ตำนานเทพกู้จักรวาล 787 ฉินนักรื้อยังรื้อไม่เลิก
สำหรับฉินมู่ ค่ำคืนนั้นเพิ่งผ่านไปไม่กี่ปี แต่สำหรับเด็กสาวผู้นั้น สี่หมื่นปีได้ผันผ่านไปแล้ว
ที่ทำให้ฉินมู่ฉงนฉงายที่สุดก็คือ แม้ว่าเวลาจะผ่านไปสี่หมื่นปี แต่ป๋ายฉวีเอ๋อก็ยังดูเหมือนเดิมกับตอนที่เขาเจอเป็นครั้งแรก ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย
นางไม่เติบโตขึ้น และนางก็ยังดูน่ารักเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวาเหมือนเด็กสาวที่เขาได้พบในเมืองร้อยมั่งคั่งในคืนนั้น เส้นผมงดงามที่หน้าผากของนางตกลงมาปิดซ่อนเขามังกรคู่เล็กๆ เอาไว้
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปมีแต่บรรยากาศอารมณ์
เขาไม่รู้ว่านางผ่านอะไรมาบ้าง แต่ความขลาดกลัวและความบอบบางของนางได้ถูกชะล้างไปจนหมดแล้ว บัดนี้นางเต็มไปด้วยแรงขับดัน ความริเริ่ม และความกล้าหาญ
ฉินมู่ไม่รู้ว่าก่อนที่รุ่งอรุณจะมาถึง เขาได้กลายเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้นางยืนหยัดต่อไป และนำพาผู้อพยพแห่งจักรพรรดิสูงส่งทั้งหลายรอดชีวิตมาได้ เขาไม่รู้ว่าหลังจากที่ตะวันพ้นขอบฟ้า เขากลายเป็นแรงกระตุ้นอันทำให้นางดิ้นรนมีชีวิตอยู่ต่อ เขาเป็นแรงกระตุ้นให้นางนำพาผู้อพยพอ่อนแอเหล่านั้นมีชีวิตอยู่ต่อไป
แม้ว่าจะห่างไปสี่หมื่นปี แต่ก็เหมือนกับว่าพวกเขาได้มาพบกันเป็นครั้งแรก รูปโฉมของพวกเขาไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนัก ฉินมู่โตขึ้น และบรรยากาศอารมณ์ของป๋ายฉวีเอ๋อก็เปลี่ยนแปลงไป นี่คือความเปลี่ยนแปลง
ฉินมู่แย้มยิ้ม และเด็กสาวฝั่งตรงข้ามก็ยิ้มตอบมา
พวกเขาเบือนสายตาออกจากกันอย่างเคอะเขิน ราวกับว่าเป็นเด็กหนุ่มเด็กสาวที่ไม่เคยพบเจอเพศตรงข้ามมาก่อน ก็มีแต่หน้าแดงเรื่อ
ด้วยจิตใจของเขาที่ฟูฟ่อง อารมณ์ของเขาก็พลันแจ่มใสขึ้นมา เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ในฐานะศิษย์แห่งพระแม่ธรณี ข้าก็ยังคงต้องพิสูจน์ความจริงแท้ของข้าให้พวกเจ้ารับรู้ด้วยหรือ น่าขำอะไรอย่างนี้ น่าอนาถจริงๆ ข้าเองก็มีการอวยพรของพระแม่ธรณี”
วงแสงข้างหลังเขาค่อยๆ หมุนวนไป และมันก็เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอำนาจแห่งพระแม่ธรณี
“และยังมีผลเต๋าดินอสงไขยจากพฤกษาก่อกำเนิด”
ฉินมู่มองไปรอบๆ เขากล่าวอย่างเยือกเย็น “ส่วนนางกำนัลทั้งสองของข้าคือใคร ข้าเชื่อว่าผู้อาวุโสทั้งหลายที่อยู่ในที่นี้น่าจะต้องเคยเห็นพวกนางมาก่อน สมบัติวิเศษทั้งหลายของข้าก็ถูกหลอมสร้างขึ้นมาโดยพระแม่ธรณีด้วยตนเอง ข้ามีของพวกนี้ แล้วเจ้าล่ะมีอะไร”
สีหน้าของเด็กสาวผู้นั้นไม่แปรเปลี่ยน นางยกมุมปากยิ้มหยัน “เฟิ่งชิวอวิ๋น ใช่ไหม เฟิ่งชิวอวิ๋นได้ทรยศพระแม่ธรณีมาตั้งนานแล้ว แน่นอนว่า หากไม่ใช่เพราะเฟิ่งชิวอวิ๋นและเผ่าหงส์เพลิงทรยศ พระแม่ธรณีก็คงไม่ประสบความพ่ายแพ้ย่อยยับเช่นนั้นหรอก ข้าพูดถูกไหม ศิษย์พี่หญิงเฟิ่ง”
เฟิ่งชิวอวิ๋นเดือดดาลและร้อนรน “เจ้าใส่ความข้า! เด็กหญิงปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ข้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆ!”
ฉินมู่ยกมือขึ้นและกล่าวด้วยเสียงเบา “พี่สาวชิวอวิ๋น ใจเย็นก่อน ที่นี่มีครึ่งเทพอยู่มากมาย หากว่าท่านคุมสติไม่อยู่ ก็จะถูกทุกคนพุ่งเป้าโจมตี และถูกนางใช้เป็นเครื่องมือ”
เฟิ่งชิวอวิ๋นรู้สึกหวาดหวั่น และนางก็รีบหันกลับไปมอง นางครึ่งเทพมากมายมองมาด้วยสายตาสังสัยจริงๆ
เด็กสาวกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เฟิ่งชิวอวิ๋นทรยศพระแม่ธรณี แต่ก็ยังมีข้าราชบริพารเปี่ยมคุณธรรมที่ยังคงจงรักภักดีต่อพระแม่ธรณี ดังนั้นนางจึงสามารถรักษาชีวิตมาได้ แต่ก็ยังมีผู้ทรยศอีกหลายคน เจ้าจะพิสูจน์ได้อย่างไรว่าสมบัติวิเศษในมือของเจ้าเป็นสมบัติของพระแม่ธรณี”
ฉินมู่มองไปที่เด็กสาวตรงหน้าบัลลังก์จักรพรรดิ และเขาก็ยิ้มเผล่ “กระบี่!”
เขายกมือขึ้น เฟิ่งชิวอวิ๋นตะลึงไปเล็กน้อย นางได้สติกลับมาและวางกระบี่ธรณีดั้งเดิมลงไปในมือของเขา “ระวังด้วย มันหนักเป็นอย่างมาก”
ฉินมู่ยิ้มน้อยๆ และถ่ายเทปราณชีวิตของเขาเข้าไปในกระบี่ธรณีดั้งเดิม พลานุภาพของกระบี่เทวะเล่มนี้ถูกกระตุ้นเร้าให้ทำงานทันที และพลังสนามแม่เหล็กก็พลันบ้าคลั่ง รังสีเทวะอันสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าก่อตัวขึ้นมา
เสียงครางหนักๆ ดังมา และทุกคนในตำหนักชิดฟ้าต่างก็รู้สึกถึงแรงกดดันอันสุดจะหยั่งประมาณ!
พลานุภาพของกระบี่ไม้เล่มนี้มิได้เป็นเพียงพลานุภาพของทักษะเทวะ มันยังมีส่วนของเทวานุภาพอีกด้วย
เทวานุภาพที่พระธรณีครอบครองเพื่อสะกดข่มฟ้าและดิน!
นั่นคือพลังสนามแม่เหล็กอันหนักอึ้งเท่ากับแผ่นดินแห่งแดนก่อกำเนิด!
ฉินมู่ก็พลันรู้สึกว่าน้ำหนักของกระบี่ไม้เล่มนี้กลายเป็นน่าแตกตื่น เขาแทบจะยกมันไม่ขึ้น เขารีบรั้งปราณชีวิตบางส่วนกลับมาทันที ถึงค่อยรู้สึกดีขึ้น
วืดดด
เขายกกระบี่ไม้ตั้งขึ้น กระบี่นี้เคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า แต่ทว่าพลานุภาพของมันล้นพ้นเกินประมาณ เขาแทงออกไปข้างหน้า
หญิงสาวมากมายรอบเด็กสาวผู้นั้นเลิกคิ้วและกำลังจะเข้ามาขัดขวางเขา แต่เด็กสาวผู้นี้ก็แย้มยิ้ม นางยกนิ้วชี้ขึ้น หญิงสาวคนอื่นๆ จึงมิกล้ากระทำเรื่องราวเกินจำเป็น
ฉินมู่แทงกระบี่เข้าไปยังหว่างคิ้วของนางก่อนจะหยุดอยู่ แต่ทว่าเสียงอันหนักอึ้งมิได้หยุดยั้งอยู่แค่นั้น ความโกลาหลพลิกฟ้าดินที่เกิดขึ้นจากพลังสนามแม่เหล็ก ทำให้ทั้งโถงตำหนักหลักโคลงเคลงไปมา
เสียงครืนครันดังมาจากนอกโถงหลัก ครึ่งเทพและเทพเจ้ามากมายที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู ถูกเหวี่ยงขึ้นไปบนท้องฟ้าและปลิวกระเด็นไปจากตำหนัก
ทุกคนเหาะขึ้นไปบนท้องฟ้าและมองไปยังโถงตำหนัก หลังจากที่ฉินมู่แทงออกไป ภูเขามหึมาก็ผุดขึ้นมาจากพื้น และเสียงครั่นครื้นกัมปนาทก็ดังมาอย่างไม่รู้จบ พลังอำนาจของกระบี่เขาได้ระเบิดทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ข้างหลังตำหนักชิดฟ้าจนน่าแตกตื่นสะท้านขวัญ!
ในอัครนครหยกอันกว้างใหญ่ โถงวังจำนวนนับไม่ถ้วนถูกระเบิดออกเป็นชิ้นๆ เมื่อภูเขาอันยิ่งใหญ่มหึมามุดทะลวงขึ้นมาจากพื้นด้วยความเร็วอันน่าตกตะลึง พวกมันบดขยี้ซากโบราณสถานแห่งสภาสวรรค์ให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย!
เพียงแค่กระบี่เดียว ก็ได้ทำลายอัครนครหยกไปถึงหนึ่งในสิบ!
“มันคือกระบี่ธรณีดั้งเดิม!”
ครึ่งเทพโบราณตนหนึ่งร้องออกมา “นั่นมันคือกระบี่ที่สะกดข่มโลกมิติทั้งหลาย! ราชามังกรบรรพชน นี่คือกระบี่นั้นใช่ไหม”
ราชามังกรบรรพชนก็ตื่นตระหนก และเสียงของเขาก็แหบพร่า “ใช่กระบี่นั้นแน่นอน! พระแม่ธรณีได้หลอมสร้างมันขึ้นมาด้วยพฤกษาก่อกำเนิด เมื่อครั้งกระโน้น ตอนที่พระแม่ธรณียังมีชีวิตอยู่ นางไม่จำเป็นต้องจุติลงมาด้วยตนเอง นางเพียงแค่ให้ใครสักคนลงมาด้วยกระบี่เล่มนี้ และเมื่อกระบี่ธรณีดั้งเดิมหลุดจากฝัก โลกมิติทั้งหมดก็จะต้องหวาดหวั่นจนศิโรราบ!”
“พวกที่ไม่ยอมศิโรราบ…”
มารเทวะตนที่ยืนอยู่บนท้องฟ้าเหนือแดนก่อกำเนิดกล่าวอย่างเย็นชา “ก็ถูกสังหารด้วยกระบี่ไม้นี้!”
หนอนหนังสือพาลาเหาะขึ้นไป และเมื่อนางเห็นเทือกเขาที่โผล่ขึ้นมาทำลายอัครนครหยกไปหนึ่งในสิบ นางก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ในตอนนั้น ฉินมู่ผู้ซึ่งกำลังถือกระบี่ธรณีดั้งเดิม ก็รู้สึกกระวนกระวาย เขาไม่ได้ไปเห็นว่ากระบี่นี้ได้ทำลายโถงวังทั้งหลายในอัครนครหยกอย่างไร!
ทำไมพลานุภาพของกระบี่ข้าถึงอ่อนแอนัก เมื่อครู่นี้ข้ายังไม่ได้ใช้กำลังเต็มพิกัด งั้นให้ข้าลองดูสักหนเถอะ!
เขาจึงเงื้อกระบี่ไม้ขึ้นและแทงออกไปอีกครั้ง
ด้วยกระบี่นี้ เขาถึงกับใช้ปราณชีวิตที่มากกว่าเดิม ทำให้กระบี่ไม้ยิ่งหนักอึ้งมากขึ้น เขาแทบจะยกมันขึ้นไปแทงไม่ไหว!
มิติอวกาศในโถงตำหนักสะเทือนเลื่อนลั่นด้วยแรงส่งอันน่าแตกตื่น เมื่อรังสีเทวะสนามแม่เหล็กจำนวนนับไม่ถ้วนโถมทะลักออกมา แม้ว่ามันจะฟังดูทรงอำนาจ แต่กระบี่ธรณีดั้งเดิมเล่มนี้ก็ไม่ได้แสดงฤทธิ์เดชมากมาย แม้แต่ตำหนักชิดฟ้าก็ไม่เกิดความเสียหายมากนัก
หรือว่ากระบี่ของข้านี้จะเป็นของปลอม
เหงื่อเม็ดเป้งร่วงลงมาจากหน้าผากของฉินมู่ เขาแทงเข้าไปอีกหลายๆ ครั้ง
ข้างนอกโถงตำหนัก แม้แต่หนอนหนังสือและลาก็ได้แต่อ้าปากค้าง พวกเขามองไปยังอัครนครหยกด้วยความตกตะลึง
คลื่นอันน่าสะพรึงกลัวแล่นมา และเทือกเขาแล้วเทือกเขาเล่าก็แทงทะลุขึ้นมาจากใต้ดินที่ข้างหลังอัครนครหยก ปราสาทราชวังมากมายถูกเหวี่ยงกระเด็นขึ้นไปบนอากาศ และถูกบดขยี้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย!
ทุกๆ เทือกเขายาวหนึ่งพันลี้ และยอดเขาทั้งหลายก็ล้วนแต่เป็นภาพปรากฏการณ์ที่ก่อรูปขึ้นมาจากพลานุภาพสนามแม่เหล็ก!
ในชั่วพริบตา อัครนครยกอันกว้างใหญ่ไพศาลก็ถูกทำลายไปครึ่งหนึ่ง!
จ้าวแห่งการทำลายล้าง…มิน่าล่ะ ตอนที่ข้าไปไต่ถามข้อมูลเกี่ยวกับเขาในสันตินิรันดร์ ทุกคนที่รู้จักเขาล้วนแต่เรียกเขาว่า ฉินนักรื้อ…
เหงื่อเย็นเยียบร่วงลงมาจากหน้าผากหนอนหนังสือ นางโพล่งถาม “ลวี่เจิง เจ้าได้ยินที่ดาบเทวะลั่วแห่งสภาสวรรค์นอกโลกกล่าวเมื่อครู่หรือไม่”
ลานั้นผงกศีรษะ และใบหน้าลาๆ ของเขาก็เคร่งเครียดจริงจัง “ฮวี้!”
“ดาบเทวะลั่วกล่าวว่าแขนของเขาถูกตัดไปด้วยน้ำมือของฉินนักรื้อ”
หนอนหนังสือคล้ายกับกำลังสนทนากับลา แต่ก็คล้ายกับพึมพำกับตนเองด้วยเช่นกัน นางหรี่เสียงลงและกล่าว “แต่ทว่า เขาก็กล่าวด้วยเช่นกันว่าแขนของเขาถูกกายาจ้าวแดนดินจักรพรรดิสูงส่งตัดไป คราวนี้ก็แปลกพิลึกล่ะ หรือว่ากายาจ้าวแดนดินจักรพรรดิสูงส่งกับกายาจ้าวแดนดินสันตินิรันดร์จะเป็นคนเดียวกัน ถ้าเช่นนั้น เพลงกระบี่ของกระบี่เทวะจักรพรรดิสูงส่งก็คงจะ…”
ดวงตาของนางเบิกกว้าง และนางก็รีบสลัดหัวไปมา “เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!”
ครืนๆ
อัครนครหยกสั่นสะเทือนเมื่อเทือกเขายาวพันลี้อีกเทือกหนึ่งทะลักขึ้นมาจากพื้นดิน เบียดอัดเทือกเขาอื่นๆ ให้เอียงไปด้วยมุมองศาอันน่าหวาดผวา
ทุกคนรีบกลับเข้าไปในตำหนักชิดฟ้า และก็มองไปยังชายหนุ่มที่ยืนอยู่บนศีรษะกิเลนมังกรด้วยความสยดสยอง
ชายหนุ่มผู้นี้คืนกระบี่ให้กับนางกำนัลเฟิ่งชิวอวิ๋นข้างๆ เขา จากนั้นเขาก็หันไปหานางกำนัลอีกคนที่มีต้นกล้าอ่อนอยู่ในวงรัศมีหลังศีรษะนาง และกล่าว “ส่งแส้หกทิศปฐมกาลมาให้ข้า”
ทุกคนเลือดในกายเย็นเฉียบ
กงซุนเอี้ยนส่งแส้หางม้าในอ้อมแขนของนางให้แก่ฉินมู่ ฉินมู่เขย่าแส้หางม้านั้นสองสามที และขณะที่เขากำลังจะขับเคลื่อนสมบัติวิเศษชิ้นนี้ ราชามังกรบรรพชนก็พลันกล่าวอย่างเคร่งขรึม “คุณชายฉิน ไม่มีความจำเป็นต้องทดสอบแล้ว! หากว่าท่านยังทดสอบต่อไป อัครนครหยกก็คงสูญสิ้น! สมบัติวิเศษเหล่านี้ เป็นอัครมหาสมบัติแห่งพระแม่ธรณีอย่างไม่ต้องสงสัย!”
ครึ่งเทพตนอื่นๆ กล่าวตามๆ กัน “นั่นเป็นสมบัติวิเศษของพระแม่ธรณีอย่างแท้จริง คุณชายฉิน ไม่จำเป็นต้องทดสอบแล้ว!”
ฉินมู่อ้าปากค้าง พวกเขายืนยันได้อย่างไรว่าพวกนี้คือสมบัติวิเศษของพระแม่ธรณี? ข้าแทงออกไปหกเจ็ดที แต่ไม่รู้สึกถึงฤทธิ์เดชของมันเลยแม้แต่น้อย…
แต่ถึงอย่างไร ในเมื่อนี่สามารถปัดเป่าความสงสัยในหัวใจของทุกๆ คน ก็ถือว่าใช้ได้สำหรับเขา
ฉินมู่ส่งแส้หางม้าคืนแก่กงซุนเอี้ยน และราชามังกรบรรพชนก็ถอนหายใจโล่งอกออกมาพร้อมๆ ครึ่งเทพตนอื่นๆ เขากล่าวแก่ฉินมู่ “คุณชายฉิน ท่านนั้นเป็นศิษย์ของพระแม่ธรณีอย่างแท้จริง เรียนถามได้หรือไม่ว่าพระแม่ธรณีอยู่ที่ใด ข้าจะสามารถเข้าไปน้อมคารวะนางได้หรือไม่”
เฟิ่งชิวอวิ๋นตอบไปโดยไม่คิด “พระแม่ธรณีได้รับบาดเจ็บสาหัส และนางยังไม่ทันที่จะ…”
ฉินมู่สีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย และเขารีบกดมือของเขาลงไปบนมือของนาง
เฟิ่งชิวอวิ๋นไม่เข้าใจเจตนาของเขา คลื่นสมองของฉินมู่ถ่ายทอดมาและปะทุในจิตคิดของนาง “พี่สาวชิวอวิ๋น อย่าเปิดเผยสถานการณ์ของพระแม่ธรณี! ครึ่งเทพพวกนี้ไม่ได้มีเจตนาดีอะไร!”
เฟิ่งชิวอวิ๋นรู้สึกหนาวเยือกถึงกระดูก ขณะที่นางมองไปยังผู้นำทั้งหลายของเผ่าครึ่งเทพ
ราชามังกรบรรพชนและคนอื่นๆ ล้วนแต่เป็นผู้นำของเผ่าใหญ่ๆ ทั้งหลายในยุคสมัยจักรพรรดิสูงส่ง กำลังฝีมือของพวกเขาลึกล้ำสุดจะหยั่ง เมื่อพระแม่ธรณียังมีชีวิตอยู่ พระเดชของนางแข็งแกร่งจนเกินไป จนเผ่าพันธุ์ทั้งหลายแทบไม่อาจหายใจได้เต็มปาก
หากพระแม่ธรณียังอยู่ดี พวกเขาก็ไม่กล้าก่อกบฏ แต่หากพระแม่ธรณีตายไป พวกเขาก็จะปลดภาระออกจากบ่า
และหากว่าพระแม่ธรณีได้รับบาดเจ็บสาหัส พวกเขาก็พร้อมที่จะรุมกำจัดพระแม่ธรณี และโยนดินหินใส่หลุมศพของนาง!
เมื่อเฟิ่งชิวอวิ๋นคิดมาถึงตรงนี้ เหงื่อเม็ดเป้งก็ผุดขึ้นมาที่หน้าผากของนาง ราชามังกรบรรพชนกับคนอื่นๆ มีจิตคิดเป็นอื่น พวกเขากำลังพยายามรีดข้อมูลออกมาจากข้า!
ราชามังกรบรรพชนถามด้วยความห่วงใย “ศิษย์พี่หญิงเฟิ่ง อาการบาดเจ็บของพระแม่ธรณีเป็นอย่างไรหรือ พวกเราข้าเก่าเต่าเลี้ยงทั้งหลายได้รอมาตลอดหลายหมื่นปีมานี้เพื่อข่าวคราวของพระแม่ธรณี และก็วิตกกังวลอย่างจริงแท้ บัดนี้เมื่อพวกเรามีโอกาสอันหาได้ยากมาพบพานกับศิษย์ของพระแม่ธรณี พวกเราก็จะต้องเข้าไปเพื่อน้อมคารวะนาง เพื่อสักการะนาง”
เฟิ่งชิวอวิ๋นรู้สึกหนังหัวของนางเต้นชาดิก
ทันใดนั้น ฉินมู่ก็หัวเราะด้วยเสียงอันดัง “ราชามังกรบรรพชน ใจเย็นๆ ก่อน พวกเรามีเรื่องสำคัญอยู่ตรงหน้า! พี่สาวผู้นี้ยังมีอะไรจะพูดอีกไหม ทำไมเจ้าถึงมาปลอมตัวเป็นศิษย์ของพระแม่ธรณี เจ้ากำลังหมายตาอะไรอยู่”
เขาเปลี่ยนประเด็นและดึงความสนใจของทุกคนไปที่เด็กสาว
เด็กสาวผู้นี้หัวเราะร่า “เจ้าพวกคนทรยศขโมยสมบัติวิเศษของพระแม่ธรณี และก็ยังมีวางท่าเป็นศิษย์ของนางอีก พวกที่ไม่รู้เรื่องรู้ราก็ถูกเจ้าตบตาไปได้ จ้าวลัทธินักบุญสวรรค์ฉิน เจ้านี่นับว่าเป็นยอดคนในเหล่าบุรุษจริงๆ”
ฉินมู่แย้มยิ้มไม่ถือสา
เด็กสาวกล่าวอย่างเฉื่อยชา “แต่ถึงอย่างไร เจ้าอยากจะอธิบายเท่าไรก็อธิบายไปเถอะ แต่เจ้าไม่มีวันเปลี่ยนข้อเท็จจริงไปได้”
นางพลันน้อมกายคารวะและกล่าว “พระแม่ธรณี โปรดจุติลงมา!”
ขณะที่นางกล่าวเช่นนั้น รัศมีอันหนักอึ้งไร้ปานเปรียบก็กดทับลงมายังพวกเขา!
รัศมีอันหนักอึ้งประดุจผืนปฐพีพลันคลี่คลุมทั่วทั้งอัครนครหยก มันทั้งยิ่งใหญ่ ขึงขัง และหนักอึ้ง ประดุจเช่นแผ่นปฐพีแห่งแดนก่อกำเนิด ลึกล้ำราวกับเหวลึกไร้ก้นบึ้ง
ทุกคนถูกขู่ให้ระย่อไปด้วยมหิทธานุภาพของเทพเจ้าก่อนฟ้าดิน และพวกเขารู้สึกว่ามิติอวกาศในบริเวณรอบๆ ก็หนักอึ้งไปด้วยเช่นกัน
ตำหนักชิดฟ้าพลันแตกทำลายเป็นชิ้นๆ ก้อนอิฐหินปลิวว่อนไปทั่ว หลังคา ผนัง เสา และพื้น ล้วนแต่กระเด็นขึ้นไป และถูกโยนเหวี่ยงไปยังทิศไกลๆ
ทั้งโถงหลักหายวับไปยังโพ้นฟ้า และมีก็แต่จุดที่ทุกคนยืนอยู่เท่านั้นที่ยังหลงเหลือ
ข้างใต้เท้าของพวกเขา ภูเขามากมายยกตัวผงาด และแผ่ขยายออกไปทั่วสารทิศ
ภูเขาอันยิ่งยงนี้สูงเยี่ยมจนเทียมเมฆ
แต่กระนั้น เมื่อพวกเขามองไปโดยถี่ถ้วน พวกเขาก็ตระหนักว่าที่เห็นนั้นไม่ใช่ภูเขา แต่มันคือรากไม้อันหนาใหญ่ไร้เปรียบปาน
พวกเขาเงยศีรษะขึ้นไปด้วยความยากลำบาก และเห็นพฤกษาเทวะอันดึกดำบรรพ์เกินพรรณนายืนตระหง่านอยู่ระหว่างฟ้าและดิน รากของมันปักลงไปในแดนก่อกำเนิด มันทั้งโบราณ ไร้ขอบเขต และเส้นลายที่ปรากฏบนเปลือกไม้ดูราวจะเป็นรอยประทับธรรมชาติแห่งเต๋า
ลำต้นของพฤกษาเทวะนี้หนาใหญ่จนเกินไป และดูราวกับจะก่อขึ้นมาจากเขาพระสุเมรุ ทั้งยังหนายิ่งกว่าเขาพระสุเมรุเสียอีก และเมื่อมองขึ้นไป ก็จะสามารถเห็นโลกมิติทั้งหลายดูเหมือนจะลอยอ้อยอิ่งอยู่ระหว่างพฤกษาเทวะและยอดคาคบไม้ของมัน
ภาพอันยิ่งใหญ่อลังการเช่นนี้ ดูตระการตาอย่างอัศจรรย์!
ข้างใต้ต้นไม้ เด็กสาวโค้งคารวะ “พระแม่ธรณี เชิญ”
ข้างใต้คาคบไม้ เทพนารีอันมีท่วงท่าร้อยพันลอยลงมาจากพฤกษา นางลงเหยียบกับพื้นอย่างนุ่มนวลด้วยเท้าอันเปลือยเปล่า
นางถือกำเนิดขึ้นมาโดยธรรมชาติจากมนตร์แห่งเต๋า และนางก็ครอบครองความหนาของผืนปฐพี อันให้กำเนิดแก่สรรพชีวิต นางมีบรรยากาศอารมณ์อันผู้อื่นมิอาจลอกเลียนแบบ
และรูปโฉมของนางก็เป็นดุจเดียวกับเทวรูปพระแม่ธรณีที่ฉินมู่เห็นในวิหารพระแม่ธรณี!
หางตาของฉินมู่กระตุกอย่างรุนแรง เขามองไปที่เฟิ่งชิวอวิ๋น จากนั้นมองไปที่เด็กสาว ก่อนที่จะเงยศีรษะขึ้นไปมองยังพระแม่ธรณีตรงหน้าเขา เขานั้นจับต้นชนปลายไปไม่ถูกไปพักหนึ่ง
นี่มันซับซ้อนกว่าที่ข้าคิด…ไม่ใช่ว่าพวกเราจะมาสะสางความแค้นกับฉีเสียอวี๋หรอกหรือ ที่ตกลงกันไว้ก็คือ เฟิ่งชิวอวิ๋นจะโจมตีพี่สาวฉี และถูกนางสังหารไป ส่วนข้าก็จะกวาดสมบัติทั้งหมดจนเรียบและเผ่นหนี ทำไมมาถึงกลายเป็นซับซ้อนและพิลึกกึกกือในตอนนี้ไปได้
ฉินมู่รู้สึกหัวสมองโป่งพอง และเขาก็ลอบเปิดใบหลิวที่หว่างคิ้วของเขาออก
Comments