ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋องเล่มที่ 10 บทที่ 272 รู้อกรู้ใจกันดียิ่ง

Now you are reading ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง Chapter เล่มที่ 10 บทที่ 272 รู้อกรู้ใจกันดียิ่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

มือข้างหนึ่งของเซียวเยี่ยนกุมกระบี่ยาว โลหิตสดๆ ไหลผ่านปลายกระบี่หยดลงสู่พื้นแล้วแข็งตัวทันที มืออีกข้างหนึ่งของเขาถือเส้นด้ายสีทองที่ส่องประกายวิบวับท่ามกลางหิมะ

ฝ่ายตรงข้ามมีสิบกว่าคน และเขาต่อสู้เพียงลำพัง บนพื้นรอบๆ ตัวของเขามีศพนอนอยู่ราวๆ เจ็ดแปดศพ ล้วนเป็นการปลิดชีพในกระบี่เดียวทั้งสิ้น

เขายืนอยู่ที่นั่นประหนึ่งพญายมราช ยืนอยู่ที่นั่นไม่ไหวติง ทว่าบนรังสีอันเย็นเยียบที่แผ่กำจายออกมาจากร่างของเขา ส่งผลให้คนทั้งหมดต่างถอยห่าง

มือสังหารคนหนึ่งพุ่งโจมตีเข้ามาจากทางด้านข้าง เซียวเยี่ยนไม่ได้ลืมตามองเขาแม้แต่แวบเดียว เขาเงื้อดาบในมือฟาดฟันลงบนร่างของเซียวเยี่ยนอย่างเหี้ยมโหด ทว่าเซียวเยี่ยนเพียงยกมือขึ้นก่อนที่ดาบเล่มนั้นจะสัมผัสถูกร่างของเขา เส้นด้ายสีทองในมือของเขาดีดออกไปจากร่างของเขา ประดุจมังกรสัมผัสถูกลูกกระเดือกของมือสังหาร เส้นด้ายสีทองนั้นแทงทะลุลำคอของมือสังหาร มือสังหารร้องด้วยความเจ็บปวดเพียงครั้งเดียว เส้นด้ายสีทองนั้นรัดรอบลำคอของมือสังหารโลหิตสาดกระจายทันที

รวดเร็วว่องไวเพียงนี้ สังหารคนเพียงแค่ชั่วพริบตา ทำให้คนทั้งหมดต่างตกตะลึงพร้อมกับก้าวถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว

หัวหน้าของศัตรูกลุ่มนั้นเป็นบุรุษผู้มีกรอบหน้าแตกต่างจากชาวจงหยวน หากจะกล่าวให้ถูกต้องก็คือพวกเขาทั้งหมดไม่ใช่คนของแคว้นต้าเซี่ย แต่เป็นชาวอวิ๋นหนาน ในมือของเขาล้วนถือดาบโค้ง ถลึงตามองเซียวเยี่ยนด้วยความโกรธแค้น “วันนี้ ข้าจะดูว่าเจ้าจะหนีไปทางไหน! ทุกคนลงมือ!”

ใบหน้าเย็นชาของเซียวเยี่ยนมีคราบโลหิตอุ่นๆ ของศัตรู ความร้อนระอุของโลหิตนั้นไม่อาจทำให้ดวงตาหงส์คู่นั้นของเขาสว่างวาบได้

กระบี่ในมือของเขาดูเหมือนน้ำหนักเบา ทว่าราวกับสามารถงัดน้ำหนักพันชั่งได้ การลงมือของเขารวดเร็วประดุจสายฟ้าฟาด เห็นเพียงคมดาบพาดผ่านศัตรูส่งเสียงร้องแล้วล้มลงทันที

เสียงร้องในป่าดังขึ้นไม่หยุด คมดาบไม่มีตา ฟาดฟันใส่ร่างของเซียวเยี่ยนไม่หยุด ไม่ว่าจะทำให้ได้รับบาดเจ็บหรือไม่ แต่ไม่อาจทำให้เขาล้มลงได้

ฝ่ายตรงข้ามสูญเสียกำลังคนไปมากกว่าครึ่ง

เวลานี้เองมีเสียงขลุ่ยดังขึ้นในป่า เสียงขลุ่ยนั้นบาดหูยิ่งนัก ท่วงทำนองของมันไม่สม่ำเสมอนักเสมือนเสียงเพรียกของปีศาจ ดูเหมือนจะเสียดแทงเข้าไปในสมองของมนุษย์ เสียดแทงบาดลึกเสียจนรู้สึกเจ็บปวด

ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าเซียวเยี่ยนผู้มีพลังจิตแข็งแกร่งจะต้านทานได้หรือไม่ กระทั่งฝ่ายตรงข้ามล้วนได้รับผลกระทบจากเสียงขลุ่ยนี้ สีหน้าของพวกเขาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด

หัวหน้าของฝ่ายตรงข้ามร้องลั่น “ถอนกำลัง!”

ทันทีที่สิ้นเสียง รอบด้านของป่าเกิดเสียงสวบสาบๆ ชาวอวิ๋นหนานทั้งหมดถอยออกไปราวๆ ยี่สิบก้าว ล้อมบริเวณโดยรอบเอาไว้ ในมือถือดาบทว่าไม่เคลื่อนไหว

ผู้เป่าขลุ่ยเป็นชาวอวิ๋นหนานคนหนึ่ง ระหว่างเส้นผมของเขาทั้งสองด้านมีดอกไม้ทัดอยู่ดอกหนึ่ง สวมอาภรณ์ของชาวอวิ๋นหนาน เดินเข้ามาทีละก้าวๆ ชายอาภรณ์ปักลวดลายและกระดิ่งใบน้อย ส่งเสียงกรุ๊งกริ๊งตามจังหวะก้าวเดินที่ดังขึ้นทั่วบริเวณ

เขาเดินมุ่งหน้ามาเรื่อยๆ และหยุดลงเมื่อห่างจากเซียวเยี่ยนราวๆ สิบก้าว เป่าขลุ่ยในมือขลุ่ยอย่างต่อเนื่อง

ทันใดนั้นเสียงขลุ่ยเร่งเร้าเร็วขึ้น เสียงที่เกิดขึ้นรอบๆ ด้านหนาหูขึ้นเรื่อยๆ ราวกับระอุเดือดดาล ต่อมาสิ่งของที่มีลักษณะดำมะเมื่อมคลานเข้ามาจากทั้งสี่ทิศไม่ขาดสาย พวกมันครอบคลุมทุกพื้นที่ ต้นไม้ใบหญ้า

เซียวเยี่ยนจับจ้องสายตามองไป เห็นสิ่งที่คืบคลานเข้ามาจากทุกๆ ด้านนั้นเป็นแมงมุมสีดำ บนหลังของแมงมุมสีดำมีตราประทับสีแดงไม่สามัญ

แมงมุมสีดำเดินผ่านกลุ่มมือสังหารชาวอวิ๋นหนานอย่างรวดเร็ว และเมื่อพวกมันเดินผ่านผู้เป่าขลุ่ย พวกมันอ้อมผ่านเขาไป และตรงเข้ามาล้อมเซียวเยี่ยน

ยามนี้แมงมุมสีดำเกือบจะมาถึงตัวเซียวเยี่ยนแล้ว และเซียวเยี่ยนไร้หนทางที่จะถอย แม้กระทั่งบนต้นไม้ล้วนมีแมงมุมสีดำเกาะอยู่

ใบหน้าของผู้เป่าขลุ่ยปรากฏให้เห็นรอยยิ้มสาสมใจ ครานี้เซ่อเจิ้งอ๋องแห่งแคว้นต้าเซี่ยจะหนีเอาตัวรอดไปได้อย่างไร?!

ทันใดนั้นมีสายลมพัดมาวูบหนึ่ง พร้อมด้วยเสียงผิวปากยาวๆ ดังขึ้น ทำลายท่วงทำนองจากเสียงขลุ่ยของเขา ฝูงแมงมุมสีดำจึงเกิดความสับสนวุ่นวายในชั่วขณะ ผู้เป่าขลุ่ยมีสีหน้าเย็นชา เขาหรี่ตาลงพร้อมกับเคลื่อนไหวปลายนิ้วอย่างรวดเร็วพร้อมกับเร่งจังหวะในการเปล่าขลุ่ย

ทว่าเสียงผิวปากนั้นดังโอบล้อมภูเขาไม่หยุด ครั้งแล้วครั้งเล่า ราวกับมาจากภูเขาทางด้านนั้น และคล้ายว่ามาเบื้องหน้า สิ่งเดียวที่แยกแยะได้ก็คือเสียงผิวปากนี้ยิ่งดังชัดเจน ผู้ที่ผิวปากเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ

ประสาทการได้ยินของเซียวเยี่ยนไม่สามัญ เขาได้ยินเสียงควบม้าในลำดับแรก สีหน้าของเขาวูบไหว บางสิ่งบางอย่างวูบไหวในดวงตาของเขาและหายไปในชั่วพริบตา

เป็นไปไม่ได้ ไม่ใช่นาง นางอยู่ไกลถึงซั่งจิง

เมื่อหลินชิงเวยและม้าของนางปรากฏกายขึ้นข้างผืนป่านั้น สีหน้าของนางเย็นชา ปลายนิ้วบีบอยู่บริเวณริมฝีปาก เสียงผิวปากครั้งสุดท้ายของนางยาวยิ่งยวด

ชาวอวิ๋นหนานกำลังตกตะลึง “ฝูงงูมาแล้ว! นี่มันฤดูหนาว ไฉนจึงมีงูได้?!”

หลินชิงเวยหรี่ตาลงไม่ใส่ใจต่อแมงมุมสีดำที่มีมากมายก่ายกองนั้น นางสะบัดแส้ในมือแล้วควบม้าพุ่งทะยานเข้าไปหาเซียวเยี่ยน กีบม้าเหยียบแมงมุมสีดำเหล่านั้นจนกลายเป็นโคลนตม พร้อมกับเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของม้า หลินชิงเวยยกมือขึ้นดึงปิ่นปักผมแทงลงบนหลังม้าอย่างแรง ม้าตัวนั้นพุ่งไปข้างหน้าด้วยความบ้าคลั่ง เมื่อม้าตัวนั้นควบผ่านหน้าเซียวเยี่ยน นางกระโดดลงจากหลังม้าพร้อมกับร้องว่า “เซียวเยี่ยน!”

เซียวเยี่ยนหันกายกลับมาพร้อมกับยื่นแขนทั้งสองข้างออกมารับร่างของนางเข้าสู่อ้อมกอดของตน ก่อนหน้าที่หลินชิงเวยจะตกลงสู่พื้น

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเสี้ยววินาที

หลินชิงเวยตัดสินใจเด็ดขาด ปฏิกิริยาของเซียวเยี่ยนรวดเร็วแม่นยำยิ่งยวด คนทั้งสองต่างรู้อกรู้ใจกันดี ราวกับหากเซียวเยี่ยนช้าไปสักก้าวหนึ่งคงรับตัวนางไม่ทัน หลินชิงเวยย่อมต้องตกลงมาจากหลังม้าและได้รับบาดเจ็บสาหัส อีกทั้งบนพื้นล้วนเต็มไปด้วยแมงมุมสีดำ ลำพังแค่ดูลวดลายบนร่างของมันก็รู้ว่ามีพิษร้ายแรง ต่อให้เกือกม้าทั้งสี่จะแข็งแรงพอก็ยืนหยัดได้ไม่นานและต้องล้มลง อย่างไรก็ถือเป็นการเลี้ยงแมงมุมให้อิ่มสักมื้อพร้อมกับก่อความวุ่นวาย ด้วยเหตุนี้เพื่อต้องการรักษาชีวิตของม้าตัวนั้น หลินชิงเวยจึงใช้ปิ่นปักผมแทงลงบนร่างของมัน ให้ม้ารู้สึกเจ็บปวดและวิ่งโผนไปข้างหน้าโดยไม่คิดชีวิต นางรู้ว่านางมีโอกาสเพียงชั่วเสี้ยววินาทีที่จะเข้าใกล้เซียวเยี่ยน และม้าตัวนั้นจะวิ่งผ่านหลังเซียวเยี่ยนออกไปยังสถานที่ปลอดภัย

หลินชิงเวยอยู่ในอ้อมกอดของเซียวเยี่ยน นางบีบปากผิวปากอีกครั้งหนึ่ง

เห็นเพียงงูห้าสีพากันคืบคลานเข้ามารอบด้าน กระทั่งโผล่ขึ้นมาจากในดิน ล้วนไม่หยุดที่จะเข้าร่วมผนึกกำลัง หากจะกล่าวกว่าการปรากฏตัวของแมงมุมสีดำทำให้คนรู้สึกตกตะลึงแล้ว เช่นนั้นการปรากฏตัวของฝูงงูเหล่านี้ยิ่งทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวยิ่งกว่า

ชิงหลันอยู่แนวหน้า อย่าได้ดูว่ามันมีรูปร่างไม่ใหญ่นัก แต่มันมีความเป็นผู้นำยิ่ง มีมันอยู่ฝูงงูจึงร่วมมือกัน ส่งสารถึงกัน หลินชิงเวยสื่อสารกับพวกมันผ่านชิงหลัน

ฝูงงูเลื้อยผ่านแมงมุมสีดำและเปิดทางอย่างรวดเร็ว หลินชิงเวยหันไปทางผู้เป่าขลุ่ย แล้วสั่งให้งูทั้งหมดเขมือบแมงมุมสีดำจนหมด

ราวกับนี่คือสงครามครั้งใหญ่ระหว่างสิ่งมีชีวิต สถานการณ์ย่อมต้องน่าตกตะลึงยิ่งยวด

แม้แต่ผู้เป่าขลุ่ยเห็นแล้วก็อดที่จะถอยหลังไม่ได้ เขามองหลินชิงเวยด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ ทันทีที่เขาเสียสมาธิ แมงมุมสีดำต่างพากันเสียกระบวนตามเขาไปด้วย เมื่อพวกมันพบว่าตนเองสู้ฝูงงูไม่ได้ จึงหันหลังกลับแยกย้ายกันหนี รวมไปถึงแมงมุมสีดำที่อยู่ตามต้นไม้ต่างรับรู้ได้ถึงอันตราย จึงพากันเดินลงมาจากต้นไม้หาที่หลบซ่อนตัว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด