ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน 732 การลงมือปฏิบัติของคุณชายสามเย่(1)
บทที่ 732 การลงมือปฏิบัติของคุณชายสามเย่(1)
เห็นได้ชัดว่า ความหิวของเย่ซือเฉิน กับความหิวของเธอมันไม่ใช่ความหิวในอย่างเดียวกัน!!
เวินลั่วฉิงกัดฟันอย่างขมขื่น เธอรับรู้ได้ว่าเย่ซือเฉินในตอนนี้อารมณ์ปรารถนามาคุเต็มที่แล้ว และพร้อมที่จะระเบิดมันได้ทุกเมื่อ คงไม่สามารถควบคุมตัวเองได้แล้ว
แต่เธอรู้สึกเหนื่อย และหิวมากจริงๆ……
ผู้ชายคนนี้เป็นเหมือนสัตว์ป่า ถ้ายังปล่อยให้เขาทำแบบนี้ เห็นทีว่าเธอคงไม่ได้ลุกลงจากเตียงไปแน่
ยังไงเสีย ในเวลานี้ เธอต้องทำยังไงก็ได้เพื่อให้เขาหยุดการกระทำนี้ลงเสียก่อน
ฉับพลันเวินลั่วฉิงก็นึกไปถึงท่าทางของหนูน้อยถังจื่อซีเวลาที่อยากจะกินอะไรแล้วออดอ้อนเธอ
เวินลั่วฉิงหายใจเข้าลึกๆ ยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย กะพริบตาปริบ ๆ แล้วพูดอย่างออดอ้อนไปว่า:“ฉันหิวแล้วจริงๆ หิวมากด้วย ตอนนี้ไม่มีแรงเลยสักนิด หิวจะตายอยู่แล้วนะคะ ”
ขณะนั้นเอง น้ำเสียงของเธอ ที่ออดอ้อนนี้ เธอเองที่ได้ยินก็ยังรู้สึกขนลุกเกรียวไปทั้งตัว
อันที่จริง ขณะที่เวินลั่วฉิงพูดคำเหล่านี้ออกไปนั้น เธอไม่ได้คาดหวังว่า เย่ซือเฉินที่กำลังมีไฟราคะอยู่จะหยุดแรงปรารถนานี้ลงไปได้
แต่แล้ว ในวินาทีต่อมาเย่ซือเฉินก็หยุดลงทันที เขาเงยหน้าขึ้น แล้วมองเธอ ดวงตาคู่นั้นจับจ้องมาที่เธอ
“ฉันหิวแล้วจริงๆนะคะ หิวมากด้วย”เวินลั่วฉิงเห็นเขาหยุดลง ในใจมีความหวังขึ้นมาเล็กน้อย เธอมองเขา แล้วริมฝีปากก็ยกขึ้น ออดอ้อนออเซาะไม่หยุด
เวินลั่วฉิงที่อ้อนไม่เก่ง เพราะแม่ของเธอฝึกให้เธอเป็นคนที่เข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวมาตั้งแต่เล็ก แม้ตอนที่แม่ของเธอจะยังมีชีวิตอยู่ น้อยครั้งนักที่เธอจะทำตัวออดอ้อนเหมือนเด็ก
หลังจากที่แม่ของเธอเสียไป เธอกลับไปที่ตระกูลเวิน และต้องเผชิญกับอันตรายมากมายที่รออยู่ เวลาผ่านไปเธอก็ได้ให้กำเนิดลูกน้อยอีกสองคน เพราะต้องดูแลลูกน้อยทั้งสอง เธอเองก็แทบไม่เคยทำตัวออดอ้อนเหมือนเด็กอีกเลย
แต่ไม่ว่ายังไง พฤติกรรมการออดอ้อนเหล่านี้มันเป็นเรื่องธรรมชาติของผู้หญิง ในขณะที่ เธอกำลังนอนอยู่บนเตียง มีท่าทีออดอ้อนออเซาะเล็กน้อย และบวกกับการทำหน้าทำตาให้ดูน่าสงสาร ยิ่งมองก็ยิ่ง……
ดวงตาของเย่ซือเฉินมืดมัวลงอย่างเห็นได้ชัด เธอยั่วยวนเกินไปแล้วในตอนนี้ เขาอยากจะกลืนกินเธอลงท้องไปเสีย แต่ไม่ว่ายังไง การที่เธอพยายามทำตัวให้น่าสงสาร ก็ไม่สามารถดับไฟปรารถนาในตัวเขาลงไปได้
“ที่รักค่ะ ฉันหิวแล้ว คุณทำอาหารให้ฉันกินหน่อย ได้ไหมคะ?”เวินลั่วฉิงเมื่อเห็นว่าเขายังไม่ตกปากรับคำ เธอกะพริบตาปริบๆ แล้วก็เอ่ยพูดมันอีกครั้ง คราวนี้ น้ำเสียงของเธอนุ่มนวลขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อฟังเสียงของตัวเองในตอนนี้ เวินลั่วฉิงเองก็รู้สึกขนลุกไปทั้งร่าง
เมื่อได้ยินหญิงสาวเอ่ยเรียกคำว่าที่รัก ร่างกายของเย่ซือเฉินก็ดูแข็งทื่อขึ้นมาทันที ตอนที่พวกเขายังไม่ได้หย่ากันนั้น เธอก็เคยเรียกชายหนุ่มว่าที่รักอยู่บ้าง แต่ในตอนนั้น เธอเรียกมันแบบขอไปทีเท่านั้น
แต่น้ำเสียงในตอนนี้ ช่างไพเราะนัก จนเขาแทบจะควบคุมตัวเองเอาไว้ไม่ได้……
แต่ เวินลั่วฉิงในตอนนี้ก็ช่างยั่วยวนใจยิ่งนัก เป็นอะไรที่ชายคนไหนก็ยากที่จะต้านทานอารมณ์ได้
และ ตัวเธอเองก็ไม่รู้ตัวเหมือนกัน
อาการยั่วยวนเหล่านี้ล้วนกระตุ้นทุกประสาทสัมผัสของคุณชายสามเย่อย่างรุนแรง
“คุณนี่มันปีศาจน้อย”คุณชายสามเย่กัดฟันแน่น จากนั้นก็ก้มศีรษะลงอีกครั้ง แล้วจูบไปที่ริมฝีปากของเธออย่างดุเดือด
ร่างกายของเวินลั่วฉิงนิ่งแข็งค้างไปอย่างเห็นได้ชัด
ที่เธอออดอ้อนไปทั้งหมดมันไม่ได้ผล ? ยังไงก็ไม่รอดพ้นจากเงื้อมมือของปีศาจ ?
ฮือออออออ
ทำไมเธอถึงได้โง่อย่างนี้ ? ทำไมต้องคิดแผนนี้ขึ้นเพื่อให้ตัวเองต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบอีกจนได้ ?
เธอรู้อยู่แล้ว ว่าคุณชายสามเย่นั้นเป็นเหมือนสัตว์ป่า ! !
แล้วตอนนี้เอายังไง กำลังจะถูกชายหนุ่ม‘ปู้ยี่ปู้ยำ’อีกครั้งจนได้ ! !
การต่อต้านไม่ประสบความสำเร็จ ลูกอ้อนที่งัดมาใช้ก็ไม่ได้ผล และตอนนี้เธอเองก็ไม่มีแรงแม้แต่จะขัดขืน เธอทำได้เพียงยอมรับกับผลกรรมที่จะเกิดขึ้นก็เท่านั้น ?
เวินลั่วฉิงหลับตาลง แล้วกัดฟันแน่น เลิกหวังกับทุกหนทางที่มี
แต่แล้ว ในตอนนี้เอง เย่ซือเฉินก็คลายมือจากการควบคุมเธอ แล้วก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
เวินลั่วฉิงที่คิดว่าเธอคงไม่สามารถรอดพ้นจากเงื้อมมือของปีศาจไปได้รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เธอลืมตาขึ้น แล้วมองไปที่ชายหนุ่ม ด้วยใบหน้าที่งุนงงสงสัยเล็กน้อย
เฮ้ย ? เขาลุกขึ้นไปแล้ว ?
“เวินลั่วฉิง คุณอย่ามองผมด้วยสายตาแบบนั้น เพราะผมอาจจะควบคุมตัวเองไม่ได้……” ชายหนุ่มจ้องมองไปยังสายตาที่ยั่วยวนของเวินลั่วฉิง คุณชายสามเย่กัดฟันกร่อน ผู้หญิงคนนี้ ที่กำลังอ้อนวอนขอร้องเขา แล้วก็ยังจะยั่วยวนเขาอีก ทำให้เขาสุดจะทานทนจริงๆ
ทำไมเขาถึงต้องเจอกับผู้หญิงแบบนี้กัน
เวินลั่วฉิงงุนงง ยิ่งสับสนเข้าไปใหญ่ สายตาที่เธอมองเขามันมีปัญหาอย่างนั้นเหรอ? เวินลั่วฉิงคิดถึงคำถามนี้ ดวงตาเธอกะพริบปริบๆไม่รู้ตัว และมุมปากของเธอก็ยกขึ้นอีกครั้ง
ดวงตาของคุณชายสามเย่หรี่ลงอย่างเห็นได้ชัด เขาหายใจเข้าออก เข้าออก และเข้าออกอีกครั้ง พยายามข่มอารมณ์บางอย่างในร่างกาย แต่เขาพบว่า ขณะที่เขาสบเข้ากับดวงตาที่ยั่วยวนของหญิงสาว และมองเธอในขณะนี้ ไม่ว่าเขาจะพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองยังไงก็ดูจะไร้ผลสิ้นดี
เย่ซือเฉินหยิบชุดนอนขึ้น แล้วโยนมันไป ปิดคลุมเข้าที่ใบหน้าของเวินลั่วฉิง เพื่อต้องการที่จะปิดดวงตาอันยั่วยวนที่อาจจะทำให้ตัวเขาเองควบคุมอารมณ์ไม่อยู่
ริมฝีปากของเวินลั่วฉิงกระตุก และอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา คุณชายสามเย่ทำใจปล่อยเธอได้จริงๆงั้นเหรอ ?
“หลังครึ่งชั่วโมงแล้วค่อยลงไปกินข้าว” เย่ซือเฉินได้ยินเธอหัวเราะเบาๆ โมโหจนกัดฟันกร่อน เขารู้สึกได้ว่า หญิงสาวคนนี้มาเพื่อจงใจยั่วโมโหเขา ต้องมีสักวัน ที่เขาคงถูกเธอปั่นหัวจนเป็นบ้าแน่ๆ
เย่ซือเฉินหยิบชุดนอนมาใส่ แล้วเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อได้ยินเสียงเขาเดินออกไปแล้ว เวินลั่วฉิงก็ดึงผ้าที่คลุมศีรษะของเธอออก เผยให้เห็นดวงตาคู่หนึ่ง ดวงตาเธอที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
คุณชายสามเย่บอกว่าหลังจากครึ่งชั่วโมงแล้วให้ลงไปกินข้าว ?
พูดแบบนี้แสดงว่าคุณชายสามเย่จะทำอาหารเอง !
เวลาครึ่งชั่วโมง ก็ถือว่าเร็วใช้ได้เลยเชียว ดูเหมือนว่าคุณชายสามเย่จะมั่นใจอยู่พอตัว คงมีทักษะการทำอาหารที่ดี ดูท่าแล้วเธอคงยังพอมีลาภปากอยู่บ้าง ?
เวินลั่วฉิงคิดได้แบบนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าก็ชัดเจนยิ่งขึ้นไปอีก มีผู้ชายสักคนที่ยอมทำอาหารให้เธอ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่พอจะทำให้เธอมีความสุขอยู่ไม่น้อย
อืม มันทำให้รู้สึกมีความสุขจริงๆ! !
จู่ๆเวินลั่วฉิงก็รู้สึกผ่อนคลายหายเหนื่อย และมีกำลังกายขึ้นมา เธอรีบลุกขึ้นจากเตียง แล้วใส่เสื้อผ้า เดินเข้าไปในห้องน้ำล้างทำความสะอาดร่างกาย
เดิมทีห้องนี้เคยเป็นห้องของเธอมาก่อน ตอนที่เธอจากไป มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เธอไม่ได้เอามันไปด้วย และเย่ซือเฉินเองก็ไม่ได้จับต้องอะไรกับของในห้องนี้เลย ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม
เวินลั่วฉิงแต่งตัวเรียบร้อย แล้วก็กะเวลาที่ก็เกือบจะครึ่งชั่วโมงได้แล้ว
สันนิษฐานว่าอาหารของคุณชายสามเย่คงจะเตรียมเสร็จแล้ว ริมฝีปากของเวินลั่วฉิงยกขึ้น จากนั้นเธอก็เปิดประตู แล้วเดินลงไปยังชั้นล่าง
ไม่รู้ว่าคุณชายสามเย่จะทำอะไรให้เธอกิน จะว่าไปแล้ว เธอก็ตั้งตาคอยที่จะได้กินอาหารมื้อนี้อยู่เหมือนกัน
เวินลั่วฉิงเดินลงไปชั้นล่าง แต่กลับไม่เห็นเย่ซือเฉิน ได้ยินเพียงเสียงที่ดังเล็ดลอดออกมาจากในห้องครัว เวินลั่วฉิงก็เดินตรงไปที่ห้องครัวทันที
จังหวะที่เปิดประตูห้องครัวนั้น เวินลั่วฉิงถึงกับผงะ และตกใจกับภาพที่เห็นตรงหน้าจนนิ่งค้างไป……
ให้ตายเถอะใครบอกเธอได้บ้างว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น ?
ห้องครัวมีสภาพที่ยุ่งเหยิงไปหมด บริเวณพื้นมีน้ำเจิ่งนอง และเคาน์เตอร์บริเวณครัวก็มีคราบดำเต็มไปหมด
ที่เตาไฟยังคงเปิดไฟทิ้งไว้ และห้องก็อบอวลไปด้วยควันไฟเต็มไปทั่วทั้งบริเวณ
ข้างๆคุณชายสามเย่มีจานและบนจานนั้นมีก้อนดำๆวางอยู่ นอกจากก้อนดำๆนั้นแล้ว เวินลั่วฉิงก็มองอะไรไม่ออก มองไม่ออกด้วยซ้ำว่ามันทำมาจากวัตถุดิบอะไร
Comments