ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน 439 คุณชายสามเย่รู้ความจริงของห้าปีก่อน (5)

Now you are reading ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน Chapter 439 คุณชายสามเย่รู้ความจริงของห้าปีก่อน (5) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 439 คุณชายสามเย่รู้ความจริงของห้าปีก่อน (5)

เมื่อไป๋ยี่รุ่ยปล่อยมือ เวินลั่วฉิงก็ไม่ได้หยุดเดิน รีบหันหลังออกไปทันที

เห็นเธอจากไปอย่างไม่มีเยื่อใย ใบหน้าของไป๋ยี่รุ่ยก็เผยความท้อแท้ขึ้นมาเล็กน้อย และแววตาก็มีความเจ็บปวดที่ไม่สามารถอดกลั้นไว้ได้

ในอดีต ตอนแรกเขาเข้ามาใกล้ชิดเธอเพราะมีเป้าหมายอื่นจริง แต่ต่อมาหลังจากที่ได้รู้จักกัน เขาก็ตกหลุมรักเธอเข้าจริงๆแล้ว

ตลอดหกปีมานี่ ไม่มีวินาทีไหนที่เขาจะไม่คิดถึงเธอเลย เขาคิดไปถึงขั้นที่ว่าขอเพียงเธอกลับมาอยู่ข้างกายเขา เขาก็จะปล่อยวางทุกอย่างได้ ซึ่งเหมือนกับตอนนี้ เขาสามารถทำลายบริษัทเวินซื่อกรุ้ปให้สิ้นซากได้ แต่เขาไม่ได้ทำอย่างนั้น เพียงแต่เธอไม่ให้โอกาสเขาเลย

หรือระหว่างเขาและเธอจะต้องพลาดพลั้งไปตลอดชีวิตอย่างนี้

ไม่ ไม่ได้เด็ดขาด หกปีก่อนเขาพลาดเธอไปแล้ว หกปีหลังนี้ เขาต้องตามเธอกลับมาให้จนได้

ถึงแม้จะยากเย็นแสนเข็ญ เขาก็จะไม่ละทิ้งความพยายามเด็ดขาด

ถึงแม้ตอนนี้เขาจะรู้ว่าเธอกับเย่ซือเฉินมีความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนกัน เขาก็จะไม่ยอมปล่อยมือเด็ดขาด!

“ท่านประธานครับ คุณนายไปพบไป๋ยี่รุ่ยครับ”เลขาหลิวผลักประตูห้องทำงานเดินเข้ามา เมื่อเห็นสีหน้าที่เคร่งเครียดของประธานตนก็รู้สึกตัวสั่นเล็กน้อย

เดิมทีคิดว่าในที่สุดคุณนายก็กลับมาจนได้ เขาก็จะได้ใช้ชีวิตที่เป็นสุขเสียที แต่กลับคิดไม่ถึงว่า ตอนนี้ยิ่งน่าเศร้ากว่าเดิมเสียอีก

“นายว่าอะไรนะ?”เย่ซือเฉินรีบเงยหน้ามองเลขาหลิว เห็นได้ชัดว่าสีหน้าเคร่งเครียดเพิ่มขึ้นไปอีก “นายบอกว่าเธอไปพบหน้าไป๋ยี่รุ่ยเหรอ?”

“ครับ”เลขาหลิวสบตาที่เยือกเย็นของประธานตน ตกใจจนสองขาสั่นระริก หากเป็นไปได้เขาไม่อยากจะรายงานเรื่องนี้ให้ท่านประธานทราบเลย

“ทำไมเธอถึงไปพบหน้าไป๋ยี่รุ่ย?”คิ้วของเย่ซือเฉินยกขึ้น เรื่องนี้ทำไมถึงไปเกี่ยวข้องกับไป๋ยี่รุ่ยได้ล่ะ?

เรื่องระหว่างเธอกับไป๋ยี่รุ่ยเขานั้นรู้ดี แต่ทว่าเมื่อก่อนไป๋ยี่รุ่ยมาหาเธอ เธอไม่เคยพบหน้าไป๋ยี่รุ่ยเลย ถึงแม้ครั้งก่อนได้มาขัดทางเธอที่หน้าตึกบริษัทเวินซื่อกรุ้ป เธอก็ยังคงเย็นชาใส่ไป๋ยี่รุ่ย ฉะนั้นเขาคิดว่าระหว่างเธอกับไป๋ยี่รุ่ยไม่มีอะไรกันแล้ว

ทำไมจู่ๆเธอก็เป็นฝ่ายไปหาไป๋ยี่รุ่ยล่ะ?

ไม่ใช่สิ เธอจะไปหากิ่งทองใบหยกของเธอไม่ใช่เหรอ!

หรือไป๋ยี่รุ่ยคือคนที่เหมาะสมกับเธอดั่งกิ่งทองใบหยกกัน?

เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ ดวงตาของเย่ซือเฉินก็ยิ่งเยือกเย็นขึ้นมาอีก

“ก่อนหน้านี้นายบอกว่าไป๋ยี่รุ่ยทำลายบริษัทเวินซื่อกรุ้ปจนเป็นสภาพนี้?”ดวงตาเย่ซือเฉินหรี่ขึ้น ซึ่งทั้งเย็นชาและแฝงความอันตรายจนชวนให้ขนลุกพอง

“ครับ”เลขาหลิวก้มหน้าเล็กน้อย พลางตอบเสียงเบา

“เธอไม่รู้เรื่องนี้เหรอ?”ถึงแม้เย่ซือเฉินจะถามเช่นนี้ แต่แววตากับคำถามนั้นไม่ค่อยเข้ากันสักเท่าไหร่ หรือน่าจะพูดว่าเขาหวังว่าเธอยังไม่รู้เรื่องนี้ แต่ทว่า……

“คุณนายน่าจะรู้ครับ คุณนายบอกไป๋ยี่รุ่ยว่าทำอะไรเธอก็ไม่สนใจและไม่ห้ามด้วย แต่ทำร้ายคุณปู่เวินไม่ได้”เลขาหลิวแอบถอนหายใจหนึ่งเฮือก เขารู้ดีว่านี่ไม่ใช่คำถามที่ท่านประธานอยากจะได้ แต่ทว่าความจริงก็เป็นเช่นนี้

“นายหมายถึงเธอรู้ว่าทุกอย่างเป็นฝีมือของไป๋ยี่รุ่ย หรือน่าจะพูดว่าเธอรู้มาตั้งนานแล้ว”ดวงตาที่หรี่ขึ้นของเย่ซือเฉินจู่ๆก็เกิดความเย็นชาที่อันตรายยิ่งนัก

ทันใดนั้นเขานึกถึงภาพกิริยาการตอบสนองของเธอที่มีต่อบริษัทเวินซื่อกรุ้ปบนรถ

เพราะเธอรู้แต่แรกว่าเป็นฝีมือของไป๋ยี่รุ่ย ฉะนั้นเธอจึงปล่อยให้ทุกอย่างเป็นเช่นนี้?เพราะรู้ว่าเป็นการกระทำของไป๋ยี่รุ่ย ฉะนั้นเธอจึงไม่เลือกบริษัทเวินซื่อกรุ้ป แต่จะปกป้องไป๋ยี่รุ่ยแทน?

อันที่จริงไป๋ยี่รุ่ยจู่โจมบริษัทเวินซื่อกรุ้ปก็ไม่ใช่ความลับอะไร วิกฤตครั้งก่อนของบริษัทเวินซื่อกรุ้ปก็เป็นเพราะไป๋ยี่รุ่ยเป็นผู้ก่อขึ้น

ถึงแม้เธอจะไม่รู้เรื่องด้านธุรกิจ แต่ถึงอย่างไรเธอก็เคยบริหารบริษัทเวินซื่อกรุ้ปมาก่อน ฉะนั้นเรื่องพวกนั้นเธอน่าจะรู้ดี

ฉะนั้นก่อนหน้านี้เธอก็ต้องรู้ว่าทุกอย่างเป็นฝีมือของไป๋ยี่รุ่ยมาก่อนแล้ว

ฉะนั้น เธอไม่ต้องการให้เขาช่วยเหลือ ซึ่งไม่เพียงแต่ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเขา ยังไม่อยากให้เขาเข้ามาแทรงแซงเรื่องนี้อีกด้วย เพียงเพื่อไป๋ยี่รุ่ยคนเดียวเท่านั้น

เธอช่างมีเจตนาดีเหลือเกิน!!

ไป๋ยี่รุ่ยมีอะไรดี?ควรค่าให้เธอทำอย่างนั้นไหม?

เย่ซือเฉินรู้สึกว่าทันใดนั้นกลางอกมีไฟกองหนึ่งกำลังแผดเผาราวกับจะเผาเขาให้มอดไหม้ไปเลย

แต่ทว่าเมื่อก่อนไป๋ยี่รุ่ยมาหาเธอไม่เพียงแค่หนึ่งครั้ง เธอก็หลบหน้าเสมอมา แล้วทำไมตอนนี้เธอถึงไปหาไป๋ยี่รุ่ยได้ล่ะ?

เห็นได้ชัดว่าครั้งนี้เธอเป็นฝ่ายนัดเจอไป๋ยี่รุ่ยเพราะอาการป่วยของคุณปู่เวิน น่าจะถือได้ว่าเพื่อบริษัทเวินซื่อกรุ้ป แต่ทว่าเธออยากจะช่วยกู้วิกฤตของบริษัทเวินซื่อกรุ้ปก็มาหาเขาได้นี่?

เขาสามารถช่วยเธอประคองบริษัทเวินซื่อกรุ้ปไว้ ยิ่งไปกว่านั้นเขาสามารถทำให้บริษัทเวินซื่อกรุ้ปรุ่งโรจน์กว่าเก่าได้อีก ถ้าหากเขาคิดจะทำก็ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้อยู่แล้ว

แต่เธอกลับไปหาไป๋ยี่รุ่ยแทน!

ผู้หญิงที่สมควรตายคนนี้ ช่างยั่วโมโหสิ้นดี

“ไป๋ยี่รุ่ยว่ายังไง?”เย่ซือเฉินค่อยๆนั่งตัวตรง แผ่นหลังพิงอยู่บนเก้าอี้ ดินสอที่ถือไว้ในมือถูกหักขาดกะทันหัน

เลขาหลิวสะดุ้งกลัวจนเข่าทรุดเกือบจะล้มไปนั่งคุกเข่ากันเลยทีเดียว

“ไป๋ยี่รุ่ยพูดว่า ทำไปเพื่อคุณนาย และยังบอกว่าจะไม่จู่โจมบริษัทเวินซื่อกรุ้ปอีก”เลขาหลิวแอบถอนหายใจ ต้องข่มอารมณ์กลัวพูดออกมา“ไป๋ยี่รุ่ยยังบอกกับคุณนายว่า เริ่มต้นกันใหม่ด้วยครับ”

“เหอะ เขากล้าคิดจังเลย”มุมปากของเย่ซือเฉินยกขึ้น ซึ่งเป็นรูปเรเดียนที่ไม่อ่อนโยนเสียเลย แต่กลับมีความเย็นเยือก แข็งกระด้างอย่างขวัญผวา

“เธอมีทีท่ายังไงบ้าง?”หยุดไปได้ชั่วครู่ เสียงของเย่ซือเฉินก็ดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้แอบแฝงคนตึงเครียดไว้ไม่น้อย

เธอจะตื้นตันเขาไหมนะ?เพราะยังไงเสียเขาก็เหมาะสมกับเธอดั่งกิ่งทองใบหยกอยู่แล้ว

“คุณนายไม่ได้พูดอะไรครับ นั่งไม่นานก็ออกไป”ขณะที่เลขาหลิวพูดคำนี้ เห็นได้ชัดว่าสีหน้าได้ผ่อนปรนลงไปได้ไม่น้อย

เลขาหลิวรู้สึกว่าข่าวนี้น่าจะเป็นข่าวที่ท่านประธานยินดีจะรับฟังกว่า

เย่ซือเฉินหยุดชะงัก สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ เธอเป็นฝ่ายไปหาไป๋ยี่รุ่ยเอง แต่กลับนั่งแปปเดียวก็ไปแล้ว?

เหตุการณ์อย่างนี้ถือว่าเป็นยังไงกัน?

ดวงตาของเย่ซือเฉินกะพริบปริบๆ เขานำมือถือออกมาโทร

เพียงแต่แค่เสี้ยววินาทีเขาก็ได้วางสายทิ้ง จากนั้นก็เอามือถือของเลขาหลิวโทรออกไปใหม่

เขาคิดว่าเมื่อผ่านเรื่องก่อนหน้านี้มา มีความเป็นไปได้สูงว่าเธอจะไม่รับสายของเขา

เลขาหลิวเห็นท่านประธานเอามือถือของตนโทรหาคุณนาย มุมปากก็กระตุกขำขึ้นมา

“เลขาหลิว?มีธุระอะไรเหรอคะ?”เสียงในสาย น้ำเสียงของเวินลั่วฉิงยังคงเบาและอ่อนโยนดั่งเช่นปกติ ฟังสิ่งแตกต่างได้ไม่ค่อยออก

“คุณอยู่ไหน?”ได้ฟังเธอใช้น้ำเสียงที่อ่อนโยนขนาดนี้คุยกับเลขาหลิว แต่กลับพูดปรปักษ์กับเขาเสมอ ในใจเย่ซือเฉินก็ยิ่งไม่สบายขึ้นเป็นอย่างมาก

“คุณเย่ มีธุระอะไรเหรอคะ?”อีกฝั่งหนึ่งของสาย เวินลั่วฉิงหยุดชะงัก จากนั้นก็เปลี่ยนคำเรียกขาน ซึ่งน้ำเสียงปรับเป็นสุภาพเกรงใจขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด และในน้ำเสียงเกรงใจสุภาพเจือความห่างเหินอย่างจงใจเอาไว้ด้วย

เย่ซือเฉินได้ยินเธอเรียกขานอย่างสุภาพเช่นนี้ก็เกิดความคิดอยากจะบีบคอเธอให้ตายไปเสียเลย

“คุณคิดว่าไงล่ะ?”เธอยังกล้าถามเขาว่ามีธุระอะไรอีกเหรอ?ยิ่งไปกว่านั้นยังทำตัวเหมือนอย่างกับไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีก ราวกับเรื่องเมื่อวานไม่ใช่ผลงานของเธอซะอย่างงั้น“หรือคุณคิดว่าสิ่งที่คุณทำจะผ่านไปง่ายๆอย่างนี้ใช่ไหม?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด