ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋องบทที่ 253 สงสัยว่าอาหารมียาพิษ

Now you are reading ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง Chapter บทที่ 253 สงสัยว่าอาหารมียาพิษ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เซียว​อี้​ยกมือ​ทั้งคู่​กอดอก​เอนกาย​พิง​ไป​กับ​ผนัง​ของ​ถ้ำ ณ ขอบฟ้า​เห็น​สีขาว​รางๆ​ มาตรว่า​อีกไม่นาน​ฟ้าก็​จะสว่าง​แล้ว​ เขา​สูด​ลมหายใจ​ “พา​เจ้าออกมา​ไม่ง่ายดาย​เลย​” พูด​แล้วก็​ยก​มือขึ้น​กอดอก​เสแสร้ง​ทำท่า​น่าสงสาร​ “จะต้อง​เป็น​เพราะ​ข้า​ใช้กำลัง​มากเกินไป​เป็นแน่​ ทำให้​ยาม​นี้​ข้า​รู้สึก​ไม่ค่อย​สบาย​เนื้อ​สบาย​ตัว​นัก​ ดูเหมือน​พิษ​จะกำเริบ​ ไม่สู้เจ้าให้ยา​ถอนพิษ​แก่​ข้า​อีก​ครั้งหนึ่ง​?”

หลิน​ชิงเวย​ตวัดสายตา​เหลือบมอง​เขา​แล้ว​หัวเราะ​ออกมา​พรืด​หนึ่ง​ “ท่าน​จะกิน​ยา​ส่งเดช​ไม่ได้​ หลังจากนี้​เจ็ด​วัน​ ท่าน​จึงจะกิน​ยา​อีกครั้ง​ได้​ ไม่ต้อง​รีบร้อน​”

เซียว​อี้​เหยียด​กาย​ขึ้น​ยืน​ตรง​ ก้าว​เท้า​เดิน​ออก​ไป​จาก​ถ้ำ หลิน​ชิงเวย​ตามมา​ด้านหลัง​เอ่ย​ขึ้น​ว่า​ “ที่นี่​มัน​คือ​สถาน​ที่ใด​กัน​?”

เซียว​อี้​ “เจ้าไม่แจ่มแจ้งแม้แต่​สถานที่​อัน​ใด​ก็​ยัง​กล้าหาญ​เดินทาง​ไป​หนาน​เจียง​เพียง​คนเดียว​?”

“ดังนั้น​ข้า​มิใช่ประเมิน​กำลัง​ความสามารถ​ของ​ตน​แล้ว​หรือ​ไร​ จึงตัดสินใจ​พา​ท่าน​ไป​ด้วยกัน​”

“ฮึ” เซียว​อี้​เดิน​ไป​ถึงพื้นที่ราบ​ เขา​ยื่น​นิ้ว​เข้าไป​ใน​ปาก​แล้ว​ผิวปาก​ครั้งหนึ่ง​ ไม่นาน​นัก​ก็​เห็น​ม้าสอง​ตัว​วิ่ง​กุบกับ​ๆ มาจาก​ภูเขา​อีก​ด้าน​หนึ่ง​

หลิน​ชิงเวย​หรี่ตา​ลง​พลัน​กระจ่างแจ้ง​ใน​ใจ คน​ผู้​นี้​ได้​เตรียมการ​เอาไว้​แต่แรก​แล้ว​ พา​ตัวนาง​ผ่าน​เส้น​ทางลับ​มาถึงสถานที่​แห่ง​นี้​เพื่อ​หลีกเลี่ยง​ความยุ่งยาก​ทั้งปวง​

ดังนั้น​พวกเขา​ไม่เสียเวลา​อีกต่อไป​ คน​ทั้งสอง​ควบม้า​ออกจาก​สถานที่​แห่ง​นี้​

จาก​เมืองหลวง​ถึงเมือง​ถัดไป​ทางทิศใต้​เป็น​ระยะทาง​หลาย​สิบ​ลี้​ ฟ้าสว่าง​แล้ว​คาด​ว่า​อีกไม่นาน​ก็​จะเป็นเวลา​ยาม​เที่ยง​

เซียว​อี้​พา​หลิน​ชิงเวย​ไป​ถึงโรงเตี๊ยม​แห่ง​หนึ่ง​อย่าง​คุ้นเคย​ลู่ทาง​ดี​ เขา​เปิด​ห้อง​สอง​ห้อง​ ลูกค้า​ที่​เข้ามา​เปิด​ห้องพัก​ค้างแรม​ใน​ยาม​กลางวัน​มีค่อน​ข้างน้อย​ โดยส่วนใหญ่​มักจะ​กิน​อาหาร​อยู่​ใน​ห้องโถง​ใหญ่​ ร่าง​ของ​หลิน​ชิงเวย​และ​เซียว​อี้​เต็มไปด้วย​ฝุ่น​ ทว่า​คน​หนึ่ง​เป็น​หนุ่ม​น้อยหน้า​มน​ อีก​คน​เป็น​หนุ่มใหญ่​รูปงาม​จึงยังคง​เป็นที่​สนใจ​ของ​สายตา​คน​รอบข้าง​อยู่​นั่นเอง​

หลิน​ชิงเวย​กลับ​ไป​ยัง​ห้องพัก​ชำระ​กาย​ด้วย​น้ำร้อน​ไป​ยก​หนึ่ง​ เมื่อ​ต้อง​ออกมา​ข้างนอก​ทุกสิ่งทุกอย่าง​ล้วน​ไม่อาจ​เปรียบเทียบ​กับ​ใน​วังหลวง​ได้​ นาง​เอง​มิใช่คน​จู้จี้จุกจิก​อัน​ใด​ จึงชำระ​กาย​อย่าง​ยอม​รับสภาพ​ หลังจาก​ชำระ​กาย​แล้วจึง​พบ​ว่า​ร่าง​ของ​ตน​แทบจะ​แตกสลาย​ นาง​ยัง​ไม่เคย​ขี่ม้า​ระยะ​ทางไกล​ถึงเพียงนี้​มาก่อน​ ขา​ทั้งสอง​จึงเกร็ง​ค้าง​ ด้านใน​ของ​ต้นขา​ทั้งสอง​ข้าง​ถูก​เสียดสี​จน​แดง​ไป​ทั้ง​แถบ​ อีก​ทั้ง​รู้สึก​ปวดแสบปวดร้อน​

หลิน​ชิงเวย​หยิบ​ขี้ผึ้ง​ออกมา​ทา​ต้นขา​ของ​ตน​ นาง​เพิ่งจะ​ลุกขึ้น​ผลัดเปลี่ยน​อาภรณ์​ ขณะที่​กำลังจะ​สวม​อาภรณ์​เรียบร้อย​ นาง​สะบัด​ปลาย​ผม​ที่​ครึ่ง​เปียก​ครึ่ง​แห้ง​ เสียงเคาะ​ประตู​พลัน​ดัง​ขึ้น​ นาง​เปิด​ประตู​เห็น​เซียว​อี้​ยืน​อยู่​หน้า​ประตู​ มือ​ข้าง​หนึ่ง​ของ​เขา​ถือ​ถาด​ใบ​หนึ่ง​ ใน​ถาด​ใบ​นั้น​มีอาหาร​หลายอย่าง​

เขา​มอง​หลิน​ชิงเวย​ขึ้นๆ ลงๆ​ อย่าง​ประเมิน​ในที​แล้ว​ยัก​ยิ้มมุมปาก​อย่าง​หยอกเย้า​ สายตา​ตก​ลงมา​ปก​คอเสื้อ​ของ​หลิน​ชิงเวย​ที่​ยัง​ไม่ได้​ทบ​ให้​ดี​ พร้อมกับ​สูดดม​และ​กล่าวว่า​ “หญิง​งามเพิ่ง​ชำระ​กาย​ คง​ได้​แต่​โทษ​ข้า​ที่มา​ช้าไป​ก้าว​หนึ่ง​”

หลิน​ชิงเวย​ดึง​ปก​คอเสื้อ​ให้​กระชับ​ขึ้น​ หัน​กาย​กลับ​ไป​ราวกับ​ไม่มีอะไร​เกิดขึ้น​ “ท่าน​ควรจะ​ดีใจ​ที่​ท่าน​มาช้าไป​ก้าว​หนึ่ง​ หาไม่​แล้ว​ข้า​จะต้อง​ทำให้​ดวงตา​ทั้งคู่​ของ​ท่าน​มืด​บอด​”

เซียว​อี้​วาง​อาหาร​ลง​บน​โต๊ะ​ “กิน​เถิด​ นี่​เป็น​อาหาร​ที่​ดี​ที่สุด​ใน​โรงเตี๊ยม​ ไม่รู้​รูปร่าง​บอบบาง​สูงศักดิ์​เช่น​เจ้าจะกิน​ได้​หรือไม่​”

ชัดเจน​ยิ่งนัก​ว่า​ปริมาณ​ของ​อาหาร​นั้น​เตรียม​มาสำหรับ​สอง​คน​

หลิน​ชิงเวย​เร่ง​เดินทาง​มาตลอด​ทั้งคืน​ นาง​หิว​จน​ไส้กิ่ว​นาน​แล้วจึง​ไม่ใส่ใจเซียว​อี้​ ตัก​ข้าว​และ​เริ่ม​กิน​อาหาร​ช้าๆ

เซียว​อี้​มอง​นาง​กิน​อาหาร​อย่าง​ออกรส​อยู่​ด้าน​ข้าง​ ถึงกับ​รู้สึก​ว่า​นาง​กิน​อาหาร​ธรรมดา​สามัญนี้​ราวกับ​มัน​เป็น​อาหาร​เลิศ​รส​อย่างไร​อย่างนั้น​ ลำพัง​แค่​มองดู​นาง​กิน​อาหาร​ก็​ถือเป็น​ความสุข​อย่างหนึ่ง​ ทว่า​เขา​ยังคง​หยิบ​ถ้วย​และ​ตะเกียบ​ขึ้น​มา “เจ้าไม่มีการ​ป้องกันตัว​เช่นนี้​ ไม่กลัว​ว่า​ข้า​จะใส่อะไร​ลง​ไป​ใน​อาหาร​หรือ​ไร​?”

“หาก​ทำ​เช่นนั้น​จะมีผลดี​อัน​ใด​กับ​ท่าน​” หลิน​ชิงเวย​ไม่เชื่อถือ​คน​เช่น​เซียว​อี้​ เพียงแต่​เซียว​อี้​จัดเตรียม​อาหาร​สำหรับ​สอง​คน​มา แสดงให้เห็น​ว่า​เขา​เอง​ต้อง​กิน​ด้วย​ เขา​คง​ไม่ถึงกับ​วางยา​ลง​ไป​ใน​อาหาร​ที่​เขา​ต้อง​กิน​ด้วย​กระมัง​ อีก​ทั้ง​ยาพิษ​และ​ยาสลบ​เหล่านั้น​มิอาจ​ล้ม​นาง​ได้​

เซียว​อี้​ใช้ตะเกียบ​คีบ​อาหาร​ส่งเข้า​ปาก​ ทันที​รับรู้​รสชาติ​ของ​อาหาร​ก็​อด​ไม่ได้​ที่จะ​ขมวดคิ้ว​ ชัดเจน​ยิ่ง​ว่า​อาหาร​เหล่านี้​มิได้​เอร็ดอร่อย​เหมือนกับ​ที่​นาง​กิน​

หลังจาก​กินข้าว​อิ่ม​แล้ว​ หลิน​ชิงเวย​ล้ม​ตัว​ลงนอน​บน​เตียง​ด้วย​ความ​เหนื่อยล้า​เมื่อคืน​ไม่ได้​นอน​ทั้งคืน​ นาง​เอนกาย​นอน​ใน​ครั้งนี้​เป็นการ​หลับ​ลึก​ กระทั่ง​ท้องฟ้า​เปลี่ยนเป็น​สีโพล้เพล้​

ยาม​นี้​สายลม​อัน​เหน็บ​หนาว​พัด​อยู่​นอก​หน้าต่าง​ หิมะ​เล็ก​ๆ เริ่ม​ตก​ลงมา​กลางอากาศ​ เซียว​อี้​เข้ามา​ส่งอาหารเย็น​ใน​ห้อง​ของ​นาง​ ครั้งนี้​ปริมาณ​อาหาร​กลับเป็น​ของ​นาง​เพียง​คนเดียว​ หลิน​ชิงเวย​มองดู​กล่อง​อาหาร​อย่าง​มึนงง​ ไม่ได้​เริ่ม​ลงมือ​กิน​

เซียว​อี้​ยก​มือขึ้น​พูด​เย้า​ว่า​ “ยาม​นี้​เลยเวลา​อาหารเย็น​ไป​นาน​แล้ว​ ข้า​กิน​ไป​แล้ว​ เจ้าคง​มิได้​ระแวง​สงสัย​ว่า​ข้า​จะวางยา​ใน​อาหาร​ตอนนี้​กระมัง​?”

หลิน​ชิงเวย​ค่อยๆ​ ขยับ​ตะเกียบ​ใน​มือ​ สายตา​ของ​เซียว​อี้​จับจ้อง​ไป​ที่​ร่าง​ของ​นาง​ไม่วางตา​ มอง​นาง​กิน​อาหาร​ลง​ไป​ทีละ​คำๆ​

เมื่อ​หลิน​ชิงเวย​เงยหน้า​ขึ้น​มอง​เขา​ เขา​เดิน​ไป​หยุด​ริม​หน้าต่าง​ราวกับ​ไม่มีอะไร​เกิดขึ้น​ เขา​ผลัก​ประตู​หน้า​ออก​มอง​หิมะ​ที่​กำลัง​ตกหนัก​อยู่​ด้านนอก​ “เกรง​ว่า​หิมะ​ใน​ค่ำ​คืนนี้​จะไม่หยุด​ตก​ พวกเรา​พักแรม​ที่​โรงเตี๊ยม​แห่ง​นี้​สัก​คืนหนึ่ง​ พรุ่งนี้​ค่อย​เดินทาง​ต่อ​เถิด​” เห็น​หลิน​ชิงเวย​ไม่ตอบคำถาม​เขา​จึงเงียบ​ไป​ครู่หนึ่ง​แล้ว​เอ่ย​ขึ้น​ว่า​ “วางใจ​เถิด​ ใช้เวลา​ไม่ถึงสี่สิบ​เก้า​วัน​ พวกเรา​ก็​เดินทาง​ไป​ถึงหนาน​เจียง​”

หลิน​ชิงเวย​พูด​เรียบ​ “ข้า​ไม่กังวล​แม้แต่​นิดเดียว​ว่า​ภายใน​เวลา​สี่สิบ​เก้า​วันนี้​จะเดินทาง​ไป​ถึงที่นั่น​หรือไม่​ ข้า​เพียงแต่​กังวล​ว่า​เซ่อ​เจิ้งอ๋อง​ปลอดภัย​ดี​หรือไม่​ หาก​เขา​ตาย​แล้ว​ ท่าน​ก็​ต้อง​ตาย​ตาม​ไป​ด้วย​”

เซียว​อี้​สูด​ลม​หายใจเข้า​ลึก​ ด้วย​ถูก​คำพูด​ของ​นาง​ยั่วโทสะ​กระทั่ง​หน้าอก​สั่นสะท้าน​ “เขา​ตาย​ก็ดี​!” สตรี​ร้ายกาจ​นาง​นี้​รู้จัก​แต่​เป็นห่วง​เซ่อ​เจิ้งอ๋อง​ ไม่ดู​เสีย​บ้าง​เวลานี้​ผู้ใด​กันที่​เดิน​ทางลง​ใต้​เป็น​พัน​ลี้​เป็นเพื่อน​นาง​!

เซียว​อี้​เก็บ​ถ้วย​และ​ตะเกียบ​ออก​ไป​ หลิน​ชิงเวย​เช็ด​ปาก​ของ​ตน​แล้ว​เปิด​หน้าต่าง​ครึ่งหนึ่ง​ นั่ง​ชมหิมะ​ที่​ค่อยๆ​ ตก​ลงมา​ช้าๆ อยู่​ริม​หน้าต่าง​

ไม่รู้​ว่า​เซียว​เยี่ยน​เป็น​อย่างไรบ้าง​ ไม่รู้​ว่า​ซิน​หรู​อยู่​ใน​วัง​เป็น​อย่างไรบ้าง​ ไม่รู้​ว่า​ก่อน​ปีใหม่​จะหา​เขา​พบ​อย่าง​ที่​ตั้งใจ​ไว้​หรือไม่​

หิมะ​ที่​ตก​ลงมา​อย่าง​หนัก​ปกคลุม​ถนนหนทาง​จน​ดู​เยียบ​เย็น​ บน​ถนน​มีผู้คน​สัญจร​ไปมา​น้อย​ยิ่ง​ ล้วนแล้วแต่​สวม​อาภรณ์​ที่​ทำ​มาจาก​ผ้าสำลี​อย่าง​แน่นหนา​ ต่าง​เดินผ่าน​ไป​อย่าง​รีบร้อน​ ถนน​กลายเป็น​หิมะ​สีขาว​อย่าง​รวดเร็ว​ หลังคา​บ้านเรือน​ของ​ชาวบ้าน​ถูก​ปกคลุม​ไป​ด้วย​หิมะ​ราวกับ​เป็น​กำแพง​สีขาว​สะท้อน​แสงได้​อย่างไร​อย่างนั้น​

บน​โลก​นี้​ไม่มีสิ่งใด​ที่​ขาวสะอาด​บริสุทธิ์​อย่าง​แท้จริง​

สภาพอากาศ​เช่นนี้​ไม่เหมาะ​ใน​การ​เร่ง​เดินทาง​ ท้องฟ้า​ภายนอก​กลายเป็น​สีดำ​ หลิน​ชิงเวย​จึงปิด​หน้าต่าง​ กรอบ​หน้าต่าง​ถูก​หิมะ​ทำให้​เปียกชุ่ม​เห็น​ร่องรอย​ของ​น้ำ​อย่าง​ชัดเจน​ การ​เร่ง​เดินทาง​ทั้งวันทั้งคืน​ย่อม​ไม่เป็นผลดี​ต่อ​สุขภาพ​ เกรง​ว่า​นาง​ยัง​ไม่ทัน​ได้​หา​เซียว​เยี่ยนพบ​ตัวเอง​ก็​ต้อง​มาเหนื่อย​ตาย​เสีย​ก่อน​ เมื่อ​คิดได้​เช่นนี้​นาง​จึงพักผ่อน​อยู่​ใน​ห้อง​ด้วย​จิตใจ​ที่​สงบ​ลง​ พักผ่อน​ให้​ดี​พรุ่งนี้​เช้าจะได้​เดินทาง​ต่อ​

แม้ยาม​กลางวัน​จะได้​นอนหลับ​ลึก​ถึงเพียงนั้น​ เมื่อ​ถึงเวลา​กลาง​หลิน​ชิงเวย​ยังคง​รู้สึก​ง่วงงุน​อยู่​นั่นเอง​

กระทั่ง​เวลา​ยามดึก​อัน​เงียบสงบ​ ไม่รู้​ว่า​เป็นเวลา​ยาม​ใด​ ควัน​สาย​หนึ่ง​ลอย​เข้า​มาจาก​ช่อง​ประตู​ห้อง​ของ​หลิน​ชิงเวย​ มัน​ตลบอบอวล​ไป​ทั่ว​ทั้ง​ห้อง​ เช่นนี้​ยิ่ง​ทำให้​หลิน​ชิงเวย​นอน​หลับสนิท​ยิ่งขึ้น​

ยาม​นี้​กรอบประตู​ถูก​งัด​ออก​อย่าง​แผ่วเบา​ ประตู​ห้อง​ถูก​ผลัก​ให้​เปิด​ออก​ เงาร่าง​สีดำ​สาย​หนึ่ง​เร้น​กาย​เข้ามา​โดย​ไร้​สุ้มเสียง​ ดวงตา​เจ้าเล่ห์​คู่​หนึ่ง​มอง​หลิน​ชิงเวย​ที่นอน​อยู่​บน​เตียง​หายใจ​สม่ำเสมอ​ จึงเดิน​ไป​ยัง​โต๊ะ​ด้าน​ข้าง​วางใจ​

เก้าอี้​ติด​กำแพง​ตัว​หนึ่ง​ของ​โต๊ะ​นั้น​วาง​ห่อ​สัมภาระ​ของ​หลิน​ชิงเวย​

———————

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด