ทะลุมิติทั้งครอบครัว 324 ไม่กลัวอะไร แค่มองดู
หากเป็นวันธรรมดา เวลาที่พวกท่านย่าหม่ากลับมา มักจะไม่เจอคนในหมู่บ้าน
ในฤดูหนาวต่างคนต่างขลุกอยู่แต่ในบ้าน ถ้าไม่มีเรื่องอะไรก็ไม่มีใครมาอยู่ริมฝั่งแม่น้ำให้ร่างกายหนาวสั่น
ดังนั้น เรื่องที่พวกนางมีรถลากเกวียนสองคันนั้น ชาวบ้านส่วนใหญ่ในหมู่บ้านจึงไม่ค่อยมีใครรู้
แน่นอนว่า ลายครอบครัวที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำที่ออกมาเทน้ำบ้างในบางครั้ง คงมีคนเห็นบ้าง อย่างเช่น ซ้อสี่ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับซ่งฝูกุ้ยก็เคยเห็นมาแล้ว
แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร จึงไม่ได้แพร่งพรายข่าวออกไปข้างนอก
และยังมีพวกป้าอ้วน พวกนางค่อนข้างมีเวลาว่างออกมาเดินเล่น นางก็เคยเห็นแล้วเช่นกัน แต่ที่น่าแปลกใจก็คือนางก็ไม่ได้เอาข่าวนี้ไปบอกคนอื่น อาจเป็นเพราะป้าของนางกำชับไว้
เมื่อพวกท่านย่าหม่าปรากฏตัวขึ้น พวกป้าๆ หลายครอบครัวในหมู่บ้านต่างก็พาเด็กๆ เข้ามาทักทาย
พวกเราก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร รู้สึกได้ว่าความสัมพันธ์ดูเป็นกันเองมากขึ้น คงมองว่าเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกันแล้ว
หรือเป็นเพราะหมู่บ้านเหรินจยาเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่?
หัวหน้าเริ่นกับซ่งฝูเซิงมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน?
ซ่งฝูเซิงเริ่มแสดงความสามารถออกมา ทำให้คนในหมู่บ้านยอมรับเขาว่าเป็นคนเก่งเหมือนกัน? หรือมีความสัมพันธ์อันดีกับฝั่งตรงข้ามแม่น้ำ?
อย่างไรก็แล้วแต่ พวกนางก็เรียกพวกลูกชายมาช่วยกันเข็นรถ
เพราะตอนขึ้นสะพานมีเนินสูง
“โอ้ นี่ไปทำมาเมื่อไหร่ล่ะ ต้องใช้เงินซื้อวัวเท่าไหร่?”
“ไม่ได้ซื้อ ยืมเอา”
เจ้าคิดว่าพวกข้าจะเชื่อหรือไม่
พูดโกหกไปเพื่ออะไรกัน ใครจะสนใจว่าพวกเจ้ายืมเงินไปทำอะไร?
ท่านย่าหม่า “พวกเจ้าจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามใจ ข้าขอยืมมาจริงๆ ช่วงนี้พูดความจริงลำบากมาก”
โดยเฉพาะคนส่วนใหญ่ที่ยังไม่รู้ว่าพวกท่านย่าหม่าออกจากบ้านไปทุกวัน ต่างก็เข้ามาสอบถาม “พวกเจ้าเข้าไปในตัวอำเภอมาหรือ? ไปซื้ออะไรถึงเพิ่งจะกลับมา และยังต้องไปวันนี้เหรอ ในหมู่บ้านวันนี้ครึกครื้นน่าดูเลยนะ”
ท่านย่าหม่าตอบแบบผ่านๆ “อ๊าห์ ใช่แล้ว เพิ่งกลับมา นี่ทำอะไรกัน ทำไมมารวมตัวกันอยู่ตรงนี้”
ยังได้ยินเสียงเด็กๆ หัวเราะกันเสียงดังมาจากทางแม่น้ำ
“จับปลานะสิ ข้าจะเล่าให้เจ้าฟัง ข้าไม่เคยเห็นใต้เท้าคนไหนดีเช่นนี้มาก่อน พวกเขามาเพื่อจับหมาป่าที่หมู่บ้านของ เราช่างดีจริงๆ และยังพาพวกชาวบ้านช่วยกันจับปลา เด็กๆ ในหมู่บ้านกับเด็กๆ บ้านของพวกเจ้าก็ตามออกมาเล่นกัน”
เมื่อขึ้นมาบนสะพาน ท่านย่าหม่าก็มองเห็นคนพวกนั้นที่อยู่บริเวณริมแม่น้ำอย่างชัดเจน
รู้สึกได้ว่าบรรยากาศช่างคึกคักนัก
ลากแหขึ้นมาจากแม่น้ำ
ทั้งสองฝั่งของสะพานแบ่งออกเป็นหลายกลุ่มคน
นี่กำลังพาชาวบ้านในหมู่บ้านทั้งหมดมาจับปลา
และยังมีพวกเด็กๆ ที่ออกมาเล่นกันอย่างสนุกสนาน
คอยดูเถอะ ตอนเย็นจะต้องฉี่ราดรดที่นอนแน่
ตอนเย็นเล่น “นกอินทรีจับลูกไก่” เป็นวิธีการเล่นบนน้ำแข็งที่หลานสาวคนเล็กสอน หากมีเด็กคนหนึ่งจะล้มลง ก็จะดึงเสื้อของอีกคนให้ล้มตาม
ส่วนนั่นเป็นอ่างน้ำแข็งให้พวกด็กๆ ไถลเล่นกัน เด็กที่นั่งอยู่ข้างในจะถูกสะบัดออกไป
แล้วคนนั้นที่ปัดแข้งขาล้มตามไปนั่นใครกัน?
ภรรยาของซ่งฝูกุ้ยหรี่ตามอง “ข้าเห็นเป็นทหารที่มาช่วย ดูจากการแต่งกายแล้ว ไม่น่าใช่คนในหมู่บ้าน”
ลูกสะใภ้คนโตของเกาถูฮู่ “ทำไมดูซุ่มซ่ามขนาดนี้ นี่เขาเป็นทหารนะ เดินบนน้ำแข็งยังลื่นล้มได้อีก”
ท่านยายเถียนพูด “เจ้าดูให้ทีสิ เขาสวมใส่รองเท้าสเก็ตของฝูเซิงอยู่ใช่ไหม?”
ถ้าเช่นนั้นก็ใช่แล้ว แน่นอนว่าเขาไถลสู้ฝูเซิงไม่ได้ ซุ่มซ่ามขนาดนี้
ไม่มีใครตามฝูเซิงได้ทัน
ถึงมีตำแหน่งใหญ่โต ก็ตามไม่ทัน
นับเป็นเรื่องที่น่าตื้นตันใจมาก
สำหรับพวกทหารแล้ว คงไม่ค่อยมีความอดทนเท่าไร
ไม่เชื่อว่าครั้งต่อไป ถ้าบอกกับพวกนางก่อน จะต้องยินดีต้อนรับมากกว่าครั้งนี้แน่
เมื่อนางเดินข้ามสะพานไปก็พบว่า นอกจากมาช่วยชาวบ้านจับปลากันตอนเย็นแล้ว พวกเขายังกวาดหิมะออกจากถนนยาวไปจนถึงบ้านของพวกนางด้วย
ถนนกว้างขวางขึ้นทันที
แม้แต่วัวก็ยอมเดิน
ท่านย่าหม่าหันไปมองพวกชายหนุ่มที่กำลังจับปลา
นางคิดในใจ อืม ต้องขอโทษจริงๆ เค้กขายไปหมดแล้ว มิฉะนั้นก็คงเอาไปให้ไปกิน
ตอนนี้นางก็รู้สึกว่าคนพวกนั้นค่อนข้างมีอนาคตไกล
“หยุดนะ ทำท่าลับๆ ล่อๆ คิดว่าข้าไม่เห็นหรือไง?”
ท่านย่าหม่าตะโกนออกคำสั่ง ทำให้เด็กสาวหลายคนที่อายุสิบสี่สิบห้าปีต้องชะงัก
พวกนางคิดในใจ แย่แล้ว ท่านย่าหม่าเป็นคนดูแลพวกท่านยายทั้งหลาย ถ้านางพูด อะไรออกไป พวกนางคงจะโดนตีแน่
เถาฮวาจับขอบเสื้อ นางรวบรวมความกล้าเอ่ยขึ้น “ท่านยาย ท่านย่า พวกท่านกลับมาแล้วสินะ”
ท่านยายเถียนยังไม่รู้เหตุการณ์ นางขยับตัวมองไปอีกทางพร้อมถามหลานสาวเถาฮวา “กำลังดูอะไรนะ”
ท่านย่าหม่าถลึงตาใส่ท่านยายเถียน
เจ้าคิดว่ามองอะไรอยู่หรือ ก็มองชายหนุ่มพวกนั้นน่ะสิ
ท่านย่าหม่าก็ถลึงตาใส่ต้ายา เอ้อร์ยา ท่านย่าหม่าเองก็อยากถลึงตาใส่กับทุกคน เพราะนางมีความสามารถนี้
“มีอะไรน่ามองกัน ห๊ะ ต่างก็มีสองตากับหนึ่งจมูกเหมือนกัน ข้าว่าพวกเจ้าคงจะว่างมากไปแล้ว ถ้าเช่นนั้นวันพรุ่งนี้ข้าจะรับงานมามากหน่อย จะได้หารายได้เพิ่มขึ้น”
ลูกสะใภ้คนเล็กของท่านยายหวังทำสีหน้าดุใส่หลานสาว นางค่อนข้างเข้าใจพวกนาง แต่นางเป็นป้า จึงจำเป็นต้องดุ
“พวกเจ้าทำงานบ้านกันเสร็จแล้วหรือ? ถึงได้ออกมา มีเวลาว่างช่วงนี้ก็น่าจะทำกล่องกระดาษห่อเค้ก เจ้ายังหารายได้ได้อีกหลายเหวิน ไว้ซื้อดอกไม้มาประดับตัว ไม่ดีหรอกหรือ”
เด็กสาวหลายคนถูกด่า แต่ละคนเกือบจะร้องไห้ออกมาแล้ว
แท้จริงแล้วอยู่ห่างไกลกันขนาดนี้ พวกนางอยู่ตรงเนิน ส่วนทหารพวกนั้นอยู่บนพื้นน้ำแข็ง มืดขนาดนี้ เพ่งมองอย่างไรก็เห็นไม่ชัดอยู่ดี
แต่เพราะความอยากรู้อยากเห็น
เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของพวกทหาร ก็รู้ว่ามีคนหน้าตาหล่อเหลามาที่บ้าน ด้านนอกก็ครื้นเครงกันมาก ใครจะไปดูก็ได้แต่ต้องไม่ใช่พวกนาง
อาจเป็นเพราะเก็บกดกันมานานจนควบคุมอารมณ์ไว้ไม่อยู่
เมื่อมีคนหนึ่งเสนอ ทุกคนเลยกล้าที่จะออกมา
ตั้งแต่มาถึงที่นี่ อย่าว่าแต่ออกไปนอกหมู่บ้านเลย แม้ภายในหมู่บ้านก็ไม่เคยออกมาเดินเล่น
มีเด็กสาวส่วนหนึ่งพูดอึกๆ อักๆ บอกความคิดตนออกมา
ท่านย่าหม่า “ออกมาสูดบรรยากาศ? ดูท่าตอนอพยพลี้ภัยจะใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกไม่พอสินะถึงต้องให้พวกเจ้าออกไปเตร่อยู่ข้างนอกทุกวัน กลับเข้าบ้านไปทุกคนเดี๋ยวนี้”
ท่านยายเถียนเพิ่งจะรู้ว่าพวกเด็กสาวกำลังมองอะไรกัน นางบ่นพึมพำ
“ถ้าจะออกมาก็ออกมาเลย คนในหมู่บ้านไม่ค่อยเคร่งครัดเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ แต่ถ้าทำท่าทางลับๆ ล่อๆ เกิดมีคนเห็นขึ้นมาก็จะยิ่งดูไม่ดี อับอายขายหน้าได้”
หลังจากไล่เด็กสาวสิบกว่าคนไปแล้ว
ท่านย่าหม่าก็นำรถลากเกวียนไปจอดไว้ นางหอบเข่งเปล่าเดินไปทางห้องอบขนม เดินไปก็พูดชื่นชมไป “พวกเจ้าดูสิ พั่งยาไม่อยู่ เจ้าบอกว่าข้าลำเอียง พั่งยาก็?”
“ทำอะไร”
“โอ้ย ท่านย่า ท่านทำข้าตกใจ” ซ่งฝูหลิงยกมือทาบหัวใจ
ท่านย่าหม่าคิดในใจ เจ้าก็ทำข้าตกใจไม่น้อย…
…ตอนเย็นเจ้าทำท่าทางลับๆ ล่อๆ แอบหยิบมีดของคนอื่นมาเพื่ออะไรกัน?…
…และยังชะโงกดูรถของพวกเขา กำลังสืบอะไร?…
…เจ้านี่ไม่เหมือนกับพวกพี่สาวพวกนั้นเลย อย่างน้อยพวกนางก็ยังดูเป็นหญิงสาวปกติ…
…แต่เจ้านี่สิ ไม่ไปดูเด็กหนุ่มพวกนั้น แต่กลับมานั่งหลบเพื่อคลำมีดดาบของพวกเขา…
Comments