ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี 539 ใครกล้าทำร้ายศิษย์หลานของข้า

Now you are reading ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี Chapter 539 ใครกล้าทำร้ายศิษย์หลานของข้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เหนียนเชินมองเยี่ยนจ้าวเกอกับสือจวินจากฟากฟ้า ดวงตาแทบจะมีไฟพวยพุ่งออกมา

เยี่ยนจ้าวเกอมีสีหน้าเป็นปกติ มุมปากปรากฏรอยยิ้มราบเรียบ โบกมือให้กับเหนียนเชินอย่างสบายอารมรมณ์ ทักทายว่า “อ้าว ‘ราชันมังกรแปดนิ้ว’ สบายดีหรือ”

คนที่อยู่บนเกาะตกตะลึง มองเหนียนเชินที่อยู่กลางอากาศอย่างงงงัน

อีกฝ่ายมีสีหน้าเขียวคล้ำ มองเยี่ยนจ้าวเกอเขม็ง

คราวนี้คนอื่นเห็นมือทั้งสองที่แข็งทื่อเล็กน้อยของเหนียนเชิน กลับพบว่า นอกจากนิ้วโป้งข้างซ้ายที่ได้ตัดออกไปเมื่อนานมาแล้ว นิ้วชี้ข้างขวายังหายไปด้วย!

วันนี้เป็น ‘ราชันมังกรแปดนิ้ว’ แล้วจริงๆ แต่พวกเขากลับไม่หัวเราะ สายตาของทุกคนเคลื่อนไปมาระหว่างเยี่ยนจ้าวเกอกับเหนียนเชิน ต่างเกิดการคาดเดาที่ทำให้พวกเขารู้สึกตื่นตระหนกขึ้น

หมัดที่กำแน่นของร่างสมุทรสุดขอบโลกที่อยู่ด้านข้างเยี่ยนจ้าวเกอคลายออกเล็กน้อย แสงสีเลือดกับแสงสีทองปรากฏออกมาจากด้านใน

คล้ายกับสิ่งที่แข็งแกร่งถึงขีดสุดถูกร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกกำไว้แน่นจนมิอาจกระดิกกระเดี้ย

การคาดเดาในใจได้รับการยืนยัน ทุกคนล้วนอ้าปากตาค้าง ‘เหนียนเชินถูกเขาหักนิ้วทิ้งนิ้วหนึ่งหรือ?! ปลอกนิ้วมังกรปลอกหนึ่งของนิ้วมังกรทั้งเก้าที่เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ถูกเขาชิงไปแล้ว?!’

แม้จะทราบถึงความแข็งแกร่งของชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าอยู่แล้ว แต่ไม่มีใครคาดถึงว่าเขาจะแข็งแกร่งถึงขั้นนี้

สายตาของเฉินซื่อเฉิงอยู่บนร่างของเฉินอิ๋ง “อิ๋งเอ๋อร์ เจ้าเป็นไรหรือไม่”

เฉินอิ๋งส่ายหน้า เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างราบเรียบ “ธิดาท่านไร้รอยขีดข่วนแม้สักนิด กลับเป็นศิษย์หลานข้าที่ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย”

มีผู้อาวุโสสำนักมังกรโลหิตคนหนึ่งแค่นเสียง “เขาสังหารลูกศิษย์สำนักมังกรโลหิตของพวกเราไปมากมายถึงเพียงนั้น ยังมีหน้ามาพูดอีกหรือ?”

เยี่ยนจ้าวเกอไม่ยี่หร่ะ “ใช่แล้ว คนมากมายขนาดนั้นรุมศิษย์หลานของข้าคนเดียว สุดท้ายถูกเขาฆ่าหมดสิ้น”

ผู้อาวุโสสำนักมังกรโลหิตคนนั้นถลึงตา “เจ้า…”

“ข้าอะไร?” เยี่ยนจ้าวเกอไม่สนใจเขาอีก สายตาอยู่บนร่างเฉินอิ๋ง “แม่นางเฉิน เหนียนเหว่ยไม่ได้ข่มเหงเจ้า เป็นสือจวินศิษย์หลานข้าที่ข่มเหงเจ้าหรือ?”

เฉินอิ๋งก้มหน้าอย่างลังเล จอมยุทธ์สำนักมังกรโลหิตที่อยู่ด้านข้างต่างมองนางด้วยความกระวนกระวายใจ

ไม่รอนางเอ่ยปาก เยี่ยนจ้าวเกอก็เอ่ยอย่างเรียบเฉย “ถ้าศิษย์หลานข้าข่มเหงเจ้า ขอถามหน่อยว่าข่มเหงที่ใด ถึงแม้เจ้าจะเป็นคนเสียหาย แต่ก็พูดโดยไม่มีหลักฐานไม่ได้กระมัง?

“ที่นี่มีคนอยู่มากมาย ท่านได้รับบาดเจ็บอะไรสามารถกล่าวได้เต็มที่ บางคนอาจจะยืนยันให้ท่านได้”

ผู้อาวุโสสำนักมังกรโลหิตหวังเล่อกล่าวเสียงเย็น “เรื่องราวได้รับการพิสูจน์แล้ว เป็นศิษย์หลานของเจ้าลักพาตัวเฉินอิ๋งลูกศิษย์ของสำนักเราไป ลูกศิษย์คนอื่นคิดลงมือขัดขวาง กลับถูกศิษย์หลานของท่านสังหาร!”

“ศิษย์หลานของท่านลักพาเฉินอิ๋งไปทำอะไร ต้องถามเขาจึงจะทราบ”

“เฉินอิ๋งตอนนี้ไม่เป็นไร พูดได้แค่ว่า เป็นเพราะถูกพบตัวได้ทันเวลา ใครจะรู้ว่าศิษย์หลานของท่านมีความคิดชั่วร้ายอะไร เพียงแต่ยังไม่ทันลงมือเท่านั้น”

“แต่ก็เปลี่ยนแปลงความจริงที่เขาลักพาตัวคนในตอนแรกไม่ได้อยู่ดี!”

เยี่ยนจ้าวเกอมองหวังเล่ออย่างขบขันเล็กน้อย “ความจริงเป็นอย่างไร อาศัยปากท่านคนเดียวแต่งขึ้นได้หรือ?”

หวังเล่อขึ้นเสียงสูง “ข้าทราบว่าใต้เท้ามีพลังแข็งแกร่ง มีพรสวรรค์โดดเด่นเหนือผู้ใด อายุน้อยเพียงนี้ก็เลื่อนเป็นมหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณแล้ว”

“อีกทั้งเจ้ายังหลอมซากของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์สุดขอบโลกให้กลายเป็นร่างแยกได้ กระนั้นต่อให้พลังของเจ้าจะแข็งแกร่ง แต่จะคุ้มครองลูกศิษย์ที่ทำชั่วของเจ้าได้หรือ?”

“เจ้าต้องรู้ว่าบนโลกนี้มีความยุติธรรมอยู่ด้วย วันนี้ท่านสังหารข้า ปิดปากข้า แต่เจ้าจะฆ่าคนหมดใต้หล้า ปิดปากคนทุกคนที่อยู่บนโลกใบนี้ได้หรือ?”

เขามองเยี่ยนจ้าวเกออย่างเคร่งขรึม “ถึงใต้เท้าจะมีพลังแข็งแกร่ง แต่เกรงว่าจะไม่ได้มีความสามารถขนาดนั้นกระมัง?”

“เจ้าปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทำให้โลกผืนสมุทรต้องตกตะลึง ถ้าหากบอกว่าการสยบใต้หล้า ทำให้ทุกคนยอมศิโรราบ กดดันไม่ให้ผู้คนกล้าส่งเสียงเป็นเป้าหมายของท่าน เช่นนั้นท่านก็ดูถูกคนในโลกนี้เกินไปแล้ว!”

เยี่ยนจ้าวเกอมีสีหน้าไม่ยินดียินร้ายและไม่ขุ่นเคือง กลับมองหวังเล่อด้วยความสนอกสนใจ

อีกฝ่ายพูดไปพูดมา คิดจะทำให้ผู้ที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันอย่างเขาต้องยืนประจัญหน้ากับโลกผืนสมุทรทั้งใบนั่นเอง

“ข้ากลับไม่ได้ดูถูกคนในโลกนี้ แต่มีคนบางคนไม่อาจทำให้ตัวข้าประเมินค่าสูงจริงๆ อย่างเช่นสำนักท่าน” เยี่ยนจ้าวเกอพูดอย่างไม่รีบไม่ร้อน

คนของสำนักมังกรโลหิตมองเยี่ยนจ้าวเกออย่างมุ่งร้าย ชายหนุ่มพูดเรียบๆ “อย่ามองข้าเช่นนั้นเลย เกียรติต้องให้คนอื่นมอบให้ สิ่งที่อยู่ภายในต้องดิ้นรนเพื่อให้ได้มาเอง”

เขากวักมือ บอกให้สือจวินเดินมาถึงข้างกาย จากนั้นก็ตบไหล่ของอีกฝ่าย “ความจริงเป็นอย่างไรนั้น ในตอนนี้มีเพียงแต่ผู้เกี่ยวข้องสองคนที่รู้ แต่ตอนนี้พวกเขาพูดไปคนละอย่าง”

“ข้าย่อมเชื่อคำพูดของศิษย์หลานข้า” เยี่ยนจ้าวเกอหันไปมองพวกหวังเล่อ “เหนียนเหว่ยตายไปแล้ว ถึงอย่างไรเขาก็เป็นหลานของเหนียนเชินซึ่งเป็นผู้อาวุโสของสำนักท่าน เพื่อชื่อเสียงของสำนักท่านแล้ว เฉินอิ๋งไม่เอาเรื่องเขาอีก กลับเปลี่ยนดำเป็นขาว หันปลายหอกมายังศิษย์หลานข้า”

เฉินอิ๋งเม้มปากแน่น จอมยุทธ์สำนักมังกรโลหิตคนอื่นพากันตวาดด้วยความโกรธ

เยี่ยนจ้าวเกอไม่สนใจ กล่าวตรงๆ ว่า “แต่อย่างมากนางก็ทำได้แค่ชำระความบริสุทธิ์ให้กับเหนียนเหว่ยเท่านั้น นางคิดใส่ร้ายศิษย์หลานข้า แล้วจะใส่ร้ายอะไรเล่า? มากสุดก็แค่พาตัวนางไป นอกจากเรื่องนี้แล้ว ศิษย์ข้าไม่ได้แตะนางแม้แต่ปลายนิ้ว”

“ถ้าหากยึดตามคำพูดของพวกท่าน ก็อธิบายเช่นนี้ได้ใช่หรือไม่?”

“หลานของข้าพานางมาเป็นประจักษ์พยาน ด้วยวิธีที่ไม่ทำร้ายเฉินอิ๋งซึ่งเป็นลูกศิษย์ของสำนักท่านแม้แต่ปลายนิ้ว”

“ประจักษ์พยานเรื่องอะไรเล่า? ก็เป็นเรื่องที่ลูกศิษย์ในสำนักท่านไร้ความสามารถนั่นไง”

ชายหนุ่มพูดอย่างสบายๆ EG4YAup2hySgcimq8MkLuB6e34rNB2SF9h94LL1ryzzq แต่ใช้พวกมากก็ยังสู้ไม่ได้ เอาชีวิตไปทิ้งทีละคน สำนักท่านสมควรตรวจสอบวิธีการสอนลูกศิษย์ของตัวเองเสียบ้าง ไม่เช่นนั้นหากเดินทางอยู่ข้างนอกคงจะเสียชีวิตง่ายเกินไป”

“พวกท่านคิดว่าคำอธิบายนี้เป็นอย่างไร?”

ทุกคนในสำนักมังกรโลหิตล้วนเดือดดาล แม้แต่หวังเล่อยังโกรธจนตัวสั่น

สำนักต่างๆ ที่มองดูอยู่ด้านข้างมองหน้ากันและกัน สีหน้าซับซ้อนเล็กน้อย

คนของวังผลึกวารีไม่ได้พูดอะไร ผู้อาวุโสที่เป็นคนนำสำนักคืนวิญญาณกล่าวอย่างเคร่งขรึม “พูดได้มีเหตุผลดีเหมือนกัน”

มาถึงขั้นนี้แล้ว ความจริงยิ่งพูดก็ยิ่งไม่ชัดเจน แต่คนที่ชมดูอยู่มิได้โง่ ในใจจึงเกิดการคาดเดามากมาย

เรื่องทั้งหมดค่อยๆ ยุ่งเหยิงมากขึ้นแล้ว

ทุกคนใช่ว่าจะเชื่อคำพูดของสือจวิน แต่ต่อให้มีหลักฐานจากเฉินอิ๋ง คำพูดของสำนักมังกรโลหิตก็เต็มไปด้วยข้อสงสัยเช่นกันอยู่ดี

สือจวินคลายใจลง ถึงแม้จะไม่รับความบริสุทธิ์กลับมาอย่างแท้จริง EG4YAup2hySgcimq8MkLuB6e34rNB2SF9h94LL1ryzzq และปลดเปลื้องความผิดที่ตนถูกใส่ร้าย ทว่าสุดท้ายก็มีความรู้สึกฝ่าเมฆเห็นตะวันแล้ว

ถึงแม้ในใจเขาจะไม่ยอมรับอยู่บ้าง แต่ก็รู้ว่าตราบใดที่เฉินอิ๋งไม่บอกความจริงออกมา นี่ก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

อย่างน้อยต่อจากนี้หากตนเดินทางอยู่บนโลกผืนสมุทร ก็ไม่ต้องแบกรับชื่อว่าเป็นโจรลักพาตัวคน

สือจวินคิดจะเอ่ยปาก แต่ข้างหูพลันมีกระแสเสียงของเยี่ยนจ้าวเกอดังขึ้น ‘อย่าส่งเสียง นี่เพิ่งจะเริ่มเท่านั้น’

เหนียนเชินที่เงียบงันไม่พูดจา ตาเพียงแต่จ้องมองเยี่ยนจ้าวเกอกับสือจวินเขม็งมาตั้งแต่ปรากฏตัว ครั้งนี้เอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา “คนหนุ่มไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ตายได้ง่ายจริงๆ เสียด้วย”

เสียงของเขาคล้ายกับมังกรร้ายคำราม สั่นสะเทือนแก้วหูของทุกคน

เขาคว้ากรงเล็บเข้าหาสือจวินทันที!

“หลานข้าตายไปแล้ว แค้นนี้ไม่ขออยู่ร่วมฟ้าเดียวกัน! ข้าจะเซ่นไหว้ดวงวิญญาณที่อยู่บนฟ้าของเหว่ยเอ๋อร์ด้วยหัวใจของเจ้า!” ดวงตาของเหนียนเชินเย็นเยียบถึงขีดสุด “ใครก็ห้ามข้าไม่ได้!”

ร่างหนึ่งวูบไหว ปรากฏขึ้นตรงกลางระหว่างเหนียนเชิน กับเยี่ยนจ้าวเกอและสือจวิน เป็นร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกนั่นเอง!

“เทียบกับฝีมือแล้ว พวกท่านนับว่าเก่งในด้านหาข้ออ้างจริงๆ” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยอย่างเรียบเฉย “นิ้วที่เหลืออยู่บนมือของท่านที่ได้ฝากไว้ ตอนนี้ข้ามาเอาแล้ว”

“ท่านมีสิทธิ์อะไรลงมือกับศิษย์หลานของข้า?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด