ตำนานเทพกู้จักรวาล 733 เมื่อถ้อยคำเปรี้ยวฝาด

Now you are reading ตำนานเทพกู้จักรวาล Chapter 733 เมื่อถ้อยคำเปรี้ยวฝาด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากที่​ได้ยิน​ว่า​หยิน​เฉาจิ่น​คือ​โอรส​หยิน​สวรรค์​ ฉิน​มู่ก็​ยัง​ไม่ฟื้น​สติ​สตัง​ และ​เมื่อ​พี่​ฉิน​ที่​หยิน​เฉาจิ่น​กล่าวถึง​เดิน​เข้ามา​ เขา​ก็​โค้ง​คารวะ​แก่​ฉิน​มู่และ​วัว​แก่​ “ชื่อ​ของ​ข้า​คือ​ฉิน​ไค​ คนพเนจร​ ยินดี​ยิ่งนัก​ที่​ได้​พบ​กับ​ท่าน​ทั้งสอง​”

ฉิน​มู่สะกด​ข่ม​ความ​ตื่นตระหนก​ใน​หัวใจ​ และ​เขา​ก็​รีบ​คารวะ​กลับ​ไป​ หนิ​ว​ซาน​ตัวเอง​ก็​รีบ​คารวะ​ตอบ​

เมื่อ​ฉิน​มู่กำลัง​ประสานมือ​คารวะ​อยู่​นั่นเอง​ เขา​ก็​เหลือบมอง​ไป​ยัง​วัว​แก่​ และ​วัว​แก่​ก็​พยักหน้า​น้อย​ๆ

ฉิน​มู่เข้าใจ​ทันที​ว่า​ ‘พี่​ฉิน​’ ผู้​นี้​คือ​จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​ที่​วัว​แก่​กล่าวถึง​ เขา​นั้น​เป็น​ชื่อ​แรก​ของ​บันทึก​วงศาคณาญาติ​ของ​ตระกูล​ฉิน​ จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​ ฉิน​เย่!​

เขา​ได้​ตั้งชื่อ​ตน​ว่า​ฉิน​ไค​ และ​ไม่ใช้ชื่อจริง​ของ​เขา​ เขา​คงจะ​ต้อง​ตระหนัก​แล้ว​ว่า​เขา​นั้น​อาจจะ​ย้อน​เวลา​กลับ​มายัง​อดีต​ด้วย​ความ​ประหลาด​พิสดาร​ของ​แม่น้ำ​หย่ง​ ดังนั้น​เขา​จึงระวังตัว​และ​ใช้ชื่อ​ปลอม​

ฉิน​มู่เงยหน้า​ขึ้น​สำรวจ​ตรวจตรา​ดู​จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​ และ​ตัว​เขา​เอง​นั้น​ก็​มีรูปร่างหน้าตา​คล้ายคลึง​กับ​จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​หนุ่ม​จริงๆ​ พวกเขา​ทั้งสอง​ล้วนแต่​สูงและ​แข็งแกร่ง​ และ​แม้ว่า​ทั้งคู่​จะไม่หล่อเหลา​เท่ากับ​โอรส​หยิน​สวรรค์​หนุ่ม​ แต่​ทั้งคู่​ก็​ดู​หมดจด​และ​เหมาะสม​

แต่​ถึงอย่างไร​ เพราะว่า​ฉิน​มู่อาศัย​อยู่​ใน​หมู่บ้าน​พิการ​ชรา​มาเมื่อ​ยัง​เด็ก​ๆ นิสัย​สันดาน​ของ​เขา​จึงค่อนข้าง​เจ้าเล่ห์​ แม้ว่า​เขา​จะดู​จริงใจ​และ​สดใส​เหมือนกับ​เด็กชาย​ตัว​โข่ง​ที่อยู่​ใน​วัยรุ่น​ๆ และ​ดู​ไม่ประสีประสา​อะไร​ทั้งสิ้น​

ในทางกลับกัน​ จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​มีบรรยากาศ​ของ​ชายหนุ่ม​ฉกรรจ์​ และ​เพียงแค่​มอง​ครั้ง​เดียว​ ผู้มอง​ก็​จะถูก​ดึงดูด​ด้วย​ลักษณะ​อัน​เหนือ​ธรรมดา​ของ​เขา​

ท่วงที​ของ​เขา​มิใช่ท่วงที​ของ​ผู้นำ​อย่าง​ที่​วัว​แก่​ได้​กล่าวถึง​ ใน​ทาง​ตรงข้าม​ มัน​เป็น​กลิ่นอาย​ท่วงที​ของ​ผู้​ที่​ได้​บุก​ฝ่าอุปสรรค​และ​ความยากลำบาก​ของ​การ​ริเริ่ม​ และ​ผู้​ที่​ปณิธาน​มั่นคง​มิอาจ​คลอนแคลน​ไป​ได้​แม้ว่า​จะพลิกผัน​ผ่าน​เหตุ​ไม่สมดั่ง​ใจมาร้อยแปด​พัน​ประการ​

นั่น​คือ​ท่วงที​ของ​บุคคล​ผู้​ซึ่งมีจิต​เต๋า​อัน​แน่วแน่​ไม่หวั่นไหว​ และ​สมาทาน​เป้าหมาย​อัน​ยิ่งใหญ่​เกริก​ไกร​เอาไว้​ แม้ว่า​จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​จะยืน​อยู่​บน​หลัง​ปลา​คุ​นยักษ์​ แม้ว่า​จะมีผู้คน​มากมาย​อยู่​รอบตัว​เขา​ แม้ว่า​ภาพ​ทิวทัศน์​จะไหลผ่าน​ไป​ข้าง​กาย​ เขา​ก็​ดู​เหมือนกับ​ยืน​อยู่​ ณ จุดศูนย์กลาง​ของ​ฟ้าและ​ดิน​ ทุกสิ่ง​เคลื่อนไหว​เปลี่ยนแปลง​ และ​มีแต่​เขา​ที่​ตั้งมั่น​ไม่ไหวติง​

นี่​ไม่ใช่เพราะว่า​ร่างกาย​เขา​ไม่ขยับเขยื้อน​ ที่​ไม่ขยับเขยื้อน​คือ​จิต​เต๋า​และ​ความ​วิริยะ​พากเพียร​ใน​หัวใจ​ของ​เขา​

ฉิน​มู่มีจิต​คิด​สงสัย​ จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​เช่นนี้​ จะเป็น​จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​ที่​เอาแต่​ซ่อนตัว​อยู่​ใน​หมู่บ้าน​ไร้กังวล​และ​ไม่วก​กลับมา​สู้กลับ​ได้​อย่างไร​

สายตา​ของ​จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​กระจ่าง​จ้า และ​แสงใน​ดวงตา​ของ​เขา​เหมือนกับ​ทะเลสาบ​นิ่ง​สงบ​ที่​ทาบ​ทอ​ไป​ด้วย​แสงตะวัน​ยาม​บ่าย​ ไหล่​ของ​เขา​นั้น​กว้าง​กว่า​ฉิน​มู่เล็กน้อย​ และ​เขา​ก็​ดูเหมือน​จะเตี้ย​กว่า​นิดหน่อย​ ใน​ตอนที่​เขา​ยัง​เยาว์​ คงจะ​ประสบ​ความยากลำบาก​มา

เมื่อ​เขา​เห็น​ผู้เฒ่า​ที่​มีใบหน้า​ราง​เลือน​คารวะ​ตอบ​กลับมา​ จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​ก็​อด​ไม่ได้​ที่จะ​แตกตื่น​

แม้ว่า​เขา​จะไม่สามารถ​มองเห็น​ขั้น​วร​ยุทธ​ของ​ผู้เฒ่า​นี้​ แต่​เขา​จะต้อง​เป็น​ตัวตน​ที่​มีชื่อเสียง​โด่งดัง​ใน​สภาสวรรค์​เป็นแน่​ ทำไม​ตัวตน​ระดับ​นี้​จึงโค้ง​คารวะ​ตอบ​กลับมา​อย่าง​นอบน้อม​

โอรส​หยิน​สวรรค์​แนะนำ​ทั้งสองฝ่าย​ให้​รู้จัก​ “ข้า​เพิ่งจะ​ได้​พบ​กับ​พี่​ฉิน​หลังจากที่​ขึ้น​มายัง​แดน​เบื้องบน​ ฝีมือ​ของ​เขา​น่า​ตื่นตระหนก​ และ​เขา​เอง​ก็​เลิศ​ล้ำ​ไม่ธรรมดา​ ข้า​จะเรียกหา​ศิษย์​พี่​ทั้งสอง​นี้​ว่า​อย่างไร​ดี​”

ฉิน​มู่กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ “ชื่อ​ของ​ข้า​คือ​มู่ชิง นี่​คือ​ศิษย์​พี่​ของ​ข้า​ เขา​แซ่หนิ​ว​ นาม​เปิน”​

“หนิ​วเปิน?”​

วัว​แก่​สีหน้า​แปรเปลี่ยน​เล็กน้อย​ และ​โชค​ยัง​ดี​ว่า​มียันต์​กระดาษ​เหลือง​ของ​ราชันย์​ศักดิ์สิทธิ์​เมตตา​เทียม​สวรรค์​ ดังนั้น​สีหน้าที่​เปลี่ยนแปลง​ไป​ของ​เขา​จึงไม่ถูก​พบเห็น​ เขา​คิด​อยู่​ใน​ใจ เมื่อ​ครั้งกระโน้น​ หลังจากที่​จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​ได้​สถาปนา​สภาสวรรค์​ของ​เขา​ขึ้น​มาเป็นครั้งแรก​ เขา​ก็​เคย​ยิ้ม​แก่​ข้า​และ​บอก​ข้า​ว่า​อยาก​จะเปลี่ยน​ชื่อ​ให้​ข้า​ เขา​บอ​กว่า​ข้า​ไม่น่าจะ​ชื่อ​หนิ​ว​ซาน​ตัว​ แต่​น่าจะ​เรียก​ว่า​หนิ​วเปิน​มากกว่า​ หรือว่า​เขา​จะตระหนัก​ตั้งแต่​ตอนนั้น​ว่า​คือ​ข้า​ที่อยู่​ที่นี่​

ฉิน​มู่ไม่รู้​ว่า​เขา​กำลัง​คิด​อะไร​ และ​เขา​ก็​มอง​ไป​ยัง​โอรส​หยิน​สวรรค์​พลาง​ครุ่นคิด​ หากว่า​ข้า​สังหาร​โอรส​หยิน​สวรรค์​ไป​เลย​ใน​ตอนนี้​ โอรส​หยิน​สวรรค์​ในอนาคต​จะหายตัว​ไป​ด้วย​หรือเปล่า​ โอรส​หยิน​สวรรค์​ตอนนี้​มิใช่ยอด​ฝีมือ​บัลลังก์​จักรพรรดิ​ แม้แต่​เทพเจ้า​เขา​ก็​ยัง​ไม่บรรลุ​ การสังหาร​เขา​น่าจะ​ง่ายดาย​…

โอรส​หยิน​สวรรค์​เห็น​ฉิน​มู่มอง​มาที่​เขา​และ​ยิ้ม​ตอบ​ไป​ทันที​ “พี่​มู่ นี่​คือ​มหา​สมาคม​วิเศษ​ครั้งแรก​แห่ง​สภาสวรรค์​ อัจฉริยะ​เยาว์​ทั้งหลาย​จาก​โลก​มิติ​ทุก​ขนาด​ต่าง​ก็​มากัน​ และ​พวก​ที่​เข้าร่วม​ได้​ล้วนแต่​เป็น​ตัวตน​อัน​เลื่องชื่อ​ใน​โลก​ของ​พวกเขา​ ผู้คน​อย่าง​พวกเรา​เป็น​แค่​ปลา​ซิว​ปลา​สร้อย​เท่านั้น​”

ฉิน​มู่กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ “ข้า​อาจจะ​เป็น​ปลา​ซิว​ แต่​พี่​หยิน​นั้น​เป็น​คนใหญ่คนโต​”

โอรส​หยิน​สวรรค์​รีบ​ถ่อมตน​ทันที​ แต่​เขา​ก็​ปิดบัง​ความพึงพอใจ​ของ​เขา​ไม่มิด​ “ข้า​อาจจะ​มีชื่อเสียง​อยู่​บ้าง​ใน​บ้านนอก​ชนบท​ของ​ข้า​ แต่​ข้า​ก็​ยัง​ไม่อาจจะ​เทียบ​เทียม​กับ​คนอื่นๆ​ ได้​”

ฉิน​มู่กล่าว​อย่าง​มั่นคง​ “ข้า​เห็น​ว่า​พี่​หยิน​จะไม่เป็น​เพียงแค่​คนธรรมดา​แบบนี้​ต่อไป​ในอนาคต​ เจ้าจะต้อง​ประสบความสำเร็จ​อัน​สะเทือน​ฟ้าใน​กาล​ข้างหน้า​แน่นอน​!”

จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​สายตา​วูบ​ไหว​ และ​เขา​ก็​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ “ข้า​เอง​ก็​รู้สึก​เช่นนั้น​ แม้ว่า​พี่​หยิน​จะยัง​ไม่มีชื่อเสียง​โด่งดัง​ใน​ตอนนี้​ พวกเรา​ก็​สามารถ​อนุมาน​เรื่องราว​มากมาย​จาก​สิ่งเล็กน้อย​ได้​ พี่​หยิน​จะต้อง​โด่งดัง​ในอนาคต​อย่าง​แน่นอน​”

โอรส​หยิน​สวรรค์​ท่วมท้น​ไป​ด้วย​ความปลาบปลื้ม​ และ​เขา​ก็​กล่าว​ “จักรพรรดิ​ฟ้ายัง​ต้องการ​ที่จะ​ขนานนาม​แก่​สภาสวรรค์​ ดังนั้น​เขา​จึงเพรียก​ขาน​เทพ​บรรพกาล​ทั้งหมด​ใน​ใต้​หล้า​มา พวกเรา​คง​ไม่อาจจะ​เข้าไป​ประจบ​เทพ​บรรพกาล​ได้​ แต่​ข้า​มีเครือข่าย​มิตรสหาย​อัน​กว้างขวาง​ สุภาพชน​มากมาย​มาจาก​ทุก​เผ่าพันธุ์​ใน​คราวนี้​ และ​นั่น​รวมไปถึง​อัจฉริยะ​หลาย​คน​ที่​ได้​คิดค้น​วิธี​การบ่ม​เพาะ​สมบัติ​เท​วะ​ อัจฉริยะ​กลุ่ม​นี้​มิใช่เทพเจ้า​บรรพกาล​ พวกเขา​สรรค์สร้าง​สมบัติ​เท​วะ​ และ​ทำให้​พวกเรา​สามารถ​ฝึก​วิทยา​ยุทธ​ได้​”

ฉิน​มู่หัวใจ​สะท้าน​อย่าง​รุนแรง​ ตัวตน​ที่​ได้​คิดค้น​ระบบ​การบ่ม​เพาะ​สมบัติ​เท​วะ​อย่างนั้น​หรือ​

ไม่ใช่ว่า​ระบบ​การบ่ม​เพาะ​สมบัติ​เท​วะ​ถูก​คิดค้น​ขึ้น​มาโดย​เทพ​บรรพกาล​อย่างนั้น​หรือ​

เขา​มอง​ไป​ที่​จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​ และ​จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​ก็​ดู​ร้อนรน​ไม่ต่างกัน​

หรือว่า​ในที่สุด​แล้ว​ พวกเขา​ก็​จะได้​พบ​กับ​ผู้คน​ที่​คิดค้น​ระบบ​สมบัติ​เท​วะ​

โอรส​หยิน​สวรรค์​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ “ตอนนี้​พวกเขา​อยู่​ที่​สระ​หยก​ และ​พวกเขา​ก็​วางแผน​ที่จะ​จัดงาน​ชุมนุม​สระ​หยก​ จักรพรรดิ​ฟ้าและ​เทพ​ตน​อื่นๆ​ ก็​จะไป​จัดงาน​มหา​สมาคม​สภาสวรรค์​ ขณะที่​พวกเรา​จะจัดงาน​ชุมนุม​สระ​หยก​ แม้ว่า​มัน​จะไม่ยิ่งใหญ่​อลังการ​เท่ากับ​มหา​สมาคม​สภาสวรรค์​ แต่​พวกเรา​ก็​ไม่อาจ​พลาด​งาน​นี้​ได้​! ลือ​กัน​ว่า​วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​นั้น​กำลังจะ​ประกาศ​บางสิ่ง​ที่​ใหญ่โต​ ข่าวคราว​อัน​ทำให้​ทุกคน​ต้อง​แตกตื่น​!”

จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ “ใน​เมื่อ​เครือข่าย​สหาย​ของ​พี่​หยิน​กว้างขวาง​ เจ้าจะสามารถ​แพร่งพราย​ข่าว​ให้​พวกเรา​ทราบ​ก่อน​สัก​เล็กน้อย​จะได้​หรือไม่​”

โอรส​หยิน​สวรรค์​ลังเล​ไป​ครู่หนึ่ง​ และ​เขา​ข่ม​เสียง​ให้​เบา​ลง​ก่อน​จะกล่าว​อย่าง​ลี้ลับ​ “จาก​คำ​ร่ำ​ลือ​ วิญญูชน​สวรรค์​ทั้งหลาย​ได้​ตรึกตรอง​เข้าใจ​วิธีการ​ที่จะ​ทำให้​พวกเรา​บรรลุ​เป็น​เทพเจ้า​ได้​แล้ว​! ใน​งาน​ชุมนุม​สระ​หยก​ เขา​ต้องการ​จะประกาศ​เรื่อง​นี้​!”

ฉิน​มู่ร้อง​ออกมา​ “วิธีการ​บรรลุ​เป็น​เทพเจ้า​? ไม่มีผู้ฝึก​วิชา​เท​วะ​ที่​ฝึกปรือ​จน​เป็น​เทพเจ้า​มาก่อน​เลย​หรือ​”

โอรส​หยิน​สวรรค์​และ​จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​มอง​ไป​ที่​เขา​ด้วย​สีหน้า​ประหลาด​

ฉิน​มู่พลัน​ตระหนัก​ว่า​เขา​กล่าว​บางอย่าง​ผิด​ไป​ และ​หน้า​แดงฉาน​ขึ้น​มา “ข้า​มาจาก​บ้านนอก​ ก็​เลย​ไม่มีความรู้​อะไร​ โปรด​อย่า​หัวเราะเยาะ​ข้า​เลย​ ข้า​นั้น​คิด​มาตลอด​ว่า​มีเทพเจ้า​มากมาย​อยู่​ใน​สภาสวรรค์​”

จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​มอง​ไป​ที่​เขา​ด้วย​รอยยิ้ม​ที่​ไม่เชิงยิ้ม​ จากนั้น​เขา​จึงอธิบาย​ “สภาสวรรค์​ย่อม​มีเทพเจ้า​มากมาย​ นอกจาก​เทพ​บรรพกาล​แล้ว​ ยังมี​เทพเจ้า​ประเภท​อื่นๆ​ อีก​ แต่​เทพเจ้า​เหล่านั้น​มิได้​มาจาก​การ​ฝึก​วร​ยุทธ​ พวกเขา​ถือกำเนิด​มาก็​แข็งแกร่ง​ตาม​ธรรมชาติ​ แต่ทว่า​ พวกเขา​ล้วนแต่​มีอายุขัย​อัน​จำกัด​ และ​เมื่อายุขัย​ของ​พวกเขา​สิ้นสุดลง​ ดวงวิญญาณ​ของ​พวกเขา​ก็​จะกลับ​ไป​ยัง​แดน​ใต้พิภพ​”

โอรส​หยิน​สวรรค์​ปรบ​มือหนึ่ง​ครา​อย่าง​หนักหน่วง​ และ​เขา​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ “นั่นแหละ​คือ​เหตุผล​! พี่​มู่ไม่มีความเข้าใจ​ใน​ด้าน​นี้​ จึงไม่แปลกที่​เจ้าจะไม่รู้​ อันที่จริง​แล้ว​พวกเขา​เป็น​เพียง​ครึ่ง​เทพ​ และ​นั่น​มาจาก​สายเลือด​ของ​พวกเขา​ พวกเขา​ส่วนใหญ่​เป็น​ทายาท​ของ​เทพ​บรรพกาล​ และ​เพราะว่า​สายเลือด​ของ​พวกเขา​บริสุทธิ์​ พวกเขา​จึงมีกำลัง​ฝีมือ​อัน​เหนือ​ธรรมดา​ แต่กระนั้น​ก็​มิได้​เป็น​อมตะ​เหมือนกับ​เทพ​บรรพกาล​ ยิ่งไปกว่านั้น​ พวกเขา​มิได้​พึ่งพิง​การ​ฝึก​วร​ยุทธ​ แต่​พึ่งพิง​การ​เติบโต​”

“การ​เติบโต​?” ฉิน​มู่ยิ่ง​ฉงน​ฉงาย​

“ยกตัวอย่างเช่น​ ปลา​คุ​นยักษ์​ที่​กำลัง​บรรทุก​พวกเรา​ไป​ยัง​สระ​หยก​นั้น​ก็​เป็น​เทพเจ้า​ตน​หนึ่ง​”

โอรส​หยิน​สวรรค์​กล่าว​ “อันที่จริง​แล้ว​ปลา​คุ​นยักษ์​นี้​เป็น​ทายาท​ของ​เทพ​บรรพกาล​ เมื่อ​พวกเขา​เพิ่ง​กำเนิด​มา ก็​แข็งแกร่ง​เป็นอย่างมาก​แล้ว​ แต่​นั่น​ไม่ใช่ตอนที่​พวกเขา​แข็งแกร่ง​ที่สุด​ ปลา​คุ​นยักษ์​อาศัย​ยาเม็ด​มังกร​หยก​เพื่อ​เจริญเติบโต​ และ​ไม่เหมือนกับ​พวกเรา​ พวกเขา​ไม่จำเป็นต้อง​ฝึกปรือ​ เมื่อ​พวกเขา​เติบโต​เป็น​ร่าง​เต็ม​วัย​ กาย​เนื้อ​และ​พลัง​วัตร​ของ​พวกเขา​ก็​จะแข็งแกร่ง​เกิน​เปรียบ​ปาน​! ใน​ตอนนั้น​ กำลัง​ฝีมือ​ของ​พวกเขา​ก็​จะไม่ด้อย​ไป​กว่า​เทพ​บรรพกาล​เลย​ แม้ว่า​จะด้อย​กว่า​บ้าง​ แต่​ก็​ไม่ด้อย​กว่า​มาก​”

จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​กล่าว​ต่อ​ “แต่ทว่า​ ใน​เมื่อ​พวกเขา​มีอายุขัย​จำกัด​ จึงถูก​เรียก​หาว่า​เป็น​ครึ่ง​เทพ​ พวกเขา​ไม่อาจ​เป็น​อมตะ​ ในทางกลับกัน​ พวกเรา​จะต้อง​เปิด​สมบัติ​เท​วะ​ทารก​วิญญาณ​ และ​ฝึก​วร​ยุทธ​มาเป็น​ขั้น​ๆ เพื่อ​เปิด​สมบัติ​เท​วะ​ไป​ทีละ​ชิ้นๆ​ มีแต่​แบบ​นั้น​พวกเรา​จึงจะสามารถ​ฝึกปรือ​ไป​ถึงเขต​ขั้น​อัน​สูงส่งได้​ ความแตกต่าง​ระหว่าง​พวกเรา​และ​ครึ่ง​เทพ​ก็​คือ​สายเลือด​ของ​พวกเรา​นั้น​ต่ำต้อย​ พวกเรา​เป็น​ผู้ฝึก​วิชา​เท​วะ​ได้​จาก​การ​ฝึกปรือ​ แต่​ครึ่ง​เทพ​สามารถ​เติบโต​ได้​โดย​อาศัย​จาก​สายเลือด​ของ​พวกเขา​”

ฉิน​มู่กระจ่างแจ้ง​ขึ้น​มาทันที​

แต่ทว่า​ เขา​ก็​ยังมี​ความสงสัย​ใจมาก​ไป​กว่า​นั้น​ ดูเหมือนว่า​เขา​จะเดินทาง​ย้อน​เวลา​มายัง​ยุค​อัน​แสน​ดึกดำบรรพ์​

ยุค​สมัยนี้​ไม่มีแม้แต่​ระบบ​ฝึก​วร​ยุทธ​ขั้น​ปราสาท​สวรรค์​ และ​เพิ่ง​มีเพียงแต่​ระบบ​ฝึก​วร​ยุทธ​สมบัติ​เท​วะ​ ถ้าอย่างนั้น​ ยุค​สมัยนี้​คือ​ยุคสมัย​ใด​

สภาสวรรค์​ดูเหมือน​จะเพิ่ง​ก่อ​ตั้งขึ้น​มา และ​แม้แต่​ชื่อ​ก็​ยัง​ไม่แน่นอน​ตายตัว​

หรือว่า​สภาสวรรค์​แห่ง​นี้​ จะเป็น​สภาสวรรค์​ของ​เทพ​บรรพกาล​

หากว่า​นี่​คือ​สภาสวรรค์​แห่ง​เทพ​บรรพ​กล​ ถ้าอย่างนั้น​ มีความ​เชื่อมโยง​ระหว่าง​สภาสวรรค์​เทพ​บรรพกาล​กับ​สภาสวรรค์​นอก​โลก​หรือไม่​ อัน​ไหน​คือ​สภาสวรรค์​เก่า​ที่​ผู้คน​แห่ง​ยุคสมัย​จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​กล่าวถึง​

นักบุญ​คน​ตัดไม้​ไม่เคย​กล่าว​ และ​ตั้ง​แต่ต้นจนจบ​ ผู้คน​แห่ง​ยุคสมัย​จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​ก็​ไม่รู้​ว่า​ศัตรู​ของ​พวกเขา​คือ​ใคร​

ผู้คน​แห่ง​ยุคสมัย​จักรพรรดิ​สูงส่ง ดูจะ​ไม่รู้​ว่า​สภาสวรรค์​นอก​โลก​คือ​ใคร​ พวกเขา​เรียก​พวก​นั้น​ว่า​มาร​นอก​โลก​

และ​สำหรับ​สำนึก​รู้​ของ​จักรพรรดิ​แดงฉาน​ เขา​ก็​ไม่รู้​เช่นกัน​ว่า​ใคร​คือ​ศัตรู​ที่​ทำลายล้าง​ยุคสมัย​แสงฉาน​ และ​ไม่รู้​ว่า​คน​พวก​นั้น​แข็งแกร่ง​สัก​เพียง​ไหน​

ฉิน​มู่ครุ่นคิด​และ​ครุ่นคิด​ แต่​เขา​ก็​ยังคง​ไม่เข้าใจ​

ทันใดนั้น​ หัวใจ​ของ​เขา​ก็​หวั่นไหว​ ศิษย์​คนโต​ของ​นักบุญ​คน​ตัดไม้​ บรรพ​จารย์​ก่อตั้ง​แห่ง​ลัทธิ​นักบุญ​สวรรค์​ เว่ย​สุย​เฟิง นั้น​กำลัง​เสาะหา​แง่อัศจรรย์​ภายใน​ และ​บัดนี้​เขา​ก็​หายสาบสูญ​ไป​โดย​ไร้​ร่องรอย​

บรรพ​จารย์​ก่อตั้ง​ได้​เดินทาง​ไป​อย่าง​กว้างขวาง​ และ​ทิ้ง​แผนที่​ภูมิประเทศ​เอาไว้​จำนวน​หนึ่ง​ หนึ่ง​ใน​สิ่งที่​เขา​ส่งต่อให้​ผู้เฒ่า​ชิงหวง​เก็บรักษา​นั้น​ก็​เป็น​ป้าย​ประกาศิต​ทัพ​อัน​โบราณกาล​เป็น​อย่างยิ่ง​ ป้าย​ประกาศิต​ทัพ​ดังกล่าว​ยัง​คงอยู่​ใน​มือ​ของ​ฉิน​มู่ ดังนั้น​แล้ว​ ป้าย​ประกาศิต​นี้​มาจาก​ยุคสมัย​ใด​กัน​แน่​

ข้า​ยังคง​ไม่อาจ​สังหาร​โอรส​หยิน​สวรรค์​ได้​ใน​ตอนนี้​

ฉิน​มู่เผย​รอย​ยิ้มละไม​บน​ใบหน้า​และ​ครุ่นคิด​อยู่​ใน​ใจ ถึงอย่างไร​โอรส​หยิน​สวรรค์​ก็​เป็น​ผู้ให้ข้อมูล​ท้องถิ่น​ที่นี่​ ดังนั้น​ข้า​ยัง​ต้องการ​เครือข่าย​ผู้คน​เพื่อที่จะ​ค้นพบ​ความลับ​ของ​ยุคสมัย​ให้​มาก​ไป​กว่า​นี้​ และ​เปิดเผย​ความจริง​ที่​ถูก​กลบ​ฝังใน​ประวัติศาสตร์​ให้​มากขึ้น​ ยิ่งไปกว่านั้น​ ข้า​ยัง​ต้องการ​ให้​เขา​แนะนำ​ผู้คน​ใน​ตำนาน​เหล่านั้น​ให้​ข้า​ได้​รู้จัก​ ผู้ก่อตั้ง​ทั้งหลาย​ที่​คิดค้น​ระบบ​ฝึก​วร​ยุทธ​แห่ง​สมบัติ​เท​วะ​และ​ปราสาท​สวรรค์​!

หัวใจ​เขา​เต้น​ระทึก​ และ​เขา​ก็​รู้สึก​รุ่มร้อน​ไป​หมด​

ผู้ก่อตั้ง​เหล่านั้น​ได้​สร้างสรรค์​ระบบ​ฝึกปรือ​ทักษะ​เท​วะ​ให้​แก่​ชน​รุ่นหลัง​ ในที่สุด​เขา​ก็​จะได้​พบ​กับ​พวกเขา​!

วัว​แก่​จิ้มเขา​เบา​ๆ ฉิน​มู่จึงได้สติ​กลับคืน​มา เขา​ยังคง​เห็น​จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​มอง​มาที่​เขา​ด้วย​รอยยิ้ม​อัน​ไม่เชิงยิ้ม​ และ​รู้สึก​แตกตื่น​ใน​ใจ

เห็นได้ชัด​ว่า​เมื่อ​เขา​กล่าว​อะไร​พลั้งพลาด​ไป​เมื่อ​ครู่​ ได้​สะกิด​ความสงสัย​จับ​พิรุธ​ของ​จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​ แต่ทว่า​จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​ยัง​ไม่ฉีกหน้า​เขา​ออกมา​

อันที่จริง​ ข้า​ก็​อยาก​จะบอก​เจ้าอยู่​หรอ​กว่า​ข้า​คือ​ลูกหลาน​รุ่น​ที่​หนึ่งร้อย​เจ็ด​ของ​เจ้า

ฉิน​มู่เผย​รอยยิ้ม​ แต่​เขา​ไม่พูด​สิ่งที่คิด​เอาไว้​ เขา​ครุ่น​คิดในใจ​ ข้า​อยาก​จะบอก​กับ​เจ้าเป็น​อย่างยิ่ง​ แต่​ข้า​พูด​ออก​ไป​ไม่ได้​…

โอรส​หยิน​สวรรค์​วิ่ง​ไป​ที่​ศีรษะ​ของ​คุ​นยักษ์​และ​ตะโกน​มาจาก​ที่​ไกลๆ​ “มาที่นี่​เร็ว​เข้า​! มาดู​สิ รถม้า​ของ​เทพี​หยิน​สวรรค์​แล่น​มาแล้ว​!”

จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ “พวกเรา​ไป​ที่นั่น​เถอะ​”

ฉิน​มู่พยักหน้า​ และ​ทั้งสอง​คน​ก็​เดิน​เคียง​กัน​ไป​ยัง​ศีรษะ​ของ​ปลา​คุ​นยักษ์​ ที่นั่น​ยังมี​ผู้ฝึก​วิชา​เท​วะ​มากมาย​ที่​รีบรุด​เข้ามา​เพื่อ​มอง​ไป​ยัง​รถลาก​ของ​เทพี​หยิน​สวรรค์​อย่าง​ตื่นเต้น​

“เจ้าเข้ามา​ใน​เหตุการณ์​พิสดาร​นี้​ได้​อย่างไร​” จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​มอง​ตรง​ไป​ข้างหน้า​และ​ถามอย่าง​แผ่วเบา​

วัว​แก่​กลายเป็น​กระสับกระส่าย​ และ​เขา​ก็​กระตุก​ชาย​เสื้อ​ของ​ฉิน​มู่เพื่อ​ให้สัญญาณ​ว่า​อย่า​ออกปาก​ยอมรับ​

ฉิน​มู่กล่าว​อย่าง​แผ่วเบา​เช่นกัน​ “ก็​เหมือนกับ​เจ้า ข้า​เผลอ​เดิน​เข้าไป​ใน​ก้อน​หมอก​ และ​ข้า​ก็​มาโผล่​ที่นี่​”

จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​มอง​มายัง​เขา​และ​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ “ข้า​มาถึงที่นี่​ได้​หลาย​วัน​แล้ว​ และ​เมื่อ​ตอนที่​ข้า​เพิ่ง​มาถึง ข้า​ก็​ตื่นตระหนก​อย่าง​เหลือแสน​ แต่ทว่า​ ใน​ตอนนี้​ข้า​สงบใจ​ลง​ได้​แล้ว​ การ​ได้​เข้ามา​ใน​ยุคสมัย​อัน​ประหลาด​พิสดาร​ และ​เป็น​ประจักษ์พยาน​ต่อ​แหล่งกำเนิด​ของ​อารยธรรม​ในอนาคต​ของ​พวกเรา​นั้น​เป็น​สิ่งที่​ควร​สำรวม​และ​ศักดิ์สิทธิ์​เป็น​อย่างยิ่ง​ ข้า​รู้สึก​ว่า​ข้า​ควร​เป็น​เพียง​ผู้สังเกตการณ์​และ​ไม่รบกวน​ยุคสมัย​นี้”

ฉิน​มู่กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ “แล้ว​อย่างไร​ต่อให้​เจ้ารบกวน​ขัดจังหวะ​มัน​ เจ้าจะรู้​ได้​อย่างไร​ว่า​ทุกสิ่ง​จะถูก​ลิขิต​มาแล้ว​หรือไม่​ บางที​ ด้วย​การ​รบกวน​ขัดจังหวะ​ยุค​สมัยนี้​ ก็​จะกลายเป็น​สิ่งที่เกิด​ขึ้นไป​แล้ว​ในอนาคต​ หากว่า​เจ้าฝืน​ตัวเอง​ไม่ให้​ยื่นมือ​เข้าไป​ขัดจังหวะ​มัน​ เจ้าอาจจะ​ทำให้เกิด​เรื่องราว​อัน​เกิน​ความ​คาดเดา​ในอนาคต​ก็​เป็นได้​”

จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​เลิกคิ้ว​ และ​เขา​กล่าว​อย่าง​เยือกเย็น​ “ดูเหมือนว่า​ความคิด​ของ​เจ้าจะแตกต่าง​ไป​จาก​ข้า​ ข้า​คิด​ว่า​ทั้ง​ข้า​และ​เจ้ามาจาก​แม่น้ำ​หย่ง​เสีย​อีก​ แต่​ดูเหมือนว่า​ข้า​จะเดา​ผิด​ ผู้คน​ที่​เดิน​กัน​คนละ​มรรคา​มิอาจ​ร่วม​แผน​การกัน​ได้​”

ฉิน​มู่ยิ้ม​หยัน​ “เมื่อ​คำพูด​เปรี้ยว​ฝาด​ พูดมาก​ไป​ก็​ไร้ประโยชน์​ ข้า​เห็น​เจ้าดื้อรั้น​หัวแข็ง​ แต่​หัวใจ​ข้างใน​ของ​เจ้าทั้ง​อ่อนแอ​และ​ไร้ความสามารถ​ เจ้าเพียงแต่​เสาะหา​ความสำราญ​ใน​ชีวิต​ ข้า​อับอาย​แทน​เจ้าจริงๆ​”

จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​ขมวดคิ้ว​ และ​เพ่ง​พิศดู​เขา​ขึ้นๆ ลงๆ​ “ชื่อ​ที่​เจ้าใช้ก็​ปลอม​ แม้แต่​ใบหน้า​ของ​เจ้าก็​เทียม​เท็จ​ นี่​แสดงว่า​เจ้ามีความลับ​ดำมืด​ใน​หัวใจ​ เจ้าเป็น​ตัวตน​ที่​ทะเยอทะยาน​และ​อำมหิต​ที่หมาย​จะก่อกวน​ยุค​สมัยนี้​ให้​โกลาหล​ ข้า​จะต้อง​หยุดยั้ง​เจ้าเอาไว้​!”

ฉิน​มู่กล่าว​อย่าง​ไม่ยินดียินร้าย​ “ชื่อ​ของ​เจ้าก็​ปลอม​ เจ้าดู​มั่นคง​และ​ห้าวหาญ​ ทำให้​ง่าย​ที่จะ​โกหก​ผู้อื่น​ เพื่อให้​พวกเขา​ทุ่มเท​ความพยายาม​ทั้งหมด​ให้​แก่​เจ้า กระนั้น​เจ้าก็​เป็นตัว​บัดซบ​ที่​ไม่อาจ​ยอมรับ​ความพ่ายแพ้​ได้​ เจ้านั้น​ดี​ไม่ได้​เศษเสี้ยว​ของ​ภาพ​เสแสร้ง​ที่​เจ้าแสดง​ออกมา​!”

วัว​แก่​ปาดเหงื่อ​เย็นเยียบ​ที่​หน้าผาก​ และ​เขา​ก็​โอดครวญ​ใน​ใจ ข้า​จะทำ​อย่างไร​ดี​ ข้า​จะทำ​อย่างไร​ดี​! ทำไม​ทั้งสอง​คน​ถึงอารมณ์ร้อน​กัน​แบบนี้​ หากว่า​ทายาท​รุ่น​ที่​หนึ่งร้อย​เจ็ด​วิวาท​กับ​บรรพชน​เฒ่าของ​เขา​ เขา​ก็​คงจะ​เริ่ม​ต่อย​ตี​บรรพชน​เฒ่า! ถ้าเขา​ถูก​บรรพชน​เฒ่าอัด​จน​น่วม​ก็​พอ​ว่า​ แต่​หากว่า​เขา​กระทืบ​บรรพชน​เฒ่าจน​น่วม​แล้ว​ละ​ก็​ นั่น​มัน​คือ​เรื่องใหญ่​!

ใน​ตอนนั้น​เอง​ เสียง​ของ​โอรส​หยิน​สวรรค์​ก็​ดัง​มา “รถลาก​ของ​เทพี​หยิน​สวรรค์​มาทาง​นี้​แล้ว​! พี่​ฉิน​ พี่​มู่ มาที่นี่​เร็ว​เข้า​!”

ฉิน​มู่และ​จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​เบือน​สายตา​ออก​จากกัน​ และ​ทั้งสอง​คน​ก็​เดิน​กะเผลก​ไป​ข้างหน้า​ จังหวะ​ปราณ​ของ​พวกเขา​พัวพัน​กันและกัน​ ใน​เมื่อ​ต่าง​ก็​พยายาม​จะประชัน​ขัน​แข่ง​กับ​อีก​ฝ่าย​

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด