ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋องบทที่ 82 ดูซิว่าข้าจะเล่นงานเจ้าให้ตายหรือไม่

Now you are reading ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง Chapter บทที่ 82 ดูซิว่าข้าจะเล่นงานเจ้าให้ตายหรือไม่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลินเสวี่ยหรงไม่เคยพบเห็นนางที่เป็นเช่นนี้มาก่อน นางก้าวถอยหลังไปสองก้าวอย่างห้ามไม่อยู่ ยังคงไม่อาจหลุดพ้นจากการควบคุมของหลินชิงเวยได้ “เจ้าคิดจะทำอะไร?”

หลินชิงเวยยกยิ้มมุมปาก “เรื่องในวันนี้ยังไม่จบ เจ้าระวังตัวเอาไว้ให้ดี ระวังว่าพี่ใหญ่จะเล่นงานเจ้าจนตาย” พูดแล้วปลายนิ้วของนางก็ออกแรงสะบัด เกือบจะทำให้คางของหลินเสวี่ยหรงถึงกับเคลื่อนทีเดียว หางตาของหลินเสวี่ยหรงพลันเห็นว่ามีเงาร่างของคนๆ หนึ่งกำลังเดินมาบนทางเล็กๆ นี้ จึงโน้มร่างอันบอบบางล้มลงบนพื้นน้ำตาไหลพรากอย่างน่าสมเพชเวทนา

หลินเสวี่ยหรงเริ่มร่ำไห้พร้อมกับเอ่ยวาจากล่าวหา “พี่ใหญ่ข้าทำผิดอันใดท่านจึงได้ทำกับข้าเช่นนี้เจ้าคะ…ข้าทุ่มเทจิตใจกตัญญูต่อท่านพ่อ พยายามที่จะเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้ ตั้งแต่ท่านแต่งออกไปล้วนเป็นข้าที่ดูแลท่านพ่อ…ข้าทำอะไรผิดต่อท่านกันแน่…”

หลินชิงเวยกล่าวอย่างเห็นขัน “ผิดต่อข้าที่ใด? สิ่งที่เจ้าทำผิดต่อข้ามีมากมายยิ่งนัก เจ้าพูดมา เจ้าวางแผนลอบทำร้ายข้าครั้งแล้วครั้งเล่า ให้ข้าแต่งเข้าวังแทนเจ้าก่อน ต่อมาวางยาข้าทำให้ข้าถูกพรากความบริสุทธิ์ เจ้าพูดมาเรื่องใดบ้างที่เจ้าทำดีต่อข้า?”

หลินเสวี่ยหรงกล่าวทั้งน้ำตานองหน้า “พี่ใหญ่ ต่อให้ท่านไม่ชอบข้ารังเกียจข้า แต่ท่านก็ไม่ควรพูดจาให้ร้ายข้าเช่นนี้…” นางเงยหน้าขึ้นไปมองเงาร่างของคนๆ นั้น เซียวเยี่ยนกำลังเดินมาทางนี้เนิบๆ หลินเสวี่ยหรงราวกับคว้าฟางเส้นสุดท้ายที่จะช่วยชีวิตนางเอาไว้ได้ จึงกล่าวขึ้นอย่างร้อนรนว่า “เซ่อเจิ้งอ๋อง ท่านต้องให้ความเป็นธรรมกับเสวี่ยหรงด้วยเพคะ!”

สีหน้าบนใบหน้าของเซียวเยี่ยนไม่เปลี่ยนแปลง เย็นชายิ่งยวด ขณะที่เขายืนอยู่เบื้องหน้าหลินเสวี่ยหรงแล้วมองนางนิ่งๆ นางกลับไม่มีความกล้าหาญที่จะอุทธรณ์ว่าตนถูกใส่ร้าย

หลินชิงเวยถาม “ท่านมานานเพียงใดแล้ว?”

“มาสักพักแล้ว”

หลินชิงเวิยหัวเราะเสียงต่ำ “ท่านได้ยินไปมากน้อยเพียงใด?”

“ที่ควรได้ยิน ที่ไม่ควรได้ยิน เปิ่นหวางล้วนได้ยินหมดแล้ว”

หลินเสวี่ยหรงสั่นเทิ้ม นางฟุบร่างสั่นสะท้านอยู่บนพื้น นางกล่าวว่า “เซ่อเจิ้งอ๋อง ท่านฟังเสวี่ยหรงอธิบายเพคะ…เรื่องราวไม่ได้เป็นอย่างที่นางกล่าวมาเพคะ…”

เซียวเยี่ยนเดินผ่านร่างของนางไป “เปิ่นหวางกลับไม่ได้ยินนางพูดอะไร ส่วนใหญ่แล้วเป็นเจ้าที่พูด”

หลินชิงเวย “น้องเสวี่ยหรง หากเจ้ายังกล่าวว่าข้าพูดจาให้ร้ายเจ้าก็ไร้เหตุผลสิ้นดีแล้ว คำพูดล้วนเป็นเจ้าที่พูดออกมา และเป็นเจ้าที่รนมาหาเรื่องถึงที่ หากเจ้าฉลาดเฉลียวสักหน่อยก็ควรจะซ่อนตัวอยู่ในห้องไม่ต้องออกมา”

หลินเสวี่ยหรงช้อนตาขึ้นถลึงตามองนางด้วยความเกลียดชัง ในแววตานั้นเต็มไปด้วยความอาฆาตมาดร้าย

“พวกเจ้ากำลังพูดอะไรกัน ที่นี่ครึกครื้นเช่นนี้” ทันทีที่สิ้นเสียง คนทั้งสามต่างหันไปมองตามเสียง เห็นเพียงทางเล็กๆ ในสวนไผ่มีคนกำลังเดินเข้ามาคนหนึ่ง

คนๆ นี้สวมอาภรรณ์สีฟ้าครามขลิบเงิน อาภรณ์ด้านบนเปิดออกเล็กน้อย แขนเสื้อกว้างนั้นปลิวสะบัดตามแรงลม ท่วงท่าในการเดินเหินของเขางดงามราวกับไก่ตัวผู้ ให้ความรู้สึกเจ้าชู้เสเพลหาใดเปรียบ

หลินชิงเวยมองแล้วแอบขบฟันแน่น คนชั่วช้าครั้งก่อนเจ้าหนีรอดไปได้อย่างง่ายดาย ครั้งนี้เจ้ายังรนหาที่เอง วันนี้ข้าจะตุ๋นพวกเจ้าลงในหม้อเดียวกัน

คนที่กำลังเดินเข้ามาในคลองจักษุนั้นไม่ใช่เซียวอี้แล้วจะเป็นใครได้อีก

เซียวอี้เห็นหลินเสวี่ยหรงนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นจึงหรี่ตาลาถามว่า “พวกเจ้ารังแกเสวี่ยหรงที่เป็นสตรีบอบบางนางหนึ่ง ทำเช่นนี้ช่างไร้คุณธรรมยิ่งนัก”

ครานี้หลินเสวี่ยหรงยินดีปรีดาออกนอกหน้า ความน้อยเนื้อต่ำใจที่เสแสร้งแกล้งทำให้ปรากฏบนใบหน้าของนางยิ่งน่าสงสารขึ้นไปอีก “ท่านอ๋อง ท่านมาแล้ว…”

เซียวอี้ประคองหลินเสวี่ยหรงขึ้นมาโอบกอดไว้ “มีเรื่องอันใดพูดจากันดีๆ ไม่ได้ เสวี่ยหรง อย่าร้องไห้ ร้องไห้จนหัวใจข้าจะแตกสลายแล้ว”

หลินชิงเวยขนลุกเกรียวไม่มีกะจิตกะใจจะรั้งอยู่ที่นี่อีกต่อไป “เซี่ยนอ๋องถนอมพฤกษาอาลัยหยก อีกทั้งยังมีความรักหวานชื่นกับน้องเสวี่ยหรง คงไม่รบกวนช่วงเวลาความรักอันดูดดื่มระหว่างท่านทั้งสอง”

ไม่รอให้เซียวอี้และหลินเสวี่ยหรงได้เอ่ยวาจาสักประโยคสองประโยค หลินชิงเวยหันกายแล้วเดินจากไปทันที เซียวเยี่ยนมองเซียวอี้และหันไปมองหลินเสวี่ยหรงจากนั้นหันกายเดินจากไปเช่นกัน

หลินเสวี่ยหรงยังคงร่ำไห้อยู่ในอ้อมกอดของเซียวอี้ กล่าวตัดพ้อว่า “เมื่อสักครู่หากท่านอ๋องมาไม่ทัน เสวี่ยหรงได้แต่กลัวว่าจะถูกข่มเหงจนเป็นอย่างไรแล้ว…”

“ถูกรังแกจนเป็นอย่างไรแล้วหรือไม่?” เซียวอี้หัวเราะ สีหน้าของเขาไม่เกินจริงอย่างเมื่อสักครู่ เขาปล่อยหลินเสวี่ยหรง รอยยิ้มนั้นดูเย็นชาเล็กน้อย “เมื่อสักครู่คำพูดเหล่านั้นไม่เพียงเซ่อเจิ้งอ๋องที่ได้ยิน เปิ่นหวางเองก็ได้ยินหมดแล้วเช่นกัน”

ทั้งๆ ที่เขาล่วงรู้ความจริง แต่ยังคงเลือกที่จะปกป้องหลินเสวี่ยหรงด้วยไม่ต้องการให้หลินเสวี่ยหลงต้องอับอายเกินไปโดยการหาทางลงให้นางก้าวลงมา

เวลานี้คนไปหมดแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องแสดงละครอีกต่อไป

“ข้าไม่ได้ทำ…” หลินเสวี่ยหรงหน้าซีดเผือด นางส่ายหน้าคิดจะอธิบายอะไร แต่เมื่อตกอยู่ภายใต้สายตาจับจ้องของเซียวอี้กลับทำให้นางสั่นสะท้านได้มากกว่าอยู่ต่อหน้าเซ่อเจิ้งอ๋อง ราวกับมีมือข้างหนึ่งบีบเค้นหัวใจของนางทำให้หัวใจของนางหยุดเต้นได้ตลอดเวลา

สายตาของเซียวอี้ก้ำกึ่งระหว่างหยอกเย้าและจริงจัง เขากล่าวว่า “เมื่อก่อนเปิ่นหวางยังคิดว่าลูกไม้เล็กๆ น้อยๆ ของเจ้าล้วนเป็นการแสดงความฉลาดเฉลียวเล็กน้อย ทว่ายามนี้ดูแล้วล้วนเป็นการกระทำโง่เขลาอย่างที่สุด”

ราวกับการประมือกันในค่ำคืนนั้นและการพบกันใต้ดอกไห่ถัง ทำให้เขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่เขาปล่อยหลินชิงเวยไปแล้วเลือกเก็บหลินเสวี่ยหรงเอาไว้

เดิมทีเขาไม่ได้ถือคำพูดที่หลินชิงเวยพูดด้วยความร้อนรนในวังเป็นเรื่องจริงจัง แต่วันนี้ได้ยินหลินเสวี่ยหรงยอมรับกับหูตนเองเช่นนี้ เขากลับรู้สึกว่าเป็นหนามยอกอก

เซียวอี้ในอดีตจะมีท่าทีเช่นนี้ได้อย่างไร ทั้งๆ ที่เขารู้ดีว่าตนทุ่มเทแรงกายแรงใจไปมากมายเพียงใดเพื่อที่จะเป็นคุณหนูสายตรงของจวนมหาเสนาบดี เขาไม่เคยใส่ใจว่านางจะใช้วิธีการใด ด้วยนางรู้ว่ามีเพียงทำเช่นนั้นนางจึงจะเหมาะสมคู่ควรกับเขา ทว่าเวลานี้นางกำลังจะทำสำเร็จแล้ว เหตุใดเขากลับมีท่าทีเช่นนี้เล่า?

หลินชิงเวยและเซียวเยี่ยนคนหนึ่งเดินอยู่ข้างหน้าอีกคนหนึ่งเดินตามมาข้างหลัง หลินชิงเวยที่เดินเอามือไพล่หลังพลันหันกลับหลังมามองเขา “เมื่อสักครู่ท่านเห็นหมดแล้ว วันนี้หากข้าไม่ทำให้นางต้องร่ำไห้สักหนคงเป็นการผิดต่อตัวเองที่ต้องเดินทางออกมาไกลเช่นนี้ อย่างไร ท่านและข้าวันนี้จะลืมเลือนเรื่องราวในอดีตหรือไม่?”

เซียวเยี่ยนกล่าวเสียงทุ้มต่ำ “เจ้าคิดจะทำอย่างไร?”

หลินชิงเวยอมยิ้มและกล่าวว่า “บนใบหน้าของเซ่อเจิ้งอ๋องในเวลานี้เขียนตัวอักษรตัวใหญ่ๆ สองตัวว่า “หวั่นไหว” ท่านไม่ได้ปฏิเสธข้าก็เท่ากับรับปาก ท่านไม่ต้องทำอันใดทั้งสิ้นเพียงท่านให้ความร่วมมือกับข้าอย่างเต็มที่เป็นพอ”

เซียวเยี่ยนเอ่ยวาจาตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม “เจ้าคิดจะให้เปิ่นหวางร่วมมือกับเจ้าอย่างไร?”

“รู้แต่ทำเป็นไม่รู้ เห็นแต่ทำเป็นไม่เห็น นั่นถือเป็นความร่วมมืออย่างที่สุดสำหรับข้าแล้ว” นางหยิบยาลูกกลอนออกมาเม็ดหนึ่ง “มา กินเจ้าสิ่งนี้เข้าไปก่อน”

เซียวเยี่ยนมองนางแวบหนึ่งแล้วหยิบยาเม็ดนั้นส่งเข้าปากตนเองกลืนลงไปโดยไม่ถามอะไรทั้งสิ้น สำหรับเรื่องนี้หลินชิงเวยพึงพอใจยิ่งยวด จึงกล่าวอีกว่า “ท่านไม่กลัวว่าข้าจะให้ยาพิษท่านหรือ?”

“หากเป็นยาพิษ เจ้าวางยาพิษเปิ่นหวางจนตาย วันนี้สกุลหลินทั้งครอบครัวรวมทั้งตัวเจ้าจะไม่มีใครรอดชีวิตไปได้แม้แต่คนเดียว”

“แต่นั่นเป็นยาพิษจริงๆ”

เซียวเยี่ยนพลันรู้สึกไม่ค่อยดีทั่วร่าง “…”

หลินชิงเวยกล่าวยิ้มๆ อีกว่า “แต่ท่านวางใจได้ พี่สาวมียาถอนพิษ”

ต่อมาไม่นานภายในจวนสกุลหลินเริ่มงานเลี้ยงในยามกลางวัน เรือนชั้นกลางแบ่งออกเป็นสองชั้น ด้านนอกเป็นที่นั่งสำหรับรับรองบรรดาแขกฝ่ายชาย ด้านในอีกชั้นหนึ่งเป็นที่นั่งสำหรับเหล่าสตรี วันนี้เซ่อเจิ้งอ๋องและเซี่ยนอ๋องต่างมาร่วมงาน แน่นอนว่ายังมีโต๊ะประธานอีกโต๊ะหนึ่ง โต๊ะประธานมีครอบครัวสกุลหลี่ร่วมโต๊ะกับชินอ๋อง[1]ทั้งสองท่าน

[1] ชินอ๋อง หมายถึง ตำแหน่งที่ฮ่องเต้มักแต่งตั้งให้กับพระโอรสที่มีผลงานโดดเด่นเป็นที่ประจักษ์ หากผู้เป็นชินอ๋องสิ้นพระชนม์ผู้มาสืบทอดมักเป็นพระโอรสองค์โต หรือไม่ก็เป็นพระโอรสที่ประสูติจากพระชายาเอก อีกประการหนึ่งหากชินอ๋องสายใดไม่มีผู้สืบทอด ฮ่องเต้อาจแต่งตั้งองค์ชายโดยสายเลือดให้มาสืบทอดตำแหน่งอ๋องเหล่านั้นได้

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *