ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋องบทที่ 252 ตายก็ต้องลากเจ้าไปด้วย
เซียวอี้อยู่ในอาภรณ์สีหม่นทั้งชุด แตกต่างอาภรณ์ที่เขาสวมใส่ตามอำเภอใจเมื่อพำนักอยู่ในเมืองหลวง ส่วนหัวไหล่กว้าง ช่วงเอวสอบราวกับใบมีดให้ความรู้สึกจริงจัง องอาจไปทั้งร่าง
ดูท่าแล้วเซียวอี้ฟื้นฟูร่างกายได้ไม่เลวในระยะเวลาหนึ่งวัน ท่าทางของเขาดูไม่ต่างจากในยามปกติมากนัก ทว่าสีหน้าพยับเมฆพยับหมอกเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม
เขามองรอยยิ้มและฟันขาวสะอาดสะอ้านบนใบหน้าของหลินชิงเวยแล้วอดไม่ได้ที่จะกล่าววาจาถากถาง “เจ้าคิดว่ามีเปิ่นหวางลงใต้ไปด้วย เซ่อเจิ้งอ๋องก็จะไม่ตายหรือไร? สิ่งที่เขาควรได้รับ เขาย่อมหนีไม่พ้น”
หลินชิงเวยเก็บห่อผ้าสัมภาระของตนแล้วหยิบขึ้นสะพายไหล่ เลิกคิ้วพูดกับเขาว่า “เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้ท่านเป็นห่วง พวกเราจะออกเดินทางกันตอนนี้?”
เซียวอี้มองหลินชิงเวยราวกับเขาต้องการจะพูดอันใด ทว่าท้ายที่สุดยังคงเม้มริมฝีปากไม่เอ่ยอะไรออกมา แต่ในขณะที่เขากำลังจะหันกายกลับไปก็เกิดเสียงสายลมวูบหนึ่งที่พัดผ่านต้นหญ้าไหวเอน ส่งผลให้ร่างของเขาถึงกับชะงักงัน
เขาพูดเสียงต่ำอย่างคลุมเครือ “แต่ละคนราวกับสุนัขก็ไม่ปาน ถึงกับตามหามาถึงที่นี่”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้หลินชิงเวยอดที่จะตะลึงไม่ได้ ในใจนางแจ่มแจ้งดีว่าองครักษ์ลับที่ติดตามนางมาคงแกะรอยมาถึงที่นี่แล้ว มิอาจดูเบาวรยุทธ์ของคนเหล่านั้นเด็ดขาด
ก่อนหน้านี้หากพวกเขาจะติดตามหลินชิงเวย นางเองไม่คิดว่าจะมีปัญหาอันใด แต่เวลานี้เมื่อเพิ่มเซียวอี้เข้ามาอีกคนหนึ่ง หากเรื่องที่นางและเซียวอี้มาพบกันและเดินทางร่วมกันถูกล่วงรู้เข้า มีแต่จะนำมาซึ่งความยุ่งยากที่ไม่จำเป็น
ชัดเจนยิ่งนักว่าเซียวอี้คิดเช่นนี้เหมือนกัน เทียบกับหลินชิงเวยแล้วเขายิ่งไม่ปรารถนาให้อีกฝ่ายล่วงรู้ร่องรอยของตนมากกว่า ทันทีที่ปลายนิ้วของเขาดีดออกไป เทียนไขในห้องก็ดับวูบ เบื้องหน้าจึงมีเพียงความมืดสนิท
ทั้งสี่ด้านของคฤหาสน์ล้วนได้จัดยอดฝีมือเอาไว้ องครักษ์ลับเหล่านี้หาตำแหน่งที่ตั้งของคฤหาสน์พบเป็นเรื่องหนึ่ง แต่หมายจะบุกเข้าไปอย่างราบรื่นนั้นยังต้องใช้เวลาอีกครู่หนึ่ง
ดังนั้นเซียวอี้จึงเคลื่อนกายเข้าใกล้หลินชิงเวยแล้วจับข้อมือของนางเอาไว้ ทั้งยังมีอารมณ์หยอกเย้าถากถางนางว่า “เดิมทีฝ่าบาทไม่พอใจเปิ่นหวางอยู่แล้ว เจ้าคิดว่าหากเขารู้ว่าเปิ่นหวางลักพาตัวนางสนมคนโปรดแล้วหนีไปด้วยกัน เขาจะโมโหกระทั่งกระอักออกมาเป็นเลือดหรือไม่?”
หลินชิงเวยพูดอย่างไม่เดือดเนื้อร้อนใจ “คิดว่าคงจะสั่งให้คนสับท่านเป็นหมื่นๆ ชิ้นทันทีกระมัง”
เซียวอี้แค่นฮึเสียงเย็น “จะลากเปิ่นหวางลงน้ำไปด้วย ต่อให้เปิ่นหวางต้องตายก็ต้องลากเจ้าไปด้วย! เมื่อเดินทางไปถึงน้ำพุเหลืองแล้วเป็นผีสามีภรรยากันก็ไม่เลวนัก!”
ยามนี้เสียงต่อสู้ประมือกันดังมาจากด้านนอกคฤหาสน์แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังปรากฏให้เห็นเงาร่างสีดำหลายสายกำลังพุ่งตรงมายังด้านในคฤหาสน์
เซียวอี้ไม่เสียเวลาเช่นกัน เขาลากหลินชิงเวยพุ่งออกไปนอกห้องแล้ววิ่งออกไปด้านนอก ก่อนหน้าที่คนเหล่านั้นจะเข้ามาตรวจค้นภายในคฤหาสน์
เส้นทางสายเล็กๆ ในสวนไผ่ ภูเขาจำลอง และบ่อน้ำ เมื่ออยู่ภายใต้เวลากลางคืนแล้วจึงมองไม่เห็นชัดเจนนัก ทัศนียภาพสองข้างทางผ่านตาหลินชิงเวยไปอย่างรวดเร็ว กระทั่งฝีเท้าของตนนางก็ไม่อาจควบคุมได้ ไหนเลยจะมีแก่ใจชื่นชมทัศนียภาพของที่นี่ บนทางเดินเต็มไปด้วยหิมะที่ตกลงมาเมื่อสองวันก่อน เวลานี้จึงทั้งเปียกทั้งลื่น หลินชิงเวยก้าวเดินได้ไม่มั่นคง ถลาลื่นไปหลายครา เคราะห์ดีที่เซียวอี้จับมือของนางเอาไว้จึงไม่ถึงกับล้มลงบนพื้น ทว่าด้วยย่างก้าวของเซียวอี้แล้วหลินชิงเวยแทบจะถูกเขาลากตัวไป
หลังจากเดินออกมาได้ระยะหนึ่ง สัมผัสและสัญชาตญาณเซียวอี้แม่นยำยิ่งนัก เขารับรู้ได้แล้วว่าเบื้องหลังมีคนกำลังไล่ล่ามาทางนี้ เขามองหลินชิงเวยผู้เปรียบเสมือนภาระของตนในยามนี้แล้วโอบมือไปรอบเอวของนางโดยไม่พูดไม่จา พานางเหินกายพุ่งไปข้างหน้าทันที
เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วหลินชิงเวยจึงไม่เกรงใจเขาเช่นกัน อย่างไรทั้งสองฝ่ายต่างมีจุดประสงค์เดียวกัน นางจึงไม่เห็นเป็นคนอื่นคนไกล มือทั้งคู่ของนางโอบไปรอบหัวไหล่ของเซียวอี้พร้อมกับแอบอิงร่างของตนไปกับร่างของเขา
ไม่รู้ด้วยเหตุใดเมื่อหลินชิงเวยกระทำเช่นนี้ ส่งผลให้หัวใจของเซียวอี้อ่อนระทวยลงทันที บนใบหน้าของเขาปรากฏให้เห็นรอยยิ้มเย็นชาที่คล้ายมีคล้ายไม่มีในยามราตรีนี้ “ก่อนหน้านี้เจ้าไปอยู่ที่ไหนมาเล่า เวลานี้เพิ่งจะรู้จักเข้ามาพึ่งพิงเปิ่นหวาง”
หลินชิงเวยเยาะเย้ย “ท่านอ๋องอย่าได้พูดจาหาสาระไม่ได้เช่นนี้ รู้ว่าตนเองสำคัญตนผิดยังไม่คิดจะปรับปรุงแก้ไข”
เซียวอี้คร้านจะโต้คารมกับนาง เขาพานางวิ่งไปถึงเรือนหลังหนึ่งก่อนหน้าที่คนข้างหลังจะไล่ตามมาทัน เรือนหลังนี้ในยามนี้มีแต่ความมืดมิดเช่นกัน ทว่าเงียบสงบอย่างยิ่ง ไม่มีเวลารีรอ เซียวอี้ยกเท้าขึ้นถีบประตูห้องอุ้มหลินชิงเวยเข้าไปหลังจากนั้นใช้ขาเตะประตูปิดกลับไป
ห้องนี้มีขนาดใหญ่มาก ด้านนอกหน้าต่างมีแสงสว่างที่ลอดมาจากโคมไฟด้านนอก ไม่รู้ว่าเซียวอี้แตะถูกปุ่มลับอันใดจึงได้ยินเสียงดึงครืดๆ หลินชิงเวยมองไปรอบๆ ท่ามกลางแสงสลัวจากโคมไฟที่สาดสองมาจากด้านนอกนางมองไม่เห็นว่าในห้องนี้มีห้องลับแต่อย่างใด
เซียวอี้มองนางแล้วชี้ไปที่พื้น “มองอะไรกันเล่า อยู่บนพื้น” พูดแล้วก็กระชากพรมที่ปูบนพื้นออก
หลินชิงเวยมองไปเห็นบนพื้นมีทางเข้าออกทางหนึ่ง ข้างในลึกเกินไปจึงมองเห็นเพียงขั้นบันไดไม่กี่ขั้น
“ยังรีรออันใด ยังไม่ลงไปอีก?” เซียวอี้กล่าว “เจ้ากลัวหรือ?”
หลินชิงเวยพลันยื่นมือออกมาผลักเซียวอี้ลงไป “มิใช่ต่างฝ่ายต่างต้องการลากอีกฝ่ายไปด้วยหรือ ข้ากลัวอันใดกัน” ดังนั้นหลินชิงเวยจึงเดินลงบันไดไปเช่นกัน
ด้านล่างมีเพียงความมืดมิดมองไม่เห็นสิ่งใด นางไม่ลืมหันกลับมาปูพรมกลับเข้าที่เหมือนเดิม เซียวอี้ที่อยู่ด้านล่างเปิดปุ่มลับต่อไป ทางเข้าออกห้องลับค่อยๆ ปิดเข้าหากัน ท่ามกลางความมึนงง หลินชิงเวยรู้สึกว่าองคาพยพบนใบหน้าของนางราวกับสูญสิ้นความรู้สึก
ทันใดนั้นมีมือข้างหนึ่งกระชากแขนของนาง หลินชิงเวยแบ่งแยกทิศทางไม่ออก คนทั้งคนจึงตกลงไปด้านล่างบันได
นางมิได้กลิ้งตกบันไดไป เซียวอี้ที่อยู่ด้านล่างรับตัวนางเอาไว้ในอ้อมกอดของเขา
เสียงของเซียวอี้ดังขึ้นในอุโมงค์แคบๆ แห่งนี้ มันสะท้อนก้องให้ได้ยินเสียงเปี่ยมเสน่ห์ของหนุ่มใหญ่ “เจ้าเสนอตัวเข้ามาในอ้อมกอดเช่นนี้ เป็นเรื่องไม่เลวเลยทีเดียว”
หลินชิงเวยรู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นบ้างแล้ว “ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะฝังเข็มลงบนร่างของท่านอีกสักสองเข็ม” ที่จริงแล้วนางทำเช่นนั้นจริงๆ เพียงแต่เซียวอี้หลบหลีกได้อย่างคล่องแคล่วว่องไวจึงไม่ได้ถูกนางฝังเข็ม
ต่อมาเซียวอี้จับมือนางแล้วเดินฝ่าความมืดไปยังข้างหน้า
ไม่รู้ว่าเส้นทางที่กำลังก้าวเดินอยู่นั้นออกไปทิศทางใด แต่เซียวอี้เดินอย่างเป็นธรรมชาติ หลินชิงเวยได้แต่เชื่อใจเขาเป็นการชั่วคราว ทางที่เดินอยู่นั้นราบเรียบจึงไม่ถึงกับหกล้ม มีเซียวอี้เดินนำอยู่ข้างหน้า แม้หลินชิงเวยจะมองไม่เห็น แต่ยังคงก้าวเดินได้อย่างมั่นคงอยู่ข้างหลังก็พอแล้ว
ไม่รู้ว่าเดินอยู่เนิ่นนานเท่าใด ทว่าเห็นแสงสว่างสลัวอยู่ด้านหน้า นี่สำหรับคนที่ตกอยู่ในความมืดย่อมพบเห็นได้ในทันที ยามนี้ย่างก้าวของหลินชิงเวยจึงรวดเร็วและเบาหวิวขึ้นทันที
ทางออกเหมือนปากถ้ำที่ถูกปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์ เมื่อคนทั้งสองออกมาแล้วมองออกไป สิ่งที่ปรากฏให้เห็นก็คือผืนป่ารกร้าง แม้บริเวณใกล้เคียงจะไม่มีภูเขาลูกใหญ่ตั้งตระหง่านให้เห็น แต่เมื่อมองออกไปทั้งระยะใกล้และระยะไกลล้วนเป็นแนวเทือกเขาที่ซ้อนตัวลดหลั่นกันไป บนยอดเขานั้นยังปรากฏให้เห็นหิมะสีขาวที่ยังไม่ทันได้ละลาย
อากาศที่สูดผ่านเข้าจมูกนั้นเย็นเยียบและสดชื่นยิ่งนัก หลินชิงเวยตระหนักว่ายามนี้พวกเขาได้มาถึงนอกเมืองแล้วจึงอดไม่ได้ที่เหลือบตาไปมองเซียวอี้แวบหนึ่ง “คิดไม่ถึงว่าคฤหาสน์ของท่านยังมีเส้นทางลับเช่นนี้”
Comments