ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน 530 เปิดเผยตัวตนของเธอ ในที่สุดคุณชายสามเย่ก็ได้เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเธอ (8)
บทที่530 เปิดเผยตัวตนของเธอ ในที่สุดคุณชายสามเย่ก็ได้เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเธอ (8)
“ใช่สิ แล้วหยุนชิงล่ะ ทำไมหยุนชิงไม่กลับมาด้วยกัน” ท่านปู่ถังถามขึ้นทันที เจอลูกสาวของหยุนชิงแล้ว แล้วหยุนชิงล่ะ”
“ใช่ หยุนชิงล่ะ” ท่านย่าถังก็ถามซ้ำอีก
“แม่จากไปแล้ว” เวินลั่วฉิงใบหน้าจมลงเล็กน้อย น้ำเสียงเศร้า
เธอไม่อยากให้คนชราสองคนต้องเศร้าใจ แต่เรื่องที่แม่เสียชีวิตก็ไม่อาจซ่อนไว้ได้
ร่างกายของท่านย่าถังส่ายไปมาอีกครั้ง ถ้าไม่ใช่เวินลั่วฉิงกอดเธอไว้ เธอคงจะล้มลงกับพื้นแล้ว
“หยุนชิงเธอไม่อยู่แล้ว” ท่านย่าถังมือสั่นควบคุมไม่ได้ เสียงก็สั่น “ลูกสาวที่น่าสงสารของฉัน เธอไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว”
ใบหน้าของท่านปู่ถังเต็มไปด้วยความเศร้าโศก “หยุนชิงเสียชีวิตได้อย่างไร”
“แม่ป่วยจึงเสียชีวิต แม่ของฉันเสียชีวิต เมื่อตอนฉันอายุสิบห้าปี ต่อมาคุณปู่เวินก็รับฉันไปอยู่ที่ตระกูลเวิน” เวินลั่วฉิงพูดสั้นๆ
ปีนั้นแม่ป่วยหนักมาก แต่เธอมักจะรู้สึกว่าการตายของแม่เป็นเรื่องแปลก แต่ ณ ตอนนี้เวินลั่วฉิงไม่ได้พูดอะไรมาก เรื่องนี้เธอยังไม่พบหลักฐานอะไร
คนชราสองคนได้ยินข่าวการตายของลูกสาว ตกอยู่ในความเจ็บปวดชั่วขณะ ลูกสาวของพวกเขา พวกเขาตามหามาตั้งหลายปี ไม่อยากจะเชื่อว่าสุดท้ายมันจะจบลงแบบนี้
“คุณรู้เรื่องที่ผ่านมาของแม่คุณหรือไม่ คุณรู้เรื่องที่แม่ของคุณหายตัวไปจากพวกเราเมื่อตอนเด็กหรือไม่” ท่านย่าถังมองไปที่เวินลั่วฉิง น้ำเสียงสั่นมากขึ้นเล็กน้อย และในเวลานี้แววตาของท่านย่าถังรู้สึกผิดมาก และรู้สึกกลัวมาก
เวินลั่วฉิงรู้ว่าท่านย่าถังกำลังกลัวอะไร
ท่านย่าถังอยากรู้เรื่องราวของลูกสาวหลังจากหายตัวไป แต่ก็กลัวจะรู้ว่า กลัวจะได้ยินว่าลูกสาวต้องลำบากมากแค่ไหน เช่นนั้นเธอก็จะยิ่งเจ็บปวดมากขึ้น และทนไม่ได้
“รู้ค่ะ แม่เคยเล่าให้ฉันฟังว่าตอนนั้นแม่ถูกครอบครัวหนึ่งเก็บไปเลี้ยง แม้ว่าครอบครัวนั้นจะเป็นครอบครัวชาวบ้านธรรมดา ฐานะไม่ดี แต่พวกเขาดีต่อแม่มาก เพราะครอบครัวนั้นไม่มีลูก ดังนั้นจึงเลี้ยงแม่เหมือนลูกคนหนึ่ง” เวินลั่วฉิงมองท่านย่าถัง ในขณะที่เล่าเรื่องนี้ ใบหน้าแสดงถึงความโล่งอกเล็กน้อย
เธอรู้ว่าท่านย่าถังกลัวอะไร ดังนั้น เธอจึงไม่สามารถให้ท่านย่าถังรู้สิ่งที่เกิดขึ้นกับแม่ในตอนนั้นได้ เรื่องราวเหล่านั้นแม่แต่ตัวเธอเองเมื่อคิดถึงมันก็ยังรับไม่ค่อยได้ ไม่ต้องพูดถึงท่านย่าถังเลย
เธอกลัวว่าถ้าท่านย่ถังรู้เรื่องเหล่านั้นจะตกใจจนช็อกได้
ดังนั้น ณ เวลานี้เวินลั่วฉิงพูดโกหก เวินลั่วฉิงคิดว่าจะต้องบอกถังหลินด้วยว่า อย่าบอกเรื่องนี้กับคนชราสองคน
เดิมที แค่ลูกสาวหายไป พวกเขาก็เจ็บปวดมากพอแล้ว โทษตัวเอง ถ้าให้พวกเขารู้ว่าหลังจากที่ลูกสาวหายไปลูกสาวต้องลำบากมากขนาดไหน ทนทุกข์ขนาดไหน แล้วพวกเขาจะทุกข์ทรมานใจแค่ไหน
บางครั้งการโกหกก็เป็นสิ่งที่จำเป็นเช่นกัน
“จริงๆเหรอ” เมื่อได้ยินที่เวินลั่วฉิงพูดแล้ว ความกลัวในแววตาของท่านย่าถังก็จางหายไปอย่างเห็นได้ชัด “เป็นรักจากสวรรค์ ให้หยุนชิงของฉันได้เจอครอบครัวที่ดีเช่นนี้ ถ้าเป็นเช่นนี้ ฉันก็รู้สึกสบายใจขึ้นบ้าง”
“อืม โชคดีมาก โชคดีที่หยุนชิงของพวกเราได้เจอครอบครัวที่ดีเช่นนี้” ท่านปู่ถังพยักหน้าซ้ำๆ น้ำตาคลอ และรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก
“เรื่องเกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องปกติ หยุนชิงเสียชีวิตเพราะไม่สบาย พวกคุณก็อย่าเสียใจมากเลยนะ ในวันนี้ได้รู้ว่าหยุนชิงไม่ได้รับความทุกข์ความลำบากอะไรมากมาย พวกเราก็ควรจะสบายใจได้แล้ว” ถังหยุนเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกไป
“ใช่ วันนี้เจอลูกสาวของหยุนชิงแล้ว เป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก พวกเราควรจะดีใจและมีความสุข” ท่านย่าถังมองไปที่เวินลั่วฉิง ความโศกเศร้าบนใบหน้าก็ลดลง “หยุนชิงไม่ได้ลำบากอะไรมากมาย ฉันก็โล่งใจ และวันนี้ได้เจอลูกสาวของหยุนชิงฉันก็พอใจที่สุดแล้ว”
เวินลั่วฉิงแอบถอนหายใจ เธอรู้สึกว่าค่าของการโกหก คุ้มมาก
“ถึงแม้หยุนชิงของพวกเราจะไม่อยู่แล้ว พวกเราก็ต้องขอบคุณครอบครัวที่ใจดีนั้นด้วย ขอบคุณที่พวกเขาช่วยเลี้ยงดูหยุนชิงของพวกเรา ขอบคุณที่รักและเอ็นดูหยุนชิงของพวกเรา” ท่านย่าถังเป็นคนรู้บุญคุณคน บุญคุณที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้จะต้องได้รับการตอบแทน
“พวกเขาเสียชีวิตกันหมดแล้ว” เวินลั่วฉิงตกใจ กลัวว่าคนชราสองคนจะไปตามหา
“น่าเสียดายจริงๆ” ท่านย่าถังแอบถอนหายใจ
“พ่อ ฉิงฉิงกลับมาตระกูลถัง เรื่องนี้ต้องเปิดเผยต่อสาธารณะ มีคนอีกมากมายที่ไม่รู้เรื่องของหยุนชิง เกรงว่าจะมีคนเอาไปนินทา” ถังหยุนเฉิงเห็นว่าอารมณ์ของคนชราสองคนเริ่มสงบลงบ้างแล้ว หลังจากนั้นก็เริ่มปรึกษาเรื่องหลัก
“แน่นอนอยู่แล้ว เลือกเวลาจัดงานเลี้ยงให้ฉิงฉิง เปิดเผยสถานะของสาวน้อยคนนี้ต่อสาธารณะ” ท่านปู่ถังพยักหน้าซ้ำๆ
“จะต้องเลือกเวลาอีกทำไม คืนนี้เลย” ท่านย่าถังพูดขึ้นทันที “อย่าให้โอกาสตระกูลกู้สร้างข่าวลือได้”
“แม่ คืนนี้เกรงว่าจะไม่ทัน” เฟิ่งเหมียวเหมียวตะลึง เร่งด่วนเกินไปไหม
“คืนนี้เชิญเฉพาะคนที่สนิทก่อน เปิดเผยเรื่องนี้ให้รู้ แน่นอน พวกคุณสามารถเลือกเวลา เพื่อจัดงานเลี้ยงต้อนรับที่ใหญ่ให้สาวน้อยคนนี้อีกครั้ง” ความหมายของท่านย่าถังคือเปิดเผยสถานะของเวินลั่วฉิงก่อน ยิ่งเร็วยิ่งดี
“อืม ที่แม่ของคุณพูดก็มีเหตุผล เอาตามนี้แล้วกัน” ท่านปู่ถังเห็นด้วยกับข้อเสนอของภรรยา
“เช่นนั้นฉันจะรีบไปจัดการทันที” เฟิ่งเหมียวเหมียวได้ยินท่านปู่พูด จึงไม่กล้าล่าช้า แม้เวลาจะกระชั้นชิดมาก
“พ่อ แม่ คืนนี้เราจะเชิญใครบ้าง” เฟิ่งเหมียวเหมียวให้ความเคารพคนชราสองคนนี้เป็นอย่างมากมาโดยตลอด ดังนั้น เธอจึงขอความคิดเห็นของคนชราสองคนก่อน
“คนที่มีความสัมพันธ์ที่ดีที่สุดกับพ่อของคุณ เช่นตระกูลหลี่ ตระกูลเมิ่งและตระกูลเห่อ และเพื่อนๆของหยุนเฉิง” ท่านย่าถังรู้ว่าเวลากระชั้นชิดเกินไป ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเชิญคนมามากมาย
“ใช่ ควรจะเชิญคนหนุ่มสาวมาด้วย” ท่านย่าถังเพียงแค่คิดว่านี่เป็นงานเลี้ยงที่จัดให้เวินลั่วฉิง ดังนั้นควรจะเชิญคนหนุ่มสาวมาด้วยถึงจะดี
“เรื่องนี้ไม่ยาก เพื่อนๆของถังหลินล้วนเป็นเด็กหนุ่ม และแต่ละคนยังโดดเด่นด้วย โดยเฉพาะเย่ซือเฉิน……” เฟิ่งเหมียวเหมียวได้ยินที่ท่านย่าถังพูด ก็ยิ้มออกมา ขณะที่มองไปที่เวินลั่วฉิงในดวงตาเปี่ยมล้นไปด้วยรอยยิ้ม
จริงๆแล้ว เฟิ่งเหมียวเหมียวไม่รู้เรื่องระหว่างเย่ซือเฉินกับเวินลั่วฉิงเลย เธอเพียงแค่รู้สึกว่าเย่ซือเฉินดูโดดเด่นกว่าคนอื่นๆ
“ใช่ๆ ฉิงฉิงเคยแต่งงานกับลูกชายของตระกูลเย่ใช่หรือไม่ หลังจากนั้นก็หย่ากัน” ท่านย่าถังได้ยินที่เฟิ่งเหมียวเหมียวพูด ก็นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทันที
“อะไรนะ ไม่ ไม่ใช่หรอก มีเรื่องนี้ด้วยเหรอ ฉิงฉิง เป็นเรื่องจริงไหม” เฟิ่งเหมียวเหมียวตะลึง แต่งงานแล้วและหย่าแล้ว นี่มันอะไรกัน
“ใช่” เวินลั่วฉิงไม่คิดว่าท่านย่าถังจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมาอย่างกะทันหัน เธอคิดว่าพวกเขาไม่มีใครรู้เรื่องนี้ ดังนั้นจึงไม่ได้พูดถึง แต่ตอนนี้ในเมื่อท่านย่าถังถามขึ้น เธอจะต้องไม่พูดโกหกอีก
Comments