ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวยบทที่ 1001 ต้องเตรียมใจ

Now you are reading ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย Chapter บทที่ 1001 ต้องเตรียมใจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 1001 ต้องเตรียมใจ

บทที่ 1001 ต้องเตรียมใจ

“กฎของต้าชิงกำหนดว่า ถ้าใครทำร้ายบัณฑิต โดยเฉพาะบัณฑิตที่มีชื่อเสียง ผู้นั้นจะต้องถูกจำคุก” สวีเฉิงเจ๋อมองกู้เสี่ยวหวานด้วยความกระวนกระวายใจ ลอบกลืนน้ำลายแล้วเอ่ยออกมา

หัวใจของเขาเต้นแรง ทุกคนจ้องเขาตาเขม็ง

“ถ้าเช่นนั้นบอกข้าก่อนว่าหนิงผิงไปทำร้ายกู้จือเหวินได้อย่างไร?” กู้เสี่ยวหวานถามอย่างกังวลใจ

กู้หนิงผิงผู้นี้จะสามารถไปทำร้ายผู้อื่นได้อย่างไร แม้ว่าเขาจะหุนหันพลันแล่น แต่เขาก็ไม่ใช่คนประเภทที่ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังเช่นนั้น

“เสี่ยวหวาน วันนี้ข้าไปที่เมืองรุ่ยเสียนและไหว้วานให้คนไปดูผลสอบของหนิงอัน พบว่าคะแนนของเขาและจือเหวินถูกสับเปลี่ยน”

“ท่านพูดว่าอย่างไรนะ?” เมื่อได้ยินเช่นนี้ กู้เสี่ยวหวานไม่ตอบสนอง จนกระทั่งสวีเฉิงเจ๋อพูดอีกครั้ง กู้เสี่ยวหวานรู้สึกว่าเลือดภายในร่างกายพุ่งพล่าน “ท่านหมายความว่า จริง ๆ แล้วกู้หนิงอันอยู่ในรายชื่อที่สอบได้หรือ?”

“ใช่ ผลคะแนนทั้งหมดของหนิงอันอยู่ในระดับดีเยี่ยม” หลังจากสวีเฉิงเจ๋อพูดจบ กู้เสี่ยวหวานดูเหมือนว่าจะเสียสติไปแล้ว “หนิงอัน เจ้ารอที่นี่ ข้าจะไปหากู้จือเหวิน”

กู้หนิงอันรั้งกู้เสี่ยวหวานไว้ และปฏิเสธที่จะปล่อยนางไป “ท่านพี่ ท่านไม่ต้องไป”

เรื่องราวเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน และกู้เสี่ยวหวานไม่คาดคิดว่าจะมีเหตุผลเช่นนี้

ไม่น่าแปลกใจที่ตระกูลสวีกล่าวว่าหนิงอันจะสอบผ่านในครั้งนี้อย่างแน่นอน แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ผ่านการสอบคัดเลือก แท้จริงแล้วเป็นแผนการของกู้ฉวนลู่กับพรรคพวก

“เสี่ยวหวาน ตอนนี้เราไม่มีหลักฐาน หากไปหากู้จือเหวินตอนนี้ เขาจะต้องไม่ยอมรับแน่นอน” สวีเฉิงเจ๋อรั้งกู้เสี่ยวหวานไว้ข้างหลังและไม่ยอมปล่อยนางไป

ในช่วงเวลาจนมุม รถม้าคันหนึ่งวิ่งมาแล้วหยุดที่ประตูศาลาว่าการ ไม่นานจากนั้นมีชายคนหนึ่งก้าวเท้าลงมาจากรถม้าและคนผู้นั้นคือ กู้ฉวนลู่

เขาก้าวลงจากรถม้าด้วยใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความโกรธ ครั้นเห็นกู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ อยู่หน้าประตูจึงคำรามเสียงดัง “กู้เสี่ยวหวาน อย่าตำหนิข้าว่าเป็นลุงที่ไม่มีความเห็นอกเห็นใจ ครั้งนี้กู้หนิงผิงทำร้ายลูกชายของข้า เหวินเอ๋อร์ยังอยู่ในอาการสาหัสและยังไม่ฟื้นขึ้นมา ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเขา ข้าจะฝังกู้หนิงผิงไปพร้อมกับเขา”

เมื่อเห็นท่าทางมาดร้ายของกู้ฉวนลู่ เกรงว่าครั้งนี้กู้จือเหวินจะได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอน

กู้เสี่ยวหวานกังวลเกี่ยวกับหนิงผิง และพูดออกมาโดยไม่คิด “ท่านกล้าที่จะโกงเพื่อแลกกับคะแนนของหนิงอัน ข้าจะฟ้องท่านว่าติดสินบนผู้ตรวจสอบและสับเปลี่ยนคะแนน”

“หึ เจ้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่” ดวงตาของกู้ฉวนลู่หลุบลงต่ำครู่หนึ่ง แต่ก็กลับมามีความมั่นใจอีกครั้งทันที และตอบโต้อย่างไร้มารยาท ก่อนจะเดินเข้าไปในศาลาว่าการด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลนทันที

สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ของกู้เสี่ยวหวานคือการช่วยเหลือหนิงผิง นางไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเขามากเกินไป และการไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวของนางทำให้กู้ฉวนลู่มีโอกาสที่จะทำลายหลักฐานและทำให้กู้จือเหวินขโมยคะแนนสอบกู้หนิงอันอย่างตรวจสอบไม่ได้

กู้เสี่ยวหวานก็ตามเข้ามาด้วย แต่เจ้าหน้าที่ที่หน้าประตูกลับไม่ยอมให้พวกเขาเข้าไป กู้เสี่ยวหวานจึงชะเง้อคออย่างกระวนกระวาย

“ข้าได้ยินเสียงถ้วยชาแตกและเสียงคำรามจากข้างใน กู้หนิงผิงทำร้ายและใส่ร้ายลูกชายของข้าด้วยคำพูด เขาคิดว่าการสอบเป็นบัณฑิตนั้นง่ายมากนักหรือ? เขาเรียนหนังสือแค่สองหรือสามปีเพื่อต้องการสอบซิ่วไฉ ทั้งยังคงใส่ร้ายเหวินเอ๋อร์ของข้า สวีเซียนหลิน นี่คือศิษย์ดีเด่นที่ท่านให้ความสำคัญมากที่สุด แต่ใส่ร้ายคนอื่นเมื่อตนสอบตก เขาทำเช่นนี้ได้อย่างไร”

หลังจากที่กู้ฉวนลู่พูด ลวี่เทาพยักหน้าเห็นด้วยอย่างรวดเร็ว “เกิดอะไรขึ้น อาจารย์สวี ท่านเองก็เป็นจวี่เหรินรุ่นเก่าเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าท่านไม่รู้ว่าในการสอบถงชื่อมักจะมีคนที่ทุจริตในการ สอบ”

ลวี่เทาเองก็เป็นบัณฑิตเช่นกัน แม้ว่าจะเคยได้ยินเรื่องต่าง ๆ เช่น การโกงข้อสอบในห้องสอบ หรือการสมรู้ร่วมคิดระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้สมัคร แต่จริง ๆ แล้วเป็นเรื่องยากที่จะเปลี่ยนกระดาษทดสอบและผลสอบของผู้สมัครรายนี้ให้กับผู้สมัครรายอื่น

แม้ว่าเรื่องแบบนี้จะเคยเกิดขึ้นมาก่อนก็ตาม แต่มันเกิดขึ้นกับผู้สมัครที่มีชื่อเสียงและมีอำนาจในการทำกิจการ ต้องอาศัยเส้นสายและความสนิทสนมกับเจ้าหน้าที่

ถ้าหากเป็นคนจากตระกูลที่มีฐานะและชื่อเสียง พวกเขาจะเปิดโอกาสให้คนอื่นจับได้ได้อย่างไร

ดังนั้นแม้เขาจะเคยได้ยินเรื่องเหตุการณ์เช่นนี้ แต่ก็ไม่เคยเห็นผู้ใดกล้าแจ้งเรื่องกับทางการจริง ๆ

เมื่อสวีเซียนหลินเข้ามา เขาไม่ได้พูดเรื่องเอกสารทดสอบของกู้จือเหวินและกู้หนิงอันยุ่งยากนั้น

แค่ขอร้องเรื่องกู้หนิงผิง

หากมีการกล่าวว่ากู้หนิงผิงทำร้ายผู้อื่น ลวี่เทาก็จะปิดตาข้างหนึ่งเพื่อเห็นแก่หน้าสวีเซียนหลิน และขอให้ปล่อยกู้หนิงผิงไป

อย่างไรก็ตาม คนที่กู้หนิงผิงทำร้ายนั้นไม่ใช่คนธรรมดา

ตัวตนของอีกฝ่ายค่อนข้างหน้ากลัว

นั่นคือบัณฑิต ราชสำนักได้ออกกฎหมายพิเศษเพื่อปกป้องบัณฑิตที่มีชื่อเสียงเหล่านี้

หากมีการทำร้ายบัณฑิตอย่างตามอำเภอใจ แม้ว่าจะหนักหรือเบา ศีรษะอาจจะหลุดออกจากบ่าได้

เป็นเพราะสวีเซียนหลินรู้ถึงความสัมพันธ์เช่นนี้ เขาจึงมาที่นี่และพูดแต่เรื่องดี ๆ

กู้จือเหวินและกู้ซินเถาเป็นลูกของกู้ฉวนลู่ กู้ซินเถากับเจียงหย่วนนั้นเข้ากันได้ดี มีข่าวลือว่าในไม่ช้ากู้ซินเถาจะแต่งงานกับเจียงหย่วน

แม้ว่านางอาจจะเป็นได้เพียงนางบำเรอ แต่เมื่อนางแต่งกับตระกูลเจียงแล้ว สถานะของนางก็จะสูงส่งขึ้นมาก

ลวี่เทาไม่ต้องการรุกรานตระกูลเจียง และเขาก็ไม่ต้องการรุกรานกู้ฉวนลู่เช่นกัน

เมื่อได้ยินกู้ฉวนลู่กล่าวโทษกู้หนิงผิงอย่างโกรธแค้นว่าทำร้ายลูกชายของเขา และทำให้ลูกชายของเขาหมดสติไป ลวี่เทาก็โต้กลับไปแล้ว “เขาทำร้ายกู้จือเหวิน ไม่รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว ท่านก็รู้ว่ามีกฎในต้าชิงที่ว่าหากทำร้ายบัณฑิตจนตาย จะต้องชดใช้ด้วยชีวิตสถานเดียว”

คำพูดของลวี่เทา สวีเซียนหลินจะไม่รู้โต้เถียงอย่างไร

เขามองไปที่ลวี่เทา ซึ่งเขารู้ว่าการขอร้องคนผู้นี้นั้นไร้ประโยชน์ เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องของกู้หนิงผิงเลย

เขาทำแค่มองกู้ฉวนลู่ผู้ซึ่งมองด้วยความละโมบ และพูดอย่างอ้อนวอน “คุณชายกู้ หนิงผิงเป็นหลานชายของเจ้า แม้ว่าเขาจะหุนหันพลันแล่นและบ้าบิ่นไปหน่อย แต่ความผิดของเขาคงไม่ถึงขั้นที่สมควรตาย เขาเป็นลูกชายของน้องชายเจ้าที่เสียชีวิตไปแล้ว หวังว่าเจ้าจะอภัยให้เขา”

แต่กู้จือเหวินคือแก้วตาดวงใจของเขา เขาจะยอมเรื่องนี้ได้อย่างไร

————————————-

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด