ทะลุมิติทั้งครอบครัว 94

Now you are reading ทะลุมิติทั้งครอบครัว Chapter 94 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เฉียนเพ่ยอิงนั่งร้องไห้ลงกับพื้น  

 

 

“พื้นที่พิเศษอะไรกันเนี่ย ไม่ให้ใช้โทรศัพท์ยังพอเข้าใจ…  

 

 

…แต่ตู้เย็นยังเสียบปลั๊กไฟอยู่เลย ทำไมไม่สามารถแช่เย็นสิ่งของอื่นได้อีก…  

 

 

…ข้าก็ไม่ได้เบี้ยวจ่ายค่าน้ำค่าไฟ ทำไมถึงยอมไม่ให้น้ำประปาไหลออกมา…  

 

 

…สวรรค์ช่างไม่เป็นธรรม ให้พื้นที่พิเศษมา แต่ก็เถรตรงและขี้เหนียวมาก ถ้าจะงกกันขนาดนี้ก็อย่าให้มาเลยจะดีกว่า”  

 

 

ซ่งฝูเซิงถึงกับตกใจ ปฏิกิริยาแรกของเขารีบมองท้องฟ้า ก่อนที่จะเอามือปิดปากเฉียนเพ่ยอิง “ซวี ภรรยา เจ้าใจเย็นหน่อย อย่าด่าอีกเลย เดี๋ยวด่ามากไป พื้นที่พิเศษอาจจะหายไปนะ เครื่องดื่มของพวกเราก็จะพลอยหายไปด้วย”  

 

 

เฉียนเพ่ยอิงสูดลมหายใจ นางปัดมืออันสกปรกที่ทั้งวันยังไม่ได้ล้างของซ่งฝูเซิงออก   

 

 

ซ่งฝูเซิงคิดว่าภรรยาของเขาคงจะสงบสติอารมณ์ได้แล้ว ไม่คาดคิดว่าเพียงแค่หนึ่งนาทีต่อมา เฉียนเพ่ยอิงจะร้องไห้เศร้าโศกเสียใจอีกครั้ง   

 

 

“เหล่าซ่ง ข้าไม่น่าเช็ดเครื่องทำน้ำร้อนนั่นเลย ข้าเกลียดตัวเอง ทั้งหมดเป็นความผิดของข้าแท้ๆ”  

 

 

“เหล่าซ่ง นอกจากเรื่องเช็ดเครื่องทำน้ำร้อนแล้ว ตอนแรกในห้องน้ำของลูกสาว นางเปิดก๊อกน้ำทิ้งไว้เพื่อใช้น้ำซักผ้า แต่ข้าเข้าไปในนั้นแล้วใช้มือปิดก๊อกน้ำ เปลี่ยนมาใช้อ่างรองน้ำให้นางแทน พร้อมกับต่อว่านางที่ใช้น้ำสิ้นเปลือง”  

 

 

ซ่งฝูเซิงโอบกอดเฉียนเพ่ยอิงและเช็ดน้ำตาให้นาง เขาได้ฟังแล้วก็ “…”  

 

 

ถึงตอนนี้แล้ว ถ้าเขาจะบอกว่ามือของภรรยานั้นช่างน่าตีนักก็คงไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว เมื่อก่อนตอนล้างชาม นางชอบบ่นว่าพวกเขาใช้น้ำสิ้นเปลือง ให้ประหยัดมากกว่านี้หน่อย ประหยัดทุกวัน จนกระทั่งทะลุมิติมายุคโบราณ ตอนนี้แม้แต่เงินที่มีก็ยังใช้จ่ายไม่หมด  

 

 

เฮ้อ ต่อว่ากันไปมาจะมีประโยชน์อะไร? มันเป็นชะตาชีวิตสินะ  

 

 

อีกอย่างเขาก็ไม่อยากจะตำหนิภรรยา นางมีประจำเดือน อากาศร้อนเยี่ยงนี้นางยังต้องมาลำบากอีก  

 

 

ประจำเดือนมาแล้ว?  

 

 

ซ่งฝูเซิงนิ่งงัน เขาเพิ่งนึกได้  

 

 

ตอนอยู่ในยุคปัจจุบัน ภรรยาเคยมีประจำเดือนปกติ หลังจากนั้นถึงหมดประจำเดือน ก็ใกล้เข้าสู่ยุควัยทองยิ่งทำให้เขาตกใจ  

 

 

นางบอกให้เขาสร้างเรื่องกวนใจให้น้อยลง ถ้านางไม่พอใจมากๆ นางอาจจะโมโหจนข่วนเขาก็ได้  

 

 

แต่เมื่อมายังยุคโบราณ นางก็กลับมาอ่อนวัยอีกครั้ง โอ้แม่ข้า เขาต้องกลับมาเจออารมณ์เหวี่ยงของนางก่อนมีประจำเดือนและหลังหมดประจำเดือน ละการเข้าสู่ยุควัยทองอีกครั้งแล้วหรือนี่?  

 

 

ไม่ใช่สิ ข้าจะครุ่นคิดเรื่องที่อยู่ตรงหน้านี้ทำไมกัน นี่มันไม่ใช่เรื่องสำคัญตอนนี้  

 

 

ปัญหาสำคัญในตอนนี้คือการขาดแคลนน้ำ ถ้าหนทางข้างหน้าไม่มีน้ำ เขาจะต้องนำน้ำออกมาอย่างไร เพื่อที่จะแบ่งปันน้ำคนละครึ่งถุงน้ำให้กับทุกคนเพื่อต่อชีวิต  

 

 

ถ้าเอาน้ำออกมาข้างนอก ประเด็นสำคัญคือแม่ของเขาที่เป็นคนตระหนี่ถี่เหนียว ทุกวันนี้ก็คอยเฝ้าน้ำเฝ้าอาหารจนตาแทบจะถลนออกมาแล้ว  

 

 

“ภรรยา เจ้าร้องไห้ไปก็ไม่มีประโยชน์ เจ้าต้องอดทนไว้ เจ้ารีบช่วยข้าคิดก่อนดีกว่าหากพวกเรานำน้ำออกมาได้ ข้าควรจะพูดว่าอย่างไร?”  

 

 

ในเวลานี้ เกาเถี่ยโถ่วก็ตะโกนเรียก “อาสามใช่ไหม?”  

 

 

…  

 

 

ท้องฟ้าเริ่มสว่าง มีเสียงจากคนในครอบครัวเกาพูดออกมา “ซ่งฝูเซิงครุ่นคิดทั้งคืนเพื่อทุกคนจนไม่ได้หลับนอน”  

 

 

ซ่งหลี่เจิ้งได้ฟังก็ส่งสัญญาณท่าทางกับทุกคนที่กำลังนึ่งอาหารแห้ง ให้ลดเสียงเบาลงหน่อย อย่าได้รบกวนการนอนของซ่งฝูเซิง  

 

 

หนิวจั่งกุ้ยได้ฟังก็กระซิบที่ข้างหูของซื่อจ้วง “ไม่รู้ว่าคนพวกนี้มีค่าเพียงพอที่นายท่านจะช่วยเหลือหรือไม่” เมื่อพูดคำนี้ออกมา เขาก็แสดงอารมณ์เป็นห่วง  

 

 

ซ่งฝูหลิงตื่นขึ้นมาก่อนพ่อแม่ของนาง นางปวดท้องฉี่และรู้สึกประหลาดใจที่พ่อแม่ของนางยังคงนอนหลับสนิท  

 

 

นางคาดเดาว่าทั้งคู่คงจะเหน็ดเหนื่อย จึงไม่ได้เรียกแม่ของนางลุกขึ้นมาให้ไปเป็นเพื่อนเข้าห้องน้ำ นางห่มผ้าห่มให้เฉียนเพ่ยอิงแล้วเขยิบเข้ามาใกล้ท่านย่าหม่า นางกระซิบ “ท่านย่า ท่านไปเป็นเพื่อนข้าเข้าห้องน้ำหน่อยสิ”  

 

 

คำพูดในใจของท่านย่าหม่า เป็นโรคอะไร นั่งปลดทุกข์ก็ต้องมีคนไปเป็นเพื่อนด้วย ไม่เห็นรึว่าข้ากำลังสุมไฟอยู่  

 

 

“ป้าของเจ้าตื่นแล้ว ให้ป้าของเจ้าพาไป?”  

 

 

“ไม่เอา ข้าจะให้ท่านไปเป็นเพื่อน”  

 

 

ในความคิดของซ่งฝูหลิง นอกจากท่านพ่อท่านแม่และหมี่โซ่วแล้ว คนที่สนิทสนมที่สุดก็คือท่านย่าหม่า เถาฮวาก็เทียบไม่ได้กับท่านย่าหม่า คนอื่นก็ไม่สนิทสนมเท่าไหร่และนางรู้สึกเกรงใจคนที่ไม่สนิทด้วย  

 

 

ไม่รู้ว่าคิดเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีก็เป็นแบบนี้ไปเสียแล้ว  

 

 

ท่านย่าหม่าวางฟางในมือลงและบ่นออกมา “เหมือนศัตรูคู่แค้น” ที่ถูกหลานสาวคนเล็กดึงให้ไปนั่งเป็นเพื่อน  

 

 

หลานสาวคนเล็กก็เรื่องมากแถมยังไม่ให้นางมองด้วย  

 

 

ตอนที่ย่ากับหลานเดินกลับมา มือเล็กของซ่งฝูหลิงถูกคนยัดไข่เค็มให้ เขาเห็นแก่หน้าพ่อของนางหรอกนะถึงได้ให้นางไว้ ถือเป็นการขอบคุณซ่งฝูเซิงที่คอยเหน็ดเหนื่อยกับทุกคนจนไม่ได้นอนหลับ  

 

 

เป็นที่รู้กันดีว่า ไข่ถือเป็นสิ่งของที่มีค่ามาก แพงตรงที่มันเป็นไข่และยังมีรสเค็มเพราะเกลือที่เป็นส่วนสำคัญ  

 

 

ท่านย่าหม่าเดินไปก็กระซิบกระซาบกับซ่งฝูหลิงไปด้วย “เมื่อก่อนข้ารู้จักยายหวังคนนั้น เชอะ ก็งั้นๆ แหละ บ้านนางเวลาไปซื้อไข่ก็จะเลือกไปหมู่บ้านยากจนถนนหนทางไม่ดี หลอกคนพวกนั้นว่าในเมืองกดราคาต่ำมากโดยที่ตนเองคิดไม่ถึง เจ้าดูสิ นางช่างหาโอกาสเอาเปรียบคน ตอนนี้ยังนำออกมาให้ได้”  

 

 

“ท่านย่า ตอนนี้ยังจะพูดถึงเรื่องเก่าทำไมกัน เขาอุตส่าห์แอบเอาของดีมาให้พวกเราสองคน ท่านก็อย่าพูดให้ร้ายคนอื่นลับหลังเลย ไข่นี่ข้านยกให้ท่านนำกลับไปหั่นแบ่งละกัน พวกเรามีเด็กหลายคน จะได้แบ่งกันกิน”  

 

 

ไข่เค็มฟองเดียวแบ่งให้เด็กหลายคนกิน?  

 

 

ท่านย่าหม่าคิดในใจ หลานชายคนโต หลานชายคนรอง ซ่งจินเป่า แล้วยังมีพั่งยา แบ่งเป็นสี่ส่วน?  

 

 

นางคิดไปคิดมาก็ต้องส่ายหัว “ถือดีๆ เจ้าเก็บไว้กินเองเถอะ อย่างน้อยพวกเขาก็ยังไม่รู้เรื่องนี้ ทำเป็นเหมือนว่าไม่มีมันก็แล้วกัน แต่อย่าให้จินเป่าเห็นเชียว เจ้าเด็กนั่นเหมือนหมาป่า เวลาไม่ให้ของก็ชอบเต้นเร่าๆ”  

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด