ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี 520 คนอย่างข้าไม่จดจำความแค้นจริงๆ

Now you are reading ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี Chapter 520 คนอย่างข้าไม่จดจำความแค้นจริงๆ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สังหารคนในฝ่ายธรรมะ จากนั้นค่อยสังหารคนในพรรคมาร

เยี่ยนจ้าวเกอไม่เคยพิจารณาความคิดนี้มาก่อน และไม่จำเป็นต้องพิจารณาด้วย

สำหรับคำพูดของฟางข่านที่ว่า ตนจะถูกวังผลึกวารี บ่อหมื่นกระบี่ และสำนักมังกรโลหิตรุมสังหาร เยี่ยนจ้าวเกอเพียงพ่นลมออกจมูก

ธรรมมะและมารอยู่ในดุลยภาพ การดำรงอยู่ของตนทำลายดุลยภาพนี้ได้

เนื่องจากการตายของฟางจ้าวหง ตนจึงต้องสู้กับฟางข่าน กระนั้นก่อนจะยืนยันว่าตนอยู่พรรคมาร สำนักฝ่ายธรรมมะจะลงมือด้วยความระมัดระวัง ไม่อย่างนั้นรจะเป็นการมอบโอกาสให้กับพรรคมารเปล่าๆ ปลี้ๆ

หัวหอกของเยี่ยนจ้าวเกอชี้ไปที่ปราชญ์ปีศาจลิ่นเชียนเฉิง มีเพียงเหตุผลเดียว

บุรุษผู้นี้ปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เหมือนจะหวังดี คิดช่วยเหลือเยี่ยนจ้าวเกอให้หลุดพ้นจากปัญหา แต่ความจริงกลับครอบหม้อดำที่บอกว่ามาจากสำนักปราชญ์ปีศาจไว้บนศีรษะของเขา

คนผู้นี้มีเจตนาร้ายแอบแฝง ที่ปรากฏโฉมหน้าออกมา เท่ากับทำร้ายเยี่ยนจ้าวเกอ บีบบังคับให้เขาเข้าพวก

ในตอนที่กวนคนน้ำสกปรก เยี่ยนจ้าวเกอสงสัยอยู่ลึกๆ ว่า ตัวลิ่นเชียนเฉิงคิดจับปลาในน้ำขุ่น มีแผนการพิเศษ

บางทีสำหรับลิ่นเชียนเฉิง ถึงเยี่ยนจ้าวเกอจะมีศักยภาพและพลังน่าทึ่ง แต่ท้ายที่สุดก็ยังมีพลังฝึกปรือเป็นมหาปรมาจารย์ขั้นหกหรือขั้นเจ็ดเท่านั้น หากเผชิญหน้ากับบ่อหมื่นกระบี่และเกาะจิตประสานที่ลงมือโดยใช้พลังทั้งหมด สุดท้ายไม่อาจสู้ด้วยได้

มาตรว่าในใจจะไม่ยินยอม แต่เพื่อไม่ตายด้วยน้ำมือของฟานข่าน เยี่ยนจ้าวเกอจึงได้แต่เข้าร่วมกับพรรคมาร

กระนั้นเขากลับคาดไม่ถึงว่า หลังจากต้อนงูเข้ามาในถ้ำแล้ว ถึงได้รู้ว่ามันเป็นมังกรตัวหนึ่ง!

มหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณระยะต้นที่หลอมร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก พลิกฆ่าฟางข่านซึ่งเป็นมหาปรมาจารย์ขั้นบรรลุธรรม หนึ่งในเจ็ดผู้ยิ่งใหญ่ฝ่ายธรรมะ

หมากที่ในตอนแรกคิดว่าน่าจะปลูกฝังและใช้ประโยชน์ได้ ถึงกับเป็นบุคคลที่มีพลังอยู่ในระดับเดียวกับเขา!

ฟางข่านเจอโศกนาฏกรรมไปแล้ว ลิ่นเชียนเฉิงก็ไม่ต่างกัน

เขารู้ทันทีว่าการกระทำก่อนหน้าของตนจะนำผลลัพธ์ใดมาให้

“เชื่อข้าเถอะ คนอย่างข้า ไม่ชอบจดจำความแค้น จริงๆ” เยี่ยนจ้าวเกอแค่นเสียงพลางมองลิ่นเชียนเฉิง “มีแค้นใดสามารถชำระได้ทันที วิญญูชนไม่จดจำความแค้นข้ามวันกระมัง?”

ท่านทำร้ายข้า เช่นนั้นข้าย่อมเอาคืน

ข้าไม่ทราบว่าท่านวางแผนอันใด แต่เอาเป็นว่าข้าจะจัดการท่าน

ขณะเยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะเสียงเย็น เขาสั่งความคิด ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกพลันพุ่งหาลิ่นเชียนเฉิงดุจหอก

เบื้องหน้าลิ่นเชียนเฉินถูกครอบคลุมอยู่ในหมอกดำทั่วร่าง ดวงตาทั้งสองสว่างไสวดั่งดวงดาว

ในหมอกดำไม่มีเสียงใด มีเพียงดวงตาที่เหมือนดาวจรัสฟ้าเท่านั้นที่กะพริบอย่างแผ่วเบา

ปราณสีดำหลายสายแผ่พุ่งออกมา ขวางการโจมตีของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก ส่วนเขาหนีห่างออกไปด้วยความเร็วสูง

ญาณจริงแท้ของทั้งสองฝ่ายกระเพื่อมกลางอากาศอย่างรุนแรง แต่ลิ่นเชียนเฉิงคิดถอยหนี ทั้งสองฝ่ายมิได้จะต่อสู้กันให้ตายไปข้าง

หากคนอื่นเห็นการกระทำเช่นนี้เข้า ยากจะไม่ทำให้เกิดการคาดเดาไปต่างๆ นาๆ

คนที่สงสัยในตัวเยี่ยนจ้าวเกออยู่แล้ว จะสงสัยยิ่งกว่าเดิม คิดว่าลิ่นเชียนเฉิงตั้งใจสนับสนุนชายหนุ่ม และทั้งสองกำลังเล่นละครกันอยู่

เจ้าสำนักบ่อหมื่นกระบี่เหยียนกังลงมือด้วยความลังเลเล็กน้อย ไม่กล้าใช้กระบี่ล่องลอยสุดกำลัง เพราะกลัวจะตกลงสู่กับดัก ป้องกันไม่ให้เยี่ยนจ้าวเกอกับลิ่นเชียนเฉิงร่วมมือกันโจมตีเขาอย่างกะทันหัน

ด้วยเหตุนี้เอง อย่างไรเสียลิ่นเชียนเฉิงก็เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ เขาไม่อยากต่อสู้ ในใจต้องการเพียงถอยหนี ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเยี่ยนจ้าวเกอเพิ่งจะหลอมเสร็จ มาตรว่าจะมีความเร็วสูง แต่ไม่อาจรั้งเขาไว้ได้

ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอไม่รู้สึกเสียดาย บนใบหน้ากลับปรากฏสีหน้าครุ่นคิด

ขณะมองเงาหลังของลิ่นเชียนเฉิงที่ออกห่างไป เยี่ยนจ้าวเกอพลันหัวเราะขึ้น “สิ่งที่ท่านฝึกคือเคล็ดวิชามารเงาลวงกระมัง? อานุภาพนับว่าไม่เลว เปลี่ยนแปลงยากหยั่งคาด ทำให้คนมองความสามารถของท่านไม่ออก”

“ร่างกายเหมือนเงาลวงตา การโจมตีของผู้อื่นยากจะโดนท่าน ในระดับเดียวกันมีคนที่สังหารจอมยุทธ์ที่ฝึกฝนดัชนีมารเงาลวงได้ไม่กี่คนเท่านั้น คู่ต่อสู้ที่มีพลังเหนือกว่าท่านยังยากจะสังหารท่าน ข้าถึงขั้นสงสัยว่าท่านสมควรเป็นคนที่ฆ่ายากที่สุดในโลกผืนสมุทร”

เยี่ยนจ้าวเกอพูดอย่างสบายอารมณ์ “แต่ว่านั่นอยู่ในสถานการณ์ปกติ”

“วิชามารนี้หากไม่ฝึกปรือถึงระดับสมบูรณ์อย่างยิ่ง ในวันที่ลงท้ายด้วยเลขหนึ่ง ห้า และศูนย์ในสามสิบวันของหนึ่งเดือน ท่านจะอยู่ในช่วงอ่อนแอเก้าวัน”

“ท่านมีพลังฝึกปรืออยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหนึ่ง ปกติแล้วอยู่ในระดับขั้นที่เจ็ด อย่างมากก็ขั้นที่แปดของเคล็ดวิชามารเงาลวง”

ชายหนุ่มกล่าวด้วยรอยยิ้มอย่างมีเจตนาร้ายเล็กน้อย “ตอนที่ท่านอยู่ในช่วงอ่อนแอ เคล็ดวิชามารจะไม่เสถียร ร่างกายไม่อาจควบคุมญาณจริงแท้ไม่ให้ไหลออกด้านนอกได้ ร่องรอยจึงถูกเปิดเผย สองสามวันนี้ท่านซ่อนตัวให้ดีเถอะ”

เงาร่างของลิ่นเชียนเฉิงที่อยู่ไกลออกไปไม่หยุดลง หายไปยังเส้นขอบฟ้า

แต่ว่าสีหน้าของจอมยุทธ์โลกผืนสมุทรที่อยู่รอบๆ ล้วนสั่นสะท้าน คล้ายกับเห็นร่างกายของปราชญ์ปีศาจผู้ยิ่งใหญ่สั่นไหว โซเซเล็กน้อย

ทุกคนมองหน้ากันเอง ‘พวกเราไม่ได้หลอนไปเองกระมัง?’

คนอื่นอาจจะมองผิด แต่เหยียนกังที่มีกระบี่ล่องลอยอยู่ในมือไม่อาจมองผิด

เช่นนั้นย่อมมีเพียงคำอธิบายเดียว เยี่ยนจ้าวเกอพูดความจริง

แม้จะเป็นจอมยุทธ์ฝ่ายธรรมะ สีหน้าต่างก็สั่นไหวเล็กน้อย

ผู้อาวุโสแห่งวังผลึกวารีและจางฮ่าวเฉิงมองหน้ากันแวบหนึ่ง เห็นความตกตะลึงในดวงตาของอีกฝ่าย

จางฮ่าวเฉิงกล่าวด้วยความลังเล “ถ้าหากข้าจำไม่ผิด หลายปีมานี้ นอกจากการปรากฏตัวขึ้นมาเอง เบาะแสของปราชญ์ปีศาจเหมือนจะโผล่มาในวันที่หนึ่ง วันที่ห้า วันที่สิบ และวันที่สิบห้ากระมัง?”

ผู้อาวุโสต่งหลับตา หลังจากตั้งใจนึกย้อนครู่หนึ่งก็ลืมตาขึ้น พยักหน้าเบาๆ “ถูกต้อง! วันที่มีเลขหนึ่ง เลขห้า และเลขศูนย์ เก้าวันหรืออาจจะไม่ถึง แต่ก็อยู่ในขอบเขตนี้”

จางฮ่าวเฉิงเสียดาย “ถ้าไม่ลงมือ ก็ไม่ทราบว่าปราชญ์ปีศาจในตอนนั้นอยู่ในช่วงอ่อนแอ ไม่อย่างนั้นนี่เป็นเวลาดีในการต่อสู้กับเขา แม้แต่ร่องรอยของตัวเองยังปกปิดไม่ได้ พลาดโอกาสเช่นนี้ไปมากมายนัก”

ปราชญ์ปีศาจมีพลังแข็งแกร่งไม่แปลกปลอม ทว่าสิ่งที่ทำให้คนปวดศีรษะก็คือ ไม่อาจคาดเดาร่องรอย และยากจะคาดเดาความคิด

มีจอมยุทธ์วังผลึกวารีคนหนึ่งส่งกระแสเสียงถามอย่างแผ่วเบา “จะเป็นกับดักอีกหรือไม่ อาจเป็นคำลวงที่พวกเขาตกลงกันแล้วก็ได้”

ผู้อาวุโสต่งกล่าว “หากเป็นคำโกหก เช่นนั้นแบบแผนการกระทำที่กินเวลานานในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ก็เตรียมไว้เพื่อคำโกหกนี้”

“กระนั้นขอแค่พวกเราระมัดระวังมากพอ คำโกหกนี้จะไม่เป็นผล มีความเสี่ยงมากกว่าความคุ้มค่า ค่าตอบแทนได้น้อยกว่าจ่ายออกไป

เขามองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอ ถอนใจเบาๆ “ถ้าหากเพื่อช่วยคนหนุ่มผู้นี้ช่วงชิงความเชื่อมั่น นั่นยังไม่คุ้มค่าพอ”

จากนั้นเขาก็มองเยี่ยนจ้าวเกอ แล้วมองร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกที่ด้านข้างชายหนุ่ม กล่าวด้วยรอยยิ้มขื่นขม “ต่อให้พวกเขาสองคนสมรู้ร่วมคิดกัน คุณชายเยี่ยนผู้นี้ย่อมไม่ใช่คนของสำนักปราชญ์ปีศาจ เขาสามารถพูดเคียงคู่กับยอดฝีมือทุกคนในตอนนี้ได้”

แต่ถ้าหากเยี่ยนจ้าวเกอมิใช่ผู้สืบทอดของสำนักปราชญ์ปีศาจ เช่นนั้นฝ่ายธรรมมะย่อมสงสัยว่าเขามาจากที่ใด

ทุกคนมองหน้ากัน ยิ้มให้กันอย่างขื่นขม

มีคนที่แข็งแกร่งเช่นนี้อยู่ด้วย หวังให้เขางอมือรอความตายในตอนสู้กับฟางข่านหรือ? ทุกคนไม่ได้โง่

แม้แต่เจ้าสำนักบ่อหมื่นกระบี่เหยียนกังยังปวดศีรษะ ท้ายที่สุดแล้วเยี่ยนจ้าวเกอก็มีพลังแข็งแกร่งเกินไป

คนเช่นนี้หากยืนยันได้ว่าเป็นศัตรู เช่นนั้นไม่จำเป็นต้องพูดอะไร ทำอะไรได้ย่อมสมควรทำ ทุกคนอาศัยวิธีของใครของมัน

แต่ถ้าเป็นคนที่ยืนอยู่ตรงกลาง แล้วไล่ต้อนเขาไปอยู่พรรคมาร นี่ไม่เท่ากับเป็นการหาเรื่องใส่ตัวหรือ?

ขณะที่มองเยี่ยนจ้าวเกอ คนส่วนใหญ่ต่างรู้สึกหนักใจขึ้นมา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด