางเชื่อมพิภพ ก็นับว่ายังง่ายอยู่”

สวีเฟยกล่าว “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็ต้องรีบหน่อยแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าประตูทางเชื่อมพิภพอยู่ที่ไหน อีกทั้งจำเป็นต้องใช้เวลาในการเดินทางด้วยด้วย”

เยี่ยนจ้าวเกอตบหน้าผากของตนเองเบาๆ “คงจะเป็นเช่นนั้น”

ทุกคนเดินทางเข้าใกล้เมืองใหญ่แห่งหนึ่ง ขณะมองคนเดินไปเดินมา และฟังคำพูดที่ไม่คุ้นเคย ต่างยิ้มเจื่อนให้แก่กัน

ชายหนุ่มยักไหล่ “อย่างไรก็ต้องคุยกับคนอื่น ในตำราโบราณไม่ได้บอกถึงสถานการณ์ในปัจจุบัน”

“หากมองว่าพวกเราเป็นคนจากแดนอื่นก็ดี แต่ถ้าหากความแตกว่าไม่ใช่คนของโลกลอยน้ำ ก็ยากจะหลีกเลี่ยงอุปสรรค ความจริงหน้าตาของคนต่างแดนก็ดึงดูดสายตาได้ง่ายอยู่แล้ว” สวีเฟยขมวดคิ้วมุ่น

“มีสุภาษิตว่าไว้ คำพูดของเด็กน้อยไร้อันตราย” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มกริ่ม

ครั้นพูดจบ เยี่ยนจ้าวเกอเดินๆ หยุดๆ ด้วยท่าทีสบายอารมณ์ มุ่งหน้าไปยังบริเวณที่ขายขนม สังเกตเงินที่คนท้องถิ่นใช้จ่ายซื้อสิ่งของคร่าวๆ

ชายหนุ่มรู้ว่าที่นี่ใช้ทองและเงินอย่างแพร่หลายเช่นกัน เยี่ยนจ้าวเกอจึงหยิบขนมหวานจำนวนหนึ่งไป จากนั้นก็เหลือเศษเงินที่เกินราคาไว้

ต่อจากนั้นเขาก็เดินเล่นอยู่ในเมือง โดยตามเสียงอ่านหนังสือ เจอสถานที่ที่คล้ายสถานศึกษาแห่งหนึ่ง

เยี่ยนจ้าวเกอยืนอยู่ริมหน้าต่าง มองผู้สอนถ่ายทอดความรู้ให้เด็กน้อยกลุ่มหนึ่งด้านในอย่างเงียบๆ

ขณะที่เหล่าเด็กน้อยเรียน เขาก็ตั้งใจฟังไปด้วย

เฟิงอวิ๋นเซิง สวีเฟย และคนอื่นๆ เห็นภาพนี้ กลับไม่รู้สึกขบขันแม้แต่น้อย หลังจากพวกเด็กๆ แยกย้ายกันแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็เรียกเด็กกลุ่มหนึ่ง โดยใช้ภาษาของโลกลอยน้ำที่ยังไม่คุ้นเคย ก่อนจะยิ้มหวานให้กับพวกเขา พร้อมกับถือของหวานไว้ในมือ

สวีเฟยหันไปกล่าวกับหลงเอ๋อร์ “มีเด็กอยู่มากมาย ทราบหรือไม่ว่าเหตุใดศิษย์พี่เยี่ยนของเจ้าจึงตามหาเด็กในสถานศึกษา”

หลงเอ๋อร์ส่ายศีรษะอย่างงงุนงง สวีเฟยจึงอธิบาย “ถึงแม้คำพูดของเด็กน้อยจะไร้อันตราย แต่เด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน เด็กที่อยู่ในตลาดรู้เรื่องในตลาดมากมาย แต่ว่าพวกเราอยากทราบเรื่องราวที่กว้างของโลกใบนี้ที่กว้างกว่านั้น ดังนั้นต้องตามหาเด็กที่เรียนหนังสือ”

ขณะพูด สวีเฟยก็ถอนใจไปด้วย “อีกทั้งเด็กที่เติบโตจากในตลาด ทั้งเจ้าเล่ห์และซุกซน ไม่น่าจะถูกศิษย์พี่เยี่ยนของเจ้าเอาใจได้โดยง่าย อีกทั้งข่าวยังแพร่กระจายเร็ว อาจจะเปิดเผยข่าวสารและเรื่องของเรา”

“เด็กในสถานศึกษาเหล่านี้ ปกติแล้วพวกเขาไม่ค่อยได้เจอใครมากนัก หากไม่ใช่คนในสถานศึกษา ก็เป็นบิดามารดาที่บ้าน จิตใจจึงไร้เดียงสายิ่งกว่า”

“แล้วเจ้าลองมองให้ดีๆ คนที่ศิษย์พี่เยี่ยนของเจ้าต้องการคือเด็กที่แต่งตัวเรียบง่าย เด็กเหล่านี้ครอบครัวมีปัญญาส่งพวกเขามาเรียน แต่มิได้ร่ำรวยเกินไป คนในครอบครัวส่วนใหญ่มีนสิสัยตรงไปตรงมา ไม่ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่น ถึงเด็กพวกนี้จะกลับไปพูดเรื่องประหลาดของคนแปลกหน้าอย่างพวกเรา โอกาสที่ข่าวสารจะแพร่งพรายกลับน้อยกว่า”

“ขณะเดียวกัน บิดามารดาของพวกเขาไม่ค่อยให้เงินค่าขนมกับพวกเขาเท่าไรนัก เด็กในครอบครัวร่ำรวยคงไม่ถูกขนมจากศิษย์พี่เยี่ยนของเจ้าซื้อใจได้โดยง่าย”

ถึงแม้ว่าตอนนี้ได้เข้ามายังโลกลอยน้ำโดยบังเอิญ ไม่ทราบว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่ในเมื่อพาหลงเอ๋อร์ออกมาแล้ว สวีเฟยก็คว้าโอกาสทั้งหมด เพื่อฝึกฝนศิษย์น้องคนนี้

ทุกอย่างเป็นเรื่องเล็กๆ ธรรมดา แต่ว่าสวีเฟยต้องการให้ความคิดของอิงหลงถูเกิดการปรับตัว ยิ่งมายิ่งเปิดกว้าง

อิงหลงถูได้ยินดังนั้น ก็พยักหน้าเหมือนคิดอะไรบางอย่าง

อาหู่แยกเขี้ยว “ไม่น่าเชื่อจริงๆ ว่าคุณชายจะไม่ถูกว่าเป็นผู้ใหญ่หลอกเด็ก”

เฟิงอวิ๋นเซิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะสามารถสนทนากับคนที่นี่ได้เร็วถึงเพียงนี้มากกว่า”

ชายร่างใหญ่ยิ้มซื่อ “ถูกต้อง ครั้งนี้ข้านับถือคุณชายจนแทบกราบกรานเลยทีเดียว”

ความจริงแล้วเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้ลำบากยิ่งนัก การเรียนภาษาด้วยตัวเองในระยะเวลาอันสั้นเช่นนี้ มิใช่เรื่องสะดวกสบายแม้แต่น้อย

ตนต้องพยายามอย่างหนักจึงจะทำให้เด็กนักเรียนเบื้องหน้าเข้าใจคำถาม

เยี่ยนจ้าวเกอเกิดความรู้สึกว่า สายตาที่เด็กเหล่านี้มองตนปรากฏความรังเกียจอยู่ลึกๆ

‘โตขนาดนี้แล้วยังไม่พูดชัดสู้พวกเราไม่ได้’

น่าจะมีความหมายประมาณนี้…

ส่วนคำตอบของพวกเด็กๆ เยี่ยนจ้าวเเกอไม่ค่อยเข้าใจความหมายเท่าไรนัก ได้แต่พยายามท่องจำไว้ และขอให้เด็กเหล่านี้เขียนบนพื้น จากนั้นเขาถึงเริ่มทำความเข้าใจอย่างช้าๆ

น่าจะมีควาหมายมากมายที่เหล่าเด็กๆ ต้องการบิดเบือน จึงตอบคำถามผิด ได้แต่ต้องค่อยๆ แยกแยะหลังจากนี้

‘เกิดเป็นข้าช่างลำบากนัก…’ เยี่ยนจ้าวเกอโอดครวญในใจไม่หยุด พลันรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง จึงหันหน้าไปมอง

เห็นบนถนนในตัวเมือง มีคนลากรถบรรทุกกรงขนาดใหญ่เข้ามา ภายในมีเสียงคำรามของสัตว์ดังมาอย่างดุดัน

เยี่ยนจ้าวเกอคิดในใจ ‘ดูจากสิ่งนี้แล้ว คนที่อยู่ที่นี่น่าจะสร้างวิธีจับสัตว์ปีศาจแปลกๆ จากนั้นก็เอาเลือดของพวกมันมาใช้บำรุงจอมยุทธ์เลือดปีศาจ’

พอรถส่งนักโทษโผล่มา เหล่าเด็กๆ ที่อยู่ข้างๆ ก็นั่งกันไม่ติดที่ พากันวิ่งไปหารถส่งนักโทษ มุงดูด้วยความตื่นเต้น

ชายหนุ่มยืนอยู่ที่เดิม ไม่ใคร่สนใจนัก เพราะสิ่งที่ตนอยากถามก็ได้ถามไปหมดแล้ว

แต่ว่าตอนที่สายตาของเขากวาดผ่านร่างกายของคนผู้หนึ่ง เขาก็อดชะงักไม่ได้

ซือคงจิง!

‘ไม่ใช่ สมควรบอกว่าเป็นคนที่เหมือนพวกโอวหยางฉีกับฉางนิ่งมากกว่า’ ม่านตาของเยี่ยนจ้าวเกอค่อยๆ หดตัวลง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด