ตำนานเทพกู้จักรวาล 762 ไฟสวรรค์ผลาญโลกหล้า

Now you are reading ตำนานเทพกู้จักรวาล Chapter 762 ไฟสวรรค์ผลาญโลกหล้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“บ้านนอก​เข้า​กรุง​!”

เอี๋ยนจิ่ว​ซีเห็น​ฉิน​มู่พุ่ง​มาตรงหน้า​เขา​ก็​หัวเราะ​ด้วย​เสียง​อัน​ดัง​ “โอรส​ศักดิ์สิทธิ์​ให้​พิภพ​ เจ้าน่ะ​เป็น​บ้านนอก​เข้า​กรุง​อย่าง​แท้จริง​ ถึงกับ​กล้า​เข้ามา​สู้หัวชนฝา​กับ​ข้า​ ดูเหมือนว่า​เจ้าจะยัง​เจ็บ​แล้ว​ไม่จำพอ​! เจ้าไม่รู้​หรือว่า​สายเลือด​ของ​พระ​แม่ธรณี​นั้น​แข็งแกร่ง​ทรงพลัง​ขนาด​ไหน​!”

ฉิน​เฟิงชิงกล่าว​อย่าง​รีบเร่ง​ “น้องชาย​ เจ้าเตี้ย​นี่​แข็งแกร่ง​มาก​ ทักษะ​เท​วะ​ของ​เขา​พิลึก​พิสดาร​มาก​ และ​เขา​ก็​ใช้กระบี่​ดี​ๆ สอง​เล่ม​ที่​หนักอึ้ง​อย่าง​ไร้​ปาน​เปรียบ​ เขา​ทำให้​ข้า​เจ็บปวด​ไม่ใช่น้อย​”

ร่างกาย​ของ​เอี๋ยนจิ่ว​ซีเปล่งแสง​เท​วะ​แห่ง​สนามแม่เหล็ก​ออกมา​ และ​ทันใดนั้น​เทวา​นุ​ภาพ​แห่ง​พลัง​แม่เหล็ก​ก็​พวยพุ่ง​ เมื่อ​ฉิน​มู่ถลัน​เข้าไป​ เขา​ก็​พลัน​รู้สึก​ราวกับว่า​มีดาวเคราะห์​จำนวน​มากมาย​ไร้​ประมาณ​กด​ทับ​ลงมา​บน​ร่างกาย​ของ​เขา​ ทำให้​กาย​เนื้อ​ของ​เขา​หนักอึ้ง​อย่าง​สุดกู่​ในทันที​

ทักษะ​เท​วะ​สนามแม่เหล็ก​ของ​เอี๋ยนจิ่ว​ซีพลัน​แปร​เปลี่ยนเป็น​กระบี่​เท​วะ​สอง​เล่ม​ที่​เขา​คว้า​จับ​เอาไว้​ใน​มือ​ เขา​ฟัน​ลง​ไป​ที่​สามเศียร​หก​กร​ของ​ฉิน​มู่พลาง​แย้มยิ้ม​ “เจ้าทำ​อะไร​ไม่ได้​หรอก​ หรือ​คิด​ว่า​ทำได้​? พระ​แม่ธรณี​คือ​มารดา​ของ​ข้า​ และ​ข้า​ก็ได้​สืบทอด​สายเลือด​ของ​นาง​ ใน​ช่วง​ปี​วันที่​รุ่งโรจน์​ของ​ข้า​ ใคร​จะกล้า​ต่อกร​”

“ทักษะ​เท​วะ​สนามแม่เหล็ก​?”

ฉิน​มู่ยก​มือหนึ่ง​ขึ้น​มาด้วย​ความยากลำบาก​ และ​แขน​ของ​เขา​ก็​หนักอึ้ง​เป็น​ล้นพ้น​ เขา​แทบจะ​ยก​มัน​ขึ้น​มาไม่ได้​เลย​ด้วยซ้ำ​

แสงกระบี่​ของ​เอี๋ยนจิ่ว​ซีมาถึงใบหน้า​ของ​เขา​แล้ว​ ฉิน​มู่คำราม​ออก​ไป​ และ​พลัง​ฝ่ามือ​ของ​เขา​ก็​ระเบิด​ออกมา​ แท่ง​ผลึก​ไฟสวรรค์​โถมซัด​ออก​ไป​อย่าง​เกรี้ยวกราด​ และ​เริ่ม​จะปริ​แตก​ ใน​เสี้ยว​พริบตา​ ไฟสวรรค์​ที่อยู่​ใน​รูปทรง​แก้วผลึก​ก็​ปรากฏ​อยู่​ทุกหน​แห่ง​ใน​รัศมี​หลาย​พัน​ลี้​!

กระบี่​เท​วะ​สนามแม่เหล็ก​ของ​เอี๋ยนจิ่ว​ซีแทง​ทะลุ​ผลึก​ไฟสวรรค์​ใน​จังหวะ​นี้​ เทพ​ครอง​ดาว​มหา​ตะวัน​ร้อง​ออกมา​ “รัชทายาท​จิ่ว​ซี อย่า​ไป​แตะ​แท่ง​ผลึก​พวก​นั้น​! ถอย​ออกมา​เร็ว​เข้า​”

แต่​มัน​สาย​ไป​เสียแล้ว​

เมื่อ​กระบี่​เท​วะ​สนามแม่เหล็ก​ของ​เอี๋ยนจิ่ว​ซีแทง​ทะลุ​ผ่าน​แท่ง​ผลึก​ไฟสวรรค์​แท่ง​แรก​ พลานุภาพ​ของ​ไฟสวรรค์​ก็​ระเบิด​ปะทุ​ไป​แล้ว​ เพลิง​ไฟอัน​เกรี้ยวกราด​ได้​หลอมละลาย​กระบี่​เท​วะ​สนามแม่เหล็ก​ และ​แรง​ระเบิด​อัน​น่าสยดสยอง​ก็​จุด​สันดาป​แท่ง​ผลึก​อื่นๆ​ ใน​บริเวณ​รอบข้าง​ ยิ่ง​สร้าง​ปฏิกิริยาลูกโซ่​ต่อไป​อีก​

ตูม​ ตูม​ ตูม​

ผลึก​ไฟสวรรค์​เกือบ​ทั้งหมด​ระเบิด​ออก​ไป​ในเวลาเดียวกัน​โดย​มีเอี๋ยนจิ่ว​ซีอยู่​ที่​ใจกลาง​การระเบิด​ มิติ​อวกาศ​แหลก​ทำลาย​เป็น​ชิ้นๆ​ ใน​เสี้ยว​จังหวะ​นี้​ และ​ไฟสวรรค์​อัน​น่าสะพรึงกลัว​ก็​ลุกลาม​เข้าไป​ใน​ส่วนลึก​ของ​ห้วง​มิติ​ ท้องฟ้า​และ​ผืนดิน​ล้วนแต่​หลอมละลาย​ เผย​ให้​เห็น​ชั้น​มิติ​อวกาศ​ที่​ยังคง​ถูก​แผดเผา​

พื้นดิน​สะเทือน​เลื่อน​ลั่น​เมื่อ​ลูกไฟ​ใหญ่​มหึมา​ค่อยๆ​ ลอย​ขึ้นไป​ยัง​ท้องฟ้า​เพื่อ​แผดเผา​ทุก​สรรพสิ่ง​ แม้กระทั่ง​ปราณ​มาร​ใต้พิภพ​และ​ผืน​ปฐพี​ใต้เท้า​ของ​ภูติ​บดี​ก็​ถูก​เผาไหม้​ทะลุ​

ลูกไฟ​ขยาย​ขนาด​ และ​ระเหิด​ทุกสิ่ง​ที่​อย่าง​ที่​มัน​พุ่ง​ผ่าน​ เหลือ​ไว้​เพียง​รู​โหว่​ที่​เรียงร้อย​ต่อกัน​มากมาย​ รอบ​ๆ รู​โหว่​ว่างเปล่า​เหล่านั้น​คือ​ชั้น​มิติ​อวกาศ​หลาย​ชั้น​อัน​ถูก​เผาไหม้​

นั่น​คือ​ฤทธา​นุ​ภาพ​ของ​เทพ​สรรพ​ชีวิต​

เทพ​สรรพ​ชีวิต​ พระ​แม่ธรณี​ และ​ภูติ​บดี​ พวกเขา​ล้วนแต่​ควบคุม​พลัง​อำนาจ​ที่​แตก​ต่างกัน​ไป​ และ​พวกเขา​ก็​เป็น​ตัวตน​อัน​ดึกดำบรรพ์​ที่สุด​ใน​โลก​หล้า​

ฉิน​มู่ใช้เต๋า​อัน​ยิ่งใหญ่​แห่ง​ไฟสวรรค์​เพื่อ​ทลาย​ฝ่าเต๋า​อัน​ยิ่งใหญ่​แห่ง​สนามแม่เหล็ก​ของ​เอี๋ยนจิ่ว​ซี แต่​เอี๋ยนจิ่ว​ซีมิได้​มีชื่อเสียง​กลวง​เปล่า​ เขา​ถึงกับ​ใช้รังสี​แสงแม่เหล็ก​จำนวน​นับไม่ถ้วน​เพื่อ​ปกป้อง​ร่างกาย​ของ​ตนเอง​ การระเบิด​ได้​ทลาย​ผ่าน​ชั้น​รังสี​เท​วะ​ของ​เขา​มาหลาย​ต่อ​หลาย​ชั้น​ แต่​ไม่อาจ​ทำอันตราย​แก่นแท้​ของ​เขา​ได้​

ไฟสวรรค์​อัน​คลุ้มคลั่ง​ห้อมล้อม​เขา​ และ​แม้แต่​รังสี​เท​วะ​ก็​ยังคง​หลอมละลาย​อยู่​ใน​ไฟสวรรค์​ รังสี​แสงเหล่านี้​แทบจะ​ไม่สามารถ​ทำ​อะไร​ได้​

ใน​เพลิง​ไฟ ฉิน​มู่ถือ​กระบี่​ใน​มือ​ข้าง​หนึ่ง​และ​แทง​ออก​ไป​ แสงกระบี่​ทะลวง​ทะลุ​รังสี​เท​วะ​สนามแม่เหล็ก​ และ​ส่งเสียง​คริ้ง​สดใส​เมื่อ​แทง​เข้าไป​โดน​ใจกลาง​หว่าง​คิ้ว​ของ​เอี๋ยนจิ่ว​ซี

อักษร​รู​น​นับไม่ถ้วน​หมุน​วน​ไป​รอบ​ๆ หว่าง​คิ้ว​ของ​เอี๋ยนจิ่ว​ซี และ​ป้องกัน​ขัดขวาง​กระบี่​เอาไว้​ อักษร​รู​น​สนามแม่เหล็ก​ของ​เขา​เปราะ​แตก​ภายใต้​พลานุภาพ​ของ​แสงกระบี่​ และ​แสงกระบี่​ก็​แทง​เข้าไป​ใน​หว่าง​คิ้ว​ คืบ​แทง​ไป​ข้างหน้า​ด้วย​ความยากลำบาก​

เอี๋ยนจิ่ว​ซีล่าถอย​ และ​ไฟสวรรค์​ก็​แผดเผา​ จิตวิญญาณ​ดั้งเดิม​ของ​เขา​กำลัง​ถูก​เผาไหม้​

เอี๋ยนจิ่ว​ซีคำราม​อย่าง​เกรี้ยวกราด​เมื่อ​ควัน​สีเขียว​ลอย​พวยพุ่ง​ออก​มาจาก​ร่าง​ที่​ถูก​เผาผลาญ​ของ​เขา​ เสียง​หวีด​หวือ​ดัง​มาจาก​ท้องฟ้า​เมื่อ​เทพ​ครอง​ดาว​มหา​ตะวัน​พุ่ง​ผ่าน​ไฟสวรรค์​เพื่อ​ไป​คว้า​จับตัว​ฉิน​มู่

กาย​เนื้อ​ของ​ฉิน​มู่ย่อ​หด​ลง​อย่าง​รวดเร็ว​ และ​เขา​ก็​กลับมา​ที่​ขนาด​ร่าง​ธรรมดา​ เทพ​ครอง​ดาว​มหา​ตะวัน​คว้า​จับ​อะไร​ไม่ได้​เลย​ และ​เขา​ก็​รีบ​กระพือปีก​เพื่อ​แปร​เปลี่ยนเป็น​เทพเจ้า​ร่าง​คน​หัว​นก​ เขา​มีขา​นก​งอ​กอ​ออกมา​สามขา​และ​มีปีก​อัน​คมกล้า​ประดุจ​มีด​เท​วะ​ เมื่อ​เขา​ปั่น​หมุน​ไป​ เขา​ก็​ใช้ปีก​ กรง​เล็ก​ จะงอย​ปาก​ และ​ทุก​วิธีการ​เพื่อ​โจมตี​ฉิน​มู่อย่าง​ดุดัน​!

เขา​ได้​ประจักษ์​ถึงพลานุภาพ​แห่ง​ไฟสวรรค์​ และ​รู้​ว่า​ไม่อาจ​เอาชนะ​ฉิน​มู่ได้​ใน​วิชา​อัคคี​ ดังนั้น​เขา​จึงตัดสินใจ​ที่จะ​ไม่ใช้ทักษะ​เท​วะ​แม้แต่น้อย​ ใน​ทาง​ตรงข้าม​ เขา​เข้ามา​ต่อสู้​ประชิดตัว​

แม้ว่า​เขา​จะตาย​ไป​แล้ว​ แต่​จิตวิญญาณ​ดั้งเดิม​ของ​เขา​ก็​ยังคง​แข็งแกร่ง​อย่าง​สุดกู่​ เขา​นั้น​เป็น​เทพ​บรรพกาล​ที่​โด่งดัง​ใน​ยุคสมัย​หลง​ฮั่น​ และ​ในแง่​การต่อสู้​ประชิดตัว​แล้ว​ เขา​ก็​แทบจะ​ไม่เคย​กริ่งเกรง​ผู้ใด​

ขนนก​ของ​เขา​ดุจ​กระบี่​ ปีก​ประดุจ​มีดดาบ​ กรงเล็บ​เหมือนกับ​ตาขอ​ และ​จะงอย​ปาก​ของ​เขา​ก็​ละม้าย​กับ​หอก​ทวน​ แต่ละ​ส่วน​ใน​ร่างกาย​ของ​เขา​คือ​อาวุธ​ อัน​สามารถ​คร่าชีวิต​ฉิน​มู่ได้​อย่าง​ง่ายดาย​!

“โอรส​ศักดิ์สิทธิ์​ใต้พิภพ​ ข้า​ไม่เคย​พ่ายแพ้​ใน​การสู้​ประชิดตัว​!”

เทพ​ครอง​ดาว​มหา​ตะวัน​ดู​เจิด​จรัส​ประดุจ​สายรุ้ง​ และ​เขา​ก็​ร้อง​ออก​ไป​ “พัน​ขนนก​มหา​ตะวัน​ เฉือน​ฟัน​ทฤษฎี​ปริศนา​!”

ขนนก​นับไม่ถ้วน​บน​ปีก​ของ​เขา​บิน​ออก​ไป​ และ​พวก​มัน​ก็​พุ่ง​ฉวัดเฉวียน​ราวกับ​กระบี่​บิน​เพื่อ​สร้าง​รู​โซมเลือด​ใน​ร่าง​ของ​ฉิน​มู่

เทพ​ครอง​ดาว​มหา​ตะวัน​เขย่า​ปีก​ ขนนก​หนึ่ง​พัน​ของ​เขา​ก็​ย้อน​กลับมา​กลายเป็น​ปีก​สอง​ข้าง​ของ​เขา​อีกครั้ง​ ปีก​ทั้งสอง​หมุน​ตวัด​อย่าง​รวดเร็ว​เฉือน​ตัด​ไป​ยัง​ฉิน​มู่

อาการ​บาดเจ็บ​บน​ร่าง​ของ​ฉิน​มู่ฟื้นฟู​กลับมา​อย่าง​รวดเร็ว​ และ​มือ​ของ​เขา​ก็​เคลื่อนไหว​ขึ้นๆ ลงๆ​ เพื่อ​ป้องกัน​การ​โจมตี​ เขา​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ “เจ้ามัน​โม้เป่า​วัว​ ”

เทพ​ครอง​ดาว​มหา​ตะวัน​หัว​ใจเต้น​โครมคราม​ เมื่อ​เขา​ได้ยิน​คำ​ว่า​วัว​ เงาร่าง​อัน​ทะมึน​น่าเกรงขาม​ของ​เทพ​หัว​วัว​ก็​ผุด​ขึ้น​มาใน​ห้วง​คิด​ของ​เขา​อย่าง​ระงับ​ไว้​ไม่อยู่​

เขา​นั้น​เคย​พ่ายแพ้​มาก่อน​ แต่​นั่น​เป็น​เหตุการณ์​ที่​เกิดขึ้น​เมื่อ​เนิ่น​นานมาแล้ว​ ใน​ปี​ศักราช​แรก​ของ​หลง​ฮั่น​ เขา​ถูก​กระทืบ​โดย​แม่ทัพ​ทองคำ​หนิ​ว​เปิ่น​ ผู้​ซึ่งใช้เพียง​มือเปล่า​

นั่น​เป็นความ​อับอาย​และ​ความอัปยศ​เกิน​ธรรมดา​!

หลังจากนั้น​ ความสำเร็จ​เชี่ยวชาญ​ใน​ไฟเท​วะ​สุริยัน​ของ​เขา​ก็​เพิ่มพูน​สูงขึ้น​และ​สูงขึ้น​ เขา​มั่นใจ​ว่า​เขา​เหนือ​ล้ำ​ไป​กว่า​หนิ​ว​เปิ่น​แล้ว​ และ​หมาย​ที่จะ​แก้แค้น​ แต่ทว่า​ เขา​ไม่เคย​หา​ตัว​หนิ​ว​เปิ่น​พบ​

ฉิน​มู่ปล่อยมือ​ออก​เพื่อ​ต่อสู้​กับ​เขา​ แต่​กระบี่​ที่อยู่​บน​หว่าง​คิ้ว​ของ​เอี๋ยนจิ่ว​ซียังคง​ปัก​อยู่​ที่นั่น​ เอี๋ยนจิ่ว​ซีถูก​ไฟสวรรค์​แผดเผา​ และ​เขา​ล่าถอย​ไป​กรูด​ๆ แต่กระนั้น​ ฉิน​มู่ก็​ตามติด​ไป​อย่าง​ไม่ลดละ​

การ​โจมตี​ของ​เทพ​ครอง​ดาว​มหา​ตะวัน​ยิ่ง​มาก​ก็​ยิ่ง​รวดเร็ว​ แต่​เขา​ก็​ไม่อาจจะ​ทะลุ​ฝ่าวง​ป้องกัน​ของ​ฉิน​มู่เข้าไป​ได้​

ใน​ตอนนั้น​เอง​ เอี๋ยน​เชีย​นจ้ง​ก็​ทะลวง​ฝ่าไฟสวรรค์​มาและ​เข้าร่วม​การต่อสู้​

“มังกร​รำ​แห่ง​ต้า​เอี่ยน​!”

มังกร​อัคคี​จำนวนมาก​แสยะ​เขี้ยว​อวด​เล็บ​ไป​รอบ​ๆ เอี๋ยน​เชีย​นจ้ง​ ทะลวง​เข้า​ๆ และ​ออก​ร่างกาย​ของ​เขา​ ราวกับว่า​เขา​คือ​มาร​เทว​ะที่​มีมังกร​อัคคี​มากมาย​เติบโต​อยู่​ภายใน​ร่าง​ ไม่ว่า​จะเป็น​เทว​นุ​ภาพ​หรือ​ทักษะ​เทว​ะของ​เขา​ พวก​มัน​ก็​ล้วนแต่​น่าสะพรึงกลัว​!

เทพ​ครอง​ดาว​มหา​ตะวัน​ถอนหายใจ​โล่งอก​ เอี๋ยน​เชีย​นจ้ง​เป็น​ตัวตน​ระดับ​บัลลังก์​จักรพรรดิ​ก่อนที่​เขา​จะตาย​ลงมา​ เขา​มีความสำเร็จ​อัน​สูงส่งใน​ทักษะ​เท​วะ​อัคคี​ และ​เป็น​จ้าว​ครอง​ดินแดน​คน​หนึ่ง​ใน​แดน​ใต้พิภพ​ ดังนั้น​เขา​จึงไม่เกรงกลัว​ว่า​ไฟสวรรค์​จะเผาไหม้​ตน​

เทพ​ครอง​ดาว​มหา​ตะวัน​และ​เอี๋ยน​เชีย​นจ้ง​ร่วมมือ​กัน​โจมตี​ฉิน​มู่ ร่าง​ของ​เอี๋ยน​เชีย​นจ้ง​ย่อ​หด​ลง​ไป​และ​กลายเป็น​ขนาด​เท่าๆ​ กับ​ฉิน​มู่ ทั้งคู่​โจมตี​เขา​อย่าง​ดุร้าย​จาก​ทั้ง​ซ้าย​และ​ขวา​ แต่​ฉิน​มู่ยังคง​สามารถ​สกัด​ขัดขวาง​การ​โจมตี​ของ​ทั้งสอง​คน​เอาไว้​ได้​ กระบี่​นั้น​ยังคง​ปัก​อยู่​ที่​หน้าผาก​ของ​เอี๋ยนจิ่ว​ซี และ​แสงกระบี่​ก็ได้​แทง​เข้าไป​ใน​กะโหลก​ของ​เขา​เรียบร้อย​แล้ว​

ทั้ง​สี่คน​เคลื่อน​ฝีเท้า​อย่าง​บ้าคลั่ง​ และ​การ​โจมตี​ทุก​รูปแบบ​ก็​สร้าง​เสียง​กัมปนาท​อัน​น่า​แตกตื่น​

ทันใดนั้น​ เสียงเพลง​ขลุ่ย​ก็​ดัง​มาจาก​ท้องฟ้า​ และ​เทพเจ้า​ใน​ชุด​ขาว​ราว​หิมะ​ก็​เหาะ​ลงมา​เหยียบ​ไฟสวรรค์​ด้วย​เท้าเปล่า​ เขา​เหิน​ลง​จาก​ท้องฟ้า​ด้วยมือ​อัน​ถือ​ขลุ่ย​หยก​เอาไว้​ และ​นิ้ว​ของ​เขา​ก็​เคลื่อนไหว​อย่าง​รวดเร็ว​เพื่อ​เล่น​ท่วงทำนอง​อัน​ผ่อนคลาย​

“นั่น​คือ​ศิษย์​ของ​เทพ​สรรพ​ชีวิต​ นักบุญ​หั่วอวิ๋น​แห่ง​สภาสวรรค์​!”

เอี๋ยน​เชีย​นจ้ง​ปีติ​ยินดี​ และ​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ “ท่วงทำนอง​อัน​ล้ำเลิศ​ หรือว่า​นี่​จะเป็น​คี​ตา​วิเศษ​ไฟสวรรค์​ผลาญ​เผา​”

นักบุญ​หั่วอวิ๋น​เล่น​ขลุ่ย​หยก​ และ​คี​ตา​วิเศษ​ไฟสวรรค์​ผลาญ​เผา​ก็​ถูก​เล่น​ออกมา​ คลื่นเสียง​ได้​ชักนำ​ไฟสวรรค์​และ​ค่อยๆ​ ยักย้าย​ไฟสวรรค์​ให้​ไป​โจมตี​ฉิน​มู่

เทพ​ครอง​ดาว​มหา​ตะวัน​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ “ด้วย​การ​ช่วยเหลือ​ของ​นักบุญ​หั่วอวิ๋น​ พวกเรา​ก็​สามารถ​กำราบ​โอรส​ศักดิ์สิทธิ์​ใต้พิภพ​ได้​ละ​!”

นักบุญ​หั่วอวิ๋น​เคลื่อนไหว​ ขณะที่​ทั้ง​สี่คน​วิ่ง​ตะบึง​ไป​ เขา​ก็​ห้อมล้อม​พวกเขา​ทั้ง​สี่ใน​ไฟสวรรค์​ และ​เพลง​ขลุ่ย​ก็​ริน​ไหล​ออกมา​อย่าง​เสนาะ​หู​ เสียง​แห่ง​ธรรมชาติ​เข้ามา​ปะทะ​พวกเขา​จาก​ทุกทิศทาง​

ขณะที่​นักบุญ​หั่วอวิ๋น​กำลัง​เล่น​คี​ตา​ ดวงตา​ที่สาม​ของ​ฉิน​มู่ก็​เปิด​ออก​ และ​ลำแสง​ลำ​หนึ่ง​พุ่ง​ออก​ไป​ มัน​กวาด​ผ่าน​คอ​ของ​นักบุญ​หั่วอวิ๋น​

นักบุญ​หั่วอวิ๋น​ตกตะลึง​ และ​ศีรษะ​ของ​เขา​ก็​ร่วงหล่น​

ฉิน​เฟิงชิงรีบ​เอื้อมมือ​เข้าไป​คว้า​ร่าง​ทั้งสอง​ซีก​ของ​จิตวิญญาณ​ดั้งเดิม​ของ​นักบุญ​หั่วอวิ๋น​ เขา​ยัด​พวก​มัน​เข้าไป​ใน​ปาก​ แล้ว​ส่งเสียง​เรอ​ออกมา​ด้วย​ความพึงใจ​

แย่​ละ​ ข้า​อิ่ม​เสียแล้ว​

ทารก​หัวโต​กลายเป็น​ว้าวุ่น​ เมื่อ​ครู่​เขา​เพิ่ง​กิน​เทพี​อู่​จีไป​ และ​ไม่ทัน​ที่​เขา​จะย่อย​นาง​ได้​หมด​ เขา​ก็​กิน​นักบุญ​หั่วอวิ๋น​เข้าไป​อีก​ ทันใดนั้น​เขา​ก็​รู้สึก​เหมือนกับ​กาย​เนื้อ​ของ​เขา​โป่ง​พอง​และ​อาหาร​ก็​แน่น​เต็ม​ท้อง​

ยังมี​อาหาร​จาน​เด็ด​อีก​หลาย​จาน​ ข้า​จะทำ​อย่างไร​ดี​

ความคิด​ของ​เขา​ปั่นป่วน​ไป​หมด​

ข้างนอก​ไฟสวรรค์​ ตัวตน​โบราณ​อื่นๆ​ อีก​ร้อย​มอง​อยู่​แต่​ไกลๆ​ ไม่กล้า​เข้าไป​ข้างใน​

ไฟสวรรค์​นี้​เข้มข้น​ดุดัน​จน​เกินไป​ และ​พวกเขา​ส่วนใหญ่​เป็น​จิตวิญญาณ​ดั้งเดิม​ที่​ปราศจาก​กาย​เนื้อ​ ไฟสวรรค์​สามารถ​สร้าง​ความเสียหาย​ร้ายแรง​ให้​แก่​จิตวิญญาณ​ดั้งเดิม​ อัน​เป็นสาเหตุ​ว่า​ทำไม​จิตวิญญาณ​ดั้งเดิม​ที่​ตกลง​มายัง​แดน​ใต้พิภพ​ มิอาจ​เดินทาง​ไป​ยัง​แดน​ปริศนา​ได้​หลังจาก​ความตาย​ของ​พวกเขา​

ร่างกาย​ของ​เทพ​สรรพ​ชีวิต​ห่อหุ้ม​ไป​ด้วย​ไฟสวรรค์​ทั้งหมด​ ดังนั้น​ดวงวิญญาณ​และ​จิตวิญญาณ​ดั้งเดิม​จึงไม่สามารถ​ต้านทาน​ได้​เลย​แม้แต่น้อย​

ทันใดนั้น​ ดวงตา​ของ​ยอด​ฝีมือ​ขั้น​ตำหนัก​ชิด​ฟ้าตน​หนึ่ง​ก็​เป็นประกาย​ และ​เขา​ตะโกน​ไป​ “พวกเขา​ต่อสู้​จน​หลุด​ออก​มาจาก​ไฟสวรรค์​แล้ว​!”

คลื่น​เพลิง​ไฟโถมซัด​และ​พวยพุ่ง​ไป​ไกล​กว่า​หนึ่ง​พัน​ลี้​ มัน​คือ​ทักษะ​เท​วะ​ของ​ฉิน​มู่ เทพ​ครอง​ดาว​มหา​ตะวัน​ และ​เอี๋ยน​เชีย​นจ้ง​ที่​ให้​งูไฟแลบ​เลีย​ออกมา​ข้างนอก​

ถัด​จากนั้น​ เงาร่าง​ของ​พวกเขา​ก็​ต่อสู้​กัน​ออก​มาจาก​ไฟสวรรค์​ ตัวตน​บรรพกาล​มากมาย​รีบ​เหาะ​เข้ามา​ เพื่อ​จะเห็น​ว่า​แสงกระบี่​ของ​ฉิน​มู่ได้​แทง​ทะลุ​ศีรษะ​ของ​เอี๋ยนจิ่ว​ซี และ​ปัก​มาโผล่​หลัง​ข้าง​ท้ายทอย​ของ​เขา​

“ของ​ข้า​!”

หัว​อ้วนจ้ำม่ำ​ของ​ฉิน​มู่ลิงโลด​ดีใจ​ เขา​คว้า​จับ​เอี๋ยนจิ่ว​ซีและ​อ้า​ปาก​มหึมา​เพื่อ​งาบ​เอี๋ยนจิ่ว​ซีเข้าไป​ ถัด​จากนั้น​ เขา​ก็​เรอ​ออก​หลาย​คำรบ​ด้วย​ความอิ่ม​แปล้​ แต่​เขา​ก็​ยังคง​ยุ่งยาก​กังวล​อยู่ดี​ ข้า​คิด​ว่า​ยัง​จะกิน​ได้​อีก​เสีย​อีก​ แต่​ดูเหมือนว่า​ข้า​จะยัด​ลง​ไป​อีก​ไม่ไหว​…

“เจ้ากล้า​!”

ยอด​ฝีมือ​หนึ่งร้อย​ใน​ขั้น​ตำหนัก​ชิด​ฟ้าและ​บัลลังก์​จักรพรรดิ​เข้ามา​โจมตี​ และ​พวกเขา​ก็​พลัน​รู้สึก​ว่า​มีผู้คน​มากมาย​เกินไป​ ทำให้​กีด​มือ​กีด​เท้า​ไป​หมด​ และ​ยาก​ที่จะ​ร่ายรำ​กระบวนท่า​

มีไม่กี่​คน​ที่​สามารถ​โจมตี​ฉิน​มู่ได้​ในเวลาเดียวกัน​ แต่​ด้วย​สามเศียร​หก​กร​ของ​ฉิน​มู่ เขา​ก็​สามารถ​สกัดกั้น​การ​โจมตี​ทั้งหมด​จากรอบ​ทิศ​

ยิ่งไปกว่านั้น​ โอรส​ศักดิ์สิทธิ์​ใต้พิภพ​ผู้​นั้น​ยังมี​หนัง​หนา​อัน​ทำให้​เขา​ทนทายาด​อย่าง​สุดขีด​ แม้ว่า​พวกเขา​จะกลุ้มรุม​โจมตี​ไป​พร้อมๆ กัน​ ก็​ทำได้​แค่​ให้​เขา​บาดเจ็บ​แต่​ไม่อาจ​คร่าชีวิต​

ย่างเท้า​ของ​ฉิน​มู่เคลื่อนไหว​อย่าง​รวดเร็ว​ และ​เขา​ขับเคลื่อน​มรรคา​ วิชา​ และ​ทักษะ​เท​วะ​ทุกชนิด​ เมื่อ​เขา​เผชิญ​กับ​อันตราย​ เขา​ก็​เพียงแค่​ยก​มือขึ้น​และ​ส่งคู่ต่อสู้​ประชิดตัว​ทั้งหมด​ให้​กระเด็น​ไป​ไกล​พัน​ลี้​

“พลัง​วัตร​ของ​เขา​แข็งแกร่ง​ขนาด​นี้​ได้​อย่างไร​” เทพ​ครอง​ดาว​มหา​ตะวัน​ก็​ได้รับบาดเจ็บ​ ทำให้​เขา​ทั้ง​ว้าวุ่น​และ​อดรนทนไม่ไหว​

เอี๋ยน​เชีย​นจ้ง​คำราม​อย่าง​เดือดดาล​ “ใน​แดน​ใต้พิภพ​ พลัง​วัตร​ของ​เขา​ไร้ขีดจำกัด​!”

ทันใดนั้น​ ดวงตา​ที่สาม​บน​หัว​ทั้ง​สามของ​ฉิน​มู่ก็​ยิง​ลำแสง​เจิดจ้า​ออก​ไป​ และ​ลำแสง​นั้น​ก็​ยิง​ยัง​ทั่ว​ทิศทาง​ ลำแสง​เนตร​หมุน​วน​และ​เฉือน​ตัด​ทุกสิ่งทุกอย่าง​ที่​ขวางหน้า​ ทุกๆ​ คน​พยายาม​จะหลบหลีก​ แต่ว่า​ก็​ยังมี​หลาย​คน​ที่​ถูก​เฉือน​ตัด​เป็น​สอง​แล่ง​

จิตวิญญาณ​ดั้งเดิม​ของ​พวกเขา​ถูก​ฟัน​สะบั้น​ และ​มัน​แตกต่าง​จาก​การ​ที่​กาย​เนื้อ​ถูก​ฟัน​สะบั้น​ หลังจากที่​จิตวิญญาณ​ดั้งเดิม​ถูก​ผ่า​เป็น​สอง​แล่ง​ มัน​ก็​เท่ากับ​ว่า​ดวงวิญญาณ​ของ​พวกเขา​ถูก​ปลิดชีวิต​ และ​ดวงวิญญาณ​ของ​พวกเขา​ก็​จะแตกสลาย​ เหลือ​ไว้​แต่​ทารก​วิญญาณ​

ฉิน​เฟิงชิงจ้อง​ไป​ด้วย​ดวงตา​เบิก​กว้าง​ และ​รู้สึก​รวดร้าว​ใน​หัวใจ​ เขา​รีบ​กล่าว​ด้วย​เสียง​นุ่ม​ “น้องชาย​ น้องชาย​คนดี​ของ​ข้า​ ข้า​กิน​อีก​ไม่ไหว​แล้ว​จริงๆ​ สู้ช้าๆ หน่อย​ อย่า​เพิ่ง​ทุบตี​พวกเขา​ให้​ตาย​…พี่ชาย​ ข้า​ให้​เจ้าเป็น​พี่ชาย​เลย​ หยุด​ฆ่าได้​แล้ว​…”

ฉิน​มู่ไม่สนใจ​คำพูด​ของ​เขา​ เขา​ขับเคลื่อน​กระบี่​ผงาด​ภัยพิบัติ​เพื่อ​สังหาร​ผู้คน​อีก​มากมาย​ด้วย​ร่างกาย​อัน​บาดเจ็บ​ของ​ตน​ หัว​ของ​เขา​สอง​หัว​ถูก​ตัดออก​ไป​ และ​แขน​สี่ข้าง​ก็​หัก​ไป​แล้ว​

เนื้อ​เต้น​ดุบดิบ​ขึ้น​มาจาก​หัวไหล่​ของ​เขา​เมื่อ​หัว​อีก​สอง​ข้าง​งอก​ออกมา​ด้วย​สีหน้าถมึงทึง​

มือ​ของ​ฉิน​เฟิงชิงสั่นเทิ้ม​ และ​เขา​ก็​คว้า​เอา​จิตวิญญาณ​ดั้งเดิม​ที่​ถูก​สังหาร​มา เขา​อยาก​จะยัด​พวก​มัน​เข้าไป​ใน​ปาก​ แต่​ก็​ไม่อาจ​อัด​เข้า​ท้อง​ได้​อีกต่อไป​ ทันใดนั้น​ เขา​ก็​เกิด​แสงสว่าง​ทาง​ปัญญา​ขึ้น​มา “ข้า​นึกออก​แล้ว​! ข้า​เก็บ​อาหาร​เอาไว้​ก่อน​ก็ได้​นี่​นา​!”

หลังจาก​กล่าว​เช่นนั้น​ เขา​ก็​ยัด​เอา​จิตวิญญาณ​ดั้งเดิม​ที่​ฉีกขาด​ทั้งหลาย​เข้าไป​ใน​หว่าง​คิ้ว​ของ​เขา​

ร่าง​แยก​ของ​เทพ​สรรพ​ชีวิต​ และ​สำนึก​รู้​ของ​จักรพรรดิ​แดงฉาน​มอง​ไป​ยัง​การต่อสู้​ภายนอก​ด้วย​ความ​กระสับกระส่าย​ ทันใดนั้น​ ท้องฟ้า​ก็​ปริ​แยก​ และ​แขนขา​อวัยวะ​ฉีกขาด​ก็​โปรยปราย​ลง​มาจาก​ท้องฟ้า​ ไม่นาน​ก็​กอง​สุมกัน​อยู่​บน​พื้น​

ทั้งสอง​คน​หันไป​มอง​ตา​กัน​ด้วย​ความ​หนักอึ้ง​

ใน​ตอนนั้น​เอง​ เทพ​ครอง​ดาว​มหา​ตะวัน​ก็​ถูก​เหวี่ยง​เข้าไป​ข้างใน​เช่นกัน​และ​ร่วง​ลงมา​กับ​พื้น​

เทพ​ครอง​ดาว​ผู้​นี้​เป็น​จิตวิญญาณ​ดั้งเดิม​ด้วย​เช่นกัน​ และ​อันที่จริง​เขา​ก็​ยัง​ไม่ทัน​ตาย​สนิท​ เขา​รีบ​กระพือปีก​และ​หมาย​ที่จะ​ออก​ไป​จาก​สถานที่​แห่ง​นี้​

เทพ​สรรพ​ชีวิต​ร้องบอก​ด้วย​เจตนา​ดี​ “นก​น้อย​ เจ้าไม่ต้อง​หนี​ไป​หรอก​ หากว่า​แม้แต่​พวกเรา​ยัง​หนี​ไม่รอด​ เจ้าเอา​อะไร​มาคิด​ว่า​เจ้าจะทำได้​ เจ้าเข้ามา​ข้างใน​ได้​อย่างไร​”

เทพ​ครอง​ดาว​มหา​ตะวัน​ตื่นตระหนก​ และ​ตอนนี้​เขา​ถึงเพิ่งจะ​สังเกตเห็น​บุคคล​ทั้งสอง​ เขา​รีบ​คารวะ​ทักทาย​ “เทพ​สรรพ​ชีวิต​! เทพ​สรรพ​ชีวิต​ ท่าน​ก็​ถูก​โอรส​ศักดิ์สิทธิ์​ใต้พิภพ​เก็บ​เอาไว้​เป็น​อาหาร​เหมือนกัน​หรือ​”

“ถุย​ๆ! คำพูด​เด็ก​จงอย่า​ได้​เป็นจริง​! ไป​แก้เคล็ด​ แก้เคล็ด​!”

เทพ​สรรพ​ชีวิต​จึงกล่าว​ต่อ​ด้วย​รอยยิ้ม​ “ข้า​จะถูก​เก็บ​ไว้​เป็น​อาหาร​ได้​อย่างไร​กัน​ ข้า​มาที่นี่​เพื่อ​โปรด​แสงสว่าง​ทาง​ปัญญา​แก่​มาร​ตน​นี้​ ดังนั้น​ข้า​จึงเข้ามา​ด้วย​ตนเอง​ ป้องกัน​ไม่ให้​เขา​ออก​ไป​ทำอันตราย​แก่​สรรพ​ชีวิต​ แล้ว​ทำไม​เจ้าถึงเข้ามา​”

เทพ​ครอง​ดาว​มหา​ตะวัน​รู้สึก​อับอาย​และ​กล่าว​ “เมื่อครู่นี้​ข้า​ถูก​โอรส​ศักดิ์สิทธิ์​ทุบ​จน​มึนงง​ และ​ทารก​นั้น​ก็​คีบ​ปีก​ของ​ข้า​เหวี่ยง​เข้ามา​ นี่​ช่างเป็น​คุณธรรม​อัน​ประเสริฐ​ของ​เทพ​สรรพ​ชีวิต​จริงๆ​ ที่หมาย​จะป้องกัน​ไม่ให้​เขา​ออก​ไป​ทำอันตราย​แก่​สรรพ​ชีวิต​ แต่ทว่า​ ทำไม​เขา​ถึงยัง​ออก​ไป​เข่นฆ่า​สังหาร​ใน​โลก​ภายนอก​ได้​อีก​ล่ะ​”

ผู้เฒ่า​หนวด​ขาว​เป่า​หนวด​ของ​เขา​และ​ถลึงตา​จ้อง​ด้วย​ดวงตา​เบิก​กว้าง​ “นก​น้อย​ เจ้ารู้​ไหม​ว่า​เจ้าตาย​อย่างไร​”

เทพ​ครอง​ดาว​มหา​ตะวัน​พึมพำ​ “ปาก​ข้า​ไม่มีหูรูด​ และ​ข้า​รู้​ความลับ​มากเกินไป​ ดังนั้น​ข้า​จึงตก​ตาย​ไป​อย่าง​ไม่รู้เหนือรู้ใต้​”

เทพ​สรรพ​ชีวิต​แค่น​เสียง​และ​กล่าว​อย่าง​ไม่ยินดียินร้าย​ “หลังจาก​เจ้าตาย​ไป​ เจ้าก็​ยังมี​จิตวิญญาณ​ดั้งเดิม​ หากว่า​เจ้ายัง​ปากพล่อย​พูด​ไป​ทั่ว​อีก​ แม้แต่​ดวงวิญญาณ​เจ้าก็​คงจะ​ไม่เหลือ​”

เทพ​ครอง​ดาว​ตะวัน​พินอบพิเทา​ทันที​และ​กล่าว​ “ถ้าเช่นนั้น​ โอรส​ศักดิ์สิทธิ์​ใต้พิภพ​จะยังคง​กิน​ข้า​ไหม​”

ร่าง​แยก​ของ​เทพ​สรรพ​ชีวิต​หัวเราะ​ร่า​และ​กล่าว​ “ข้า​อยู่​ที่นี่​มาตั้ง​นาน​แล้ว​ ต่อให้​โอรส​ศักดิ์สิทธิ์​ใต้พิภพ​จะเก่งกาจ​มาจาก​ไหน​ ตราบเท่าที่​เจ้าติดตาม​ข้า​ เขา​ก็​ไม่มีทาง​มากิน​เจ้าได้​”

เทพ​ครอง​ดาว​มหา​ตะวัน​ลิงโลด​ยินดี​

จักรพรรดิ​แดงฉาน​อด​ปาก​ไม่ได้​ “อย่า​ไป​เชื่อ​เขา​ ข้า​เชื่อ​เขา​และ​ถูก​กระทืบ​มาตั้ง​ไม่รู้​กี่​ครั้ง​”

เทพ​ครอง​ดาว​มหา​ตะวัน​รีบ​ถาม “และ​ท่าน​คือ​?”

“จักรพรรดิ​แดงฉาน​แห่ง​สภาสวรรค์​แสงฉาน​”

เทพ​ครอง​ดาว​มหา​ตะวัน​ตื่นตระหนก​

ยังมี​แขน​มากมาย​นับไม่ถ้วน​ร่วง​ลง​มาจาก​ข้างนอก​ และ​ทันใดนั้น​ ท้องฟ้า​ก็​มืดทึบ​ ไม่มีความเคลื่อนไหว​ภายนอก​อีกต่อไป​

“ลู่​หลี​และ​พรรคพวก​ลงมือ​แล้ว​!”

เทพ​ครอง​ดาว​มหา​ตะวัน​ร้อง​ออกมา​ “กระถาง​สังหาร​และ​ตาข่าย​สวรรค์​ได้​หลอม​รวมกัน​และ​กักขัง​เขา​เอาไว้​! พวกเรา​รอด​แล้ว​!”

ร่าง​แยก​เทพ​สรรพ​ชีวิต​มีสีหน้า​วิตก​ และ​เขา​ส่าย​หัว​ “เจ้าคิด​เลยเถิด​เกินไป​ นี่​แย่​แล้ว​ต่างหาก​ กระถาง​สังหาร​และ​ตาข่าย​สวรรค์​มีแต่​จะเคี่ยว​หลอม​พวกเรา​ให้​ตาย​ไป​พร้อม​ๆ กับ​ผู้​คนอื่นๆ​ ใน​กระถาง​ด้วย​…ลู่​หลี​กำลัง​พยายาม​ที่จะ​สำเร็จ​เป็น​ภูติ​บดี​คน​ที่สอง​!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด