ตำนานเทพกู้จักรวาล 766 โอรสหยินสวรรค์ผู้เป็นนกขมิ้น[1]

Now you are reading ตำนานเทพกู้จักรวาล Chapter 766 โอรสหยินสวรรค์ผู้เป็นนกขมิ้น[1] at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฉิน​มู่มอง​ยัง​ทั้ง​การ​สัประยุทธ์​แห่ง​สภาสวรรค์​จาก​มุมมอง​ของ​ภูติ​บดี​ ตั้งแต่​เมื่อ​ภูติ​บดี​เข่นฆ่า​ล้างผลาญ​บุก​มาจาก​ประตู​สวรรค์​ทักษิณ​ไป​ยัง​สระ​หยก​ ก่อนที่จะ​ทุบ​ทำลาย​แท่น​ประหาร​เทพ​และ​ทำลายล้าง​วัง​สวรรค์​ทีละ​วัง​ๆ

เขา​ไป​ยัง​อัคร​นคร​หยก​ สถาน​ที่พำนัก​ของ​จักรพรรดิ​ฟ้า แต่ทว่า​ ตอนนั้น​มีโซ่มากมาย​อัน​ได้​รัดรึง​เขา​ไว้​อย่าง​แน่นหนา​ โซ่เหล่านั้น​คือ​หลัก​กฎ​เต๋า​อัน​ยิ่งใหญ่​แห่ง​แดน​ใต้พิภพ​ เขา​ถูก​พันธนาการ​เอาไว้​อย่าง​หนักหนา​สาหัส​ แต่​ก็​ยังคง​บุก​โจมตี​ไป​ข้างหน้า​อย่าง​ดุดัน​

ยิ่ง​มาเขา​ก็​ยิ่ง​ถูก​รัด​เอาไว้​แน่น​ โซ่เหล่านั้น​มิได้​มาจาก​แดน​ใต้พิภพ​เท่านั้น​ มัน​ยังคง​คล้าย​กับ​ว่า​จะทะลวง​ออก​มาจาก​ข้างใน​ร่างกาย​ของ​เขา​เอง​

ใน​เมื่อ​เขา​คือ​ร่าง​ประทับ​ของ​เต๋า​ การกระทำ​ของ​เขา​จึงจะต้อง​สอดคล้อง​กับ​เต๋า​อัน​ยิ่งใหญ่​ ยิ่ง​เทพ​บรรพกาล​แข็งแกร่ง​เท่าใด​ พวกเขา​ก็​จะยิ่ง​ถูก​จำกัด​เอาไว้​ด้วย​หลัก​กฎ​แห่ง​ร่างกาย​ของ​ตนเอง​

ภูติ​บดี​ก็​เป็น​เช่นนั้น​

แม้ว่า​เขา​จะกลับชาติมาเกิด​ แต่​เขา​ก็​ยังคง​เป็น​ร่าง​ประทับ​แห่ง​เต๋า​ เมื่อ​เขา​กลับชาติมาเกิด​เป็น​มนุษย์​ เขา​ก็​ยังคง​มีเขา​วัว​และ​ศีรษะ​พยัคฆ์​

หลัก​กฎ​แห่ง​แดน​ใต้พิภพ​จะจำกัด​พลัง​อำนาจ​ของ​เขา​เอาไว้​ใน​โลก​แห่ง​คน​เป็น​ ต่อให้​เขา​ปลุก​พลานุภาพ​แดน​ใต้พิภพ​ขึ้น​มาได้​ พลานุภาพ​แห่ง​ร่างกาย​ของ​เขา​ก็​จะจำกัด​ตัว​ของ​เขา​เอาไว้​เสีย​เอง​

ยิ่ง​เขา​ต่อสู้​อย่าง​ดุดัน​มาก​เท่าไร​ ยิ่ง​เขา​เข่นฆ่า​ไป​มาก​เพียงใด​ ก็​ยิ่ง​เจ็บปวด​ลึกล้ำ​มากขึ้น​เท่านั้น​

สภาสวรรค์​ตก​อยู่​ใน​ความหวาดกลัว​แตกตื่น​ และ​เทพเจ้า​แห่ง​สภาสวรรค์​ทั้งหลาย​ก็​ถูก​สังหาร​จน​หัวใจ​ของ​พวกเขา​เย็นเฉียบ​ สำหรับ​ทวยเทพ​แห่ง​สภาสวรรค์​แล้ว​ พวกเขา​ไม่เข้าใจ​ความเกลียด​แค้น​ของ​ภูติ​บดี​

เทพ​บรรพกาล​มีอายุขัย​เท่ากับ​สวรรค์​และ​พิภพ​ พวกเขา​ดำรงอยู่​คู่​กับ​โลก​หล้า​ พวกเขา​ไม่รู้​เกี่ยวกับ​ชีวิต​ ความตาย​ ความรัก​ และ​ความชัง​ของ​มนุษย์​ปุถุชน​ พวกเขา​ไม่รู้​ถึงบุญคุณ​ ความแค้น​ ความรู้สึก​ และ​ความพยาบาท​

ชีวิต​และ​ความตาย​ของ​คน​ธรรม​fkนั้น​เพียงแค่​หนึ่งร้อย​ปี​ และ​หนึ่งร้อย​ปี​นั้น​เท่ากับ​พริบตาเดียว​ของ​เทพ​บรรพกาล​ ไม่ทัน​ที่​พวกเขา​จะได้​สังเกตเห็น​มด​ปลวก​เล็ก​ๆ ที่​น่าเวทนา​เหล่านั้น​ มด​ปลวก​พวก​นั้น​ก็​ตาย​ไป​ด้วย​ความ​ชรา​เสียแล้ว​

ร่าง​กลับ​ชาติ​ของ​ภูติ​บดี​เริ่ม​เข่นฆ่า​สังหาร​ก็​เพราะ​ความตาย​ของ​ภรรยา​และ​ลูก​ๆ นี่​นับว่า​เป็น​เหตุผล​อัน​อุกอาจ​เหลวไหล​ที่​เขา​ใช้ใน​การ​ฆ่าล้างผลาญ​มาถึงสภาสวรรค์​

ที่​ยิ่ง​เกินเลย​ไป​กว่า​นั้น​ ก็​คือ​เขา​ถึงกับ​ลง​มือสังหาร​ทวยเทพ​แห่ง​สภาสวรรค์​ ทำให้​พวกเขา​ล้มตาย​และ​หนี​เอาตัวรอด​กัน​ไป​หมด​

มนุษย์​ธรรมดา​เป็น​เพียงแค่​มด​ปลวก​ที่​อาศัย​อยู่​ใน​แดน​ต่ำ​ใต้​ และ​สำหรับ​เทพ​บรรพกาล​ที่​ไป​ลอง​ใช้ชีวิต​แบบ​มด​ปลวก​ ก่อนที่จะ​เริ่มต้น​เข่นฆ่า​ก็​เพราะ​ความตาย​ของ​มด​ปลวก​ไม่กี่​ตัว​ นี่​เป็นเรื่อง​ที่​พวกเขา​ไม่มีวัน​เข้าใจ​ได้​

การ​ใช้สายเลือด​ของ​เทพ​บรรพกาล​ผู้ยิ่งใหญ่​และ​ครึ่ง​เทพ​ทั้งหลาย​มากลบ​ฝังเซ่นไหว้​ให้​แก่​มนุษย์​ธรรมดาๆ​ นี่​หมายความว่า​ภูติ​บดี​ได้​เสียสติ​ไป​แล้ว​จริงๆ​

กระนั้น​แม้แต่​อัคร​นคร​หยก​ อัน​มีการรักษา​ความปลอดภัย​และ​การป้องกัน​ที่​เข้มงวด​ที่สุด​ ก็​ยังคง​ไม่สกัด​ขัดขวาง​ภูติ​บดี​พิโรธ​ได้​ ประตู​อัคร​นคร​หยก​ถูก​บุก​ทำลาย​ และ​เทพเจ้า​ทั้งหลาย​ก็​หวีดร้อง​ พวกเขา​หนี​ตาย​ไป​ทั่วทุกสารทิศ​

ภูติ​บดี​ไม่สนใจ​พวก​เทพ​เจ้าที่​หลบหนี​กระจัดกระจาย​ และ​เขา​ยังคง​เดิน​ตรง​ไป​ยัง​อัคร​นคร​หยก​ ข้าง​หลังเขา​ ครึ่งหนึ่ง​ของ​สภาสวรรค์​ได้​ถูก​กลบ​กลืน​ไป​ด้วย​ปราณ​มาร​ใต้พิภพ​แล้ว​

และ​ใน​ปราณ​มาร​ ก็​มีโซ่ที่​เจาะเข้ามา​ร้อย​กาย​เนื้อ​ของ​เขา​

โซ่เหล่านั้น​ตึง​เขม็ง​จาก​การถู​กลาก​ และ​มีโลหิต​ไหล​ออก​มาจาก​ร่างกาย​ของ​เขา​ไม่หยุด​ โลหิต​เหล่านั้น​ร่วง​ลง​กับ​พื้น​และ​แปร​เปลี่ยนไป​เป็นไฟ​มาร​ใต้พิภพ​

เขา​นั้น​ยังคง​ยืนกราน​ที่จะ​เคลื่อน​ต่อไป​ข้างหน้า​ และ​มุ่งหน้า​ไป​ยัง​ราช​วัง​เกียรติ​คู่​ และ​ท้องพระโรง​มังกร​ซ่อน​

ราช​วัง​เกียรติ​คู่​และ​ท้องพระโรง​มังกร​ซ่อน​เป็น​ส่วนหนึ่ง​ใน​สามสิบ​หก​วัง​สวรรค์​และ​เจ็ด​สิบสอง​ท้องพระโรง​ มัน​คือ​สถานที่​ที่​องค์​ชาย​และ​องค์​หญิง​อาศัย​อยู่​

บุตร​และ​ธิดา​ของ​จักรพรรดิ​ฟ้าอาศัย​อยู่​ที่นั่น​

เป้าหมาย​ของ​ภูติ​บดี​ชัดเจน​ยิ่งนัก​ เขา​หมาย​ที่จะ​มุ่งหน้า​ไป​และ​ทำลาย​สถานที่​แห่ง​นั้น​

พลานุภาพ​ของ​กระถาง​สังหาร​แข็งแกร่ง​เกินไป​ กระถาง​นี้​หลอม​มาจาก​มีด​ปริศนา​ประหาร​เทพ​ และ​เดิมที​มัน​ก็​เป็น​อาวุธ​ที่​อันตราย​ร้ายกาจ​ที่สุด​ใน​สภาสวรรค์​อยู่แล้ว​ บัดนี้​เมื่อ​มัน​ถูก​หลอม​สร้าง​ไป​เป็น​กระถาง​สังหาร​ด้วย​น้ำมือ​ของ​ภูติ​บดี​ ไม่ว่า​เทพ​บรรพกาล​หรือ​ครึ่ง​เทพ​เต็ม​วัย​ตน​ใด​ก็​ยาก​ที่จะ​หลบหนี​ความตาย​ เมื่อ​ถูก​กระถาง​สังหาร​ลงมือ​

กระถาง​ยักษ์​นี้​ดูดซับ​เอา​พลัง​อำนาจ​ทั้งหมด​ของ​ทวยเทพ​ที่​ตกเป็น​เหยื่อ​ และ​พลานุภาพ​ของ​มัน​ก็​ยิ่ง​แข็งแกร่ง​ขึ้น​ทุกที​

ท้องพระโรง​มังกร​ซ่อน​และ​ราช​วัง​เกียรติ​คู่​อยู่​ตรงหน้า​แท้ๆ​ แต่​พลัง​อำนาจ​ของ​ภูติ​บดี​ก็​มาถึงขีดจำกัด​

เขา​คำราม​อย่าง​เกรี้ยวกราด​ และ​พยายาม​อย่าง​สุดความสามารถ​ที่จะ​เคลื่อน​ต่อไป​ข้างหน้า​ แต่ทว่า​ เขา​ไม่มีวัน​ทลาย​ฝ่าการ​พันธนาการ​ของ​เต๋า​อัน​ยิ่งใหญ่​แห่ง​แดน​ใต้พิภพ​

ภูติ​บดี​ร้อง​โหยหวน​ด้วย​ความ​เศร้าโศก​ และ​เขา​ก็​เหวี่ยง​ฟาด​กระถาง​สังหาร​ตรง​ไป​ยัง​ท้องพระโรง​และ​ราช​วัง​ กระถาง​ยักษ์​เปล่ง​พลานุภาพ​อัน​อาจ​บดขยี้​สภาสวรรค์​เมื่อ​มัน​หมุน​ปั่น​ไป​และ​ร่วง​กระแทก​ลงมา​!

นั่น​คือ​การ​โจมตี​ที่​เต็มไปด้วย​ความ​คั่งแค้น​เดือดดาล​ เช่นเดียวกับ​ความปรารถนา​จะล้างแค้น​ของ​อา​โฉ่ว​ เขา​อยาก​จะทำลาย​ทุก​ชีวิต​ที่อยู่​ที่นี่​ ไม่ว่า​พวกเขา​จะเป็น​บุตรธิดา​ของ​จักรพรรดิ​ฟ้า ไม่ว่า​บาปกรรม​ของ​เขา​จะมากมาย​จน​ท่วม​สวรรค์​!

กระนั้น​มือหนึ่ง​ก็​ยื่น​ออกมา​จับ​กระถาง​สังหาร​อัน​ปริ่ม​ไป​ด้วย​ฤทธา​นุ​ภาพ​เอาไว้​อย่าง​มั่นคง​ และ​ทำให้​พลานุภาพ​ของ​อาวุธ​อันตราย​นี้​ไม่อาจจะ​ระเบิด​ปะทุ​ไป​ได้​

“สหาย​เต๋า​ การ​ที่​เจ้าเข่นฆ่า​ล้างผลาญ​มาจนถึง​ที่นี่​ โทสะ​ของ​เจ้าคง​โรยรา​ลง​ไป​แล้ว​ ข้า​พูด​ถูก​หรือไม่​”

จักรพรรดิ​ฟ้ายืน​ตระหง่าน​อยู่​ตรงหน้า​ตำหนัก​ชิด​ฟ้า และ​เขา​คว้า​จับ​กระถาง​สังหาร​ไว้​ด้วยมือ​เดียว​ สายตา​ของ​เขา​จ้อง​ไป​ยัง​ภูติ​บดี​ และ​เสียง​ของ​เขา​ดัง​มาแต่​ไกลๆ​ “เมื่อครู่นี้​ข้า​ไม่ได้​ยับยั้ง​เจ้าก็​เพราะ​รู้​ว่า​พวกเขา​ได้​กระทำความผิด​ ดังนั้น​เจ้าถึงต่อสู้​บุก​ตะลุย​มาถึงที่นี่​ เจ้าสามารถ​ปลดปล่อย​โทสะ​ออกมา​ได้​ แต่​ทำไม​เจ้าถึงจะทำลายล้าง​บุตรธิดา​ของ​ข้า​ล่ะ​”

ข้าง​หลังเขา​ เทพ​บรรพกาล​มากมาย​ปรากฏตัว​ และ​พวกเขา​ก็​ล้วนแต่​เป็น​ตัวตน​อัน​แข็งแกร่ง​ไร้​เปรียบ​ปาน​

ภูติ​บดี​หอบ​หายใจ​อย่าง​หนักหน่วง​ เลือด​สดๆ​ ของ​เขา​ไหล​ลง​ไป​ตาม​โซ่ที่​ร้อย​อยู่​บน​ร่าง​ ไฟมาร​แผดเผา​ไป​ทั่ว​ทุกหน​แห่ง​

จักรพรรดิ​ฟ้ากล่าว​พลาง​ถอนหายใจ​ “เทพ​เหล่านั้น​สมควร​ตาย​ แต่​ตอนนี้​เจ้าถูก​ควบคุม​ด้วย​โทสะ​ของ​ตน​ ยิ่งไปกว่านั้น​ นี่​คือ​ร่าง​กลับ​ชาติ​ของ​เจ้า เจ้าได้​สูญเสีย​เหตุผล​และ​จิต​เต๋า​ไป​แล้ว​ เจ้ารู้สึก​ว่า​สิ่งที่​เจ้าทำ​นั้น​ถูกต้อง​ แต่​ทันทีที่​เจ้าจิต​เต๋า​ของ​เจ้าคืน​กลับมา​ตอนที่​เจ้ากลับ​ไป​ยัง​แดน​ใต้พิภพ​ เจ้าก็​จะรู้​ว่า​ตัว​เจ้านั้น​อุกอาจ​สัก​เพียง​ไหน​ เจ้าคือ​สหาย​เต๋า​ของ​ข้า​ ข้า​จะไม่ทำให้​เจ้าลำบาก​ จงกลับ​ไป​เถอะ​”

ภูติ​บดี​ดิ้นรน​กับ​โซ่ของ​เขา​และ​หอบ​หายใจ​อย่าง​หนักหน่วง​ เพลิง​ไฟพวยพุ่ง​ออก​มาจาก​รู​จมุก​ของ​เขา​ประดุจ​มังกร​ และ​ดวงตา​ทั้ง​สามของ​เขา​ก็​หลั่งไหล​ทั้ง​เลือด​และ​อัคคี​

จักรพรรดิ​ฟ้าถอนหายใจ​และ​กล่าว​อย่าง​นุ่มนวล​

“การ​กลับ​ชาติ​ลง​ไป​เกิด​นั้น​เป็น​เพียง​การ​ฝึก​บำเพ็ญ​ดวงวิญญาณ​ แต่​เจ้าจมดิ่ง​ลึก​จน​เกินไป​ ให้​ข้า​ช่วย​เจ้ากลับ​ไป​ยัง​แดน​ใต้พิภพ​ก็แล้วกัน​”

เขา​สะบัด​แขน​เสื้อ​ และ​ภูติ​บดี​ก็​ไม่อาจ​ยืน​ได้​มั่น​อยู่​บน​สภาสวรรค์​อีกต่อไป​ เขา​ถูก​โซ่เหล่านั้น​ดึง​ลาก​เข้าไป​ใน​ความมืด​ และ​แผ่นดิน​แห่ง​แดน​ใต้พิภพ​ข้าง​หลังเขา​ก็​จมดิ่ง​ลง​ไป​ใน​แดน​ใต้พิภพ​อนธการ​

ใน​แดน​ใต้พิภพ​ ร่าง​เดิม​อัน​ใหญ่​มหึมา​ไร้​ปาน​เปรียบ​ของ​ภูติ​บดี​ก็​ลืมตา​ตื่นขึ้น​มาในที่สุด​ และ​ดวงตา​ทั้ง​สามของ​เขา​ก็​ลืม​ขึ้น​มาทีละ​ดวง​ เขา​มอง​ขึ้นไป​ยัง​สภาสวรรค์​จาก​ข้างใน​ความมืด​

ภูติ​บดี​ที่​เคย​เป็น​อา​โฉ่ว​นั้น​ยังคง​ร่วง​ลงมา​อย่าง​ต่อเนื่อง​พร้อม​ๆ กับ​แผ่น​ดินแดน​ใต้พิภพ​ที่​เขา​ถูก​โซ่ล่าม​ติด​เอาไว้​ เขา​ตกลง​ไป​ใน​เบื้องลึก​ที่สุด​ของ​ความ​มืดมิด​ และ​ร่วง​ลง​ไป​ข้างๆ​ เท้า​ของ​ภูติ​บดี​ แปร​เปลี่ยนเป็น​ดินแดน​มืด​ทมิฬ​

โซ่ทั้งหลาย​พัน​รอบตัว​เขา​ และ​พันธนาการ​เขา​เอาไว้​ที่นั่น​

ไม่นาน​นัก​ มหานคร​ทมิฬ​มหึมา​ก็​จะถูก​ก่อสร้าง​บน​แผ่นดิน​แห่ง​นี้​ และ​มัน​ถูก​สร้าง​ขึ้น​มาจาก​หยก​ดำ​ มัน​ถูก​ขนานนาม​ว่า​ด่าน​กุญแจ​หยก​ และ​มัน​ถูก​ใช้ตรึง​สะกด​ตัวตน​ที่​บาปหนา​

ร่าง​กลับ​ชาติ​ของ​ภูติ​บดี​ คือ​นักโทษ​คน​แรก​ที่นั่น​

“สหาย​เต๋า​”

เหนือ​สภาสวรรค์​ สายตา​ของ​จักรพรรดิ​ฟ้าฉาย​โชน​ลงมา​ และ​พบ​กับ​ภูติ​บดี​ที่​เพิ่ง​ฟื้น​ตื่น​ เสียง​ของ​จักรพรรดิ​ฟ้าดัง​มาจาก​สวรรค์​ชั้น​เก้า​เบื้องบน​ และ​เขา​กล่าว​ “เจ้าได้​ตื่นขึ้น​มาแล้ว​หรือ​ เจ้าได้​คิดดู​หรือยัง​ว่าที่​ข้า​พูด​นั้น​มัน​จริง​หรือไม่​ ตอนนี้​เมื่อ​เจ้ากลับคืน​สู่แดน​ใต้พิภพ​และ​ปลุก​จิต​เต๋า​กลับมา​อีกครั้ง​ เจ้าตัวจริง​ก็​คงจะ​ได้​กลับมา​แล้ว​ และ​เจ้าก็​คงจะ​สำเหนียก​แล้ว​ว่า​พฤติการณ์​ของ​เจ้านั้น​เหลวไหล​เพียงใด​”

สายตา​ของ​ภูติ​บดี​มหึมา​มอง​ลง​ไป​และ​จับ​ไป​ที่​บ่า​ของ​อา​โฉ่ว​

บ่า​ของ​อา​โฉ่ว​ว่างเปล่า​

สายตา​ของ​เขา​ช้อน​ขึ้น​บน​อีกครั้ง​ และ​เขา​มอง​ไป​ยัง​สภาสวรรค์​

เมื่อ​เขา​ถูก​ฟาด​กลับ​ลงมา​ใน​แดน​ใต้พิภพ​ ทารก​หญิง​ที่​บ่า​ของ​เขา​ได้​ร่วง​ลง​ไป​และ​ตกใน​มือ​ของ​จักรพรรดิ​ฟ้า

“ข้า​ตา​มืด​บอด​จาก​ความรู้สึก​ของ​ปุถุชน​ ขอบคุณ​มาก​สำหรับ​การ​ชี้แนะ​ของ​ท่าน​ ฝ่าบาท​” ภูติ​บดี​กล่าว​

จักรพรรดิ​ฟ้าเผย​ยิ้ม​และ​กล่าว​ “ข้า​ค่อย​เบาใจ​หน่อย​เมื่อ​เจ้าได้สติ​กลับคืน​มา แต่​ไม่มีความจำเป็น​ที่จะ​ต้อง​เรียก​ข้า​ว่า​ฝ่าบาท​ พวกเรา​เป็น​สหาย​กัน​มานาน​หลาย​ปี​ และ​แม้ว่า​เจ้าจะถือกำเนิด​มาช้ากว่า​ข้า​สัก​เล็กน้อย​ พวกเรา​ก็​ยังคง​เรียก​กันและกัน​ว่า​สหาย​เต๋า​ ไม่มีความจำเป็น​ที่จะ​ต้อง​แปลกหน้า​ต่อกัน​เพียง​เพราะ​ข้า​ขึ้น​ครอง​บัลลังก์​”

“ข้า​มิกล้า​” ภูติ​บดี​ก้ม​ศีรษะ​ “ใน​อดีต​ข้า​ไม่รู้ดีรู้ชั่ว​ แต่​บัดนี้​ข้า​รู้​กระจ่าง​แล้ว​ ระหว่าง​นาย​เหนือ​หัว​กับ​ข้าราชบริพาร​ย่อม​มีความแตกต่าง​กัน​อยู่​ ดังนั้น​ข้า​จึงมิอาจ​ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง​”

จักรพรรดิ​ฟ้าถอนหายใจ​ “เจ้านั้น​ทำตัว​เหินห่าง​อีกแล้ว​ นี่​คือ​กระถาง​ของ​เจ้า”

เขา​โยน​กระถาง​สังหาร​ลง​ไป​ และ​ปล่อย​ให้​มัน​ร่วง​ลง​สู่แดน​ใต้พิภพ​

ภูติ​บดี​ไม่เปลือง​แรง​ไป​รับมือ​และ​ปล่อย​ให้​กระถาง​นี้​ร่วง​ลง​ไป​ยัง​แผ่นดิน​ใต้เท้า​ของ​เขา​ “กระถาง​สังหาร​นี้​เข่นฆ่า​มากเกินไป​ ข้า​มิกล้า​รับ​มัน​เอาไว้​”

“ข้าราชบริพาร​จะกล้า​ไม่รับ​ของ​จาก​นาย​เหนือ​หัว​หรือ​”

จักรพรรดิ​ฟ้ากล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ “แต่​ถึงอย่างไร​ จะทิ้ง​กระถาง​ไว้​กับ​เจ้าก็​ไร้ประโยชน์​จริงๆ​ นั่นแหละ​ ทำไม​ข้า​ถึงไม่ส่งเทพ​เจ้าจำนวน​หนึ่ง​ลง​ไป​ใน​แดน​ใต้พิภพ​ และ​ให้​พวกเขา​ปกป้อง​กระถาง​นี้​ให้​แก่​เจ้าเป็นการชั่วคราว​สักหน่อย​ล่ะ​”

ภูติ​บดี​รับคำ​และ​กล่าว​ “ตามที่​ฝ่าบาท​บัญชา​”

สายตา​ของ​เขา​ตกไป​ที่​มือ​ของ​จักรพรรดิ​ฟ้า และ​จักรพรรดิ​ฟ้าก็​ส่งทารก​หญิง​ให้​เทพ​บรรพกาล​ตน​หนึ่ง​ข้างๆ​ เขา​อุ้ม​เอาไว้​ “เจ้าทำตัว​เหินห่าง​อีกแล้ว​”

ภูติ​บดี​หลับตา​ลง​ และ​ฉิน​มู่ก็​รู้สึก​ว่า​ทัศนียภาพ​ของ​เขา​จมลง​ไป​ใน​ความมืด​ เขา​ไม่อาจ​มอง​เห็นภาพ​อัน​น่า​ตื่นตระหนก​เหล่านั้น​อีกต่อไป​

“ความทรงจำ​ของ​กระถาง​สังหาร​มาถึงจุดจบ​ในที่สุด​”

ฉิน​มู่ตกอยู่ในภวังค์​ ตอนที่​กำลัง​อยู่​ใน​กระถาง​สังหาร​ ปราณ​มาร​ใต้พิภพ​ไหล​เข้าไป​ใน​ร่างกาย​ของ​เขา​ และ​เขา​รู้สึก​ว่า​ตนเอง​กำลังจะ​ระเบิด​ ทันใดนั้น​เขา​ก็​แปลง​เป็น​ภูติ​บดี​อา​โฉ่ว​ และ​เห็น​ชีวิต​ของ​เขา​จาก​มุมมอง​ของ​อา​โฉ่ว​

“อันที่จริง​ เมื่อ​ภูติ​บดี​ตื่นขึ้น​มาด้วย​ความ​พิโรธ​ อา​โฉ่ว​ได้​ตาย​ไป​แล้ว​”

อา​โฉ่ว​ตาย​ไป​เรียบร้อย​แล้ว​ใน​ตอนนั้น​ หลงเหลือ​ก็​แต่​ภูติ​บดี​ที่​ต้องการ​ทวง​ความแค้น​

ลูก​ของ​อา​โฉ่ว​ ทารก​หญิง​ผู้​นั้น​ ได้​กลายเป็น​ตัวประกัน​ของ​สภาสวรรค์​ เป็น​จุดอ่อน​ของ​ภูติ​บดี​

นาง​จะต้อง​มีชีวิต​อยู่ดี​ สภาสวรรค์​จะไม่ทำร้าย​นาง​ สายเลือด​ของ​ภูติ​บดี​จะสามารถ​สืบทอด​ต่อไป​

ฉิน​มู่คิด​อยู่​กับ​ตนเอง​ ข้า​สงสัย​ว่า​ภูติ​บดี​จะได้​เจอ​นาง​อีก​สักครั้ง​ไหม​ วิธีการ​ของ​จักรพรรดิ​ฟ้าร้ายกาจ​ทรงพลัง​จริงๆ​ วิญญูชน​สวรรค์​อวิ๋น​ไม่สามารถ​เอาชนะ​เขา​ได้​ และ​วิญญูชน​สวรรค์​ฮ่าว​ก็​อาจจะ​ทำ​ไม่ได้​เช่นกัน​ ถ้าเช่นนี้​ จักรพรรดิ​ฟ้าแห่ง​สภาสวรรค์​นอก​โลก​จะเป็น​เขา​ไหม​

เขา​รู้สึก​งุนงง​

ปราณ​มาร​ใน​กระถาง​สังหาร​ไม่ไหล​เข้ามา​อีกต่อไป​ และ​มัน​กลายเป็น​เงียบสงัด​ รอบ​ๆ ฉิน​มู่ ใบหน้า​มหึมา​ลอย​ไป​ใน​ความมืด​ และ​ใบหน้า​เหล่านั้น​มอง​มาที่​เขา​ พวก​มัน​วน​อ้อม​เขา​อย่าง​เงียบเชียบ​ และ​ดู​น่า​สยอง​ไม่น้อย​

“อา​โฉ่ว”​

ทันใดนั้น​ ใบ​หน้าหนึ่ง​ก็​ลอย​มาตรงหน้า​เขา​ และ​อ้า​ปาก​ส่งเสียงร้อง​ประหลาด​

ใบหน้า​อื่นๆ​ ก็​พลัน​ส่งเสียง​คร่ำครวญ​ออกมา​ด้วย​ “อา​โฉ่ว”​

ฉิน​มู่แค่น​เสียง​ “ข้า​ไม่ใช่อา​โฉ่ว​ ภูติ​บดี​อา​โฉ่วสา​มารถ​ปลุก​พลัง​แดน​ใต้พิภพ​หลังจากที่​เขา​ตาย​ แต่​ข้า​ไม่จำเป็นต้อง​เช่นนั้น​ เขา​มีข้อจำกัด​และ​พันธนาการ​มากมาย​ แต่​ข้า​ไม่มี!”

“อา​โฉ่ว!”​ ใบหน้า​ต่างๆ​ ใน​กระถาง​สังหาร​ยังคง​ร่ำ​ร้องเรียก​

“ข้า​หน้าตา​ดีกว่า​อา​โฉ่ว​ตั้ง​เยอะ​”

ฉิน​มู่หน้าแดง​ขึ้น​มา และ​เขา​ก็​อธิบาย​กับ​ใบหน้า​พวก​นั้น​ “ดู​สิ ข้า​ไม่มีเขา​วัว​ และ​ข้า​ก็​ไม่มีลายพาดกลอน​บน​ใบหน้า​”

“น้องชาย​ เจ้าละเมอ​เพ้อ​พก​อะไร​กัน​”

ฉิน​เฟิงชิงตื่นขึ้น​มาและ​ตกใจ​เมื่อ​เห็น​ฉิน​มู่สนทนา​กับ​ใบหน้า​ประหลาด​เหล่านั้น​ “เจ้าเสียสติ​หรือ​”

เขา​ดีใจ​เริงร่า​ “ถ้าเจ้าเสียสติ​ไป​แล้ว​ ก็​ให้​ข้า​กิน​เจ้าสิ!”

ฉิน​มู่แค่น​เสียง​ “ใบหน้า​พวก​นี้​เรียก​ข้า​ว่า​อา​โฉ่ว​ และ​พวกเขา​ทำ​ยังกับ​ว่า​ข้า​คือ​ภูติ​บดี​ผู้​ตก​อยู่​ใน​ความทุกข์​ ข้า​เพียงแต่​ถกเถียง​กับ​พวกเขา​ กระถาง​สังหาร​นี้​ไม่ทำร้าย​พวกเรา​ก็​อาจจะ​เพราะว่า​กระถาง​เข้าใจ​ว่า​พวกเรา​คือ​อา​โฉ่ว​ บางที​พวกเรา​อาจจะ​หยิบยืม​พลัง​ของ​กระถาง​เพื่อ​หลบหนี​ได้​…”

เขา​เหาะ​ขึ้นไป​ขณะที่​มีใบหน้า​ใน​ความมืด​มอง​มายัง​เขา​มากขึ้น​ทุกที​

“อา​โฉ่ว”​ พวก​มัน​กล่าว​

ใบหน้า​ของ​ฉิน​มู่มืด​ดำ​ราวกับ​ถ่าน​ ฉิน​เฟิงชิงสำรวจ​ตรวจตรา​ใบหน้า​เหล่านั้น​ด้วย​ความสนใจ​ใคร่รู้​ และ​เขา​ก็​อด​ไม่ได้​ที่จะ​คว้า​ใบ​หน้าหนึ่ง​มา เขา​ยัด​มัน​เข้าไป​ใน​ปาก​ เคี้ยว​อยู่​สอง​ที​ก่อนที่จะ​พ่น​ออกมา​ “ของ​แบบนี้​กิน​ได้​ซะที่ไหน​! ไม่มีรสชาติ​เลย​สักนิด​! นี่​ยัง​แย่​กว่า​กิน​ดิน​ซะอีก​!”

ฉิน​มู่ถามอย่าง​สงสัย​ “พี่ชาย​ เจ้าเคย​กิน​ดิน​หรือ​”

“ข้า​เคย​ลองดู​ แต่​มัน​ไม่ดี​เลย​” ทารก​หัวโต​กล่าว​

ฉิน​มู่เงย​ศีรษะ​ขึ้น​มอง​ที่​ดาราจักร​บน​ท้องฟ้า​ ตาข่าย​สวรรค์​นั้น​สงบ​ราบเรียบ​เป็น​อย่างยิ่ง​ และ​ไม่มีพลานุภาพ​ใดๆ​ข้างนอก​กระถาง​ ลู่​หลี​และ​คนอื่นๆ​ หยุด​มือ​ และ​พวกเขา​ก็​มอง​ไป​ยัง​กระถาง​ พวกเขา​เห็น​ว่า​กระถาง​นิ่ง​สนิท​ ทุกคน​จึงระบาย​ลมหายใจ​โล่งอก​

“โอรส​ศักดิ์สิทธิ์​ใต้พิภพ​ ถึงกับ​ทรหด​ได้​นาน​ขนาด​นี้​กว่า​จะถูก​เคี่ยว​กรำ​จนตาย​ สมแล้ว​กับ​ที่​เป็น​โอรส​ศักดิ์สิทธิ์​”

เอี๋ยน​เชีย​นจ้ง​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ “เขา​ไม่ขยับเขยื้อน​มาสัก​พักใหญ่​แล้ว​ พวกเรา​น่าจะ​สามารถ​เปิด​กระถาง​สังหาร​ตอนนี้​ได้​แล้ว​สินะ​?”

สายตา​ของ​ราชา​สวรรค์​เกา​วูบวาบ​ “ข้า​ว่า​ พวกเรา​ควร​หารือ​กัน​ก่อน​ว่า​โอรส​ศักดิ์สิทธิ์​ใต้พิภพ​จะเป็น​ของ​ใคร​!”

ลู่​หลี​และ​ผู้บัญชาการ​แคว้น​คนอื่นๆ​ รู้สึก​หวาดหวั่น​ ทันใดนั้น​ ลู่​หลี​ก็​เกิด​จิต​เข่นฆ่า​ขึ้น​มา ไอ้​พวก​ตา​เฒ่าเจ้าเล่ห์​พวก​นี้​ เอาแต่​คิด​จะคัดง้าง​กับ​ข้า​ ทำไม​ข้า​ไม่ฉวยโอกาส​ตอนที่​พวกเขา​เปิด​กระถาง​ และ​ผลัก​พวกเขา​เข้าไป​เคี่ยว​กรำ​ให้​ตาย​ไป​ด้วย​เสีย​เลย​ล่ะ​! เคี่ยว​กรำ​พวกเขา​ให้​ตาย​น่าจะ​ง่าย​กว่า​จัดการ​โอรส​ศักดิ์สิทธิ์​ใต้พิภพ​เยอะ​!

ใน​ตอนนั้น​เอง​ แผ่นดิน​ก็​ปูด​สูงขึ้น​ และ​ประตู​บาน​หนึ่ง​ก็​ปรากฏ​ ประตู​นั้น​เปิด​อ้า​ พร้อมกับ​มีเสียงหัวเราะ​เบา​ๆ ดัง​ออก​มาจาก​ข้างใน​ “ข้า​คิด​ว่า​ พวก​เจ้าควร​ส่งโอรส​ศักดิ์สิทธิ์​ใต้พิภพ​มาให้​ข้า​!”

ตูม​

ทะเล​แห่ง​แดน​บาดาล​ถล่ม​ลงมา​ และ​กด​ทับ​ลง​ไป​บน​ผู้มีอิทธิพล​แดน​ใต้พิภพ​ทั้งหลาย​!

ใน​ทะเล​แดน​บาดาล​ก็​ยังมี​ไฟผีโขมด​ที่​เคลื่อนไหว​อย่าง​รวดเร็ว​เพื่อ​สังหาร​ราชา​สวรรค์​เกา​ เอี๋ยน​เชีย​นจ้ง​ และ​คนอื่นๆ​

ลู่​หลี​และ​พรรคพวก​ถูก​ตรึง​สะกด​เอาไว้​ใน​ทะเล​บาดาล​ และ​กระดูก​ของ​พวกเขา​ก็​หัก​ไป​หลาย​ท่อน​ หัวใจ​ของ​พวกเขา​เย็นเฉียบ​เมื่อ​เห็น​ไฟผีโขมด​สังหาร​ผู้มีอิทธิพล​แดน​ใต้พิภพ​ไป​สิบ​กว่า​ตน​ ทำลาย​จิตวิญญาณ​ดั้งเดิม​ของ​พวกเขา​ เมื่อ​จิตวิญญาณ​ดั้งเดิม​ของ​พวกเขา​ถูก​ทำลาย​ พวก​มัน​ก็​แปร​เปลี่ยนไป​เป็น​อนุภาค​วิญญาณ​ละเอียด​มากมาย​เพื่อ​ขยาย​ขอบเขต​ของ​ทะเล​แดน​บาดาล​

วูชชช​

ทะเล​ไหลบ่า​เข้าไป​ใน​ประตู​และ​หายวับ​

ในขณะเดียวกัน​นั้น​ ไฟผีโขมด​ก็​ลอย​วน​ไป​รอบ​ๆ ลู่​หลี​และ​พวก​ที่​เหลือ​แต่​ไม่สังหาร​พวกเขา​

“พวก​เจ้าคือ​ผู้บัญชาการ​แคว้น​ที่​ฝ่าบาท​ส่งมาประจำการ​ใน​แดน​ใต้พิภพ​ ถ้าข้า​สังหาร​พวก​เจ้าไป​จะมิใช่เป็นการ​ก่อ​กบฏ​หรอก​หรือ​”

จาก​ประตู​ บุรุษ​ที่​หล่อเหลา​จน​ผิดธรรมดา​เดิน​ออกมา​พลาง​ไพล่​มือ​ไว้​ที่​หลัง​ สีหน้า​ของ​ลู่​หลี​และ​พรรคพวก​แปรเปลี่ยน​ “โอรส​หยิน​สวรรค์​!”

โอรส​หยิน​สวรรค์​เดิน​ตรง​ไป​ยัง​กระถาง​สังหาร​และ​หัวใจ​ของ​เขา​ก็​รุ่มร้อน​ไป​ด้วย​ความตื่นเต้น​ เขา​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ “ในที่สุด​โอรส​ศักดิ์สิทธิ์​ใต้พิภพ​ก็​จะเป็น​ของ​ข้า​! มหิ​ทธา​นุ​ภาพ​ของ​ภูติ​บดี​ มหิ​ทธา​นุ​ภาพ​ของ​ข้า​…”

มือ​ของ​เขา​วาง​ลง​ไป​บน​ตาข่าย​สวรรค์​และ​สั่นเทิ้ม​เล็กน้อย​ขณะที่​ค่อยๆ​ ยก​เปิด​มัน​ขึ้น​มา

…………..

[1] นก​ขมิ้น​ มาจาก​สำนวน​ ‘ตั๊กแตน​ตำ​ข้าว​ย่อง​ตาม​จั๊กจั่น​ ไม่รู้​เลย​ว่า​มีนก​ขมิ้น​ย่อง​ตาม​มัน​มาอีกที​’

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด