ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง 561 ฉันมีคุณ
ตอนที่ 561
ฉันมีคุณ
เมื่อถงเหมี่ยวเหมี่ยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ภาพตรงหน้าก็ว่างเปล่า
มีเพียงผู้ชมแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังคงนั่งอยู่ในที่นั่งของตนเอง
ละครเพลงจบลงแล้ว
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวขยี้ตาและรู้สึกว่าห้องโถงค่อนข้างเย็น เพราะทันทีที่เธอตื่นขึ้นมาเธอก็รู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย
เธอเขย่าแขนของมู่อวี้เฉิง “ทำไมคุณไม่ปลุกฉันล่ะ?”
“เห็นคุณกำลังนอนหลับอยู่ ผมก็เลยไม่อยากปลุก” มู่อวี้เฉิงขยับแขนที่เหน็บชาออกจากศีรษะของถงเหมี่ยวเหมี่ยว
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่เห็นเช่นนั้นยกมือขึ้นมานวดไหล่ให้มู่อวี้เฉิง “เป็นไงบ้าง? ยังชาอยู่มั้ย?”
เธอเงยหน้ามองนาฬิกาบนผนังโรงละครและพบว่าตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มครึ่งแล้ว
พวกเขาเข้ามาที่นี่ตอนหนึ่งทุ่ม แสดงว่าเธอนอนหลับไปสามชั่วโมงกว่า
“ดีขึ้นแล้ว ไปกันเถอะ กลางคืนอากาศเย็นลง น่าจะหนาวขึ้นอีกนิดหน่อย” มู่อวี้เฉิงดึงถงเหมี่ยวเหมี่ยวขึ้นมา
คราวเมื่อนั่งอยู่ข้างในยังไม่รู้สึกอะไร แต่ทันทีที่ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเดินออกมาจากข้างนอก ลมหนาวก็พัดผ่านบานประตูที่เปิดกว้าง ทำให้ถงเหมี่ยวเหมี่ยวอดตัวสั่นไม่ได้
มู่อวี้เฉิงลูบไล้แขนของเธอและพบว่ามันเย็นเฉียบ
มู่อวี้เฉิงขมวดคิ้วก่อนจะถอดเสื้อคลุมมาสวมทับให้ ถงเหมี่ยวเหมี่ยว
เสื้อคลุมอันอบอุ่นยังคงมีกลิ่นหอมเย็นที่สดชื่นของเขาติดอยู่
หลังจากถอดเสื้อคลุมออก บนร่างของมู่อวี้เฉิงก็เหลือเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวเท่านั้น
กล้ามเนื้ออันบึกบึนภายใต้ร่มผ้าดูคลุมเครือเล็กน้อย
เขาไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าหนา ๆ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวจึงมองดูเขาอย่างเป็นกังวล “คุณใส่เถอะ ถ้าเป็นหวัดขึ้นมาจะทำยังไง? ฉันไม่ค่อยหนาวหรอก”
“ฮัดชิ้ว” ทันทีที่ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพูดจบ เธอก็หลุดจามออกมา
มู่อวี้เฉิงหัวเราะเบา ๆ แล้วรวบเสื้อคลุมพันรอบร่างกายของถงเหมี่ยวเหมี่ยวเอาไว้
“อย่าทำเป็นเก่งนักเลย ใส่ไปเถอะ”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวดูตัวจิ๋วขึ้นทันทีเมื่ออยู่ในเสื้อคลุมตัวใหญ่ยักษ์
ดูตัวเล็กมากจนสามารถถือเอาไว้ได้ในมือเดียว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้เธอกำลังสวมเสื้อคลุมของเขาอยู่ เสื้อคลุมดังกล่าวปนเปื้อนไปด้วยกลิ่นหอมของเขาตั้งแต่บนลงล่าง ซึ่งทำให้เขาพึงพอใจมากที่ได้ครอบครองเธอ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวกับมู่อวี้เฉิงเดินจับมือกันไปเรื่อย ๆ ขณะเดียวกันถงเหมี่ยวเหมี่ยวพยายามโน้มตัวเข้าหามู่อวี้เฉิงเพื่อมอบความอบอุ่นให้แก่เขา
ประเทศวายในตอนกลางคืนค่อนข้างหนาว แต่ตอนกลางวันยังร้อนอยู่มาก
“อยากกินอะไรอีกมั้ย?” มู่อวี้เฉิงเหลือบมองร้านอาหารที่อยู่ไม่ไกลออกไป
เมืองนี้ตกแต่งไฟนีออนได้สวยงามจริง ๆ
นี่เป็นครั้งแรกที่ถงเหมี่ยวเหมี่ยวมาเยือนประเทศวาย และเธอก็รู้สึกวิตกกังวลเล็กน้อย
เธอมองดูมู่อวี้เฉิงที่สวมใส่ชุดน้อยชิ้นด้วยความลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะล้มเลิกความคิดที่จะเดินเที่ยวต่อ “ช่างเถอะ กลับกันดีกว่า”
ยังเหลือเวลาอีกหลายวัน หลังจากนี้ค่อยมาใหม่ก็ได้ ไม่ต้องรีบร้อนทำตอนนี้หมดหรอก
มู่อวี้เฉิงจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าถงเหมี่ยวเหมี่ยวกำลังคิดอะไรอยู่ เขาจึงก้มหน้าลงไปสบตากับถงเหมี่ยวเหมี่ยว
แสงสว่างจ้าส่องประกายชัดเจนอยู่ในดวงตาของ ถงเหมี่ยวเหมี่ยว ทะลุทะลวงลึกเข้าไปในจิตใจของเธอโดยที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว
“กลัวผมหนาวเหรอ?”
“ใช่ คุณไม่หนาวเหรอ?” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวยอมรับอย่างง่ายดาย
มู่อวี้เฉิงค่อย ๆ เอื้อมมือออกไปจับมือของ ถงเหมี่ยวเหมี่ยว แล้วดึงเธอให้เขยิบเข้ามาใกล้ “คุณคิดว่าผมหนาวหรือเปล่าล่ะ”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วสัมผัสเขาเงียบ ๆ
มือใหญ่ที่สัมผัสเธออยู่นั้นอบอุ่นมาก และยังไม่ระแคะระคายกับความเหน็บหนาว
ร่างกายของเขาอุ่นขึ้นราวกับเตาหลอม ขจัดความเย็นบนร่างกายออกไปจนสิ้นซาก
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเชื่อแล้วว่ามู่อวี้เฉิงไม่หนาวจริง ๆ
แต่มันแปลกจริง ๆ เธอหนาวจนตัวสั่น ขณะที่มู่อวี้เฉิงไม่รู้สึกหนาวอะไรเลย อาจเป็นเพราะอุณหภูมิในร่างกายของเขาสูงมาก
เนื่องจากไม่เป็นอะไรแล้ว ถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็ออกไปเดินเที่ยวเล่นต่อได้
“ไปเดินดูของตรงนั้นกันเถอะ มันดูครึกครื้นมาก” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวดึงมู่อวี้เฉิงไปข้างหน้าด้วยความตื่นเต้น
มู่อวี้เฉิงมองดูเธอแล้วอดยิ้มไม่ได้ จากนั้นเขาก็เร่งฝีเท้าตามเธอไป
ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหลงใหล
ที่ต่างประเทศไม่ค่อยมีตลาดนัดกลางคืนเหมือนกับในประเทศจีน ส่วนใหญ่จะเป็นการจัดแสดงและมีของวางขายเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเดินเลือกของเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ที่ดูแปลกตาเพื่อนำกลับไปให้เสี่ยวเป่า ของพวกนี้เป็นของที่เธอไม่เคยเห็นในประเทศจีนมาก่อน
จนกระทั่งเดินไปสุดถนน ถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็เลือกซื้อสิ่งของไปมากมาย แขนของเธอมีของห้อยพะรุงพะรังเต็มไปหมด ตอนที่ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเลือกซื้อของเธอไม่ได้คิดอะไรมากนัก แต่หลังจากต้องหิ้วของมากมายเธอก็ไม่สามารถเดินไปเลือกซื้อของได้อีก
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวจึงมองไปทางมู่อวี้เฉิงเพื่อขอความช่วยเหลือ
“รออยู่นี่ก่อน” มู่อวี้เฉิงพูดแล้วเดินเข้าไปในร้านค้า
เธอมองผ่านบานกระจกและเห็นว่ามู่อวี้เฉิงกำลังพูดอะไรบางอย่างกับเจ้าของร้านอยู่
จากนั้นมู่อวี้เฉิงก็เดินออกมาพร้อมกับถุงในมือ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวมองดูมู่อวี้เฉิงด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็มองมู่อวี้เฉิงด้วยสายตาชื่นชม “คุณมู่ เก่งจังเลยค่ะ”
มู่อวี้เฉิงหยิบข้าวของที่อยู่ในวงแขนของถงเหมี่ยวเหมี่ยวใส่ลงไปในถุงทีละชิ้น จากนั้นเขาก็รับมันมาถือเองและเดินจูงมือถงเหมี่ยวเหมี่ยวไปข้างหน้าต่อ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวจับมือมู่อวี้เฉิงแล้วค่อย ๆ เดินไปข้างหน้า “ทำไมคุณแสนดีขนาดนี้?”
“แค่กับคุณเท่านั้นแหละ” มู่อวี้เฉิงพูดอย่างใจเย็น
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่ได้ยินเช่นนั้นรู้สึกราวกับน้ำผึ้งกำลังราดรดหัวใจของเธออยู่ มันหวานมากจนน่าเหลือเชื่อ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวกับมู่อวี้เฉิงเดินไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวมองลึกเข้าไปและพบว่ามีร้านบะหมี่อยู่ข้างหน้า ป้ายหน้าร้านเขียนว่าร้านบะหมี่หลานโจว
ตัวอักษรป้ายหน้าร้านเป็นภาษาจีน ดังนั้น ถงเหมี่ยวเหมี่ยวจึงสังเกตเห็นมันภายในพริบตาเดียว
เธอรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที
ก่อนจะดึงแขนเสื้อของมู่อวี้เฉิงแล้วพูดว่า “อวี้เฉิง ดูนั่นสิ”
มู่อวี้เฉิงเงยหน้ามอง “อยากไปดูมั้ย?”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพยักหน้าอย่างแรง “อืม”
“ก็ได้” มู่อวี้เฉิงจึงเดินไปข้างหน้าพร้อมกับเธอ
พวกเขาเดินเข้าไปในร้านบะหมี่และพบว่าข้างในไม่มีคนอยู่เลย อาจเป็นเพราะว่ามันตั้งอยู่ห่างไกลเล็กน้อย
เถ้าแก่กับเถ้าแก่เนี้ยเป็นคนจีนทั้งคู่ และถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็รู้สึกคุ้นเคยกับพวกเขา
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามา เถ้าแก่เนี้ยก็หันมามองพวกเขาด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะรีบเช็ดมือและเดินเข้ามาหา “ท่านทั้งสองมาทานบะหมี่หรือเปล่าคะ?”
“ใช่ค่ะ เอาบะหมี่สองชามค่ะ” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพยักหน้า
เถ้าแก่กับเถ้าแก่เนี้ยจึงรีบเข้าไปทำบะหมี่และเตรียมของทุกอย่างเสร็จอย่างว่องไว
ขณะที่กำลังกินบะหมี่อยู่ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็หันไปคุยกับเถ้าแก่เนี้ย
ปรากฏว่าร้านบะหมี่ของเถ้าแก่เนี้ยขายได้ไม่ดีนัก
ชาวต่างชาติไม่นิยมกินอาหารประเภทนี้กัน และคนจากประเทศเดียวกันก็น้อยมากที่จะหาร้านบะหมี่แห่งนี้เจอ
อย่างไรก็ตามเพื่อทำให้คนที่อยู่ไกลบ้านรู้สึกว่าไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว พวกเขาจึงยืนกรานที่จะเปิดร้านบะหมี่แห่งนี้ต่อไป
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวรู้สึกว่าพวกเขายอดเยี่ยมจริง ๆ
น้อยคนนักที่จะสามารถทำได้ถึงจุดนี้
เถ้าแก่เนี้ยเล่าว่าเดิมทีเธอไม่ได้มีเจตนาจะทำแบบนี้
แต่ครั้งแรกที่เธอเดินทางมาประเทศวาย เธอถูกฉ้อโกงเงินและแทบไม่มีทางเลือกอื่นเลย
กระทั่งเธอได้เจอกับสามีปัจจุบัน เธอก็มีชีวิตรอดมาได้จนถึงตอนนี้
นี่คือความฝันของสามี และเธอก็อยากจะช่วยให้ความฝันของเขากลายเป็นจริง
ดวงตาของถงเหมี่ยวเหมี่ยวเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อได้ยินเช่นนั้น
มู่อวี้เฉิงยื่นทิชชูให้เธอแล้วเผลอขมวดคิ้วโดยไม่ได้ตั้งใจ
มันเป็นแค่เรื่องราวธรรมดา ๆ จะโดนใจอะไรขนาดนั้น
หลังจากกินบะหมี่เสร็จแล้ว ถงเหมี่ยวเหมี่ยวกับมู่อวี้เฉิงก็เดินไปตามท้องถนนที่ถูกปกคลุมไปด้วยแสงไฟสลัว
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวมองดูดวงดาวบนฟากฟ้าแล้วพูดด้วยอารมณ์ที่หลากหลายว่า “ความรักของพวกเขายิ่งใหญ่มาก”
สีหน้าของมู่อวี้เฉิงดูเย็นชาขึ้นเล็กน้อยจน ถงเหมี่ยวเหมี่ยวอดหัวเราะไม่ได้ ขณะที่มู่อวี้เฉิงกำลังยืนเงียบ ๆ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็จูบแก้มเขาและโน้มตัวลงไปกระซิบว่า “แต่พอฉันมีคุณแล้ว ฉันก็ไม่อิจฉาใครอีกเลย”
Comments